|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
โบรกแนะเก็งกำไรสั้น 11 หุ้นเด่น ดัชนีหุ้นไทยรีบาวด์ ทยอยขายทำกำไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 9.43 น. ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 30.92 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ด้านตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ดีดกลับแรงหลังจากปรับตัวลงต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฟื้นตัวจากเริ่มมีความชัดเจนเกี่ยวกับแผนการแก้ไขปัญหาหนี้กรีซ โบรกคาดดัชนีหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัว เน้นทยอยขายทำกำไรช่วงรีบาวด์ แนะเก็งกำไร 11 หุ้น ได้แก่ PS STA ADVANC DTAC CPALL BIGC SAT LPN LH BEC MAJOR ส่วนพอร์ตลงทุนไม่เน้นซื้อเพิ่ม ถือเงินสดรอความชัดเจน โดยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้
บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ กลยุทธ์การลงทุน: ทยอยขาย แนวโน้มตลาดวันนี้: ฟื้นตัวระยะสั้นในกรอบขาลง
ข่าวการพิจารณาแผนเพิ่มเงินทุนให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) และการปรับลดหนี้กรีซลง 50% เพิ่มความหวังแก่นักลงทุนเกี่ยวกับแนวทางใหม่ในการลดหนี้กรีซ และหนุนภาคธนาคารยุโรป โดยส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐวานนี้ ขณะค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงเทียบยูโร คาด SET วันนี้จะเห็นการฟื้นตัวเช่นกันตามตลาดภูมิภาคเช้านี้ โดยค่าเงินบาท ณ 7.40 น. แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยมาที่ 31.11บาท/ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามจนกว่าจะเห็นการแก้ไขปัญหาวิกฤติยุโรปที่ชัดเจนทางฝ่ายยังมองภาพ ใหญ่ SET คงมีความเสี่ยงขาลง
กลยุทธ์การลงทุน: เนื่องจากมอง SET ยังมีความเสี่ยงขาลง จึงแนะนำนักลงทุนระยะสั้นทยอยขายช่วงรีบาวน์ และเน้นถือเงินสดให้ก่อน ส่วนระยะกลาง-ยาว ให้รอทยอยสะสมหุ้นแถวแนวรับที่ราว 870 แนวต้าน : 920-925 แนวรับ : 867, 820
การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 0-25% : เงินสด 100-75%
ถือต่อในพอร์ต :
หุ้นที่ปรับออก : PS, STA, DTAC
หุ้นที่ปรับเข้า :
1. AP เก็งกำไร FV ปี 55=6.50 บาท รับปย.มาตรการครม.บ้านหลังแรก +งบ 2H ดี+P/E ต่ำ 6x , Yield สูง 6%
2. BGH เก็งกำไร FV ปี 55=77.50 บาท งบ 3Q ดีจากฤดูกาล+ราคาลงมาก
3. KBANK เก็งกำไร FV = 176.60 บาท ลุ้นรีบาวน์หลังราคาปรับเข้าใกล้จุดต่ำสุดของปีที่ 102.50 บาท
KGI ประเมินตลาดหุ้นวันอังคารรีบาวด์หลังร่วงหนัก คาดว่าจะมีแรงซื้อกลับจากฝั่งในประเทศหลังจากราคาหุ้นร่วงแรงจนมีความน่าสนใจมากขึ้นสำหรับการลงทุนระยะยาว นอกจากนี้มีความหวังมากขึ้นต่อสถานการณ์ในยุโรปหลังจาก i) สำนักข่าว CNBC รายงานว่ากลุ่มยุโรปเตรียมออกมาตรการใหม่ในการตั้งกองทุนเฉพาะกิจ (ที่เรียกว่า Special Purpose Vehicle) เพื่อเข้าซื้อหนี้เสียของธนาคารยุโรป แต่ยังไม่มีรายละเอียดที่มากกว่านี้ และ ii) มีแนวโน้มที่กลุ่มยุโรปจะเพิ่มขนาดของกองทุนสร้างเสถียรภาพที่เรียกว่า EFSF จากปัจจุบัน 4.4 แสนล้านยูโร แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะขึ้นไปเป็นเท่าใด (อาจสูงกว่า 1 ล้านล้านยูโร) โดยในคืนวันพฤหัสฯ นี้ซึ่งเยอรมันจะมีประชุมสภาในเรื่อง EFSF น่าจะมีข่าวสารออกมามากขึ้นสำหรับวันนี้ เราคาดว่า SET จะรีบาวด์ไปทดสอบแนวต้านที่ 925 จุด และ 940 จุด ตามลำดับ แต่นักลงทุนต่างชาติน่าจะยังเป็นผู้ขายสุทธิต่อเนื่องและสร้างความผันผวนแก่ตลาด
กลยุทธ์: สำหรับพอร์ตเทรดดิ้ง แนะนำให้ถือหุ้นที่เก็บมาจากวันศุกร์ที่แล้ว คาดหวังการฟื้นตัวเกินต้นทุนแถว 950 จุดภายในปลายสัปดาห์นี้ตามปัจจัยที่น่าจะดีขึ้นจากฝั่งยุโรป ส่วนพอร์ตลงทุนคงแนะนำเช่นเดิมคือให้ชะลอการลงทุน จนกว่าจะมีความชัดเจนต่อมาตรการแก้ไขปัญหาในฝั่งยุโรป ซึ่งน่าจะเป็นปลายเดือนนี้ต่อเนื่องต้นเดือนตุลาคม
บล. ฟินันเซีย ไซรัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ SET ลง-ซื้อถือและรับเทรดดิ้งได้/บวกขึ้น-ทำกำไรบ้าง แต่ลงทุนเน้นถือ...
