ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.56 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 30.81 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียมีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนบวกและลบ นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบเพื่อรอปัจจัยใหม่ จับตาข่าวการข่าวการลดหนี้และการเพิ่มทุนธนาคารกรีซ แนะเก็งกำไร 11 หุ้นเด่น ได้แก่ KK, SVI, KBANK , BWG, SCB, MINT, SAT, TUF, INTUCH, AMATA , STEC

คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้จะแกว่งตัวในกรอบจำกัดระหว่าง 1111-1122 จุด หลังรับข่าวบวกเรื่องรัฐสภากรีซอนุมัติมาตรการรัดเข็มขัด เพื่อขอรับเงินช่วยเหลือรอบสองแล้วระดับหนึ่ง ขณะที่ยังต้องรอการพิจารณาของอียูและไอเอ็มเอฟเพื่อการอนุมัติเงินช่วยเหลือต่อไป ด้านปัจจัยภายในเรื่องความชัดเจนเรื่องอัตราการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากธนาคารพาณิชย์ 0.47% เพื่อนำ 0.46% ส่งให้ชำระหนี้ FIDF รวมถึงการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก จะยังคงหนุนหุ้นแบงก์และพลังงานได้ต่อ อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตุว่าวอลุ่มการซื้อขายลดน้อยลงจากช่วงก่อนอยู่บ้าง อีกทั้งแรงซื้อของต่างชาติเริ่มแผ่วลง โดยกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเล็กน้อย แม้อาจยังไม่ใช่สัญญาณการขยับออกของเงินลงทุน แต่ก็สะท้อนการชะลอตัวเพื่อรอความคืบหน้าของปัจจัย หรือปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาชี้นำทิศทางในระยะต่อไป

กลยุทธ์การลงทุน : การเก็งกำไรระยะสั้น ยังเน้นแบบ “ขึ้นขาย ลงซื้อ” ต่อไป แนวต้าน : 1122-1130 แนวรับ : 1111-1102

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50% : เงินสด 50%

ถือต่อในพอร์ต : BWG, SCB, MINT, SAT

หุ้นที่ปรับออก : ADVANC

หุ้นที่ปรับเข้า : TUF แนวโน้มผลการดำเนินงานยังดี ข่าวไฟไหม้ฯ คาดส่งผลระยะสั้นต่อราคาหุ้นเท่านั้น พื้นฐานมอง 80 บาท กรอบเทรดระยะสั้น มองต้าน 73 รับ 68 Cut loss 66 บาท

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ตลาดยังมีลุ้น Fund Flow ที่จะเข้ามาต่อเนื่อง ดังนั้นอ่อนตัวซื้อได้!!

กลยุทธ์: FSS ยังแนะนำเลือกหุ้นเข้าเทรดดิ้งได้ โดยเฉพาะเมื่อตลาดปรับพักตัวลง ซึ่งยังเน้นหุ้น Domestics เป็นหลัก ขณะที่หุ้นกลุ่มแบงก์ก็น่าสนใจเทรดดิ้ง หลังคลังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเงินฝากน้อยกว่าตลาดคาดไว้เดิม โดยเราแนะนำซื้อ KBANK และ SCB เพราะเป็นหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จาก Foreign Fund Flow ด้วย

หุ้นเด่นทางเทคนิค KK, SVI, TTCL (SBL)

