การกลับมา (หลาย ๆ รูปแบบ) ที่แม่กลอง
ไทยพรีเมียร์ลีก 7 ก.ค.53 สนามกีฬากลางจังหวัดสมุทรสงคราม เอสซีจี สมุทรสงคราม 1-1 อินทรีเพื่อนตำรวจ
เมื่อฤดูกาลก่อน ตอนที่คิดกลับมา ติดตาม ฟุตบอลไทยอีกครั้ง ผมลองลิสต์ทีมที่จะ เชียร์ ออกมาดู
ด้วยความที่เป็นแฟนบอลของธนาคารกรุงเทพมาตลอด พอทีมถูกยุบไป ผมก็ต้องหาทีมใหม่ ๆ มาทดแทน
ไม่หล่อครับ แต่อยากขอเลือก...สุดท้ายได้ตัวเลือกมา 5 ทีม
บียู...เพราะผมเป็นคนกรุงเทพฯ แม้จะรู้ว่าทีมนี้โมดิฟายด์มาจากม.กรุงเทพก็ตาม
จุฬา ยูไนเต็ด...เพราะผมจบจุฬาฯมานี่
ทีโอที...เพราะเมื่อปี 2006 เคยให้ทุนผมไปเยอรมันจากการชนะเลิศ TOT World Cup Reporter
ราชนาวี-ระยอง...เพราะผมจ็อกกิงในโรงพยาบาลทหารเรือทุกเช้า
และ
สมุทรสงคราม...ทีมนี้ไม่มีเหตุผล ไม่มีอะไรเกี่ยวพันกับตัวผมทั้งนั้น
ซึ่งนั่นแหละ ความรักมักไม่มีเหตุผลเสมอ (*_*) แต่กว่าจะรู้ตัว ผมก็ตัดสินใจเป็นแฟนจุฬา ยูไนเต็ดไปซะแล้ว...ไม่ใช่เหตุผลเพราะเป็นสถาบันที่ผมจบหรอก แต่เป็นเพราะเพื่อน ๆ ที่คบหากันมานั้น เฮโลกันมาเชียร์ทีมนี้ตะหาก ได้เชียร์บอลกับคนรู้จักและคนรู้ใจ มันน่าจะเป็นความสุขที่สุด
เอสซีจี สมุทรสงคราม ทีมเล็ก ๆ แต่หัวใจใหญ่
บรรยากาศคึกคักซึ่งเห็นได้ประจำที่แม่กลอง
กลับมาที่แม่กลองกันต่อ
ถ้าจะลองหาเหตุผลที่ทำให้รู้สึกอยากเชียร์ทีมนี้ มันน่าจะมาจากความสุนทรีย์ล้วน ๆ
สุนทรีย์แรกคือผมชอบเพลง ลาสาวแม่กลอง มาตั้งแต่เด็ก ๆ
สิ้นแสงดาว ดุเหว่าเร่าร้อง จากสุมทุมลุ่มน้ำแม่กลอง พี่จำจากน้องคนงาม แว่วหวูดรถไฟ พี่แสนอาลัยสมุทรสงคราม คงละเมอเพ้อพร่ำ คิดถึงคนงามที่อยู่แม่กลอง...
สุนทรีย์ต่อมาคือ ผมเคยไปถ่ายรายการในสถานที่หลาย ๆ แห่งในจังหวัดนี้ แล้วรู้สึกหลงใหลในมนต์เสน่ห์ แม้กระทั่งเทปที่ไม่ได้ไปคุมถ่ายเอง วานโค-โปรดิวเซอร์ไปทำให้อย่างงาน กาลหนึ่ง ณ อัมพวา...อัมพวา นคราแห่งวัฒนธรรม แต่ตอนมานั่งตัดต่อก็มาสะดุดกับสุนทรีย์ต่อมา
นั่นก็คือเพลง สาวอัมพวา ที่ใช้ในการแสดงแสง-สี-เสียงในงานนี้นั่นเอง
โอ อัมพวา นี่หนางามจริง ทุกสิ่งเป็นขวัญตา โอ้ว่าผู้หญิงที่งามโสภาดั่งนางฟ้าชาวไทย...
แต่ถ้าพูดถึงเหตุผลด้านฟุตบอลล้วน ๆ...นี่คือทีมเล็ก ๆ ที่สร้างผลงานได้ดีอย่างเหลือเชื่อจนน่าเชียร์นั่นเอง
ปีที่แล้ว ก่อนจะปักใจเชียร์ เสือสามย่าน ผมโผล่ไปที่แม่กลองบ่อยมาก...ไปยลให้เห็นกะตาว่า ผู้หญิงที่งามโสภาดั่งนางฟ้าชาวไทย นั้นเป็นอย่างไร? เอ้ย! ไปดูฟอร์มของทีมเล็ก ๆ ทีมนี้ต่างหาก ^^!
