เมษายน 2549

 
 
 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
รักอย่างไรให้เป็นสุข
รักอย่างไรให้เป็นสุข

การรักอย่างเป็นสุขนั้น สามารถทำได้ดังนี้

๑. ชำระใจตนให้สะอาด หมดจด จากความต้องการใด ๆ แล้วแผ่ความรัก ความปราถนาดีออกไปรอบทิศทาง จนอิ่มเอิบ เปี่ยมสุข ความรักอย่างนี้เรียกว่า รักสากล หรือเมตตาอันหมดจด จะทำให้ผู้รักอยู่เป็นสุข ตื่นเป็นสุข หลับเป็นสุข ถ้าฝันก็ฝันดี เป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย

ถ้าต้องการรักเจาะจงบุคคล ทำอย่างไรจึงจะเป็นสุข

๒. หากประสงค์จะรักเฉพาะบุคคล ให้ตั้งใจให้สะอาด ปรารถนาจะมอบให้ซึ่งความรักอันหมดจด จริงใจ โดยไม่หวังสิ่งใด ๆ ตอบแทน บางคนอาจคิดว่าทำได้หรือ

ก็ต้องตอบตามความจริงว่า ทำได้แน่ สมัยหนึ่ง ขณะที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เคยตั้งใจชำระจิตของตนและยกระดับใจให้สูงส่งโดยตั้งใจให้หมดจด แผ่แต่ความรักความเมตตาอันบริสุทธิ์ ที่ปรารถนาจะมอบคุณค่าให้แก่บุคคลผู้หนึ่ง และเกื้อกูลเขาอย่างแท้จริง เพื่อให้เขาเป็นสุข

ความรักนั้นบริสุทธิ์และมีค่ามาก เขาผู้นั้นก็เอิบอิ่ม เป็นสุข ประทับใจในความรักอันบริสุทธิ์ และมอบความรักอันหมดจดตอบ

เมื่อต่างคนต่างไม่ต้องการอะไรจากกัน ต่างก็หวังจะให้แก่กัน จึงไม่มีใครผิดหวัง ความทุกข์ก็ไม่มีโอกาสเกิดขึ้น จิตเป็นอิสระ ปราศจากความห่วงหาอาวรณ์ ยามไม่ได้พบกันก็ไม่ได้คิดถึงคนึงหา แต่ยามพบกันคราใดก็จะมีความจริงใจ อันสะอาดหมดจดให้แก่กัน สัมพันธภาพจึงราบรื่นไร้ปัญหา และเอื้อต่อความสุขอย่างแท้จริง

แต่การใช้วิธีนี้ต้องคำนึงถึงระดับของคู่สัมพันธ์ คู่สัมพันธ์ต้องเป็นบุคคลที่มีจิตใจประเสริฐและพร้อมที่จะให้เหมือนกันจึงจะเป็นสุข ถ้าจิตใจคู่สัมพันธ์บกพร่องหรือหยาบช้า มีเจตนาไม่ดี หรือมีแต่ความอยากได้ถ่ายเดียวแล้ว ก็จะไม่ผลเป็นความสุข

เพราะในขณะที่คนหนึ่งหมั่นสละให้อีกคนก็จ้องจะตักตวง คนหนึ่งเพียรสร้างความสุข อีกคนก็เฝ้าทำลาย แม้จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ก็ย่อมเป็นทุกข์ทั้งสิ้น

ความปรารถนาดีและการสละให้โดยหมดจดคือวิธีรักอย่างเป็นสุขระดับที่สอง รองลงมาจากเมตตาอันหมดจด ไร้ขอบเขต

ถ้าหากมีความต้องการสนองตอบด้วยล่ะ ทำอย่างไรจึงจะเป็นสุข

๓. หากมีความต้องการด้วย ก่อนอื่นต้องเลือกบุคคลที่มีความประเสริฐจริงในการคบหาด้วย จากนั้นยินดีในคู่สัมพันธ์ของเรา ความยินดีจะทำให้เกิดความเคารพซึ่งกันและกัน เมื่อเคารพซึ่งกันและกันแล้วก็ตั้งความจริงใจทั้งต่อหน้าและลับหลัง

