Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
14 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
โบรกจัดทัพ 11 หุ้นเด่น ดัชนีลุ้นรีบาวน์สั้น เลี่ยงหุ้นหลัก-โภคภัณฑ์ก่อนพักฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.19/21 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.18/21 บาท/ดอลลาร์ หุ้นเอเชียเช้านี้เปิดตลาดปรับตัวขึ้นหลังจีนปรับลดปริมาณสำรองเงินสดของธนาคารเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวบดบังการคาดการณ์ที่ว่ากรีซอาจจะถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของกลุ่มยูโรโซน นักวิเคราะห์คาดดัชนีหุ้นไทยยังผันผวน โดยมีโอกาสที่จะรีบาวน์ขึ้นได้ อย่างไรก็ตามแนะนำให้ขายทำกำไร และเลี่ยงหุ้นหลักโดยเฉพาะหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากความไม่แน่นอนในยุโรปยังมีอยู่สูง ขณะที่เชื่อว่าตลาดจะพักฐานลงในครึ่งหลังเดือนพ.ค. ทั้งนี้แนะนำเก็งกำไร 10 หุ้นเด่น ได้แก่ SAT, CPF, BGH, CFRESH, CPN, LOXLEY, TRC, AP, ROBINS, HEMRAJ และ INTUCH

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ : ผันผวนในกรอบ 1185-1200 กลยุทธ์การลงทุน : เน้นทยอยขายช่วงดีดตัว

ภาพรวมตลาดหุ้นยังถูกแวดล้อมด้วยความไม่แน่นอนของวิกฤติหนี้ยุโรปต่อไป และมีความกังวลเพิ่มเติมในกลุ่มสถาบันการเงินของสหรัฐหลังเจพีมอร์แกนประกาศบันทึกผลขาดทุนจำนวนมากจากการลงทุน ขณะที่ปัจจัยบวกภายในเรื่องการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 1/55 ใกล้จะสิ้นสุดลงในช่วงต้นสัปดาห์นี้แล้ว จึงคาด SETI จะผันผวนในกรอบจำกัดมากขึ้นระหว่างรอปัจจัยใหม่เข้ามา โดยปัจจัยล่าสุดเรื่องการปรับลดอัตราการกันสำรองธนาคารพาณิชย์ของจีนอีก 0.50% สู่ระดับ 20% จะเป็นบวกเล็กน้อยต่อภาพรวมตลาดในเช้าวันนี้ กอปรกับการดิ่งหนักของตลาดหุ้นไทยกว่า 36 จุด ในสัปดาห์ก่อน อาจทำให้มีการดีดตัวสลับเข้ามาบ้าง แต่เชื่อว่าจะยังไปไม่ได้ไกลนัก เนื่องจากขาดปัจจัยเชิงบวกที่เด่นชัดผลักดันการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง จึงน่าจะยังติดกรอบแนวต้านแถว 1200 อยู่ ขณะที่ต่างชาติยังเดินหน้าขายหนักทั้งในตลาดหุ้นและอนุพันธ์อย่างต่อเนื่อง และบาททรงตัวเหนือระดับ 31.18 บาท/ดอลลาร์ เช้านี้ (7.50 น.)

กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น : เน้นการทยอยขายช่วงดีดตัว จนกว่าจะสามารถยืนเหนือ 1200 ได้อย่างแข็งแกร่งเสียก่อน แนวต้าน : 1194-1200 แนวรับ : 1185-1178

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50% : เงินสด 50%

ถือต่อในพอร์ต : SAT, CPF, BGH, CFRESH

หุ้นที่ปรับออก : TMB

หุ้นที่แนะนำ : CPN เก็งกำไรตามสัญญาณทางเทคนิค กรอบระยะสั้น มองต้าน 51-52 รับ 47 Cut loss 46 บาท

ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุในบทวิเคราะห์ดังนี้ คาดว่า SET จะรีบาวด์ขึ้นได้ในกรอบจำกัดก่อนลงต่อ จึงควรเน้นขาย...

กลยุทธ์ : FSS คาดว่า SET มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้ในระยะสั้น แต่แนะนำให้เน้นขายทำกำไรมากกว่า เพราะเราคาดว่า SET ช่วงครึ่งหลังของเดือน พ.ค. มีโอกาสสูงที่จะปรับพักฐานลงต่อ ทั้งจากความวิตกต่อปัญหาการเมืองและหนี้สินของกรีซ รวมทั้งวิกฤติหนี้ในยูโรโซน นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศที่อ่อนแอลง และการที่เจพีมอร์แกนประสบปัญหาขาดทุนจากการลงทุนยังเป็นปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนอยู่ด้วย

หุ้นเด่นทางเทคนิค : LOXLEY, TRC, AP(SBL)

