กันยายน 2550

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
 
 
เจดีย์ ยุทธหัตถี...อยู่ที่?
อาทิตย์ที่แล้ว ข้าพเจ้าหนีวิถีชีวิตเดิมๆ ไปเที่ยวและเยี่ยมเพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกันมาหลายปีแล้ว ที่เมืองกาญจน์ พี่คนนี้ เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่รักและรู้จักเมืองกาญจน์อย่างลึกซึ้ง และรู้..หลายซอกหลายมุมดีๆ ของจังหวัดนี้ เพราะพี่ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่าพี่จัมโบ้) เค้าทำงานหลายๆ อย่างเพื่อให้เมืองกาญจนบุรี ในฐานะที่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมายาวนาน ให้นิยมกันต่อๆ ไป

จุดประสงค์หลักของการไป คือหนึ่งเพื่อพักผ่อน เปลี่ยนอิริยาบท คลายความเบื่อเมืองหลวง สองไปหาพี่คนนี้ที่ไม่ได้เจอกันนานมาก จึงไปหาด้วยความคิดถึง สามไปหาเรื่องเที่ยว และทำงานอดิเรก...เกี่ยวกับเรื่องเที่ยวๆ นี่แหละ สองวันหนึ่งคืนในตัวเมืองกาญจน์ คุ้มค่าค่าน้ำมันรถมากๆ บรรลุวัตถุประสงค์ทุกประการ แถมยังได้ธุระส่วนตัวอีกด้วย คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แต่พี่เค้าจะรู้สึกคุ้มด้วยหรือเปล่า ข้าพเจ้าชักไม่แน่ใจ เพราะไปอยู่ไปกินบ้านเค้าซะงั้น...อะไรติดไม้ติดมือไปก็ไม่มี นอกจากหน้า..ด้านๆ ..ของตัวเอง แฮ่ๆ

เที่ยวรอบนี้ ข้าพเจ้าถามซอกแซกไปเรื่องว่าเมืองกาญจน์มีอะไรใหม่ ให้ไปดูไปชมบ้าง ข่าวแว่วว่า ตอนนี้ สถานที่ที่ฮือฮา โฮ่งๆ มากที่สุดในเมืองกาญจน์ อันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดไปแล้ว คือ สถานที่ถ่ายทำหนังสมเด็จพระนเรศวร พ่ะย่ะค่ะ

ข่าวแว่วว่าบางอาทิตย์ มีคนแวะไปดูไปชมกันร่วม 5 พันคน ฟังแล้วก็หูผึ่งอยากจะไป หมายมั่นปั้นมือทีเดียวเชียว

แต่ช้าก่อน..."ยังมีอีกที่หนึ่ง ที่อยากให้ไปดู เป็นสถานที่สำคัญมากๆ ที่พี่ว่าคนที่อยากจะไปเที่ยวกองถ่าย ควรไปทำความรู้จักสถานที่นี้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะพาไปดู"

สถานที่ที่ถูกกล่าวอ้างถึง คือบ้านดอนเจดีย์ ต.หนองสาหร่าย อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี สถานที่ที่ชาวเมืองกาญจน์ รวมทั้งนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์บางท่านเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ตั้งของเจดีย์ยุทธหัตถี ที่ซึ่งสมเด็จพระนเรศวรกระทำยุทธหัตถี หรือการรบบนหลังช้างกับสมเด็จพระมหาราชา แม่ทัพฝั่งพม่า ซึ่งต่อมาเป็นการชนช้างที่ถูกกล่าวอ้างถึงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยจนถึงทุกวันนี้ (โปรดคอยติดตาม ภาพยนตร์พระนเรศวรภาคที่ 3 ซึ่งได้ยินว่ากำลังเตรียมการถ่ายทำ)

ข้อกล่าวอ้างนี้ บางท่านอาจจะรู้สึกว่าดูขัดแย้งกับสิ่งที่เราเรียนรู้กันมาในวิชาประวัติศาตร์ตั้งแต่สมัยชั้นประถม มัธยม ที่บอกว่าอนุสรณ์ดอนเจดีย์ ตั้งอยู่ที่สุพรรณบุรี