แม็ทช์แรกที่ไปก็คือการเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีโอที
เพราะความสนใจบอลไทยที่ขาดช่วงไป ผมเลยหาข้อมูลก่อนไปดู พบว่าสตาร์เก่งของ ปลาทูคะนอง ก็คือคนึง บุราณสุข, จิรวัฒน์ แก้วโบราณและทรงวุฒิ บัวเพ็ชร
ได้เห็นกับตาจริง ๆ ต้องยอมรับว่า 3 ขุนพลที่ว่ามานี้เป็นอาวุธร้ายที่ทีมใช้เจาะแผงรับคู่แข่งจริง ๆ จนผมตั้งฉายาให้เป็น สามเหลี่ยม บัว-บุ-โบ (บัวเพ็ชร, บุราณสุข, แก้วโบราณ) เลียนแบบ สามเหลี่ยม เอล-บา-โบ ที่แสนเลื่องชื่อในอดีตของสตุ๊ตการ์ท
แต่สามเหลี่ยมแห่งแม่กลองค่อย ๆ ถูก ลบเหลี่ยม (เอ๊ะ! สำนวนนี้แปลว่า เสียเชิง นี่ :-P) ไปทีละเหลี่ยม
เริ่มตั้งแต่กรณี คนึง สกา เมื่อฤดูกาลก่อน
ตามมาด้วยกัปตันทีมนิสัยดีอย่างทรงวุฒิที่จากลาไปก่อนเปิดฤดูกาลนี้
เหลือทิ้งไว้เพียงแค่ ตุ้งติ้ง จิรวัฒน์คนเดียวเท่านั้น!
ตอนนั้นมันเป็นช่วงรอยต่อที่สัญญากำลังจะหมดกับสโมสรครับ แล้วยังไม่มีใครมาคุยเรื่องต่อสัญญา ทางทีทีเอ็มจึงติดต่อเข้ามา ซึ่งผมก็ลองรับข้อเสนอดูเพราะข้อเสนอมันโอเค ทรงวุฒิบอกเล่าถึงเหตุแห่งการจากลา แต่ก่อนไป ผมก็ปรึกษาโค้ชฉ่วย, สต๊าฟโค้ชและเพื่อน ๆ ดูแล้ว การไปของผมคือ...ไม่ได้คิดจะทิ้งทีมนะ แต่มันหลายเหตุผล ลูกสาวกำลังจะโตด้วย ไปอยู่ทีทีเอ็มจะทำให้ผมได้อยู่ใกล้กับครอบครัวมากขึ้น คิดตลอดนะว่าถ้าสมุทรสงครามยังอยากได้ผม ผมก็พร้อมจะกลับมา เพราะอยู่ที่นี่มา 5-6 ปี...ก็ผูกพันและรู้สึกรักเพื่อน ๆ น้อง ๆ ทุกคน รวมทั้งแฟนบอลด้วย
การกลับมาแม่กลองของกัปตันทีมชาวตรังเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิดครับ เพียงเลกเดียวของฤดูกาลเท่านั้น ทรงวุฒิก็ได้โชว์ฝีเท้าภายใต้ยูนิฟอร์มสีฟ้าอีกครั้ง แต่คราวนี้เปลี่ยนจากเบอร์ 8 มาสวมเบอร์ 35
ช่วงหลัง ๆ สถานการณ์ของทีทีเอ็มมันไม่ค่อยดี ไม่ค่อยชนะ มันเลยมีปัญหาต่าง ๆ แล้วทางเอสซีจี สมุทรสงครามก็ติดต่อเข้ามาว่าอยากกลับมาเล่นให้ทีมอีกไหม...ซึ่งผมก็ยินดี แล้วแต่ผู้บริหารจะคุยกันเพราะผมเป็นแค่นักบอล ก็อย่างที่บอกว่าผมพร้อมจะกลับมาอยู่แล้ว จะว่าไปผมก็เปรียบเสมือนโลโกของที่นี่ พูดถึงแม่กลอง แฟน ๆ ก็ต้องคิดถึงผม ขุนศึกที่จรลีกลับจากพิจิตรเปิดใจ
ทรงวุฒิมีคิวเปิดตัวเล่นนัดแรกกับเอสซีจี สมุทรสงครามในศึกใหญ่ ดาร์บี้แม็ทช์แห่งโรงปูน กับอินทรีเพื่อนตำรวจพอดีเลย
แฟน ๆ "ปลาทูคะนอง" อุดหนุนสินค้าของทีมอย่างคึกคัก
เสื้อของทรงวุฒิ ผู้กลับมาได้รับความสนใจไม่น้อย
เพราะไม่มีตังค์บินลงไปนราธิวาสเพื่อเชียร์จุฬา ยูไนเต็ด วันนี้ผมจึงเบนเข็มไปแม่กลองแทนเพราะบริษัทที่ยัยดั๊กกี้ทำงานนั้นต้องดูแลลูกค้าอย่างเอสซีจีอยู่ จึงต้องจัดนักข่าวไปทำข่าวให้ทีมเอสซีจี สมุทรสงครามในเกมเหย้าทุกนัด
ถือเป็นโอกาสอันดีที่ผมจะได้หวลกลับไปแม่กลองอีกครั้ง
