"แต่โบราณลาภยศเหมือนเมฆลอย เพียงหมื่นร้อยประโยชน์สร้างนามสืบสาน สันโดษเดินเพลินขับกล่อมท่องสายธาร สู่เทือกเขาสูงตระหง่านวางอัตตา" (ดัดแปลงจาก ฯพณฯ จาง จิ่ว หวน,เอกอัครราชทูตสาธารณะประชาชนจีน ประจำประเทศไทย)
Group Blog
ก่อน และเกริ่นนำ
เก่ง
กล้า
แกร่ง
กูดี(Goo_d)
ก.ไก่ เป็นอักษรแรกภาษาไทย
กลยุทธ์
การ...
กลัว.....
ไก่ได้พลอย
ปีไก่กรายไป...ปีจอจรมา
กายกรรมและกีฬา
กรรม...กรรมของปีกุน...กรรมสังคม
กุ๊กกิ๊ก...กิจกรรม-tag
กำลังใจ
เกิด.....ดับ
กอ......ขอ(ไข่)
กินข้าว...กินปลา..ครับ
ปรัชญา
กลับใจ
ตุลาคม 2548
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
6 ตุลาคม 2548
หลักการบริหารจัดการ ใกลัสมดุล
All Blogs
สงครามระหว่างวัยเกิดขึ้นแล้วหรือ?
การเมือง๓องค์ประกอบ
การเมืองขนมชั้น
การเมือง "ทะเบียนสมรส"และกฏหมาย
ความเป็นมาของบ้านเมืองในอดีต มาจากการเมืองข้างบน
การเมือง..."แม่ยกพันธมิตรฯ"...จิตวิเคราะห์ของFreud
การเมือง...แกนนโยบายจัดปันผลประโยชน์ปวงชน
การอ่านคนอ่านตน จากแนวโน้มการตัดสินใจ...
หลักการบริหารจัดการ ใกลัสมดุล
หลักการบริหารจัดการ ใกลัสมดุล
อะไรๆในภาษาไทยก็ใช้คำว่า "การ...."
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
การบริหารคือการตัดสินใจ.....เชิงนโยบาย
การจัดการคือการนำนโยบายไปปฏิบัติให้สำเร็จ....ตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่มุ่งหวังไว้...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จากกระทู้คุณacm(B3787627)...งานขาย.......งานบริหารจัดการ........งานบัญชีภาษี..........ฯลฯ
เพื่อนๆ ชาวสีลมคิดว่างานอะไรคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจประสบกับความสำเร็จ และทำไมถึงคิดว่าเป็นงานนี้
ความคิดเห็นที่ 1
หัวใจของความสำเร็จทางธุรกิจควรมองเป็นระบบองค์รวมครับ
ที่มีระบบหลัก ระบบย่อย มีองค์ประกอบ มีเหตุปัจจัย ทั้งภายใน
และสิ่งแวดล้อมภายนอกที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลว
ผู้ประกอบการที่ประสพความสำเร็จในธุรกิจ
มีคุณสมบัติที่ดีมากมาย เช่นความมุ่งมั่นมุมานะไม่ยอมแพ้
และที่เป็นเลิศอยู่อย่างหนึ่ง คือ ความสามารถบริหารการตัดสินใจ ทางธุรกิจ
ต่อองค์กรของเขา
ให้แล่นไปในทะเลการแข่งขันทางธุรกิจได้ตลอดรอดฝั่ง
ทั้งในยามคลื่นลมสงบและยามพายุแรงกล้า โดยไม่ล่มไป
ด้วยการใช้ข้อมูลข่าวสารและความรู้แบบผสมผสานเพื่อการตัดสินใจ
เครื่องมือช่วยในการตัดสินใจเชิงเทคโนโลยี
และเชิงบุคคล(ที่ปรึกษา)ได้อย่าง ใกล้สมดุลที่สุด
การเงิน การบัญชี การบุคคล การตลาด การขาย
เงื่อนไขช่วงเวลา ขอบเขตของงาน กระบวนการงาน ฯลฯ สิ่งแวดล้อมทางสถานะการณ์ธุรกิจ
ล้วนเป็นข้อมูลข่าวสารและเป็นเทคโนโลยีเพื่อการตัดสินใจทางการบริหารจัดการในตัวเองครับ
การบริหารคือการตัดสินใจ
จากคุณ : ขามเรียง - [ 6 ต.ค. 48 16:15:20 ]
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็นที่ 5
คุณWalker กล่าวไว้ถูกต้องอีกครึ่งหนึ่งครับ
ความสำเร็จในงานธุรกิจใดๆย่อมประกอบด้วย ระบบและคน ที่ปฏิสัมพันธ์กันแบบใกล้สมดุล
สงสัยผมกำลังจะนำเสนอหลัก การบริหารจัดการแบบใกล้สมดุล ขึ้นมาแล้วกระมัง?
