โบรกแนะเก็งกำไร 17 บจ.อนาคตรุ่ง ดัชนีมีแนวโน้มพักตัว มองเป็นโอกาสเลือกเก็บหุ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 9.51 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 30.78 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนลบ หลังจากนักลงทุนเริ่มวิตกต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและยุโรป ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐค่อนข้างออกมาเชิงบวกต่อเนื่อง นักวิเคราะห์คาด หุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มพักตัว รอลุ้นรีบาวด์ระหว่างทาง เก็งกำไร 17 หุ้นเด่น ได้แก่ TISCO, TTW, SAT, MINT, SCC, TISCO, DTAC, ADVANC,THCOM, KBANK, SCB, INTUCH, AH, STANLY, BGH, MAKRO และ EASTW

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ : พักตัว แต่ยังมีลุ้นรีบาวด์ระหว่างทาง กลยุทธ์การลงทุน : Selective trading

ภาพรวมตลาดถูกกดดันด้วยความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลก ภายหลังข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของจีน และหลายประเทศในยุโรป จึงคาด SETI วันนี้ยังคงช่วงการพักตัวได้ต่อ แต่ยังมีลุ้นการรีบาวด์ระหว่างทางได้ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงแรงซื้อประคอง downside ของตลาดอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ นักลงทุนควรจับตาแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้มากขึ้น โดยหากดีดตัวแข็งค่าท่ามกลางความวิตกต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงน้ำมัน ซึ่งจะเป็นแรงกดดันหุ้นพลังงานในตลาดหุ้นไทยได้มากขึ้น นอกเหนือจากการอ่อนค่าของบาทในทางกลับกันที่อาจทำให้เกิดการขายทำกำไรของต่างชาติภายหลังสะสมหุ้นมายาวนานกว่า 8 หมื่นล้านบาทในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา ระยะสั้นมอง SETI หากพักตัวไปแถว 1180 อาจมีลุ้นรีบาวด์ระหว่างทาง แต่ถ้าไม่ต้องระวังแนวรับถัดไปที่อาจลงลึกถึง 1160

กลยุทธ์การลงทุน: ในระยะสั้นยังคงเน้นการเก็งกำไรแบบเลือกหุ้นรายตัว

แนวต้าน : 1198-1204 แนวรับ: 1181-1160

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50% : เงินสด 50%

ถือต่อในพอร์ต: SAT, MINT, SCC, TISCO, DTAC

หุ้นที่ปรับออก: TMB

หุ้นที่ปรับเข้า :THCOM เก็งกำไรทางเทคนิค ต้าน 17-17.3 รับ 15.8 Cut loss 15.5

บาท

บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ตลาดเริ่มแกว่งพักตัวลงแล้ว เป็นโอกาสในการเลือกหุ้นเข้าซื้อ...

กลยุทธ์: แม้ว่าช่วง SET ปรับพักตัวลงจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ แต่เราก็ยังแนะนำให้เน้นเรื่องการเลือกหุ้น โดยเฉพาะน่ารอให้ราคาปรับพักตัวลงบ้างแล้วค่อยทยอยเข้าซื้อ โดยหุ้นที่แนะนำในช่วงนี้ยังได้แก่ หุ้นกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB) ที่เรากลับมาแนะนำ Overweight อีกครั้งหลังปัจจัยลบต่างๆ คลี่คลาย, หุ้นกลุ่มสื่อสาร (DTAC, INTUCH) จากความคืบหน้าเกี่ยวกับขั้นตอนการประมูล 3G รวมทั้งหุ้นกลุ่มยานยนต์ (SAT, AH, STANLY) จากยอดการผลิตรถยนต์ที่ฟื้นตัวเร็วด้วย

หุ้นเด่นทางเทคนิค   TISCO, TTW , BGH (SBL)

แนวโน้ม เนื่องจากตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นมาเร็วและมากพอควรแล้ว ทำให้แรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศกลับมาใช้วิธีตั้งรับมากกว่าที่จะซื้อไล่ราคา ดังนั้นแม้ว่าช่วงเช้าวานนี้ตัวเลข PMI ของจีนที่หดตัวเป็นเดือนที่ 5 จะไม่ได้กดดันต่อ SET มากนัก เพราะนักลงทุนยังมีความหวังว่าอาจเป็นเหตุผลให้จีนผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นได้ แต่สุดท้ายเมื่อตัวเลข PMI ของฝั่งยุโรปออกมาก็ยังต่ำกว่าที่ตลาดคาดหวัง ทำให้ SET ปรับตัวลดลงและอ่อนแอกว่าตลาดภูมิภาค เนื่องจากระดับดัชนีปัจจุบันถือว่าไม่ได้น่าดึงดูดใจมากกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านแล้ว อย่างไรก็ตามบรรยากาศการลงทุนเช้านี้ไม่ได้แย่นัก หลังตัวเลขเศรษฐกิจด้านแรงงานของสหรัฐเมื่อคืนนี้ยังออกมาดีอีกครั้ง ขณะที่ราคาน้ำมันก็ลดช่วงบวกลงมาเนื่องจากการคาดการณ์อุปสงค์ลดลงช่วยบรรเทาความวิตกเรื่องเงินเฟ้อ ทำให้ FSS ยังคาดว่าแม้ SET จะมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนและปรับตัวย้อนลงบ้าง แต่ก็ยังมีสิทธิที่จะดีดตัวขึ้นได้ใหม่ ดังนั้นช่วงที่ตลาดปรับตัวลงจึงสามารถเลือกหุ้นทยอยเข้าซื้อได้อยู่ แต่ถ้าตลาดบวกขึ้นก็ควรแบ่งส่วนขายทำกำไรด้วย