ปฏิบัติต่อกันด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ทั้งทางใจ ทางวาจา และทางกายกรรม จากนั้นก็เก็บความต้องการของตนเสียแล้วประพฤติตามความต้องการของคู่สัมพันธ์

เรื่องนี้ประณีตมาก การที่จะเก็บความต้องการของตนเสีย แล้วประพฤติตามความต้องการของคู่สัมพันธ์นั้น จะต้องได้คู่ที่มีคุณธรรมระดับเดียวกัน หรือดีกว่าเท่านั้น หาไม่แล้วจะอึดอัด และอาจนำไปสู่ความหายนะได้โดยง่าย

แต่หากได้คู่ที่มีคุณธรรมระดับเดียวกัน และต่างคนต่างก็ปฏิบัติเหมือนกันคือเก็บความต้องการของตนเสีย และปฏิบัติตามความต้องการของคู่สัมพันธ์ เมื่อต่างคนต่างเก็บความต้องการของตนแล้วหวังจะประพฤติตามความต้องการของคู่สัมพันธ์แล้ว ในที่สุดจะปฏิบัติตามความต้องการของใครเล่า

เมื่อคนดีและคนดีอยู่ด้วยกัน และประสงค์จะประพฤติตามความต้องการของกันและกัน ก็จะพัฒนาไปสู่การประนอมเพื่อความต้องการร่วม โดยต่างพยายามหาจุดประสานหรือจุดร่วมในความต้องการของทั้งสองฝ่าย ในที่สุดก็จะได้วิถีที่สอดคล้องกับความต้องการของทั้งสองคน

การรักกันตามมาตรฐานนี้ ก็จะเป็นสุขได้

ที่มา จากเว็ป ลานธรรมเสวนา



Create Date : 09 เมษายน 2549
Last Update : 9 เมษายน 2549 12:45:21 น.
Counter : 928 Pageviews.

7 comments
  
เอาล่ะ ก็จะขออวยพรตามธรรมเนียม ใครที่แวะมาเยี่ยมขอให้โชคดี มีความสุข สมหวังในความรักมากๆ นะจ้ะ

อย่าลืมนะ เมตตา ต้องรักด้วยความเมตตา คืออยากให้คนที่รักมีความสุข แล้วต่อด้วยกรุณา อยากช่วยเหลือให้พ้นทุกข์ ตามมาด้วยมุทิตา เมื่อเห็นเขาได้ดีก็สุขใจ

สุดท้ายแล้ว หากรักจำเป็นต้องจากไป ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใดในโลกหล้า ก็ต้องรู้จักวางอุเบกขาเข้าไว้

ใครทำได้ก็เป็นพระแร้ววววว เอ๊ย...จะได้รักอย่างไม่ทุกข์ไงล่ะ อิอิ
โดย: จขกท (Life's like that ) วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:14:02:22 น.
  
เห็นด้วยกับคติธรรมสำหรับคนที่ยังติดอยู่ในโลกียสุข ที่ท่านเจ้าของฯ ได้นำมาเผยแผ่ครับ

แวะมาเยี่ยม และขอฝากคำขอบคุณไว้ที่นี่ด้วยครับ
และผมก็กลับไปด้วยคติประจำตัวที่คิดได้ตอนนี้ดังนี้ครับ

พระท่านว่า รักคือ เหตุแห่งทุกข์
จะหาสุขจากรักจึงยากแสน
สุขโลกีย์ขาดเกินกรรมหมุนแกน
สุขอย่างเดียวเมืองแมนจึงไม่มี
โดย: piangdin วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:14:18:32 น.
  