โลกและสุริยจักรวาล มีระบบการเคลื่อนตัวดำรงอยู่แบบใกล้สมดุลนะครับ
แกว่งไปแกว่งมาเล็กน้อยทุกปี นี่โลกกำลังแกว่งตัวหันขั้วโลกเหนือไปจากดวงอาทิตย์เล็กน้อย
นิดเดียวเองในฤดูหนาว อุณหภูมิเย็นลงทางซีกโลกเหนือ หนาวตายเลยสำหรับคนแก่ที่ยากจน
แต่สำหรับหนุ่มสาวคงชอบ จะได้แต่งตัวสวยงามอวดกัน
การบริหารจัดการ แปลว่าการแบ่งเฉลี่ยหรือการหารโดยรอบด้าน
ในปัจจัยองค์ประกอบทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง เป็นการตัดสินใจแล้วลงมือจัดการที่แยบคายนะครับ
คือโยนิโสมนสิการ ผลลัพธ์ออกมาใกล้สมดุลมาก งานธุรกิจจึงไปได้ต่อไป
ฝรั่ง2คนชื่อมิสเตอร์KAPLAN-Norton ผู้เชี่ยวชาญวิชาชีพบัญชี
แต่งตำราเทคนิคการบริหารจัดการชื่อ Balanced Scorecard
นี่ก็เป็นการบริหารจัดการสมดุลปัจจัยสำคัญในองค์การเช่นกัน ตำราเล่มนี้แปลเป็นภาษาไทยขายแล้ว
การบริหารจัดการประเทศ ต้องใช้หลักนิติยุติธรรมด้วย
ตราของกระทรวงยุติธรรมจึงเป็นตาชั่ง(balance) ไม่อย่างนั้นประชาชนคงไม่ยอมยุติคดีลงแน่
ที่๓จังหวัดภาคใต้มันเป็นการบริหารราชการที่ไม่ใกล้สมดุลนั่นเอง เมื่อไม่สมดุลจึงไม่เกิดสันติ
เราซื้อของกินของใช้กัน จึงต้องมีตาชั่งที่เที่ยงตรงใกล้สมดุลเป็นข้อตกลงในการจ่ายเงิน
คนสมัยก่อนไม่เห็นต้องเรียนมาก(แบบคุณว่าที่ดีอาร์)ก็เป็นเจ้าของธุรกิจได้
อาศัยการบริหารการตัดสินใจข้อมูลที่ใกล้สมดุลนี่เอง ง่ายมาก
ใช้คนทำงานหนักแบบใกล้สมดุล เหลือกำไรให้เถ้าแก่นิดหน่อย(มากๆ...อิอิ)
ขายของให้ลูกค้าแบบใกล้สมดุล เหลือกำไรให้เถ้าแก่นิดหน่อย(มากๆ...อิอิ)
เสียภาษีให้รัฐแบบใกล้สมดุล เหลือทุนไว้นิดหน่อย(มากๆ...อิอิ)
คิดทำอะไรๆให้ใกล้สมดุลแล้วดีเองหรือท่านอื่นว่าอย่างไรครับ
คุณวิบูลย์,อาจารย์ติ๊ก,ท่านอื่นๆอย่าเชียร์อย่างเดียวเข้ามาเสนอความคิดอีกครับ
แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 48 23:44:34
จากคุณ : ขามเรียง - [ 6 ต.ค. 48 23:16:45 ]
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็นที่ 8
คุณACMแสดงความคิดได้ถูกต้อง คงศึกษาวิถีพุทธและปฏิบัติมามากนะครับ
ทางสายกลาง-มัชฌิมาปฏิปทา คือลักษณะใกล้สมดุล ไม่ตึงเกินไม่หย่อนเกิน
คนที่มีบุคลิกภาพใกล้สมดุล สังเกตได้เมื่อมีโอกาสสมาคมด้วย
คือสุขุมรอบคอบ หนักแน่น มั่นคง มีสติปัญญาแบบซ่อนลึก ใฝ่เรียนรู้ เป็นผู้ฟังที่ดี
มีความเข้าใจพฤติกรรมสังคมกลุ่มรอบตัว ไม่ทำตัวเอาชนะคะคาน
เข้าใจจังหวะเวลาสถานะการณ์ รู้จักยืดหยุ่น
เป็นคนที่มักมีความสามารถในการตัดสินใจได้ใกล้สมดุล
และนำองค์การไปได้ดีในระยะยาว
ผมสังเกตจากเพื่อนหลายคน และจากตำราตะวันตก ตรงกันครับ
ในเชิงพุทธลักษณะ สมาธินำมาซึ่งภูมิปัญญา(Wisdom)