แนวโน้ม เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปขยับขึ้นตอบรับข่าวบวกจากการที่สภากรีซอนุมัติมาตรการรัดเข็มขัด ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียตอบรับข่าวนี้ไปก่อนหน้าแล้ว ทำให้เช้านี้ตลาดเอเชียอยู่ในลักษณะแกว่งพักตัวเพื่อรอปัจจัยหนุนใหม่ ซึ่งคาดว่า SET ก็มีแนวโน้มที่จะยังอยู่ระหว่างแกว่งตัวผันผวนเพื่อรอข่าวด้วยเช่นกัน แต่ FSS ยังคาดว่า SET จะพักตัวแค่ช่วงสั้น และยังมีโอกาสลุ้นรีบาวด์กลับขึ้นได้อยู่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ได้รับปัจจัยบวก หลัง รมว.คลังระบุว่าจะเก็บค่าธรรมเนียมเงินฝากน้อยกว่าที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้ รวมทั้งการจะจัดเก็บจากแบงก์รัฐในอัตราที่เท่ากัน ถือเป็น "Positive surprise" กับหุ้นแบงก์ใหญ่ โดย KBANK, BBL และ SCB เรามองว่าจะได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยด้วย ดังนั้นไม่ว่า พรก.การโอนหนี้ฯ ที่อยู่ระหว่างการตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไรก็ตามไม่ถือเป็นปัจจัยลบไปมากกว่านี้แล้ว กลุ่มแบงก์จึงมีสิทธิ Rebound ต่อเพราะก่อนหน้านี้ขยับขึ้นช้ากว่าตลาดพอควร แนวรับ 1115 , 1110-1107, 1102-1100 จุด แนวต้าน 1120-1122, 1125-1127 จุด

KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันอังคารแกว่งตัวกรอบแคบ โดยกระแสทุนต่างชาติที่ชะลอลง (เมื่อวานขายสุทธิเป็นครั้งแรกนับจากต้นเดือน ก.พ.) และจิตวิทยาเชิงลบเล็กน้อยหลังจากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์เซอร์วิส (Moody’s) ลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนและอิตาลี (และอีกหลายประเทศ) และลดแนวโน้มเครดิตของอังกฤษ ฝรั่งเศส และออสเตรีย น่าจะทำให้ตลาดหุ้นทรงๆ โดยการกระทำของ Moody’s นั้นคล้ายคลึงกับที่ S&P ทำไปก่อนหน้า ผลกระทบจึงน่าจะจำกัด ในขณะที่หุ้นกลุ่มใหญ่ในตลาดไทยมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งน่าจะปลดล็อคปัญหาค่าธรรมเนียมนำส่งกองทุนฟื้นฟูฯ หลังจากสรุปอัตรานำส่งที่ 0.47% ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานที่ถูกขายมากเมื่อวาน น่าจะยืนได้ตามแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งต่อ โดยมีปัจจัยไม่สงบด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางเป็นสำคัญเราคาดว่าในคืนวันที่ 15 ก.พ. ตามเวลาในประเทศไทย ที่ประชุม รมว.คลังยุโรปน่าจะอนุมัติเงินช่วยเหลือ1.3 แสนล้านยูโรได้ และถ้าไม่เกิดเหตุใดๆ ขึ้นเรามองว่ารายละเอียดของการแลกพันธบัตร การลดหนี้ และที่สำคัญที่สุดคือการเพิ่มทุนให้ธนาคารกรีซ น่าจะออกมาด้วย และ ณ ขณะนี้เราคิดว่าตลาดหุ้นโลกรับรู้ข่าวบวกจากเงินช่วยเหลือ 1.3 แสนล้านยูโร และการไถ่ถอนพันธบัตร 1.45 หมื่นล้านยูโรในเดือนหน้าไปแล้ว ปัจจัยสำคัญจึงอยู่ที่ข่าวการลดหนี้และการเพิ่มทุนธนาคาร

กลยุทธ์: แนะนำให้ถือพอร์ตหุ้นหลักที่เหลือต่อไป และแนะนำซื้อต่อในหุ้นปันผลเด่นอย่าง INTUCH* หุ้นที่แนวโน้มจะรายงานกำไรไตรมาส 4/2554 แข็งแกร่งอย่าง AMATA และที่รายงานออกมาแล้วดีกว่าคาดอย่าง STEC รวมทั้งหุ้นที่ตลาดกำลังปรับเพิ่มประมาณการและเป้าหมาย เช่น TUF* (เราไม่ได้วิเคราะห์เชิงพื้นฐานหุ้นตัวนี้)

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2555 10:11:46 น.		0 comments
Counter : 541 Pageviews.
Share Tweet