นักข่าวที่ไปด้วยกันมีบอยจากเมเนเจอร์ออนไลน์และเค ช่างภาพอิสระ
ระหว่างที่รถตู้ที่นั่งมากำลังวนหาปั๊มน้ำมันเพื่อทานอาหารกลางวันที่ยัยดั๊กกี้เจ้ากี้เจ้าการอยากจะกินร้านเดิม แต่ก็ดันจำไม่ได้ซะนี่ ขับ ๆ อยู่ก็ต้องหยุดจอด
หัวปิงปองคนหนึ่งเป็นคนสั่งให้หยุดด้วยข้อหา เปลี่ยนเลน
ขอโทษทีครับ ผมกำลังมองหาปั๊ม ไมได้ตั้งใจจริง ๆ น้าคนขับตีหน้าเศร้าบอก
คุณก็ต้องเห็นใจผมเหมือนกัน นี่ผมก็ตากแดดมาทั้งวันแล้วเหมือนกัน จอมไถในชุดกากีก็พยายามตีหน้าเศร้าบอกเหมือนกัน
ตากแดด โบกรถเพื่อให้การจราจรคล่องตัวหรือ?...ไม่น่าจะใช่เพราะสถานการณ์ตอนนั้นไม่จำเป็นเลย
ตากแดดรอจับโจร...ถ้าคนขับรถผิดกฎจราจร (แม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ก็เถอะ) คือโจรในสายตาของเขาล่ะก็...ตาหัวปิงปองคนนี้ก็ช่วยบ้านเมืองได้เยอะเลย
สุดท้ายใบแดงแค่ใบเดียวก็ทำให้ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ คนนี้ยอมปล่อยรถที่เรานั่งไปแต่โดยดี
อ๋อ! ปั๊มที่ว่านี้อยู่ข้างหน้าเอง เขาทำหน้าที่เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ดีจนหยดสุดท้าย
เป็นซะอย่างนี้ แล้วใคร๊อยากจะมาเป็น เพื่อนกับตำรวจ
ฮึ่ม!...วันนี้จะเชียร์ให้เอสซีจี สมุทรสงครามยิงอินทรีเพื่อนตำรวจซะให้พรุนเลย -*-
บรรยากาศหน้าสนามกีฬากลางจังหวัดสมุทรสงคราม หลังการเข้ามาของเอสซีจี
บรรยากาศบนอัฒจันทร์ที่เอสซีจีเข้ามาเติมความคึกคัก
สาวปลาทูคะนองติดตามมาเชียร์ทีม
แก๊งค์สาว ๆ ปลาทูคะนอง
ฝนตกกระหน่ำลงมาระหว่างทาง แต่เมื่อถึงสังเวียนแข่งแล้ว เหลือปริมาณเป็นแค่หยดแหมะ ๆ ซึ่งก็ไม่อาจจะหยุดศรัทธาของแฟน ๆ ชาวปลาทูและชาวเอสซีจีที่วันนี้มากันหนาแน่นจริง ๆ
น่าจะเกือบปีแล้วแหละที่ผมไม่ได้มาที่สนามแห่งนี้ กลับมาอีกครั้งอะไรหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไป ทุกอย่างเพราะการก้าวเข้ามาของสปอนเซอร์ใหญ่ที่ชื่อ เอสซีจี
ความจริงแล้ว สมุทรสงคราม กับ ตำรวจ ไม่น่าจะมีอะไรดาร์บี้แม็ทช์กันได้เลย แต่การเข้ามาของผู้สนับสนุนของทั้งสองฝั่ง นี่ก็เลยกลายเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีไป ที่ทั้ง 2 ทีมให้ความสำคัญ ผู้หลักผู้ใหญ่มากันเพียบ
ต้องยอมรับว่าวันนี้เป็นศึกแห่งฤดูกาลของเราจริง ๆ คุณสมศักดิ์ ศิริธรรม ผู้บริหารระดับสูงของ ปลาทูคะนอง เอ่ยเบา ๆ บอกผมกับบอยแห่งเมเนเจอร์ออนไลน์
มาถึงสนามก่อนเวลาแข่งเยอะขนาดนี้เลยมีเวลาเก็บบรรยากาศมากเป็นพิเศษ นักเตะเจ้าถิ่นทยอยกันเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัว บีรัม ดุฟ (ดิยุฟ) ควงคู่มากับแฟนสาวด้วย สักพักฝั่งทีมเยือนก็ค่อย ๆ ทยอยเดินเข้าห้องพักเหมือนกัน
ผมเห็นชาคริต บัวทอง ดาวเตะตัวใหม่ของอินทรีเพื่อนตำรวจเดินผ่านมา เขาชะงักเมื่อเจอผมเล็กหน่อย อารมณ์ประมาณว่า เรารู้จักเค้ารึป่าวนะ? ผมก็เลยช่วยไขข้อข้องใจให้
