|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
6 ปีแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน(คิดถึงแม่มาก..)
เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก นี่ก็เกือบหกปีแล้วที่แม่จากไป วันที่ 18 กรกฎาคม เป็นวันที่แม่เสียและจากไปอย่าสงบ... แม่ไม่ต้องทุกข์ทนทรมานอีกต่อไป
ตั้งแต่เกิดมาภาพที่เห็นคือผู้หญิงคนหนึ่งขยันทำมาหากิน ทำทุกอย่างให้ลูกอยู่อย่างสุขสบาย อบรมสั่งสอนให้ลูกเป็นคนดี ไม่เอารัดเอาเปรียบใคร ประพฤติตัวอยู่ในศิลธรรม ช่วยเหลือคนอื่นที่ตกทุกข์ได้ยาก แม่จะสอนและบอกเสมอว่า อย่าเป็นทาสของเงิน ใครที่เป็นทาสเงินมักจะไม่มีความสุข เราจะมีความสุขถ้าเราอยู่อย่างพอเพียง(ไม่มีหนี้) มีความสุขกับสิ่งที่ทำ ยินดีกับสิ่งที่เป็น และทำทุกวันให้ดีที่สุด
...ทุกวันนี้ลูกก็ทำตามที่แม่บอกอย่างเคร่งครัด..โดยเอาแม่เป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะเรื่ืองของความประหยัด มัธยัสถ์ และวางแผนในการดำเนินชิวิต
-ตั้งใจทำงานทุกอย่างให้ดีที่สุด บางครั้งทำงานหนักก็มีท้อบ้าง..แต่ก็ไม่เคยคิดถอย เพราะลูกยังมีลูกน้อยที่ยังต้องดูแลอีก2 คน (น้อยกว่าแม่..แม่มีลูกถึง3คน)นึกถึงสมัยก่อนตอนนั้น
แม่มีลูก3 คน แม่ส่งให้เรียนโรงเรียนคริสทั้ง3คน แม่บอกว่าลูกจะได้เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งสมัยนั้น(ปี2522) ค่าเทอมคนละ 3,000บาท ถือว่าแพงมาก
แม่จะไปหาลูกที่โรงเรียนทุกกลางวันและเอายาคูลมาให้และคอยถามไถ่เอาใจใสลูกเป็นอย่างดี
***แต่พอแม่เริ่มทำงานหนักขึ้นแม่จะไม่ค่อยมีเวลาไปรับลูกที่โรงเรียน จึงไปน้าไปรับแทน แม่บอกว่าแม่ทำงานหนักขึ้นเพื่อลูกเพื่ออนาคตของลูก ต่อไปลูกจะได้สบาย***
เราก็เริ่มห่างกันเรื่อยๆ แม่เริ่มขยายที่ทางในการทำมาหากิน จนต้องฝากลูกทั้ง3คนไว้กับยายและน้า ให้ยายดูแล แม่ไปทำการค้าขายทางภาคใต้ ตอนนั้นเศรษฐกิจดีมาก
นานๆแม่ก็จะกลับมาเยี่ยมพวกเราครั้งนึง(ทุกครั้งที่แม่มาจากทางใต้แม่จะมีของฝาก ของเล่น และเสื้อผ้าดีดี มาให้ลูกๆ พวกลูกๆ จะดีใจมากในเวลาที่แม่มาหาและก็ต้องเสียใจทุกครั้งในวันที่กลับไป)
แม่บอกว่าอดทนหน่อยนะลูก เดี๋ยวเราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ให้การค้าขายของแม่มั่นคงกว่านี้แล้วแม่จะมารับพวกหนูไปอยู่ด้วย น่าจะประมาณ3ปี เห็นจะได้ที่แม่ใช้เวลาสร้างฐานะครอบครัวให้มั่นคง แล้วแม่ก็มารับพวกเราไปอยู่กันตามสัญญา(เราต้องใช้รถสิบล้อถึงสองคัน ย้ายจากจังหวัดชลบุรีไปอยู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี) มันรู้สึกเศร้ายังไงบอกไม่ถูก ย้ายบ้าน ย้ายโรงเรียน ข้ามจังหวัดจากภาคกลางไปภาคใต้ วัฒนธรรมการเป็นอยู่มันต้องแตกต่างกันแน่นอน แล้วไหนจะต้องปรับตัวกับเพื่อนใหม่ โรงเรียนใหม่ เพื่อนบ้านใหม่ สังคมใหม่
