ปาฏิหาริย์รักจากแม่
1. หมีพูห์ของแม่ไม่กินข้าวมาเกือบหกเดือนแล้ว เจ้าตัวน้อยของแม่ผอมเล็กลงไปทุกวัน ทุกวัน
วันนี้แขนของหนูเหลือเท่าหัวแม่โป้งของแม่เท่านั้นเอง
หมีพูห์เอย..แม่จะทนดูหนูไปอย่างนี้ได้นานสักเพียงใด นมเพียงวันละขวดมันไม่น่าจะพอสำหรับหนูที่มีอายุสี่ขวบแล้วนะลูก กินน้ำข้าวนี่หน่อยนะ แม่บดปลาจนละเอียดใส่มาในน้ำข้าวนี้ให้หนู กินหน่อยเถิดลูก ใจแม่จะขาดแล้ว..
ถ้าหนูไม่กินอะไรบ้างหนูจะเอาแรงที่ไหนมาต่อสู้กับโรคร้าย หนูได้แต่นอนตาลอย ท้องใส ไม่พูดไม่จา ไม่มีใครช่วยหนูได้นะหมีพูห์ หมอเขายังบอกให้แม่ทำใจ
. จะให้แม่ทำใจแบบไหนกันเล่า แม่รักหนู แม่อยากให้หนูอยู่กับแม่ไปนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้โปรดช่วยหมีพูห์ด้วย ได้โปรด
.
น้ำอะไรนี่ไหลซึมออกมาเปียกที่นอนของลูก สีแดงคล้ำเหมือนน้ำล้างปลา หนูท้องเสียหรือนี่ ไม่ใช่ มันไม่มีกลิ่นอะไรเลย โอ ทำไมมันเยอะขนาดนี้ ลูกแม่ หนูอย่าเป็นอะไรนะลูก หมีพูห์
. ชั่วโมงกว่าแล้ว ทำไมมันยังไม่หยุดไหล แม่จะช่วยหนูได้อย่างไร หมีพูห์ของแม่เอย แม่จะกล้าพาหนูไปที่โรงพยาบาลได้อย่างไร แม่รู้ว่าเขารังเกียจพวกเรานะลูก ตั้งแต่ครั้งของพ่อหนูแล้ว ที่โรงพยาบาลทำกับเราเหมือนเราเป็นยิ่งกว่าขยะ ใครจะช่วยหนูได้
ตอนนี้เกือบสี่ทุ่มแล้ว แม่สุดปัญญาแล้วลูกเอ๋ย แต่จะให้แม่นั่งมองดูหนูอยู่อย่างนี้ได้อย่างไร แม่จุดธูปกำใหญ่แล้วได้แต่สวดมนต์ภาวนา .. อะไรก็ได้ ให้ทำอะไรก็ได้ ขอเพียงให้ลูกของแม่ไม่เป็นอะไร ขอให้หมีพูห์ได้อยู่กับแม่..