แนวรับ  1190-1189 , 1185-1180  จุด    แนวต้าน  1198-1202 , 1207-1214  จุด

KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันศุกร์แกว่งตัวลง เนื่องจากสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ไม่ดีของจีนและยุโรปจะกดดันสินทรัพย์ทางการเงินและราคาสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น จีนรายงานดัชนี HSBC PMI เดือน มี.ค.ต่ำกว่าตลาดคาดและชี้ถึงการหดตัวลง 5 เดือนติดต่อกัน ขณะที่ดัชนี PMI ของเยอรมันและฝรั่งเศสต่างออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทั้งนี้ราคาน้ำมันสหรัฐฯ ลดลง 1.8% ราคาทองแดงลดลง 2.0% และราคาสังกะสีลดลง 1.7% แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะออกมาดีต่อเนื่อง (ข้อมูลยอดขอรับสวัสดิการว่างงานดีกว่าที่คาด และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ LEI สูงกว่าคาด) และเรามองว่าสถานการณ์ในสหรัฐฯ ที่ดูดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ อย่างชัดเจนนี้ จะส่งผลให้เงินดอลล่าร์ฯ อยู่ในทางแข็งต่อไปและกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะนี้

สำหรับประเด็นของทุนต่างชาตินั้น ขณะนี้ต่างชาติซื้อสุทธิตั้งแต่ต้นปี 7.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 0.82%ของมูลค่าตลาด ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวนี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงภาวะปกติที่ 0.79% เราจึงคาดว่าต่างชาติจะชะลอการซื้อจากนี้ไป นอกจากนี้การที่รองนายกฯ กิตติรัตน์ กล่าวที่ฮ่องกงวานนี้ว่าต้องการให้ดอกเบี้ยนโยบายลดลง 0.5% จากปัจจุบัน และค่าเงินบาทอ่อนลงไปแถว 32-34 บาทนั้น อาจจะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มขายทำกำไรหุ้น ด้วยความกลัวจะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนได้เช่นกัน

กลยุทธ์: เรายังคงแนะนำให้เลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ และเน้นซื้อหุ้นกลุ่มเสี่ยงต่ำและมีประเด็นบวกเฉพาะกลุ่ม เช่นสื่อสารและโรงพยาบาล (ซื้อเก็งกำไร DTAC* ต่อ รวมทั้งหุ้น INTUCH*, BGH*, MAKRO* และ EASTW เป็นต้น)

ประเด็นหลักบล.ไทยพาณิชย์ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ข่าวลบจากจีน และยุโรปส่งผลลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก – ตลาดหุ้นวานนี้ปิดที่จุดต่ำสุดของวันที่ระดับ 1,191 จุด โดยรับรู้ข่าวลบจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนและยุโรปที่ออกมาแย่ โดยเฉพาะตัวเลข PMI จากยุโรปที่ออกมาแย่กว่าคาด โดย ดัชนี PMI ภาคการผลิตของกลุ่มยูโรโซน ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 47.7 จุดในเดือนมี.ค. จากระดับ 49 จุดในเดือนก.พ. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 49.5 จุด ทำให้ตลาดกลับมากังวลต่อปัญหาในยุโรปอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามเรามองว่าข่าวลบทั้ง 2 เป็นเพียงปัจจัยเพียงช่วงสั้น และยังมองการอ่อนตัวของดัชนีรอบนี้ ในกรณีแย่สุดมีโอกาสปรับร่วงลงไปที่ระดับ 1,175-1,180 จุด ซึ่งเราให้ถือเป็นจังหวะในการซื้อคืน เพื่อเล่นรอบใหม่ และเรายังมองว่าดัชนียังมีโอกาสที่จะกลับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,200 จุดอีกครั้ง

SET - รอบอ่อนตัวมีโอกาสร่วงลงถึง 1,175-1,180 จุด ซึ่งเรามองว่าเป็นโอกาสในการซื้อคืนเพื่อเล่นรอบใหม่ ในขณะที่มองว่าหุ้นกล่มใหญ่ยังเลือกไปยังพลังงาน ส่วนรอบดัชนีอ่อนตัว เรามองกลุ่มปลอดภัยจะมีแรงซื้อเข้ามาแทน เลือก ADVANC INTUCH (มีประเด็นเรื่องขึ้น XD ช่วงต้นเดือนเม.ย.) แนะนำซื้อ และรอซื้อเพิ่ม DTAC หุ้นอื่นที่ให้ซื้อเมื่ออ่อนตัว TOP PTTGC IRPC CPF AOT

Create Date : 23 มีนาคม 2555		0 comments
Last Update : 23 มีนาคม 2555 10:00:40 น.
Counter : 692 Pageviews.
Share Tweet