ชาคริต เด็กสวนฯ ทักทายไปแบบนั้นเพื่อบอกใบ้ว่า ถ้าเจ้าเอ๊ะจะจำผมได้ก็คงเป็นไปในรูปแบบนี้นี่แหละ
ผมจำพี่ได้ ปีที่แล้วก็เจอกันที่สนามแห่งนี้แหละ ดาวยิงเลือดนครสวรรค์บอกกับผมหลังเกม
ใช่ครับ ปีที่แล้ว ผมมีโอกาสคุยกับเจ้าเอ๊ะที่สนามแห่งนี้ในแม็ทช์ที่เจ้าบ้านพ่ายบีอีซี เทโร ศาสนไป แต่เพราะเคยคุยกันแค่ทีเดียวเท่านั้นเลยไม่มั่นใจว่าน้องมันจะจำผมได้
แต่กับวันนี้ รุ่นน้องโรงเรียนที่...เออ...จะบอกดีไหมว่าห่างกับผมตั้ง 10 รุ่น...คนนี้ไม่ได้สวมยูนิฟอร์มของทีมมังกรไฟซะแล้ว
ผมคุย ๆ กับเพื่อนในสโมสร ทุกคนคิดเหมือนกันว่าอยากหาความท้าทายใหม่ ๆ คือความท้าทายมันลดลงแล้ว ความรู้สึกของทุกคนเกิดขึ้นหลังจากที่พี่แบนออก แล้วตอนนั้นผลงานมันก็ดันไม่ขึ้นด้วย พอเกิดความรู้สึกอย่างนี้ก็เลยอยากหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ลองย้ายทีมดูบ้าง ไปปรับตัวกับที่ใหม่เพื่อเป็นการวัดฝีมือเราด้วยว่าอยู่ทีมใหม่ ๆ จะเล่นได้ไหม OSK 122 เปิดใจถึงการเปลี่ยนสังกัด
ประจวบเหมาะที่ตอนนั้นอินทรีเพื่อนตำรวจติดต่อเข้ามา ชาคริตจึงตัดสินใจคว้าโอกาสนี้เอาไว้ ส่วนข่าวลือที่ว่านักเตะไม่ถูกกับเฮดโค้ชใหม่ชาวชิลีนั้น อดีตหมายเลข 11 ของมังกรไฟเปิดเผยว่า
จริง ๆ ไม่อยากพูดว่าเกี่ยวกับโค้ชใหม่หรือโค้ชเก่าหรือเปล่า? แต่ผมเป็นคนที่ถ้าไม่แฮปปี้ก็จะบอกกับสโมสรเลยว่าไม่แฮปปี้ เพียงแต่ในสนาม ผมจะเล่นเต็มที่ แต่กับเพื่อน ๆ กับแฟนบอลผมยังแฮปปี้นะ แล้วพอดีทางอินทรีเพื่อนตำรวจติดต่อมา มันบรรจบกันพอดี
หลังจากนั้นวุฒิชัย ทาทอง, หัตถพร สุวรรณ, นพพล ปิตะฝ่าย, ธฤติ โนนศรีชัยก็ทยอยกันเดินออกจากถิ่นหนองจอกตามเจ้าเอ๊ะมา น่าสงสัยว่าผู้บริหารของทีมไม่รั้งตัวเอาไว้บ้างเลยหรือ? ถึงปล่อยให้เกิดภาวะ แข้งไหล เช่นนี้
พี่เห็นเค้ารั้งไว้หรือเปล่าล่ะ? ชาคริตเผย ก่อนจะให้ข้อมูลถึง OSK 122 อีกคนหนึ่งว่า ปรัชญ์มันก็บอกว่าจะย้าย แต่คงรอย้ายตามกฎของบอสแมน
บีรัมกับคนชิดใกล้
แฟน ๆ "ปลาทูคะนอง" ต้อนรับการกลับมาของทรงวุฒิ
ส่วนการกลับมาของพิเชษฐ์ในฐานะทีมคู่แข่ง โดนโห่เช็ด
พานุวัฒ ขวัญใจคนใหม่ของแฟน ๆ แม่กลอง
ชาคริตวันนี้ไม่ได้เล่นเป็นตัวจริงนะครับเพราะติดซ้อมรับปริญญา เสือยง ชัยยง ขำเปี่ยม เฮดโค้ชอินทรีเพื่อนตำรวจจึงเก็บสแปร์ไว้ที่ม้านั่งสำรองก่อน โดยส่ง 11 นักเตะชุดแรกลงดังนี้
ผู้รักษาประตูใช้บริการของอดีตนักเตะมังกรไฟอย่างอินทรัตน์ อภิญญากุล แผงหลังใช้เซนเตอร์ฮาล์ฟ 3 คนประกอบไปด้วยวู ฮุน, พยุงศักดิ์ พันนารัตน์และชาง ซึง วอน ส่วนวิงแบ็กขวา-ซ้ายเป็นศรันยู อินต๊ะราชและกฤษฎี ประกอบของ กัปตันทีม
แดนกลางมีธนพัต ณ ท่าเรือคุมเกมร่วมกับอัสมิง แมและเฟลิเป ดาวเตะบราซิล