แนวโน้ม เมื่อวานนี้ SET ปรับตัวลดลงค่อนข้างรุนแรง โดยปรับตัวลงเกือบถึง 10% ในระหว่างวัน ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากแรงขาย Forced Sell จากการปรับตัวลงแรงของราคาหุ้นหลายๆ ตัวในช่วงที่ผ่านมา ก่อนที่จะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้างในช่วงบ่าย ทำให้ดัชนีหุ้นไทยสามารถดีดกลับขึ้นมาได้บ้าง ขณะที่เช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มกลับมาดูดีขึ้นด้วย หลังนักลงทุนเริ่มมีความหวังว่ายุโรปจะดำเนินการในการสกัดกั้นผลกระทบหากกรีซผิดนัดชำระหนี้ได้ รวมทั้งอาจจะหาแนวทางใหม่ในการลดหนี้ของกรีซลงได้บ้าง ทำให้ FSS คาดว่า SET มีโอกาสที่จะเริ่มแกว่งทรงตัวได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ดีขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังมีลักษณะแกว่งตัวผันผวนอยู่เช่นเดิม ดังนั้นเทรดดิ้งเล่นตามรอบให้ขายทำกำไรบ้างเมื่อตลาดบวก ส่วนที่แนะนำให้ทยอยเลือกหุ้นเข้ารับเพื่อถือลงทุนไปบ้างแล้วนั้น ถ้าตลาดดีดขึ้นให้เน้นถือแต่ไม่จำเป็นต้องรีบซื้อเพิ่ม
กลยุทธ์: ถ้าซื้อเพื่อถือจะเลือกหุ้นรับเฉพาะตลาดปรับตัวลงแรง แล้วเน้นถือไม่ซื้อเพิ่มถ้า SET บวก ส่วนการเข้าเทรดดิ้งเน้นซื้อตอนลง และขายทำกำไรบ้างเมื่อบวก
บล.ไทยพาณิชย์ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ความพยายามครั้งใหม่ของ ECB กับความหวังอีกครั้ง! ตลาดหุ้นฝั่งตะวันตกวานนี้ต่างปรับบวกขึ้นเฉลี่ย 2% โดยหุ้นธนาคารในยุโรปปรับบวกราว 4-5% หลังมีรายงานครั้งใหม่เกี่ยวกับแผนที่จะเพิ่มขนาดกองทุน EFSF ในขณะที่เริ่มมีรายละเอียดออกมาบ้าง เช่น เงินใน EFSF บางส่วนจะใช้เป็นเงินทุนของธนาคารที่มีความจำเป็น จะจัดตั้ง EIB เพื่อสร้าง SPV จุดประสงค์เพื่อเข้าซื้อพันธบัตรในยุโรป โดย SPV นี้สามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันต่อ ECB ได้ นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าการประชุมของ ECB ในวันที่ 6 ต.ค. มีแนวโน้มที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีกราว 50bps เป็น 1% ซึ่งข่าวเหล่านี้ล้วนทำให้บรรยากาศการลงทุนในฝั่งตะวันตกกลับมาดูดีได้บ้าง อย่างน้อยก็มีข่าวออกมาว่าทำได้หรือทำไม่ได้ ซึ่งความเสี่ยงตอนนี้เรามองเพียงเรื่องการเพิ่มขนาดกองทุน ซึ่งคงต้องขึ้นกับประเทศต่างๆ ที่จะมีการโหวตแผนกัน (เยอรมันโหวต 29 ก.ย.) ส่วนตลาดบ้านเรา มองเป็นว่าถูกขายออกมาหนักตามย่าน ASEAN ซึ่งทำให้ Performance ของกลุ่ม TIP ยังคงเกาะกลุ่มกัน ส่วนตลาดวันนี้มีลุ้น Rebound หลังวานนี้ร่วงลงแรง แต่อย่างไรก็ตามเรามองว่าการกลับเข้าซื้อหุ้นคงต้องเป็นช่วงที่ได้เห็นพัฒนาการความช่วยเหลือที่ชัดเจนมากกว่านี้
ลุ้น Rebound ได้บ้าง แม้ไม่หวังไกล แต่อย่างน้อยก็เริ่มเห็นว่าตลาดคิดยังไงกับหุ้นบ้านเรา วานนี้กลุ่มธนาคาร ปิโตรฯ โรงกลั่น SCC เป็นเป้าหมายหลักในการขายมองผ่านกระดาน NVDR ส่วนฝั่งซื้อยังคงนำโดยกลุ่มสื่อสาร ซึ่งเรายังมองหุ้นกลุ่มสื่อสารยังน่าสนใจ และน่าสนใจมากในช่วงที่ราคาร่วงลงแรง จากประเด็นทีเราเกริ่นไปแล้ววานนี้ สำหรับวันนี้เรามองว่าการที่ตลาดกลับมาหวังครั้งใหม่ จะทำให้หุ้นบ้านเราสามารถดีดกลับขึ้นมาได้บ้าง แรงไม่แรงขึ้นกับความเชื่อมั่นของตลาดต่อข่าวที่ออกมาในตอนนี้ (เราค่อนข้างมั่นใจในพัฒนาการของฝั่งยุโรปว่าท้ายที่สุดน่าจะผ่านไปได้ แต่ระหว่างทางคงต้องเจอแรงต้านเยอะพอสมควร) ส่วนสิ่งที่ต่างชาติมองมายังตลาดหุ้นไทย น่าจะเป็นในทำนองยังคงมองเห็นว่าหุ้นบ้านเรายังลงไม่แรงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ในขณะที่หากวัดจากปีที่ผ่านมา พบว่าหุ้นไทยยังคงปรับบวกขึ้นอยู่ราว 23% อินโดยังบวกอยู่ 30% และฟิลิปปินส์ บวกอยู่ 21% ซึ่งถ้าเทียบกับประเทศอื่นในเอเซียที่ร่วงลงไปแล้ว 20-30% จากต้นปี 53 ซึ่งทำให้หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น เรามองกลุ่ม TIP ยังคงเป็นเป้าหมายต่อไป (ถือว่าเป็นจุดอ่อนสำคัญมากหากตลาดเกิดแย่ และเจอวิกฤติรอบใหม่)
กลยุทธ์วันนี้
แม้จะยังไม่แน่ชัดว่าแผนของ ECB จะช่วยยุโรปได้จริง แต่อย่างน้อยการที่ดัชนีปรับร่วงลงมาแรงวานนี้ ในขณะที่พัฒนาการความช่วยเหลือเริ่มดูดี อีกทั้งตลาดหุ้นยุโรปเริ่มเล่นในกรอบที่ชัดเจนขึ้น ทำให้บ้านเรากลับมาลุ้นการ Rebound ได้ เราแบ่งกลุ่มการเล่นเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ หุ้นที่น่าสะสม ปลอดภัย และงบฯ ไม่เสี่ยงมาก ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร ค้าปลีก ยานยนต์ อสังหาฯ และบันเทิง (หุ้นแนะนำ ADVANC DTAC CPALL BIGC SAT LPN LH BEC MAJOR) ซึ่งเรามองว่า ณ ระดับดัชนีปัจจุบัน หุ้นกลุ่มนี้น่าซื้อคืน/ถัวเฉลี่ย และกลุ่มที่รอความชัดเจนแล้วค่อยซื้อตาม (รออัพเดทกลุ่มนี้) ได้แก่ กลุ่มพลังงาน ปิโตรฯ และธนาคาร
Create Date : 27 กันยายน 2554 |
Last Update : 27 กันยายน 2554 12:20:36 น. |
|
0 comments
|
Counter : 483 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|