หากเจ้ากรรมนายเวรมีจริง แม่ขอหนูไว้ แม่ไม่มีอะไรอื่นที่จะมาแลกเปลี่ยนเพื่อยื้อชีวิตน้อย ๆ ของหนู แม่มีเพียงจิตใจที่ศรัทธา มั่นคง และเชื่อมั่นในธรรม การถือศีลกินเจตลอดชีวิตของแม่อาจไม่เพียงพอต่อการขอต่อชีวิตน้อย ๆ ของหนู แม่ตั้งใจจะชักชวน จะน้อมนำใจคนเข้าหาธรรมะ แม้เขาจะไม่เชื่อมั่นอย่างที่แม่เชื่อ แต่อย่างน้อยแม่รู้ว่ามันอาจจะช่วยเขาได้ทางใดทางหนึ่ง และนั่น แม่ขอถือเป็นผลบุญช่วยต่อชีวิตให้หนูด้วย
แม่หวังในปาฏิหาริย์นะลูก แม่ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย แต่แม่ก็เผื่อใจไว้ว่า คนเราทุกคนมีเกิดมีดับ คุณหมอคนที่ผ่าตัดทำคลอดให้หนูเคยบอกกับแม่ว่า สุดท้าย คนเราก็กลับไปสู่ธาตุเดิม เป็นดิน น้ำ ลม ไฟ
2. วันนี้หมีพูห์ถีบจักรยานกลับบ้านเหมือนเคย เกือบสองปีแล้วที่เด็กน้อยถีบจักรยานไปกลับโรงเรียนเอง ระยะทางกว่าสองกิโลเมตรช่วยให้การเดินทางเช้าเย็นกลายเป็นอีกหนทางหนึ่งของการออกกำลังกาย ร่างผอมเล็กแต่แขนขาดูมีกล้ามเนื้อแข็งแรง ถ้าคะเนดูด้วยสายตาเจ้าหนูน่าจะอายุได้สักเจ็ดขวบ แต่ในความเป็นจริง หมีพูห์อายุได้สิบเอ็ดปีแล้ว และตอนนี้ เจ้าหนูเรียนอยู่ประถมห้า
ผมขอไปเล่นบ้านเพื่อนนะ วันนี้ไม่มีการบ้าน
เมื่อแม่อนุญาต เด็กน้อยก็ลากจักรยานคู่ใจออกมาตั้งหลัก ยิ้มให้แม่ก่อนขึ้นคร่อมอาน ขี่ลัดเลาะออกไปตามทางลูกรังหลังบ้าน เลาะไปตามป่ายาง
ไอ้พู เล่นดีดลูกแก้วกันไหม
เสียงเด็กวัยเดียวกันตะโกนขึ้นจากลานดินตรงหัวโค้งถนน หมีพูห์จอดจักรยานไว้ข้างทาง มือจับกระเป๋ากางเกงยักคิ้วให้เพื่อนเหมือนจะบอกว่า ได้เลย วันนี้มีมาตุงกระเป๋า
เมื่อเลิกเล่น ปรากฏว่าหมีพูห์โดนกินไปสองลูก เจ้าหนูควักกระเป๋าดึงลูกแก้วเอามาจ่ายหนี้ที่ติดกันไว้ระหว่างเล่นอย่างตัดใจ แม้จะคิดว่า วันนี้แพ้ไปสองลูก ไม่เป็นไร วันหลังค่อยมาเอาคืน แต่หน้าที่ยิ้มแย้มอยู่เสมอก็อดเจื่อนลงเล็กน้อยไม่ได้ สักครู่ เจ้าหนูก็คิดขึ้นมาได้ว่า เพื่อไม่ให้เสียกำลังใจนัก เห็นทีจะต้องไปหลอก กิน จากเด็ก ๆ บ้านหน้าถนนจะดีกว่า
หนูน้อยถีบจักรยานลัดจากลานดินหลังป่ายางลิ่วออกสู่ถนนใหญ่ สองขาที่ปั่นจักรยานนั่นแรงและเร็ว เหมือนใจที่ไม่อยากเป็นผู้แพ้ แม้จะแค่ในเกมลูกแก้วเล็ก ๆ เกมนี้ก็ตาม
3. มากินข้าวนะลูก กลับซะมืดเลย ไปเล่นถึงไหนมา
บ้านไอ้รุ่ง ตอนแรกไปที่ป่ายางก่อน
เสียไปกี่ลูกล่ะวันนี้
คนเป็นแม่ถามอย่างรู้กิจกรรมของลูกชายเป็นอย่างดี หมีพูห์ตอบอย่างดีใจว่า
ได้กินไอ้รุ่งมาสองลูก