**แต่แม่บอกว่าถ้าการเปลี่ยนแปลงมันทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น มันก็ไม่ใช่สิ่งยากที่เราจะปรับตัวให้เข้ากับมันได้ สักวันลูกก็จะรู้ว่าทำไมแม่ต้องทำแบบนี้ ลูกต้องเรียนรู้และยอมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ให้ได้ การเปลี่ยนแปลงมันจะเข้ามาในชีวิตของเราตลอดชีวิต***
แม่สอนให้ลูกได้เรียนรู้อะไรมากมายหลายๆอย่าง ครั้งแรกที่ลูกได้ไปโรงเรียนลูกรู้สึกอึดอัดเพราะฟังภาษาใต้ไม่รู้เรื่อง และไม่เข้าใจ เลิกเรียนกลับไปถึงบ้านร้องไห้และถามแม่ว่า เราย้ายกลับไปอยู่ที่เดิมไม่ได้เหรอ ลูกไม่ชอบที่นี่เลย ลูกคิดถึงเพื่อนๆ ที่โรงเรียนเก่ามาก แม่บอกลูกว่าหนูต้องอดทนนะ เดี๋ยวหนูจะค่อยๆเข้าใจ และเรียนรู้ได้เอง (แล้วมันก็ผ่านมาได้จริงๆ พวกเราได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น กว่า10ปี )
พอลูกจบมัธยมปลาย ก็ย้ายกลับมาอยู่สมุทรปราการบ้านพ่อ และเรียนต่อ ปวส.บัญขีใน กทม. ตอนนั้นแม่เริ่มมีอาการปวดเมื่อยตามลำตัว และหน้ามืดอยู่บ่อยๆ ซึ่งช่วงนั้นแม่มาทำหน้าที่แม่บ้านอย่างเต็มตัว และไม่ต้องทำงานนอกบ้านแล้ว เหตุที่แม่ไม่ได้ทำงานเพราะไปหาหมอตรวจเจอว่าแม่เป็นโรคเบาหวาน พ่อเลยอยากให้แม่พักผ่อนและหยุดทำงานอย่างถาวร
โดยรายได้หลักจะได้มาจากเงินเดือนพ่อและเงินเดือนของลูก พ่อฝากให้เราทำงานที่เดียวกับพ่อเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ในตำแหน่ง จนท.ธุรการบัญชี เงินเดือนที่ได้ครั้งแรกจากการทำงานของเด็กจบม.ปลาย(อายุ18ปี)3,800บาท ดีใจมาก รีบเอาเงินเดือนๆแรกมาให้แม่ทั้งหมด ถึงแม้มันจะน้อยแต่ลูกก็ภูมิใจ เพราะเป็นเงินก้อนแรกจากน้ำพักน้ำแรงของลูก แม่รับเงินจากเราและน้ำตาคลอๆ และบอกว่าจะเก็บเงินนี้ไว้ให้เป็นทุนให้ลูกลูกเรียนต่อนะ แต่เราบอกแม่ว่าให้แม่เก็บไว้
เพราะยังไงเราจะทำงานเก็บเงินเรียนต่อเอง พ่อใช้สิทธฺิ์กู้เงินจากบริษัท แล้วให้เราผ่อนชำระคืนบริษัทเอง จนเราสามารถเรียนจบโดยการทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย รายได้จากการทำงานของเราทุกเดือนก็จะให้แม่หมด...แม่จะจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายให้เราคืนกลับมาเป็นรายสัปดาห์ อาทิตย์ละ250บาท ช่วงนั้นเราก็เปลี่ยนงานใหม่ได้รายได้เพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับรายได้และโบนัสพิเศษก็จะให้แม่ทั้งหมด ทุกครั้งที่แม่รับเงินแม่จะรู้สึกภูมิใจและยิ้มอย่างมีความสุข ไม่ใช่เพราะเงินที่ได้รับหลอก แต่แม่ภูมิใจที่ลูกสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง หมดห่วงหมดกังวล (แม่ป่วยเป็นเบาหวานได้สักพัก แต่แม่จะบอกว่าดูแลสุขภาพตัวเองดีไม่เป็นไร)
ผ่านไปอาการแม่ก็เริ่มแย่ลงจนถึงขั้นต้องฟอกไต หมอบอกว่าแม่เป็นไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย แม่ต้องฟอกไตอาการของแม่ถึงจะดีขึ้น โดยต้องฟอกทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ2ครั้ง คชจ.ครั้งละประมาณ2,500บาท 1เดือนก็ตกประมาณ 20,000บาท หมอเรียกเราเข้าไปคุยว่ามีญาติพี่น้องที่ทำงานราชการไหมถ้ามีจะได้ประหยัดคชจ.เพราะจะสามารถเบิกคืน ถ้าไม่มีก็ต้องมีเงินเก็บจำนวนมากทีเดียวเพราะมันเป็นโรคเรื้อรังของคนรวย เรามีแต่เงินเก็บไม่มีญาติพี่น้องที่เป็นราชการ แม่บอกว่าไม่ต้องฟอกหรอกลูกเดี๋ยวแม่จะกินยา และควบคุมอาหารเอง แต่หนูรู้ว่าแม่จะต้องทรมาณทุกครั้งที่อาการกำเริบ