คู่หน้าใช้สุรชาติ สารีพิมพ์จับคู่กับพิเชษฐ์ อินทร์บาง
ทางด้านเจ้าบ้านนั้น สมชาย ชวยบุญชุมจัดผู้เล่นลงในระบบ 4-3-3 โดยหมดสิทธิ์ใช้งานโนกูจิ ปินโตที่ถูกแบน จึงต้องส่งชยุตย์ นาคชำนาญลงเฝ้าเสาแทน คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟเป็นการจับคู่กันของชุมพล บัวงามที่เพิ่งย้ายกลับมาจากพัทยา ยูไนเต็ดและประหยัด บุญญา แบ็กซ้ายเป็นอภินันท์ แก้วปิลา ส่วนแบ็กขวาส่งกัปตันทีมผู้หวลกลับมาอย่างทรงวุฒิ บัวเพ็ชรรับหน้าที่
เรายังปรับทีมอะไรไม่ได้มาก ได้ทรงวุฒิมาก็ต้องไปยืนตรงนั้นก่อน รอจูนให้เข้าก่อนถึงจะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งกันไป น้าฉ่วยให้เหตุผล
ลงวันนี้เป็นแบ็กขวา โค้ชให้ลงเพราะเค้าขอดูเราก่อน กลับมาอีกครั้ง มันยังปรับสภาพไม่ทัน เลยให้ลองตำแหน่งนี้ก่อน แต่ผมเล่นได้หลายตำแหน่ง ก่อนเล่นมิดฟิลด์ผมก็เคยเล่นแบ็กขวามา ไม่ซีเรียสอยู่แล้ว อยากให้ทีมทำผลงานได้ดีมากกว่า ทรงวุฒิเปิดใจ
แดนกลางของปลาทูคะนอง วันนี้ใช้อรรถนพ ชัยแป้นคุมเกมคู่กับพัชรินทร์ สุขใส โดยมีเจ้าต้อม พานุวัฒ ยิ้มสง่ารับบทบาทจอมทัพ ส่วนแดนหน้า 3 คนจากขวามาซ้ายมีบีรัม ดุฟ, ฌอง มาร์ก เบนีและสิทธิพันธ์ ชุมช่วย
ก่อนแข่ง คุณปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ของเอสซีจีมอบเงิน 2 หมื่นบาทสนับสนุนโครงการปลาทูทำดีของกองเชียร์เอสซีจี สมุทรสงคราม รวมทั้งมอบเงิน 615,000 บาทให้ทีมเพื่อใช้สำหรับปรับปรุงอัฒจันทร์
คุณปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ของเอสซีจีทักทายกับแฟน ๆ แม่กลอง
คุณปราโมทย์มอบเงินสำหรับการปรับปรุงอัฒจันทร์ แสดงให้เห็นอนาคตที่สดใสของเอสซีจี สมุทรสงคราม
นักเตะอินทรีเพื่อนตำรวจ คู่แข่งกันทางผู้สนับสนุนทีม
ปลาทูคะนองคึกคักตั้งแต่เริ่มเกม แค่นาทีเดียวเท่านั้นเบนี ดาวยิงคนใหม่มีโอกาสหลุดเข้าไปยิง น่าเสียดายที่อินทรัตน์ ผู้รักษาประตูทีมเยือนออกมาตัดบอลได้ก่อน
ถัดมา ทรงวุฒิมีโอกาสทำประตูประเดิมการกลับมา แต่ก็โหม่งลูกที่พานุวัฒน์โยนคอร์เนอร์มาให้ข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
หมายเลข 10 ของเอสซีจี สมุทรสงครามอย่างพานุวัฒนั้นโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นมาก เจ้าต้อมไม่ใช่คนหล่อเหลาอะไรมาก หน้าตาออกจะมึน ๆ ด้วยซ้ำ แต่หากได้เห็นลีลาการเล่นแล้ว ต้องบอกว่าเขากลายเป็นชายหนุ่มที่มีความสง่างามไม่น้อย เป็นมิดฟิลด์จอมทัพในสไตล์คลาสสิกได้เลย ลูกเล่นแพรวพราว มีลูกงัด ลูกดีดมาโชว์เพียบ ส่วนการวางบอลก็ทำได้แม่นยำ ด้วยสไตล์การเล่นที่มักจะถ่างออกมาเล่นทางด้านขวาทำให้เขาประสานงานกับจอมทัพของทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้วอย่างทรงวุฒิได้อย่างลงตัว
ผมรู้จักต้อมมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ตอนเค้าอยู่นครปฐม เค้าเป็นคนน่ารัก, นิสัยดี, มีความมุ่งมั่น เป็นมิดฟิลด์ที่ดีคนนึงในระดับไทยพรีเมียร์ลีก แต่จะไปถึงทีมชาติหรือเปล่านั้น?...คงต้องรอหน่อย เพราะมิดฟิลด์ทีมชาติดี ๆ มีหลายคน ซึ่งถ้าทำผลงานดี ๆ กับแม่กลองก็มีลุ้นเหมือนกัน ซึ่งผมทึ่งในฝีเท้าของเค้านะ ทรงวุฒิ จอมทัพหมายเลข 1 ของทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้วพูดถึงจอมทัพหมายเลข 1 ของทีมในฤดูกาลนี้
เก่งกว่าทรงวุฒิไหม? ผมถามหยอก ๆ
คนละแนวนะ เทียบกันไม่ได้ ผมจะเล่นเหมือนหน้าต่ำ คอยหาโอกาสทำประตูมากกว่า ส่วนต้อมเป็นตัวคุมบอล จ่ายบอล รวมทั้งลงไปช่วยตัดเกมด้วย กัปตันทีมผู้กลับมาแทงกั๊ก
ในขณะที่การกลับมาสมุทรสงครามของทรงวุฒิมีแต่ความสวยงาม แฟน ๆ ปลาทูคะนองส่งเสียร์เชียร์ตลอด แต่การกลับมาที่นี่ของพิเชษฐ์ อินทร์บางในสีเสื้ออินทรีเพื่อนตำรวจกลับได้รับการต้อนรับที่แตกต่างกัน นั่นก็คือเสียงโห่ที่ดังระงมตั้งแต่เจ้าตัวลงมาวอร์มแล้วแหละ และทุกครั้งที่ดาวซัลโวเจ้าของประตูที่เร็วที่สุดในศึกเอฟเอคัพรอบ 3 (ในนามเอสซีจี สมุทรสงคราม) คนนี้จับบอลได้เมื่อไหร่ ทาซานก็ออกทำงานกันทันที!
ไม่กดดันหรอกนะเพราะกองเชียร์ใครก็กองเชียร์มัน เราเป็นนักบอลที่ดีก็ต้องทนแรงกดดันได้ พิเชษฐ์เปิดใจถึงการเป็นเป้าเสียงโห่
เกมครึ่งแรกตกเป็นของเอสซีจี สมุทรสงครามโดยสิ้นเชิง เพียงแต่ยังหาจังหวะเผด็จศึกแบบจั๋ง ๆ ไม่ได้เท่านั้นเอง
โอกาสใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็นนาทีที่ 17 ที่พานุวัฒโยนคอร์เนอร์มากดดันจนอินทรัตน์ต้องชกทิ้ง ก่อนที่อรรถนพจะมีโอกาสซ้ำแต่ก็ข้ามคานไป
อีกครั้งก็นาทีที่ 39 ที่บีรัมมีโอกาสสับไกเต็ม ๆ แต่อินทรัตน์ปัดข้ามคานไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
จบครึ่งแรกจึงยังไม่มีปูนเจ้าไหนได้เปรียบเสียเปรียบเพราะสกอร์หยุดอยู่ที่ 0-0
ผู้ตัดสินเป่านกหวีดเริ่มเกมการแข่งขัน
พานุวัฒรับเหมาลูกคอร์เนอร์
อินทรัตน์ปกป้องประตูพัลวัน
กฤษฎีพาบอลขึ้นหน้าโดยไม่สนใจบีรัมที่คุกเข่าอยู่ข้างหลัง
ชาง ซึง วอนถอนรากถอนโคนบีรัม
จังหวะชุลมุนหน้าปากประตูอินทรีเพื่อนตำรวจ
ชัยยงไม่ค่อยพอใจการตัดสิน
จอมทัพแม่กลองเปิดลูกฟรีคิก
พักครึ่งมีการแลกเปลี่ยนของที่ระลึกจากแฟน ๆ ทั้ง 2 ทีม ฝั่งเจ้าบ้านส่งคุณแหม่ม ปลาทูเป็นตัวแทน ส่วนของทีมเยือน ผมถามชื่อมาแค่สาวสวยเท่านั้น เธอชื่อน้องกระต๊อบ...ชื่อน่าจะเข้าไปอยู่อาศัยดีจัง ^-^
ว่าจะถามมากกว่าชื่อ แต่ด้วยความที่เป็นคนสายตาสั้นเลยไม่รู้ว่ายัยดั๊กกี้จะแอบมองอยู่ตรงไหนหรือเปล่า? จึงต้องจำใจยลแค่ความงามของน้องกระต๊อบเท่านั้น ไม่คิดจะสานต่อด้วยการขอเบอร์โทร
ก่อนที่จะถูกเฉาะกบาล มาว่าถึงเกมครึ่งหลังกันต่อดีกว่า ^^!
น้าฉ่วยไม่อิดออดหรือรีรอเลยครับ ส่งเอกภูมิ โพธารุ่งโรจน์ลงมาเลื้อยด้านข้างแทนสิทธิพันธ์ตั้งแต่เริ่มครึ่งหลัง แต่กลับกลายเป็นทีมเยือนที่บุกเข้าใส่ทันทีและมีโอกาสยิงก่อนด้วยตั้งแต่นาทีแรก ๆ
โฉมหน้าของน้องกระต๊อบ
บรรยากาศมิตรภาพของกองเชียร์ทั้งสองทีม
การแสดงของสาว ๆ เอสซีจีช่วงพักครึ่ง
เกมครี่งหลังกลับกลายเป็นสูสีกัน อินทรีเพื่อนตำรวจดูเหมือนจะเปิดเกมรุกมากกว่าด้วยซ้ำ ในขณะที่เอสซีจี สมุทรสงครามใช้ความเร็วและความคล่องของซูเปอร์ซับอย่างเอกภูมิให้เป็นประโยชน์ในการโต้กลับ
นาทีที่ 58 เสียงเฮของชาวปลาทูก็ดังกระหึ่มขึ้นจนได้ บีรัมลากบอลขึ้นมาทางด้านซ้ายก่อนจะส่งต่อให้เบนี อดีตดาวยิงจากชลบุรีพลิกบอลนิดนึงแล้วก็ส่งต่อไปให้เพื่อน ลูกหลุดไปถึงพานุวัฒ ซึ่งเจ้าต้อมก็สับไกได้อย่างเฉียบขาด บอลไปแฉลบจังหวะนึงก่อนจะหนีมืออินทรัตน์ตุงตาข่ายหมดจด
เอสซีจี สมุทรสงครามขึ้นนำ 1-0 แล้ว!
ชัยยง ขำเปี่ยมอยู่เฉยไม่ได้ ส่ง 2 นักเตะใหม่ลงมาแก้เกมทันที ชาคริต บัวทองและชนานันท์ ป้อมบุปผาโดยลงมาแทนศรันยูและชาง ซึง วอน เรียกว่าเปิดเกมรุกเต็มที่เลยทีเดียว
เฟลิเปมีโอกาสสับไกเต็ม ๆ แต่ก็ไม่ตรงกรอบซะอีกในนาทีที่ 64
6 นาทีต่อมา ความพยายามของทีมเยือนก็บังเกิดผลจนได้ เมื่อได้ลูกฟรีคิกนอกเขตโทษเยื้องไปทางฝั่งซ้าย ชาคริต บัวทองถือลูกมาจับจอง ก่อนจะลงมือ (ลงเท้า) ซัดเต็มเหนี่ยว ลูกกระดอนพื้น ก่อนจะแฉลบผ่านมือชยุตย์เข้าไปชนิดที่แฟนบอลตกตะลึงกันทั้งสนาม สกอร์กลับมา 1-1 แล้ว
ความคิดแรกคือยิงอยู่แล้ว ยิงออกไปแล้วก็คิดว่าน้ำหนักลูกมันก็โอเค เพียงแต่มันตกพื้นก่อน แต่ด้วยความที่สนามเปียกทำให้บอลแฉลบ ตอนนั้นหวังว่าผู้รักษาประตูของเค้าจะรับไม่ได้ พอเห็นเค้ารับปลิ้นจริง ๆ ก็ดีใจ ชาคริตเล่าถึงลูกตีเสมอ
นาทีที่ 77 อรรถนพเจ็บจนเล่นต่อไม่ได้ สมชายส่งมิเชล ชาร์ลิน อดีตกัปตันเยาวชนทีมชาติแคเมอรูนชุดเดียวกับซามูเอล เอโตลงมาคุมเกมแดนกลางแทน
ช่วงท้ายเกมทั้งสองทีมผลัดกันรุกและรับกันอย่างสนุกสนาน แต่สุดท้ายก็ทำอะไรกันไม่ได้จึงต้องแบ่งแต้มกันไปจากผลเสมอ 1-1
ทรงวุฒิเสียฟอร์มโดนโยกหนี
นักเตะเอสซีจี สมุทรสงครามดีใจหลังขึ้นนำไปก่อน
ชาคริตและชนานันท์ถูกส่งลงมาแก้เกม
ชยุตย์หยุดลูกฟรีคิกของชาคริตไว้ไม่อยู่ เป็นประตูตีเสมอของทีมเยือน
หมดเวลา ทั้งสองทีมเสมอกันไป 1-1
จำไว้นะ จำไว้ ชัยยง ขำเปี่ยมชี้หน้าคุณชวลิต สนั่นไหว ผู้ตัดสินที่ 4 หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาว ก่อนจะเดินไปจับมือกับสมชาย ชวยบุญชุม จากนั้นก็มาให้สัมภาษณ์กับผมด้วยหน้าตาแบบรมย์บ่จอยว่า
ไม่อยากพูดถึงกรรมการนะ แต่เหนื่อยกับกรรมการมาก ๆ ถ้าคิดว่าผมพูดเกินไป เอาเทปแม็ทช์นี้มาดีแคลร์กับผู้ตัดสินได้เลย มาพูดกันเป็นลูก ๆ เลยว่ายังไง ๆ ผมไม่ชอบน่ะ บอลของผมมันบอลแฟร์เพลย์ แพ้ก็คือแพ้ ตามก็คือตาม ใช้แก้เกมสู้เอา เด็กของผมพยายามสู้ทุกคนและเล่นแฟร์เพลย์ตลอด แต่กรรมการทำให้ผมไม่แฮปปี้ ผู้ใหญ่ของผมก็มาดูอยู่แล้วมาทำแบบนี้ ทีมที่อาศัยแต่กรรมการอย่างเดียว ผมมองว่าวันนึงก็ต้องไป