ภูมิปัญญานำมาซึ่งสมาธิ(Concentration) แบบใดแบบหนึ่ง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
การบริหารจัดการต้องการความเป็นศูนย์กลางที่ใกล้สมดุล
ส่วนวิชาชีพเฉพาะที่จำเป็นใดๆในเชิงธุรกิจมักมีลักษณะเข้มหรือลึก
เป็นจำเพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของวงรอบนอกเท่านั้น
จากคุณ : ขามเรียง - [ 8 ต.ค. 48 03:34:46 ]
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็นที่ 9
หากมองเป็นระบบเปิดแล้ว การทำธุรกิจไม่อาจหลีกเลี่ยงเหตุปัจจัยปัญหาจากแรงกระทำภายนอกได้เลย
ทำให้เกิดภาวะเสียสมดุลได้เสมอ...ธรรมชาติอยู่เหนือการควบคุมครับ
จากคุณ : ขามเรียง - [ 8 ต.ค. 48 04:03:37 ]
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็นที่ 10
ครับ อาจารย์ ช่วยขยายความสำหรับข้อความที่ว่า
การบริหารจัดการต้องการความเป็นศูนย์กลางที่ใกล้สมดุล
ส่วนวิชาชีพเฉพาะที่จำเป็นใดๆในเชิงธุรกิจมักมีลักษณะเข้มหรือลึกเป็นจำเพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของวงรอบนอกเท่านั้น
อีกซักหน่อยได้ใหมครับ ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำดี
จากคุณ : ACM (
tj_kitisin@hotmail.com
target=_blank>
tj_kitisin@hotmail.com
) - [ 9 ต.ค. 48 02:10:50 A:203.113.33.10 X:203.151.140.115 TicketID:105331 ]
ความคิดเห็นที่ 11
คุณACM,มองไม่ยากครับ ตรงนี้
ผมขอยกตัวอย่าง จากองค์การใดก็ได้ที่นอกเหนือทางธุรกิจ ในแง่ของการแบ่งงานตามหน้าที่ หน่วยขาย หน่วยบัญชี หน่วยอื่นๆ
งานตามหน้าที่หรือหน่วยงานที่กล่าวมักมีความรับผิดชอบจำเพาะภายในหน่วยเป็นหลัก มีความเป็นวิชาชีพเฉพาะ แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิชาชีพมากมายที่ประกอบรวมขึ้นเป็นองค์การ ต่างวิชาชีพต่างรับผิดชอบในภาระหน้าที่ของหน่วยให้มีประสิทธิภาพและฯลฯให้ดีที่สุด มีบางส่วนที่ต้องเชื่อมโยงรับผิดชอบทำหน้าที่ร่วมกับหน่วยงานอื่น ในฐานะที่เป็นทีมผลิตภัณฑ์เดียวกัน
ผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ประสานงานตรงกลางหรือเป็นศูนย์กลาง(ใกล้) ต้องเข้าใจงานทุกหน่วยในองค์การและควรมีประสบการณ์มีความสามารถในตำแหน่งนี้ ซึ่งเราเรียกว่างาน(ผู้)บริหารจัดการนั่นเอง
แน่นอนครับภายในหน่วยงานเดียวกัน หากมีงานแยกออกไป เช่นงานขายมีหลายสิบผลิตภัณฑ์ ยังต้องมีผู้รับผิดชอบเป็นศูนย์กลางคอยดูแลผลิตภัณฑ์หลายสิบอย่างให้เป็นไปด้วยดีตามเป้าหมายการขายรวมที่วางไว้ ผู้รับผิดชอบเป็นศูนย์กลางต้องหันมาทำหน้าที่บริหารจัดการโดยภาพรวมให้ได้ และจะมาจากหน่วยวิชาชีพเฉพาะใดๆก็ได้
