Webblog : Futbol Review ท่องไปในดินแดนมหัศจรรย์ที่เรียกว่า...ฟุตบอล
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
11 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
สายเลือดใหม่...น้ำเงินเข้มหรือชมพู-ฟ้า?

เอฟเอ ยูธคัพ รอบชิงชนะเลิศ
9 ก.ค.54 สนามศุภชลาศัย
บุรีรัมย์ พีอีเอ 2-5 บีอีซี เทโร ศาสน


สองปีก่อน ยังเรียกตัวเองว่า “ฟรีแลนซ์” อยู่ เลยมีเวลาว่างเยอะ

อ้อ! สำหรับบางคนนิยามของ “ฟรีแลนซ์” อาจจะแปลว่า “ตกงาน” ก็ได้นะ 555 (จะหัวเราะทำไม)

พอเวลาว่างเยอะ ช่วงปลายปีก็เลยตามไปเชียร์ทีมโรงเรียนสวนกุหลาบฯที่ผมเคยใช้ชีวิตสมัยวัยรุ่นอยู่ถึง 6 ปีในการแข่งขันฟุตบอล 18 ปีประเภท ก ของกรมพลศึกษา

ใครจะไปเชื่อว่าทีมที่ “โหลยโท่ย” มากในศึกจตุรมิตรก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน สุดท้ายจะไปถึงดวงดาว คว้าแชมป์กรมพละมาครองได้สำเร็จ (^^)/

ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จุดสำคัญอยู่ที่การปรับเปลี่ยนระบบทีมใหม่ครับ คุณเนวิน ชิดชอบ ซึ่งรับบทบาทผู้จัดการทีมชมพู-ฟ้าตัดสินใจนำเด็ก ๆ ชุดนี้ไปผูกรวมเป็นอะคาเดมีให้กับ “บุรีรัมย์ พีอีเอ” ที่ท่านเพิ่งไปเทคโอเวอร์มาจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาหมาด ๆ

คุณเนวินสั่งการให้ “โค้ชก๊อก” พงษ์พันธ์ วงษ์สุวรรณ (อดีตประธานพัฒนาเทคนิคของ “ปราสาทสายฟ้า”) ลงมาดูแลเด็กชุดนี้แบบเต็มตัว โดยโค้ชก๊อกให้โค้ช ๆ ในคาถาอย่างอดุลย์ รุ่งเรืองและอนุรักษ์ ศรีเกิดลงมาคลุกคลีกับนักฟุตบอล แล้ววางตัวเองเป็นที่ปรึกษาของทีม

ทุก ๆ แม็ทช์ที่สวนกุหลาบฯลงแข่ง คุณเนวินจะตามไปให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด หลังแข่งก็จะลงมาดูแลเด็ก ๆ ราวกับลูก ๆ ก็ไม่ปาน

“พวก ม.6 ที่จบแล้วไปต่อมหาวิทยาลัยที่ราชภัฎบุรีรัมย์ให้หมดเลย แล้วก็เล่นให้บุรีรัมย์ในดิวิชัน 2” ผู้จัดการทีมสวนกุหลาบฯว่า “ทุกคนไม่ต้องห่วง ได้เรียนตามสเต็ปของเด็ก ๆ ทั่วไปแน่นอน”

นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมคิดเอาไว้ว่าจะต้องไปเยือนบุรีรัมย์ให้ได้สักครั้ง...ก็ไม่ได้คิดว่าจะไปเชียร์บุรีรัมย์ พีอีเออะไรหรอกนะ แค่อยากไปเห็นการเติบโตของน้อง ๆ พวกนี้มากกว่า

เวลาผ่านไปไวยิ่งกว่าโกหก สองปีผ่านไป ผมยังไม่เคยเฉียดใกล้ไอโมบายล์ สเตเดียมแม้สักนิดหรือแม้กระทั่งชมการแข่งขันของทีมนี้ในสนามใกล้ ๆ ก็ยังไม่เคยเลย...จนวันนี้นี่แหละที่เด็ก ๆ บุรีรัมย์ พีอีเอผ่านเข้ามาชิงศึกเอฟเอ ยูธ คัพกับบีอีซี เทโร ศาสนได้สำเร็จ (^-’)b