แต่สำหรับที่ดอนเจดีย์ อ. พนมทวน จ. กาญจนบุรีนี้ มีหลักฐานหลายสิ่งที่หากจะบอกไป ก็ต้องใช้วิจารณญาณในการรับรู้รับฟังเองด้วยเช่นกัน เพราะว่าความเชื่อที่ทั้งชาวบ้าน ราชการ รวมถึงนักวิชาการต่างพากันยอมรับนับถือกันก็มีทั้งหลักฐานที่เป็นเชิงประวัติศาสตร์ เชิงศิลปะศาสตร์ รวมทั้งเชิงลี้ลับศาสตร์อธิบายเหตุผลได้ยากปนอยู่ด้วย

เอาเป็นว่า สถานที่บริเวณที่ชาวพนมทวนเชื่อกันว่าเป็นเจดีย์ยุทธหัตถีของแท้ เพราะมีหลักฐานทางประวัตศาสตร์คือมีการค้นพบเครื่องอาวุธยุทโธปกรณ์อยู่เป็นจำนวนมาก เครื่องม้าทรง ช้างทรง หอก ดาบ คม ทวน ธนู เครื่องมือเครื่องใช้ในการศึกสงคราม รวมทั้งเศษกระดูกมนุษย์อยู่เป็นจำนวนมากที่นี่ ซึ่งมีการจัดแสดงอยู่ในหอพิพิธภัณฑ์ของกรมศิลปากร แล้วก็ยังมีเจดีย์ร้างตั้งอยู่กลางทุ่งอีกองค์หนึ่งตามลักษณะที่ถูกบรรยายในพงศาวดารอีกด้วย อีกทั้งสถานที่นี้ แม้แต่ในหลวง พระราชินี และสมาชิกเจ้านายหลายพระองค์ก็เคยทรงเสด็จมาที่นี่ รวมทั้งมาร่วมศึกษาหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์และมาเสด็จมาร่วมจัดตั้งและเปิดพิพิธภัณฑ์

ยังมีเรื่องเล่าที่ชวนอัศจรรย์ใจอีกเรื่องหนึ่งด้วย กล่าวคือ เมื่อวันที่มีพิธีการเปิดพิพิธภัณฑ์อย่างเป็นทางการ ก็มีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นต่อหน้าต่อหน้าต่อความรู้สึกของบรรดาข้าราชการระดับสูงและทุกคนที่เข้าร่วมพิธี คือไฟฟ้าในหอแสดงการฉายภาพยนตร์เกิดดับสนิท ในนาทีที่สำคัญที่สุด ที่ประธานในพิธีกำลังจะกดปุ่มเปิดการฉลายสไลด์มัลติวิชั่น แสดงเรื่องราวของสมเด็จพระนเรศวรนั้นเอง ถึงกับทำให้ทุกคนงงงวยกันเป็นแถว และความรู้ทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ก็ช่วยแก้ไขไม่ได้ จึงต้องมีการจุดธูปบอกกล่าวขออนุญาตต่อองค์สมเด็จพระนเรศวร ข่าวเล่าว่าธูปยังไม่ทันหมดดี ไฟฟ้าก็ติดขึ้นมาใหม่ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เหตุมหัศจรรย์อีกประการหนึ่งคือในวันที่มีพิธีนั้น ตอนแรกฟ้าโปร่งกระจ่าง แต่พอถึงเวลาทำพิธีขึ้นมา ก็มีผู้สังเกตบวกกับจินตนาการเห็นก้อนเมฆเรียงตัวกันเป็นรูปสมเด็จพระนเรศวรประทับอยู่บนหลังช้าง และเมฆอีกก้อนหนึ่งเป็นรูปกะโหลกช้าง แล้วท้องฟ้าก็กลับพลันครึ้ม มีลมเย็นและมีละอองฝนโปรยปรายลงมา รายงานกล่าวว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเฉพาะบริเวณที่มีพิธีเท่านั้นเอง

สิ่งเหล่านี้ จึงเป็นหลักฐานและความเชื่อที่ทำให้ชาวบ้านพนมทวนเชื่อกันว่า เจดีย์ยุทธหัตถีที่นี่เป็นของแท้ สร้างตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั่นเลยทีเดียว