หากมีคุณสมบัติใกล้สมดุลทางความรู้ความสามารถ ทักษะประสบการณ์เป็นที่ยอมรับของหน่วยงานรอบด้าน(แสดงสถานะที่อยู่วงนอกศูนย์กลางไปโดยปริยาย)
มิใช่ไปเอียงอยู่ข้างพนักงานสาวสวยหุ่นดี(หนุ่มหล่อ)ของผลิตภัณฑ์หนึ่งทั้งปีแล้วทิ้งพนักงานผลิตภัณฑ์ด้านอื่นไป ยกตัวอย่างแบบนี้คงอ่านสนุกขึ้นนะครับ
คำอธิบายข้างต้นมีลักษณะเป็นวงกลม๒มิติหรือทรงกลม๓มิติ ประกอบด้วยส่วนนอกและส่วนตรงกลาง
แท้จริงแล้วมองแบบ ดวงอาทิตย์กับดาวบริวารที่โคจรอยู่โดยรอบ มีพลวัตเคลื่อนไหว จะเหมาะกว่าครับ
หากอยากให้อธิบายส่วนใดที่ยังไม่เข้าใจ ผมก็สนุกที่จะได้รับคำถามครับ
แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 48 12:12:33
จากคุณ : ขามเรียง - [ 9 ต.ค. 48 12:06:50 ]
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็นที่ 12
หากจะอธิบายให้ลึกโดยสามารถใช้ศาสตร์หลักมาอธิบาย
ศาสตร์หลักที่ว่านี้นี้ ผมหมายถึง
๑.มนุษย์ศาสตร์
๒.สังคมศาสตร์และ
๓.วิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
งานบริหารจัดการต้องการจิตวิญญาณ สติปัญญาความรักความรู้ความเข้าใจ และ
การมีศิลปะในการนำศาสตร์ทั้ง๓ไปใช้อย่างมาก
ตามขนาดและความยากความซับซ้อนของปัญหาขององค์การใดๆ
ส่วนงานวิชาชีพเฉพาะ เช่นงานขาย งานการตลาด งานบัญชี งานการเงิน
มักเป็นงานวิชาชีพปฏิบัติเชี่ยวชาญจำเพาะส่วน
จึงใช้ศาสตร์หลักศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่งเป็นหลักเกือบทั้งหมด ศาสตร์อื่นที่ใช้ประกอบก็เพียงเล็กน้อย
นอกจากคนที่ทำงานวิชาชีพเฉพาะจะมีคุณลักษณะพิเศษ
มีความเก่งมีความสามารถในการใช้ศิลปะการนำศาสตร์อื่นมาใช้ร่วมด้วยอย่างดีและกลมกลืนใกล้สมดุล
ทุกอย่างรักและเรียนรู้สู่การฝึกฝนนำไปปฏิบัติได้
จากคุณ : ขามเรียง - [ 9 ต.ค. 48 12:34:38 ]
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็นที่ 13
ครับ ดังนั้นผู้บริหารจึงควรมีพื้นความรู้ในด้านต่างๆ แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ให้ลึก เพื่อช่วยในการทำงานให้สะดวกขึ้นใช่ไหมครับ แล้วอาจารย์ครับช่วยยกตัวอย่างถึงศาสตร์หลัก ทั้ง3ข้อ ให้เห็นภาพสักหน่อยได้ไหมครับ
เช่น มนุษย์ศาสตร์ คืออะไร เป็นยังไง ใช้อย่างไร
ประมาณนี้นะครับ
จากคุณ : ACM (
tj_kitisin@hotmail.com
) - [ 10 ต.ค. 48 03:08:12 A:203.113.33.11 X:203.151.140.116 TicketID:105331 ]
ความคิดเห็นที่ 14
ครับผมมอง มนุษย์ศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ด้วยสมมุติฐานต่างออกไปจากเดิม
คือการรวมตัวอย่างครบถ้วนของศาสตร์ทั้ง๓นี้ให้แสงสว่างทางปัญญาแก่มนุษย์
ดังนั้นเมื่อลองทบทวนดูทฤษฏีของแสง