บูธขายของที่ระลึก (ชั่วคราว) ของบุรีรัมย์ พีอีเอ

เสื้อที่ขายดีที่สุดของบีอีซี (จนทำออกมาเป็นดีฟอลท์) คือเบอร์ 14 ธีรเทพ


ดูในใบรายชื่อของ “ปราสาทสายฟ้า จูเนียร์” แล้ว มีนักเตะสวนกุหลาบฯชุดแชมป์กรมพละเมื่อ 2 ปีก่อนอยู่ 5 คนด้วยกัน...อุกฤษณ์ วงศ์มีมา ผู้รักษาประตู, ชิติพัทธ์ แทนกลาง กัปตันทีม, อรรถพล กันหนู (ตอนนี้ย้ายไปอยู่จามจุรี ยูไนเต็ดเรียบร้อยแล้ว), ปรัชญา อ่อนสีทา ผู้ยิงประตูชัยดับกรุงเทพคริสเตียนนัดชิงชนะเลิศและอาทิตย์ งอนภูเขียว 2 คนหลังนี้ถูกส่งไปฝึกปรือวิทยายุทธกับน่าน ในลีกภูมิภาค โซนภาคเหนือ

แล้วก็ยังมีนักเตะชมพู-ฟ้าฤดูกาลที่แล้วอีกประปราย เช่น ยศพล เทียงดาห์, ศราวุธ อินทร์แป้น, ศราวุธ กำจัดภัยและรังสรรค์ แสวงทรัพย์ เป็นต้น

ทิศทางการเจริญเติบโตของทีมบอลชมพู-ฟ้าเหมือนจะไปได้สวย...

แต่

เรื่อง “หัวใจ” และ “สายเลือด” ล่ะ มันสวยแบบนั้นจริงหรือเปล่า? การได้คุยกับอดีตนักฟุตบอลจตุรมิตรจาก 2 โรงเรียนก่อนหน้านี้ทำให้เกิดคำถามขึ้น o_O

คนแรก...อดีตผู้รักษาประตูเทพศิรินทร์ ธงชัย สุขโกกีครับ

ผมคุยกับเขาเรื่องการย้ายไปคุมทัพการท่าเรือไทย ก็เลยแฉลบมาถึงเรื่องจตุรมิตรนิดหน่อย

“ปีนี้ตั้งความหวังกับเทพศิรินทร์ยังไงครับ?” ผมถาม

“ต้องเข้าชิงครับ...” พี่ธงตอบ

“กะใครดี...” ผมหยอด

“เอาเป็นสวนกุหลาบฯก็แล้วกัน” เฮดโค้ชสิงห์เจ้าท่าตอบเอาใจเต็มที่

“แล้วคิดว่าใครเต็งครับ?” ผมเปลี่ยนประเด็น

“กรุงเทพคริสเตียน!”

ตอบแบบนี้ก็เลยรู้ครับว่าคำตอบที่แล้วน่ะเอาใจผมจริง ๆ ก็เลยแกล้งถามไปว่า “ไม่กลัว เนวินส์ เบ๊บส์ เด็ก ๆ ของเนวินบ้างหรอ?”

“ไม่กลัว พี่ว่าเรื่องสายเลือดตอนนี้ ใน 4 โรงเรียนนี้ สวนกุหลาบฯเข้มข้นน้อยสุดแล้วนะ ก็เด็ก ๆ แทบไม่ได้ไปโรงเรียนเลยน่ะ...”

หลังจากนั้นผมได้คุยกับชาตินันท์ นาคสมบูรณ์ อดีตปราการหลัง กัปตันทีมชุดแชมป์กรมพลศึกษา รุ่น 16 ปีเมื่อปีการศึกษา 2533 ผู้เคยข่มรัศมี “สมชาย เข็มกลัด” มาแล้ว

ขยายความนิดนึงครับ เกมนัดชิงวันนั้น เทพฯนำสวนฯที่เหลือ 10 คนอยู่ 1-0 จู่ ๆ เต๋าก็มาถูกใบแดงเพราะเจตนาถ่วงเวลา นั่นคือจุดเปลี่ยนของเกมอย่างแท้จริง

สิบคนเท่ากัน สวนกุหลาบฯเลยเป็นฝ่ายบดขยี้ แล้วก็มาได้จุดโทษในที่สุด ชาตินันท์คือเพชฌฆาต ผู้พาทีมตีเสมอได้สำเร็จ ก่อนที่จะไปดวลจุดโทษชนะ

ผมเจอพี่ชาวันปิดการแข่งขันฟุตบอล OSK League ครับ

“ยังตามดูบอลสวนฯอยู่มั้ยพี่?” ผมถาม

“ก็ดูนะ ไปเชียร์เพื่อน ๆ พี่ที่ทำทีมอยู่อย่างเหนียว (วัชรกร อัณฑะคำภู) แล้วก็จอห์นนี่ (ดนัย วิสุทธิแพทย์)”

“คิดยังไงกับทีมตอนนี้ที่คุณเนวินมาทำ?” ผมตั้งประเด็น

“พี่ว่าไม่ใช่แนวว่ะ พี่ว่าจะทำอะคาเดมีก็น่าจะอยู่ส่วนของอะคาเดมีไป ทีมโรงเรียนก็อยู่ส่วนของทีมโรงเรียน นักบอลโรงเรียนน่าจะได้มาอยู่ที่โรงเรียนมากกว่า”