แนวโน้ม : หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว SET ถูกกดดันจากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศที่มีออกมาค่อนข้างหนักและต่อเนื่อง หลังตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ยูโรโซนอีกครั้งเนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของกรีซ และตัวเลขเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะดีนักของหลายๆ ประเทศในช่วงนี้ อย่างไรก็ตามจากการปรับตัวลงแรงแล้วของตลาดหุ้นไทย ขณะที่ยังมีข่าวบวกจากการที่แบงก์ชาติประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้ขึ้นจากเดิม 5.7% มาเป็น 6.0% เพื่อสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมที่กลับมาจากปัญหาน้ำท่วมได้เร็วกว่าคาด รวมทั้งเป็นช่วงท้ายของการประกาศผลประกอบการรายไตรมาสของ บจ.ต่างๆ ด้วย ทำให้คาดว่า SET มีสิทธิที่จะแกว่งทรงตัวและรีบาวด์กลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในด้านบวกได้บ้าง ซึ่งถือเป็นโอกาสในการเข้าเทรดดิ้งสั้นๆ ตามรอบอีกครั้ง แต่ควรมองหาจังหวะขายทำกำไรและขายลดพอร์ตลงอีกครั้งเมื่อตลาดบวกขึ้นด้วย เนื่องจาก FSS มองว่า SET ช่วงนี้มีความเสี่ยงต่อการปรับพักฐานลงอีกครั้งมากกว่า

แนวรับ  1188 , 1185-1180  จุด / แนวต้าน  1195-1200 , 1205-1215  จุด

ส่วนบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินตลาดหุ้นไทยวันจันทร์แกว่งตัวลง วันนี้มีปัจจัยบวกและลบที่คานกันอยู่ได้แก่ปัจจัยบวกจากจีนที่ประกาศลดสัดส่วนเงินสำรองธนาคาร 0.5% สู่ 20.0% (สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ มีผลวันที่ 18พ.ค.) หลังจากตัวเลขการผลิตอุตสาหกรรมรวมทั้งตัวเลขสินเชื่อเดือน เม.ย. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ส่วนปัจจัยลบยังอยู่ที่กรีซ หลังจากพรรค PASOK ของกรีซไม่สามารถตั้งรัฐบาลผสมได้ และเมื่อช่วงสุดสัปดาห์การเจรจาระหว่างพรรคใหญ่ 3 พรรคเพื่อตั้งรัฐบาลร่วมกันก็ล้มเหลวอีก ภาพรวมเรามองว่าปัจจัยลบจากกรีซมีน้ำหนักมากกว่าประเด็นบวกจากจีน จึงมองว่าตลาดหุ้นจะแกว่งลงโดยเฉพาะในช่วงบ่ายที่ตลาดยุโรปเปิด และนักลงทุนต่างชาติน่าจะอยู่ในฝั่งขายสุทธิต่อไป ส่วนปัจจัยยุโรปในสัปดาห์นี้ยังมีความสำคัญ ได้แก่ 1) การประชุมของพรรคการเมืองกรีซทุกพรรคในวันจันทร์ เพื่อหาทางจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติให้ได้ 2) การประชุมระหว่างนางแอนเจลา เมอร์เคล นายกฯ เยอรมัน กับนายฟรานซิส ฮอลลองก์ปธน.ฝรั่งเศสคนใหม่ เกี่ยวกับการแก้ปัญหายูโรโซนในภาพรวม ด้านปัจจัยในประเทศ ฤดูผลประกอบการไตรมาส 1 จะสิ้นสุดในกลางสัปดาห์นี้ และน่าจะตามมาด้วยการปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2555โดยเฉพาะในกลุ่มในประเทศเช่นค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ และสื่อสาร เนื่องจากหุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่มดังกล่าวแจ้งกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างชัดเจนมากขึ้น เห็นได้จากที่ธปท. ปรับเพิ่มประมาณการ GDP ปีนี้เป็น 6.0% จากเดิมที่มอง 5.7%

กลยุทธ์ : เรายังคงแนะนำให้เลี่ยงหุ้นหลักโดยเฉพาะหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากความไม่แน่นอนในยุโรปยังมีอยู่สูงและจะลดทอนผลบวกจากประเด็นของจีน แนะนำถือเงินสด หรือซื้อเฉพาะหุ้นที่รายงานกำไรดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์และแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังเป็นขาขึ้น เช่น ROBINS*, HEMRAJ และ INTUCH เป็นต้น




Create Date : 14 พฤษภาคม 2555
Last Update : 14 พฤษภาคม 2555 12:13:26 น. 0 comments
Counter : 1134 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

NEWSU_CHADA
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add NEWSU_CHADA's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.