เมื่อนำแท่งแก้วปริซึมมากั้น แสงจะกระจายตัวให้สีรุ้ง ประกอบด้วย
แสงสีเหลือง แสงสีน้ำเงินและแสงสีแดงเป็นแม่สีพื้นฐาน/สีปฐมภูมิ(primary colors)
ส่วนสีเขียว สีม่วงและสีส้มเป็นสีทุติยภูมิ(secondary colors)
หากมนุษย์ศาสตร์ แทนด้วยสีน้ำเงิน
สังคมศาสตร์ แทนด้วยสีแดง
วิทยาศาสตร์ แทนด้วยสีเหลือง
ศาสตร์อื่นใดนั้นล้วนเป็นการได้รับส่วนผสมสีทั้ง๓ในอัตราส่วนที่เข้มจางต่างกันไปอย่างเป็นสหสัมพันธ์
มิได้เป็นศาสตร์ที่แยกกันอยู่โดดเดี่ยวแบบจับเรียงลำดับ สีใดใครดีกว่าใคร
วิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี ไม่ได้เป็นสีที่วิเศษวิโสกว่าศาสตร์หรือสีอื่น
แล้วก็เห่อให้ความสำคัญจนโลกมืดหม่นหมองขาดสมดุลอย่างทุกวันนี้
พอมองเห็นอะไรบางอย่างในความหมายระหว่างบันทัดที่ผมเขียนบ้างไหมครับ?
มนุษย์ศาสตร์ เนื้อหาควรเป็นวิชาว่าด้วยการทำความเข้าใจ
วิถีชีวิตและการพัฒนาตัวตนเองทางสมอง กายและจิตวิทยา-ศาสนา
การสามารถคิด ทำ พูด ฟัง เข้าใจ ภาษาและอักษรศาสตร์ คณิตศาสตร์ ทัศนศิลป์ ดนตรี ทำนองนี้ ฯลฯ
ขอยกยอดไปว่าด้วยสังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ในวันต่อไปนะครับ คุณACMช่วยผมต่อความคิดบ้างก็ได้แล้วกระมังครับ.....สารภาพว่าง่วงเสียแล้ว
จากคุณ : ขามเรียง - [ 11 ต.ค. 48 01:39:20 ]
ความคิดเห็นที่ 15
ครับ แม่สีมีเพียงสาม แต่เมื่อนำมาผสมกันมันก็ได้สีเป็นสิบ เป็นร้อย เป็นพันสี ที่แตกต่างกัน ถ้าจะเปรียบกับการรบผมว่ามันก็คือคำที่ว่า "ไม่หน่ายเล่ห์กล"
การบริหารก็เหมือนการผสมสีดีๆนี่เอง จริงไหมครับ
ที่ผมยังสนุกกับการผสมสีอยู่ก็เพราะมันยังมีความท้าทายและผมยังไม่ได้สีที่ถูกใจ วันไหนผมได้สีที่ถูกใจแล้วผมก็คงหยุดผสมสี แล้วไปอยู่เงียบๆซักที โลกทุกวันนี้เป็นอะไรที่น่าเบื่อ ว่าไหมครับอาจารย์
ผมยังรอคำตอบส่วนที่เหลืออยู่นะครับ.... ^_^
จากคุณ : ACM - [ 13 ต.ค. 48 00:06:25 A:203.113.33.6 X:203.151.140.114 TicketID:105331 ]
ความคิดเห็นที่ 16
"การบริหารก็เหมือนการผสมสีดีๆนี่เอง"
คำกล่าวนี้ถูกใจผมมากครับคุณACM การบริหารเป็นงานศิลปะ
การผสมสีก็เป็นงานศิลปะเช่นเดียวกัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กลับมาคุยกันเรื่องที่เหลือ: วิชาองค์ความรู้ด้านสังคมศาสตร์
คือการเรียนรู้ทำความเข้าใจวิถีชีวิตที่มนุษย์เริ่มความเป็นมาของการรู้จักรวมตัวกันเป็นสังคมชุมชนอย่างไร
เป็นประเทศอย่างไร เป็นองค์การอย่างไรเมื่อไร ทำไมและต่อไปในอนาคตควรจะเป็นอย่างไร
สังคมวิทยา รัฐศาสตร์
รัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การฑูต ศึกษาศาสตร์
เศรษฐศาสตร์ การบริหารจัดการธุรกิจ ฯลฯ อีกมากมายครับ