สิ่งที่พี่ชาต้องการสื่อนั้นน่าจะหมายถึง “สายเลือด” อย่างที่พี่ธงเปิดประเด็นเอาไว้นั่นเอง




ทีมเยาวชนบุรีรัมย์ พีอีเอก็เหมือนทีมสวนกุหลาบฯดี ๆ นี่เอง

โฉมหน้าทีม "มังกรไฟ จูเนียร์" ที่ฟอร์มการเล่นจัดจ้านมาตลอด


กลับมาที่เกมนัดชิงเอฟเอ ยูธ คัพกันต่อครับ ทั้งบุรีรัมย์ พีอีเอและบีอีซี เทโร ศาสนจัดทัพลงด้วยระบบ 4-3-3 คล้าย ๆ กันเลย

ฝั่งปราสาทสายฟ้านั้นมีอุกฤษณ์ วงศ์มีมาเป็นผู้รักษาประตู แผงหลังไล่จากขวามาซ้ายมีศิริศักดิ์ ไฝดง, ชิติพัทธ์ แทนกลาง กัปตันทีม, ศราวุธ อินทร์แป้นและปิยะณัฐ ชาญรัมย์

แดนกลางใช้เกรียงไกร อุระงามคุมทัพร่วมกับปิยะราษฎร์ ลาจังหรีด โดยมีฐานุศร เกตุมณีคอยปั้นเกม ขนาบข้างขวา-ซ้ายด้วยปิยพงษ์ หอมขจรและชุติพนธ์ ทองแท้ ห้อยแฟรงค์ อาเชียมปงเป็นศูนย์หน้า

ฝั่งมังกรไฟนั้นมีวรวุฒิ แก้วผูกเป็นผู้รักษาประตู แผงหลังไล่จากขวามาซ้ายมีธีรกรณ์ สุนทรเวช, ภรัณยู อุปละ, สายันต์ เพ็งพันธ์และทวีพล ลาภเดโช

แดนกลางใช้กัปตันทีมอย่างอภิสิทธิ์ คำวังซึ่งย้ายไปอยู่บางกอก เอฟซีแบบยืมตัวยืนเป็นตัวตัดเกม มีศนุกรานต์ ถิ่นจอมกับณัฐวุฒิ แก่นท้าวบัญชาเกมรุก เกมริมเส้นมีกิลเบิร์ต กอมซงกระชากทางขวา ชนาธิป สรงกระสินธ์กระชากทางซ้าย ทิ้งขวัญทนง พันธ์ยกเป็นศูนย์หน้า

เมื่อสองปีก่อนสังเวียนแห่งนี้ถือว่าเป็นสังเวียนแห่งความทรงจำของกัปตันทีมปราสาทสายฟ้าอย่าง “แบงค์” ชิติพัทธ์เลยก็ว่าได้ วันนั้นชาวสวนกุหลาบฯทั้งมวลอาจจะมีความสุขกับแชมป์กรมพลศึกษารุ่น 18 ปี แต่สำหรับแบงค์แล้วมันอาบด้วยความขมขื่นเอาไว้

เกมนัดชิงระหว่างสวนกุหลาบฯกับกรุงเทพคริสเตียนวันนั้น เปิดฉากมาแค่ 14 นาที แบงค์ก็ถูกไล่ออกซะแล้วจากข้อหาฉุดกระชากอัครพล มีสวัสดิ์ ศูนย์หน้าคู่แข่งในจังหวะหลุดเดี่ยว

เหลือบตาไปฝั่งมังกรไฟแล้วเห็น “โด้” อัครพลนั่งอยู่ที่ม้านั่งสำรอง เชื่อว่าแบงค์น่าจะหายใจคล่องขึ้นเยอะ :-P




11 ผู้เล่นชุดแรกของบุรีรัมย์ พีอีเอร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนแข่ง

ชิติพัทธ์นำลูกทีมจับมือกับผู้เล่นบีอีซี

อภิสิทธิ์กับชิติพัทธ์ สองกัปตันทีมแลกของที่ระลึกกัน

ผู้เล่นและสต๊าฟบุรีรัมย์ พีอีเอรวมใจกันก่อนเริ่มเกม


ในยุคที่อะคาเดมีบุรีรัมย์เติบโตขึ้นมาด้วยการนำมาผูกกับโรงเรียนสวนกุหลาบฯ ชิติพัทธ์ถือว่าเป็นนักฟุตบอลรุ่นสุดท้ายของโรงเรียนที่ได้เก็บตัวอยู่ในหอพักภายในรั้วชมพู-ฟ้า (ข้าง ