|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
Law Abiding Citizen (2009)
นิยามของคำว่า "ความถูกต้อง" แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร แล้วคำว่า "ความถูกต้อง" นั้น สามารถ "ประณีประนอม" กันได้หรือไม่ และภายหลังจากประณีประนอมแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคืออะไร นี่คืออีก 1 หน้าของภาพยนต์ที่ท้าทายความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และความถูกต้องของกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะกับผู้ที่ถือมันอยู่ในมือ!!
Law Abiding Citizen นำแสดงโดย 2 ดาราชั้นเลิศของ Hollywood นั่นคือ Jamie Foxx รับบทเป็น Nick Rice อัยการหนุ่มผู้กำสถิติชนะคดีมากกว่า 96% ซึ่งต้องมาเฉือนบทบาทกับอดีตมันสมองของ CIA อย่าง Clyde Shelton ซึ่งรับบทโดย Gerard Butler ที่ต้องสูญเสียครอบครัวไปด้วยน้ำมือของโจร 2 คน และกระบวนการยุติธรรมก็ไม่สามารถทวงถามความยุติธรรมอย่างแท้จริงคืนให้เขาได้ จึงเป็นหน้าที่ของมันสมองของ CIA ที่จะทวงคืนความเจ็บปวดที่ครอบครัวของเขาได้รับจากการทุรยศของกระบวนการยุติธรรม
หนังเรื่องนี้หากใครไม่เข้าใจระบบกระบวนการยุติธรรมของอเมริกา อาจจะดูหนังเรื่องนี้ลำบากหน่อย แต่ถ้าใครเป็นแฟนหนังเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมของสหรัฐฯ อยู่แล้ว เรื่องนี้ก็ไม่ยากเกินกว่าจะเข้าใจ
แต่สิ่งที่หนังกำลังบอกก็คือ จริงๆ แล้ว "กระบวนการยุติธรรม" ให้ "ความยุติรรม" กับประชาชนได้จริงๆ หรือไม่?
และที่สำคัญ เราสามารถ "ต่อรอง" กับความ "ยุติธรรม" ได้หรือไม่ ซึ่งเนื้อหนังได้นำเสนอภาคของการต่อรองกับ "กระบวนการยุติธรรม" ซึ่งทำให้คนชั่วลอยนวลได้อย่างอิสระ จนผู้สูญเสีย จำเป็นต้องทวงถามด้วยตนเอง
หนังเรื่องนี้สำหรับผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม พึงพิจารณาถึงรายละเอียดของหนังอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำหน้าที่เป็น อัยการ หรือ ทนาย ซึ่งเป็นตัวแทนในการ "ต่อรองกับความยุติธรรม" ให้กับผู้เสียหายและผู้กระทำความผิดในทุกกรณี
กลับมาที่การเล่าเรื่องของหนังกันบ้าง
หนังเรื่องนี้มีวิธีการเล่าเรื่องตามปฏิทินปกติ คือไม่มีการกระโดดข้ามช็อตไปในช่วงเวลาต่างๆ เพราะลำพังเนื้อหาก็ยากแล้ว หากมีการ flash back หรือข้ามเวลาอีก ก็คงทำให้คนดูต้องใช้สมาธิเพิ่มอีกหลายเท่า
และยังเป็นการเล่าเรื่องที่ใช้สมาชิกของ 2 ครอบครัว และการเล่นเชลโล่ของลูกสาว Rice มาเป็นจุดเชื่อมต่อเรื่อง ได้อย่างละเมียดละมัย
ประกอบกับเนื้อเรื่องที่สร้างให้ Shelton เป็นอัจฉริยะจอมวางแผน ซึ่งสามารถป่วนโลกทั้งใบได้ตามความต้องการ โดยเฉพาะภาระกิจทวงแค้นครั้งนี้ ใช้ระยะเวลาวางแผนถึง 10 ปี ศิลปะการทวงแค้นของเรื่องจึงไพเราะ สวยงาม และเปี่ยมไปด้วยอัจฉริยะภาพ ซึ่งผู้เขียนบทสามารถสร้างความประหลาดใจถึงวิธีการทำลายได้ราวกับศิลปินเอก
ประกอบกับฉากความรุนแรงต่างๆ ที่มีอยู่เกลือนกลาด หนังเรื่องนี้จึงเหมาะควรแล้วที่ถูกจัดให้อยู่ในระดับ 18+ หรือเหมาะกับผู้ชมที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
ไม่เฉพาะความรุนแรงเท่านั้น ความหมิ่นเหม่กับเรื่องนิยามของคำว่า "ความถุกต้อง" นิยามของคำว่า "การบังคับใช้กฎหมาย" ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ผู้ชมพึงใช้วิจารณญานอย่างยิ่งในการชม
การแสดงของทั้ง Foxx และ Butler ทั้งคู่เล่นได้อย่างถึงน้ำถึงเนื้อ เข้มข้นสมกับที่ต่างก็เคยได้รับการเสนอชื่อบนเวที Oscar (ไม่แน่ใจว่าทั้งคุ่ได้รางวัลมาแล้วหรือไม่ แต่เท่าที่จำได้ เคยนะ)
แนะนำว่า สำหรับผู้ที่ดูหนัง "เอาเรื่อง" ควรแวะไปชมหนังเรื่องนี้ให้ได้
สุดท้าย คำถามที่ผุดขึ้นหลังจากได้ดูหนังเรื่องนี้คือ สำหรับคนเดินดิน ที่ไม่มีสมองอันเป็นเลิศ ไม่มีสิทธิ์อำนาจพิเศษอันใด จะมีสิทธิ์ทวงถามความยุติธรรมอย่างแท้จริง หรือไม่ หรือว่ากระบวนการยุติธรรมที่เราจำต้องพึ่งพา จะประณีประนอมกับความชั่วร้ายจนเราต้องขมขื่นกับการใช้ชีวิตหรือไม่...น่าคิด
Create Date : 07 พฤศจิกายน 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2552 10:49:06 น. |
Counter : 878 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ทิเบต IP: 119.31.121.78 22 กุมภาพันธ์ 2553 2:49:52 น. |
|
|
|
| |
|
|