แม่มองหน้าแล้วอมยิ้ม ลูกชายจึงพูดต่อเสียงอ่อย ๆ ว่า
ตอนแรกเสียไอ้นพไปสองลูกเหมือนกัน วันนี้เท่ากับเสมอ
แม่ไม่ตอบว่าอะไร นึกดีใจที่ลูกได้เล่นสนุกสนานตามประสาเด็ก จะแพ้บ้างชนะบ้างก็เป็นการฝึกลูกไปในตัว อย่างน้อยก็เป็นเกมที่เขาได้เล่นด้วยตัวเอง ไม่เหมือนกับบางอย่างในชีวิตที่กระทำให้วัยเยาว์ของเขาไม่อาจแม้แต่จะเล่นอะไรได้
ในคืนที่แม่ได้แต่จุดธูปอธิษฐานขอชีวิตลูกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครั้งนั้น เป็นวัยเยาว์ของลูกที่ย้อนไปในคืนแห่งความเป็นความตาย เป็นการเตือนเริ่มต้นว่า จากนี้ไป ชีวิตหนูน้อยจะต้องผูกมัดไว้กับความเจ็บไข้ได้ป่วย ในครั้งนั้น ปมลึกในใจของผู้เป็นแม่ทำให้ลูกน้อยต้องนอนป่วยอยู่ที่บ้าน ความเจ็บปวดและขมขื่นครั้งที่ไปเฝ้าไข้พ่อทำให้แม่ไม่กล้าพาลูกไปหาหมอที่โรงพยาบาลอีก อย่างมากก็แค่พาไปให้หมอที่คลินิกตรวจอาการเบื้องต้น
สำหรับคนเป็นแม่แล้ว คืนนั้นปาฏิหาริย์คงมีจริง เพราะหมีพูห์ผ่านค่ำคืนอันเลวร้ายมาได้ เหมือนกับแม่ที่ก้าวข้ามความเจ็บปวดในใจได้..แล้วหลังจากนั้นก็ตัดสินใจพาลูกไปโรงพยาบาล
เพื่อลูก คนเป็นแม่ต้องกล้าสู้กับความจริงมากกว่าเดิม และเพื่อลูก มีความจริงหลายอย่างที่ผู้เป็นแม่ต้องหันกลับมาใส่ใจ โดยเฉพาะเหตุผลที่ว่าทำไมจึงไม่ยอมพาลูกไปโรงพยาบาล ทั้ง ๆ ที่ลูกกำลังต้องการความช่วยเหลือดูแลรักษา ณ วินาทีแห่งชีวิต
แม่ไม่ควรกลัวที่จะพาลูกไปเพื่อขอความช่วยเหลือ แม้รู้ว่าตัวเองจะต้องเจอสภาพการรังเกียจหมิ่นแคลนอย่างที่เคยเจอ
และเพื่อลูกนี่เอง ที่ทำให้แม่ต้องเรียนรู้ที่จะน้อมนำหลักยึดใหม่ให้แก่ใจและชีวิตของแม่เอง
4. เมื่อคุณหมอเห็นหมีพูห์ครั้งแรกนั้น หมอบอกว่าเด็กน้อยเป็นวัณโรคในต่อมน้ำเหลือง และนี่คือภาวะแทรกซ้อนของโรคฉวยโอกาส ผลเลือดของหมีพูห์มีค่าความต้านทานเชื้อโรคหรือที่หมอเรียกว่าซีดีสี่เท่ากับ 4 เทียบเป็นเปอร์เซ็นต์เลือดแล้วก็คือศูนย์ นั่นหมายถึงหมีพูห์มีอาการแย่มากและไม่มีภูมิเหลือที่จะต้านทานอะไรได้อีกแล้ว
หมอบอกว่านอกจากรักษาวัณโรคในต่อมน้ำเหลืองแล้ว หมีพูห์ต้องกินยาต้านไวรัสเอชไอวีไปตลอดชีวิต ครั้งนั้น ผู้เป็นแม่ได้แต่บอกลูกในใจว่า แค่นี้ไม่เป็นไรนะลูก เพราะเราเป็นอย่างนี้ เราคงต้องเจออะไรในชีวิตนี้มากกว่าแค่การกินยา
5. ตอนอยู่ประถมสอง หมีพูห์เคยกลับมาถามแม่ว่า
หนูเป็นเอดส์หรือแม่
คนเป็นแม่ถึงกับอึ้งไปนาน รู้ว่า วันที่เคยกังวลใจมาตลอดได้มาถึงแล้ว แม้จะเคยเกริ่นกับลูกบ่อยครั้งถึงความเจ็บป่วยของเจ้าตัวเอง แต่ก็ไม่คิดว่า จะต้องบอกความจริงกับลูกในวัยที่เขายังเรียนหนังสืออยู่แค่ประถมสอง และในวันที่แววตาของลูกชายสะท้อนทั้งความอยากรู้และความกลัวในคำตอบที่จะได้รับ
ใช่ครับ
เมื่อตอบออกไป น้ำตาของคนเป็นแม่เหมือนจะตกในเพราะความรู้สึกสงสารลูกชายจับใจ สิ่งที่ทำได้คือเพียงโน้มตัวลูกมากอดไว้กับอก แม่กอดลูกแน่นเหมือนจะให้สัมผัสทั้งหมดจากหัวใจบอกให้ลูกรู้ว่า แม่รับรู้ว่าหนูทุกข์มากมายเพียงใด
หนูได้รับเชื้อจากการกินนมแม่นะหมีพูห์ แม่ก็ไม่รู้มาก่อนว่าแม่เป็น จนกระทั่งพ่อหนูป่วยนั่นแหละแม่ถึงรู้ พ่อเป็นแล้วแม่ก็รับเชื้อนี้มาจากพ่ออีกทีนึง
ลูกน้อยนิ่งเงียบ คนเป็นแม่รู้สึกว่าการหาคำมาคุยกับลูกช่างยากเย็นยิ่งนัก เพราะในละแวกนี้ ใคร ๆ ต่างรู้ว่าพ่อของลูกจากไปด้วยสาเหตุใด ภาระหน้าที่ในตำแหน่งหัวหน้าสถานีอนามัยทำให้เรื่องของพ่อ เป็นที่รับรู้ได้ทั่วไปในชุมชน และระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา คนเป็นแม่ต้องกล้ำกลืนกับความรู้สึกต้อยต่ำเจ็บอายเมื่อถูกสายตาเพื่อนบ้านมองจากหัวจรดเท้าเพื่อค้นหา อาการ แบบที่พ่อเป็น คราวนี้ เป็นภาระที่เด็กน้อย ๆ อย่างลูกชายต้องเผชิญ ผู้เป็นแม่รู้ดีว่า มันน่าขมขื่นเพียงใดที่โรงเรียนอันเป็นโลกอีกใบในชีวิตน้อย ๆ ของลูก กลายเป็นสิ่งแวดล้อมที่หล่อหลอมให้เด็กคนหนึ่งต้องเติบโตขึ้นมาด้วยความรู้สึกถูกรังเกียจเดียดฉันท์
หมีพูห์ ลูกรู้ไหมว่า เราไม่สามารถปิดบังเรื่องนี้จากคนอื่นได้ ทุกคนที่นี่รู้จักพ่อหนู และ รู้จักแม่
เด็กน้อยยังเงียบงัน ซุกตัวอยู่กับอกแม่
ความจริงมันทำให้เราทุกข์นะลูก แต่เราต้องยอมรับมันให้ได้ และอยู่กับมันให้ได้
ผู้เป็นแม่บอกช้า ๆ อย่างอ่อนโยน สองมือกอดลูกไว้แน่น ไม่รู้ว่าลูกชายจะเข้าใจสิ่งที่พูดได้เพียงไร แต่ผู้เป็นแม่หวังว่าสักวัน ลูกชายจะเข้าใจได้ว่า การเปิดเผยความจริงที่ใคร ๆ คิดว่าต้องปิดบังนั้น แท้จริงแล้ว คือการปลดโซ่ตรวนทางใจลงไปอีกเปลาะหนึ่ง
6. ผู้เป็นแม่ไม่ได้บอกเล่าให้ลูกฟังว่า กว่าแม่จะบอกให้ลูกเข้มแข็งได้ แม่ผ่านภาวะของความเจ็บปวดที่กัดเซาะกินลึกอยู่ภายในมานานเพียงใด ต้องทุกข์ทนตอกย้ำซ้ำเติมความเจ็บป่วยของตัวเองด้วยความเคียดแค้นคนที่เป็นพ่อของลูกเพียงใด สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่คิดว่าเลือกคู่ชีวิตได้ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว และปฏิบัติตัวเองดีแล้ว แต่กลับต้องติดเชื้อจากคู่ชีวิตของตัวเองนั้น ช่างเป็นสิ่งที่ยากจะทำใจ และยากยิ่งขึ้น เมื่อครอบครัวเดิมของพ่อสละสิทธิ์ในการรับรู้และใยดี หลานชาย ผู้เป็นมรดกชีวิต ในขณะที่มรดกอันเป็นทรัพย์สินกลายเป็นปัญหาให้ต้องแย่งชิงกัน
โชคดี ที่ผู้หญิงคนนี้มีโอกาสได้เรียนรู้และปฏิบัติธรรม ได้รู้จักและสัมผัสกับความจริงในส่วนลึกของจิตใจตนเอง และได้คิดว่า ถ้าแม้แต่คนที่เคยรักมากที่สุดตนเองยังอภัยให้ไม่ได้แล้ว การเปลี่ยนอคติจากคนอื่น ๆ จะเป็นไปได้อย่างไร
แล้วก็ถึงวันที่เธอบอกตัวเองว่า พ่อกับแม่ชดใช้หนี้กรรมร่วมกันไปแล้ว ที่เหลือคือชีวิตของเราสองคนนะลูก นี่คงเป็นอีกปาฏิหาริย์หนึ่งที่เกิดขึ้นในใจของผู้เป็นแม่ การให้อภัยเป็นสิ่งที่ช่วยให้คนทุกข์คนหนึ่งเข้มแข็งขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
7. ไปค่ายนี่ดีนะแม่ เขาสอนเรื่องเอดส์ด้วย สอนว่าเอดส์ติดต่อกันได้อย่างไร น้า ๆ เขาบอกว่าเราอยู่ร่วมกันได้
น้าคนที่สอนเขาเอาของว่างมาให้หนูกินด้วย เขากอดหนูด้วยนะแม่ เพื่อน ๆ ทุกคนที่ไปด้วยกันเขาก็เห็น
ลูกชายส่งเสียงเล่าแจ๋ว ๆ หลังกลับจากค่าย หน้าตาสดชื่นแจ่มใส คนเป็นแม่รู้สึกหัวใจเบิกบานตามไปด้วย ถามลูกว่าแล้วเพื่อน ๆ เขาว่าอย่างไรกันบ้าง
เขาไม่ว่าอะไรหรอก แต่เขามาเล่นกับหนู พวกเขาดีกับหนูมากกว่าเมื่อก่อน
คำตอบของลูกชายทำให้หัวใจของแม่เต็มตื้น รู้สึกขอบคุณเจ้าหน้าที่อาสาสมัครและเจ้าหน้าที่อนามัยทั้งหลาย ที่พยายามสร้างสังคมใหม่ให้กับลูกชายและเด็ก ๆ ที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากพ่อแม่
หมีพูห์เคยไปค่ายเด็กร่วมกับมูลนิธิรักษ์ไทยมาก่อนหน้านี้แล้ว ครั้งนั้น ลูกชายกลับมาด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นกว่าเดิม เข้าใจสถานการณ์ตัวเองมากขึ้น และความรู้สึกดี ๆ ที่รู้สึกว่าตนเป็นที่ยอมรับจากเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในค่ายนั้น ทำให้ลูกชายรู้สึกดีขึ้นกับตัวเอง และทุกข์ร้อนน้อยลงเมื่อต้องปรับตัวรับความรังเกียจของเพื่อน ๆ ในโรงเรียน
ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่อนามัยเป็นแกนนำจัดค่ายเรียนรู้ให้กับเด็กชั้นประถมห้าทั้งหมดของโรงเรียน แตกต่างจากครั้งที่แล้วที่ลูกชายไปพร้อมกับเด็กติดเชื้อต่างวัยผู้มาจากต่างสถานที่ เมื่อลูกชายเล่าเช่นนี้ แม่ก็เชื่อว่า สังคมที่โรงเรียนของลูกคงจะดีขึ้นกว่าเดิมอีกมาก
แต่ไม่นาน ลูกชายก็กลับมาบอกแม่ด้วยน้ำเสียงที่ปิดความสะเทือนใจไม่ได้ว่า
วันนี้รุ่นพี่ที่โรงเรียนเขาว่าหนู
เขาบอกไอ้เด็กเอดส์ไปไกล ๆ
คำบอกเล่าของลูกทำให้แม่อึ้ง สังคมที่ดีขึ้นในความหวังของแม่คงท่าจะต้องใช้เวลาอีกยาวนาน
8. ทำไมเขาต้องรังเกียจเราด้วยล่ะแม่
นานมาแล้ว หมีพูห์เคยตั้งคำถามนี้ ระยะเวลาและการถูกกระทำจากเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนไม่อาจทำให้วัยเยาว์ของลูกชายรู้จักกับคำว่า ชินชา ได้เช่นผู้เป็นแม่ เด็กน้อยยังต้องการการยอมรับจากสังคมเล็ก ๆ ของตัว และนั่น กลายเป็นปมลึกผูกมัดรัดแน่นอยู่ในใจ
เขาน่าจะมีค่ายอบรมเรื่องเอดส์สำหรับเด็กทั้งโรงเรียน เลยนะแม่
เจ้าหนูคงอยากให้รุ่นพี่ที่พูดประโยคที่ว่า ไอ้เด็กเอดส์ ไปไกล ๆ ได้อบได้รมแบบที่เพื่อน ๆ ร่วมชั้นได้เรียนรู้และเปลี่ยนแปลงมาแล้วก็ได้
ผู้เป็นแม่คิดในใจว่า ครั้งหน้า เมื่อเจ้าหน้าที่มูลนิธิมาเยี่ยมบ้านอีกครั้งจะพูดคุยให้หาหนทางช่วยเหลือเรื่องนี้อีกสักที เพราะแม้จะยอมรับได้ว่า การเจ็บป่วยจากการติดเชื้อนี้จะไม่มีวันหาย แต่หัวอกแม่ก็ยังหวังว่าโอกาสที่อคติของคนและสังคมที่มีต่อโรคนี้น่าจะหายได้ หรือเปลี่ยนแปลงดีขึ้นได้ อย่างน้อยก็ในช่วงวัยแห่งการเติบโตของลูก
วันเวลาที่เปลี่ยนไป ย่อมมีอะไรเกิดขึ้นใหม่ได้เสมอ
ก็ดูเถอะ วันก่อนแม่สอนลูกชายว่าความตายอยู่ใกล้ ๆเราทุกวัน แต่ลูกชายกลับตอบมาว่า คงมีวันที่เขาจะผลิตยาที่ฆ่าเชื้อนี้ให้ ตายไปได้จริง ๆ เสียที
ผู้เป็นแม่ไม่ได้บอกลูกออกไป เหมือนที่คิดว่า แม่รอวันนั้นอยู่เหมือนกันนะลูก แม่รู้ว่าชีวิตมีเกิดดับ และสุดท้ายทุกคนต้องกลับคืนไปสู่ธาตุเดิมคือดิน น้ำ ลม ไฟ อย่างที่คุณหมอของแม่บอก แต่แม่ก็อยากอธิษฐานอีกสักครั้ง เพื่อหมีพูห์ของแม่
หมายเหตุ: จากหนังสือ "แก้วตาของใครหนอ" รวมเรื่องสั้นจากชีวิตจริงของเด็กที่ได้รับผลกระทบจากเอชไอวี/เอดส์ จัดพิมพ์โดย มูลนิธิรักษ์ไทย โทร. 02 265 6888
Create Date : 22 มิถุนายน 2552 |
|
9 comments |
Last Update : 25 มิถุนายน 2552 8:15:12 น. |
Counter : 2083 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Elbereth 22 มิถุนายน 2552 16:07:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: กังสดาล IP: 125.25.27.255 23 มิถุนายน 2552 13:05:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: กังสดาล IP: 125.25.27.255 23 มิถุนายน 2552 13:16:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแว่น 24 มิถุนายน 2552 20:16:26 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|