อุ๊ยโหยว....มีกวีมาเยี่ยมบ้อกๆ เราด้วยแฮะ อิอิ

แต่งกลอนเพราะเชียว

ต่อหน่อยดีกว่า

รู้ทั้งรู้ว่ารักนำความทุกข์
แต่ความสุขจากรักก็หวานแสน
โลกียสุขใดๆ ในเมืองแมน
ไม่เหมือนแม้นสุขใดเท่ารักเอย...

คริ คริ ข้าพเจ้าก็เป็นกลอนเหมือนกันนะ
โดย: จขกท IP: 58.64.104.37 วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:15:26:01 น.
  
คิดจะรักจงกล้าปะหน้าทุกข์
หากหวังสุขเรียนรู้เหตุทุกข์เข็ญ
เวลาสุขเห็นทุกข์เรียกสุขเป็น
เวลาเข็ญเห็นสุขทุกข์ก็คลาย

ฮ่า ๆ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเอาคำมาต่อกันหรือไม่
โดย: piangdin วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:16:46:20 น.
  
แวะมาเยี่ยมคุณบ้าง
เคยรัก เคยให้ อย่างไม่ต้องการสิ่งตอบแทน
แต่กว่าจะเข้าถึงความหมายของความรักแบบนี้
ต้องยึดมั่นกับเป้าหมายอย่างจริงจัง เพราะตัวกิเลศมันแข็งแรงกว่า มันคอยออกมายุแยง ยั่วยวน คอยชักใบให้เรือเสียอยู่ร่ำไป
กว่าจะผลักดันให้ฝ่ายคุณธรรมออกมาต่อกรจนได้รับชัยชนะ ตัวตนของเราก็บอบช้ำแทบปางตาย แต่เป็นเรื่องดีที่เราได้เรียนรู้การเป็นผู้ให้โดยแท้จริงและทำให้เราภาคภูมิใจในคุณสมบัติด้านนี้ของจิตวิญญาณเรา

ขอเป็นเพื่อนด้วยคนนะคะ
อาจเขียนไม่เก่ง เล่าไม่ถูก เพราะเพิ่งหัดบล๊อก
โดย: peka วันที่: 11 ตุลาคม 2550 เวลา:10:19:11 น.
  
สวัสดีคะ แวะมาเยี่ยมนะ
ได้คำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับเรื่องความรู้สึกที่เรียกว่า
"รัก" หลายๆ มุมมอง เพื่อจะได้ทุกข์ให้น้อยหน่อยกับ
ความรัก และพยายามรักให้เป็น

ซึ่งตอนนี้แม้จะไม่สมหวัง แต่หวังว่าจะเข้มแข็งและรักตนเองเพิ่มขึ้นและครอบครัวที่ห่วงใยเสมอ เฮ้อ..สู้ สู้ สู้




โดย: มะปราง IP: 203.113.61.104 วันที่: 30 มกราคม 2551 เวลา:18:31:10 น.
  
ขอบคุณ..

อยู่ในระยะนี้พอดี..ระยะไม่ปลอดภัย..

โดย: นิรดาnirada IP: 125.24.209.245 วันที่: 30 กรกฎาคม 2551 เวลา:1:45:48 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Life's like that
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



สวัสดีค่ะ
เป็นสมาชิกแบบเป็นๆหายๆของท่านนายพันติ๊บ มาก็หลายปีแล้วล่ะ ทำตัวล่อของลับ..เอ๊ย...55..ลับๆล่อๆ อยู่ด้วยชื่อต่างๆ มาหลายชื่อ เลยไม่ดังติดอันดับกะเค้าซักที ตามประสาคนขี้อาย ไม่อยากให้ใครจดจำ มาคราวนี้ ตกผลึกทางความคิด แล้วก็...หาทางแก้ปัญหาชื่อ ล็อคอินที่ไม่เข้าตาตัวเอง ด้วยวิธีการอันแยบยล จนได้ชื่อนี้ในที่สุด พอใจล่ะ ก็ผ่านร้อนๆหนาวๆ มาซะขนาดนี้ ก็พอเข้าใจล่ะ ว่า life's like that.......ชีวิตก็เป็นเช่นนั้นเอง