ในแง่หนึ่ง คือเครื่องมือเชิงวิชาสังคมศาสตร์ หรือมือขวาของมนุษย์
เมื่อมีมือขวา จึงต้องมีมือซ้าย คือวิชาวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
หรือเครื่องมือทางสมองอีกชิ้นหนึ่งที่มนุษย์เรียนรู้และพัฒนา ชีววิทยา
ฟิสิกส์ แม่เหล็กไฟฟ้า เคมี กลศาสตร์ ฯลฯ ส่วนวิชาลูกผสมก็ได้แก่ วิศวกรรมศาสตร์
สถาปัตยกรรมศาสตร์ บัญชี เกษตรศาสตร์ ฯลฯ อีกมากมายเช่นกันครับ
เรียกว่ามนุษยชาติกลุ่มใหญ่ได้ไปพ้นจากวิชาไสยศาสตร์แล้ว ไปพ้นจากการพึ่งพาผี
บรรพบุรุษ เทพเจ้า พระเจ้า เข้าสู่วิชาวิทยาศาสตร์เหตุผล พิสูจน์ได้
ชนชาติตะวันตกเข้าสู่ยุคปฏิวัติภูมิปัญญาอย่างเป็นเหตุเป็นผล นำศาสตร์ทั้ง๓
และศาสตร์ประยุกต์ลูกผสมขั้น State-of-Art
ได้พัฒนาเครื่องมืออย่างต่อเนื่องอีกด้วย เช่นบ้องไฟ ประทัด กลายเป็นอาวุธปืน
ปืนกล ปืนใหญ่ จรวด ใส่เรือรบ
เข้ามายิงข่มขวัญคนตะวันออก ทหารบกทั่วทั้งเอเซียทั้งทวีปพ่ายแพ้ต่อทหารเรือฝรั่งไม่กี่ลำเรือ
นี่คือการใช้ศาสตร์ทั้ง๓เป็นเครื่องมือทางสมองที่ทำให้พวกเขานำมาบริหารจัดการ
จนกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ในขณะนี้
อีกนัยหนึ่งจาก จินตนาการพลวัตกับองค์ความรู้แบบวิทยาศาสตร์ สู่การค้นคว้าวิจัย
ทดลอง สู่ทฤษฎี สู่การประดิษฐ์ สู่ภาคปฏิบัติ สู่การผลิต นวัตกรรม สู่ธุรกิจและการตลาด
ยังคงมีคำถามใดต่อไป คุณACMขึ้นกระทู้ใหม่สืบต่อ ก่อนกระทู้นี้ตกก็ได้ครับ
ความอดทนมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ ความกล้าทดลองตามความเชื่อมั่นอย่างเป็นวิทยาศาสตร์
ไม่กลัวความล้มเหลว การมีนิสัยอุตสาหะ(การอุตสาหกรรมจึงเกิด)....เขาสนุกที่จะสู้กับความทุกข์ยาก
ในเชิงกายภาพแล้วก็หลงอยู่ในวังวนนี้
ฝ่ายปรัชญาตะวันออกของเรา ไม่มีความยากลำบากจากสิ่งแวดล้อม
เราจึงใช้สมองจิตวิญญาณไปในทางไปพ้นอนิจจังสู่มรรควิถีนิพพาน
เป็นดังนี้ครับ การบริหารคือการกล้าตัดสินใจและใช้ศิลปะแห่งอำนาจจากศาสตร์แม่บททั้งสาม
จากคุณ : ขามเรียง - [ 14 ต.ค. 48 23:46:03 ]
Create Date : 06 ตุลาคม 2548
Last Update : 16 ตุลาคม 2548 17:34:47 น.
7 comments
Counter : 315 Pageviews.
Share
Tweet
แวะมาขอบคุณที่ไปเยี่ยม blog ค่ะ
blog คุณขามเรียงมีเรื่องน่าอ่านเต็มไปหมดเลย แต่คงต้องเก็บไว้อ่านวันหลังค่ะ ขอไปคิด plan งานสำหรับพรุ่งนี้ก่อนดีกว่า หุหุ
ตอนนี้ขอเม้นท์อย่างเดียว คือเจ้าตัวอักษรวิ่งๆ ใต้ profile อ่ะค่ะ มันวิ่งเร็วมากจนอ่านไม่ทันเลยอ่ะ ต้องไปอ่านข้างบนแทน
(เห็นแมะคะ เป็นผู้หญิงก้อหาเรื่องบ่นไปจนได้เนอะ อิอิ)
โดย: ladybear (
ladybear
) วันที่: 9 ตุลาคม 2548 เวลา:15:33:55 น.