อ้าว..แล้วดอนเจดีบ์ที่หลักฐานเดิมบอกว่าอยู่เมืองสุพรรณบุรีนั้นเล่า...คนรุ่นเก่าเขาเอามาจากไหน ทั้งๆที่ในพงศาวดารก็แจ้งไว้ชัดเจนว่าบ้านดอนเจดีย์อยู่สุพรรณบุรีนี่นา สำหรับข้อนี้ทางนักวิชาการที่เชื่อว่าเจดีย์ที่แท้อยู่ที่เมืองกาญจน์นี้ ก็มีคำอธิบายว่าเพราะอาณาเขตของที่เป็นอำเภอพนมทวนในปัจจุบันนี้ แต่ก่อนขึ้นกับแขวงเมืองสุพรรณบุรี ต่อเมื่อมีการแบ่งเขตการปกครองใหม่ในช่วงรัชกาลที่ 3 นั้นเขตเมืองบริเวณก็ถูกจัดแบ่งให้มาอยู่ที่กาญจนบุรีแทน ดังนั้นถ้าจะวัดกันตามหลักฐานพงศาวดาร ก็เป็นไปได้ว่าสถานที่ตั้งของเจดีย์ที่ในปัจจุบันเป็นกาญจนบุรี แต่เดิมก็คือเมืองสุพรรณบุรีนั่นเอง

กล่าวสำหรับเจดีย์นั้น ก็ยังมีสมมุติฐานถึงสาเหตุของการสร้างอีกด้วยว่า เจดีย์นี้พระนเรศวรท่านอาจสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงสมเด็จพระมหาอุปราชา ทั้งเพื่อเป็นการขอขมาต่อเพื่อนซึ่งเคยเล่นหัวกันมาครั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ หรือสมมุติฐานอีกข้อหนึ่งคือ เจดีย์นี้สร้างขึ้นเพื่อประกาศชัยชนะที่มีต่อพม่าในครั้งนั้น

อย่างไรก็ดี แม้จะมีหลักฐานทั้งทางประวัติศาสตร์ ศิลปะศาสตร์ โบราณคดีหรือเรื่องเหลือเชื่อมากมายประการใด แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่งบประมาณของทางการไม่เคยมีพอที่โฆษณาออกไปเพื่อทำให้คนสนใจได้ ทำให้ไม่ค่อยมีคนรู้จักและไปเยือนที่นี่มากนัก นอกจากคนที่สนใจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จริงๆ แม้แต่วันที่พวกเราไปเยือนกันก็มีแต่รถของเราคันเดียวเท่านั้นเอง

แต่สำหรับข้าพเจ้าที่ได้มีโอกาสไปเยือนมาแล้ว ก็อยากจะชวนท่านที่คิดว่าอยากจะไปเที่ยวดูกองถ่ายทำภาพยนตร์สมเด็จพระนเรศวรอันสุดอลังการ อยากแนะนำให้ไปทำความรู้จักสถานที่เกิดเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์เผื่อว่าการเที่ยวย้อนรอยของคุณจะมีความหมายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม



Create Date : 30 กันยายน 2550
Last Update : 14 ตุลาคม 2550 20:20:59 น.
Counter : 666 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Life's like that
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



สวัสดีค่ะ
เป็นสมาชิกแบบเป็นๆหายๆของท่านนายพันติ๊บ มาก็หลายปีแล้วล่ะ ทำตัวล่อของลับ..เอ๊ย...55..ลับๆล่อๆ อยู่ด้วยชื่อต่างๆ มาหลายชื่อ เลยไม่ดังติดอันดับกะเค้าซักที ตามประสาคนขี้อาย ไม่อยากให้ใครจดจำ มาคราวนี้ ตกผลึกทางความคิด แล้วก็...หาทางแก้ปัญหาชื่อ ล็อคอินที่ไม่เข้าตาตัวเอง ด้วยวิธีการอันแยบยล จนได้ชื่อนี้ในที่สุด พอใจล่ะ ก็ผ่านร้อนๆหนาวๆ มาซะขนาดนี้ ก็พอเข้าใจล่ะ ว่า life's like that.......ชีวิตก็เป็นเช่นนั้นเอง