ก็เลยตัดสินใจเอาเงินเก็บทั้งหมดที่หามาได้มาให้แม่ผ่าตัดทำเส้นที่แขนสำหรับฟอกไต แม่มีคนเดียวถ้าแม่เป็นอะไรไปลูกจะอยู่ยังไง เงินทองไม่ตายก็หาใหม่ได้ และบอกแม่ว่าไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นลูกจะหาเงินมารักษาแม่เอง ลูกจะทำทุกอย่างให้แม่มีชีวิตอยู่ต่อไป (เคยทำเรื่องส่งไปมูลนิธิโรคไต และหาคลีนิคโรคไตราคาประหยัดที่คุณหมอแนะนำมาแล้ว-เรื่องเข้ามูลนิธิถูกตีกลับด้วยเหตุผลว่าฟอกไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะไม่ใช่ผู้นำหลักของครอบครัว-อย่างนั้นก็คงต้องพึ่งตัวเอง) แม่กลับมาปกติเหมือนคนทั่วไป ต่างกันตรงที่ต้องไปฟอกไตทุกอาทิตย์เท่านั้น ก่อนไปฟอกไตแม่จะตัวบวมมาก หลังจากฟอกไตเสร็จ4ชม.แม่ก็แข็งแรงเหมือนเดิม ไม่ทุกข์ทรมาน กับความเจ็บปวดทางด้านร่างกาย
ฟอกไตให้แม่อยู่ประมาณปีกว่าๆ แม่ก็เริ่มมีอาการเจ็บป่วยต้องเข้ารพ.บ่อยๆ จนหมอบอกให้พวกเราทำใจ เพราะอาการผู้ป่วยแย่ลงเรื่อยๆ แต่ในทางกลับกันด้านความรู้สึกแม่มีกำลังใจดีมากๆ(ส่วนร่างกายกลับสวนทางกัน) แม่บอกว่าแม่ไม่เคยกลัวตาย เพราะทุกคนก็ต้องตายเหมือนกัน ไม่ช้าก็เร็ว มันเป็นสัจธรรมของชีวิต แต่แม่อยากรู้ว่าแม่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน จะได้ใช้ชีวิตในส่วนที่เหลือให้มีความสุขที่สุด สิ่งที่แม่เสียดายคือยังไม่ได้เห็นลูกมีครอบครัว และยังไม่ทันได้เห้นหน้าหลาน ถ้าแม่เสียชีวิตไป แม่จะกลับมาเกิดเป็นลูกของหนู ให้หนูรอแม่ด้วย
หลังจากนั้นไม่ทัน2อาทิตย์ แม่ก็ต้องเข้ารพ.และจากไปอย่างสงบ สิ่งที่แม่ทิ้งเอาไว้ให้ก็คือคำสั่งสอนต่างๆ ให้ลูกประพฤติตัวเป็นคนดี ลูกก็ยังจำคำสั่งสอนของแม่ได้ทุกอย่างแม้ว่าแม่จะจากไปแล้วถึงหกปี (วันที่18 ก.ค.55 ก็จะครบหกปีเต็ม)
ไม่ว่าแม่จะอยู่ที่ไหน...
ลูกอยากให้แม่รู้ว่าลูกคิดถึงแม่มาก.....
นานแล้วนะที่เราไม่ได้กอดกัน....
ลูกคิดถึงแม่คะ
Create Date : 14 กรกฎาคม 2555 |
|
6 comments |
Last Update : 3 ตุลาคม 2555 20:49:56 น. |
Counter : 4820 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: kanyong1 14 กรกฎาคม 2555 22:29:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: กิ่งฟ้า 15 กรกฎาคม 2555 7:28:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: nongfont 17 กรกฎาคม 2555 17:11:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: หลาน IP: 180.183.108.227 22 กรกฎาคม 2555 15:05:36 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]
|
เป็นคุณแม่ลูกสอง วัย42ปี สนใจการทำอาหาร และการท่องเที่ยวค่ะ ยินดีต้อนรับทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมบล็อคนะคะ หรือสามารถติดตามการทำอาหารได้ที่เฟสบุค Kannika Roddee
****************************** ******************************
ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา
จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
แค่บินไปให้ถึงฝัน เท่านั้นพอ
ทำเท่าที่เราจะทำได้ และทำให้ดีที่สุด สักวันหนึ่ง ฝันของเราจะเป็นจริง :)
***************************** *****************************
|
|
|
|
|
|
|
|
เหมือนที่แม่เคยบอกเอาไว้ตอนมีชีวิตอยู่
********************************