ตามมาอ่านครับ
โดย: พัชรพล IP: 203.151.140.120 วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:21:53:20 น.
สวัสดีทุกท่านครับ
คุณladybear ชื่อน่าสนใจครับ
คุณพัชรพล ลูกศิษย์คนเก่งของผม
โดย: A++ (
ขามเรียง
) วันที่: 14 ตุลาคม 2548 เวลา:23:51:37 น.
จากกระทู้:
ครับ ทุกคนคิดถึงแต่เรื่องส่วนตัวของตัวเอง ผลประโยชน์ของตัวเองที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ พรุ่งนี้ น้อยนักที่จะคิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เขาคงคิดว่าตัวเองคงไม่ได้อยู่เห็นวันนั้นมั้งครับ...
ทั้งหลายทั้งปวงเพราะคนเราไม่รู้จักพอ พอในสิ่งที่ตัวเองมี ที่ตัวเองเป็น มีแต่ต้องการมากขึ้น มากขึ้น
ถ้าทุกคนในชาติเราทำตามคำสอนของพ่อ และปฎิบัติตามคำสอนนั้นประเทศเราคงพัฒนาได้เร็วกว่าที่เป็นอยู่ เรื่องวุ่นๆก็คงไม่เกิดจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ดังเช่นทุกวันนี้
คิดแล้วก็น่าเสียดาย เสียใจนะครับ.........
โดย: ACM IP: 203.151.140.123 วันที่: 17 ตุลาคม 2548 เวลา:0:05:11 น.
โดย:
wbj
วันที่: 28 ตุลาคม 2548 เวลา:19:53:36 น.
โดย: ยุ้ย IP: 202.133.139.158 วันที่: 13 กรกฎาคม 2549 เวลา:21:54:29 น.
การศึกษายิ่งสูงยิ่งเห็นแก่ตัวมากๆ ชนบทเมื่อก่อนดีมากแต่เดี๋ยวนี้แย่ครับ ผมต้องไปกำจัดพวกนี้ให้สิ้น รุกฆาตครับ
โดย: รุกฆาต IP: 192.168.5.108, 203.113.18.190 วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:25:17 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
ขามเรียง
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
ลุงแอ็ด
ว่าที่ ดีอาร์
wbj
FishLover
bam_ka@
zaesun
เ ม ฆ ค รึ่ ง ฟ้ า
โอน่าจอมซ่าส์
เด็กจอมแก่น
ไร้ตัวตน
kirdchuchuen
Mehndi Laga Ke Rakhna
dont wanna no
คนเดินดินฯ
**mp5**
P_ปรัชญา
plawan131
Votary
POL_US
pinkoptio
ladybear
SmileBug4U
dnt
ป้ามด
so-coke
สวนสวรรค์
ดอกสารภี
ACM
กายแก้ว
sagitgirlth
ROJIN
เสือจุ่น
ปู่ช้าง
krisorchid
Yoawarat
floral_flory
ไม้มอส
naragorn
ขามเรียง
Darksingha
moonfleet
shame_of_sins
kulratt
ommyz
เชษฐภัทร
zulander
MagicMyth
ge-or-ge
ศล
bpcmarket
hiansoon
บ้าได้ถ้วย
Merchant Dream
fortuneteller
Mr.Chanpanakrit
anchan42
anuchartbunnag
madame_vann
backhold
Webmaster - BlogGang
[Add ขามเรียง's blog to your web]
Links
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
blog คุณขามเรียงมีเรื่องน่าอ่านเต็มไปหมดเลย แต่คงต้องเก็บไว้อ่านวันหลังค่ะ ขอไปคิด plan งานสำหรับพรุ่งนี้ก่อนดีกว่า หุหุ
ตอนนี้ขอเม้นท์อย่างเดียว คือเจ้าตัวอักษรวิ่งๆ ใต้ profile อ่ะค่ะ มันวิ่งเร็วมากจนอ่านไม่ทันเลยอ่ะ ต้องไปอ่านข้างบนแทน
(เห็นแมะคะ เป็นผู้หญิงก้อหาเรื่องบ่นไปจนได้เนอะ อิอิ)