ผู้ตัดสินเป่าเข้าข้างทางฝั่งเจ้าบ้านหรือเปล่า?...ไม่รู้เหมือนกันเพราะทางฝั่งสมชาย ชวยบุญชุมก็ไม่แฮปปี้เช่นกัน
เสียดาย เรามีโอกาสหลายครั้งแต่ทำไม่ได้ อย่างกรรมการก็ยังต้องถูกติงอยู่ว่าจังหวะบางจังหวะก็ยังเป่าไม่ชัดเจน ยังผิดพลาดเหมือนเดิม ซึ่งต้องนำไปแก้ไข ส่วนการเล่นของทีมก็ถือว่าโอเค แต่น่าเสียดาย 3 แต้มเหมือนกัน
ชัยยง ขำเปี่ยมอาจจะไม่แฮปปี้ แต่สำหรับชาคริต บัวทองที่มีเวลาโลดแล่นในสนามวันนี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงกลับพอใจไม่น้อย
ดีใจและถือว่าเป็นการเปิดตัวที่ดี แม้จะลงไปเล่นในเวลานิดเดียวเพราะวันนี้ผมติดซ้อมรับปริญญา แต่ทำผลงานช่วยทีมให้ได้แต้มกลับมาก็พอใจแล้ว เกมวันนี้มันคอนโทรลลำบากเพราะมีฝนตกหนักก่อนเกม โดยรวมยอมรับว่าเป็นรองเจ้าบ้านอยู่หน่อยนึง ผลที่ออกมาก็โอเคเพราะผู้บริหาร, โค้ชและนักเตะต่างก็พอใจกับ 1 แต้มที่ได้มาครับ
หลังจากที่ไม่ค่อยมีเวลาดูบอลมากเท่ากับฤดูกาลก่อน (โดยเฉพาะในระดับไทยพรีเมียร์ลีก) การได้กลับมาสมุทรสงครามในวันนี้สร้างความประทับใจให้ผมไม่น้อย น่าเสียดายที่ ปลาทูคะนอง ชวดชัยชนะไปอย่างน่าเสียดาย ก็เลยรู้สึกโกรธไอ้ชุดกากีจอมไถตังค์คนนั้นต่อไป
ส่วนคนที่แฮปปี้กับการกลับมาในวันนี้อีกคนหนึ่ง ไม่ต้องเดาก็รู้ใช่ไหมว่าเป็นใคร?
เสียงตะโกน ทรงวุฒิ ๆ ๆ ๆ ที่ดังสนั่นหลังจบเกมช่วยตอกย้ำให้เห็นว่ากัปตันทีมชาวตรังคนนี้เป็น โลโก ของทีมจริง ๆ
กลับมาถิ่นเก่าอีกครั้งก็ยินดีนะ แล้วก็รู้สึกตื่นเต้นเพราะแฟนบอลให้การต้อนรับเหมือนเดิม เหมือนครั้งที่ผมยังอยู่ แต่กลับมาครั้งนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปเยอะเลยเพราะการเข้ามาของเอสซีจี ทำให้แฟนบอลมีความสุขมากขึ้น เพราะการบริหาร, การจัดการต่าง ๆ เอสซีจีทำได้เยี่ยม เจ้าวุฒิเปิดใจพร้อมกับหยอดความหวานใส่สปอนเซอร์ใหญ่ของทีม ก่อนจะเผยใจต่อว่า เกมนี้รู้สึกว่าสนุกนะ ผลัดกันรุก-รับ แต่เสียดายที่ไม่ได้ 3 แต้ม แต่ก็จะพยายามจะเอา 3 แต้มให้ได้ต่อไปเพราะอันดับยังไม่ค่อยปลอดภัย ทีมท้าย ๆ ก็ไม่ได้หนีเราเยอะ
หลังจากรอยัยดั๊กกี้ส่งภาพไปยังสำนักข่าวต่าง ๆ เสร็จ คณะของเราก็ขึ้นรถตู้เพื่อกลับกรุงเทพฯต่อไป
ผมมอง แทตทู ปลาทูที่ติดอยู่บนแก้มสวย ๆ ของเธอ แล้วก็อมยิ้มในใจ
นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่ง สุนทรีย์ ของเหตุผลในการเชียร์ทีมเอสซีจี สมุทรสงครามของผมก็ได้มั้งนี่
เหตุผลที่ทำให้ผมอยากกลับมาสมุทรสงครามครั้งแล้วครั้งเล่า
Create Date : 12 สิงหาคม 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 12 สิงหาคม 2553 18:56:55 น. |
Counter : 2676 Pageviews. |
|
|
|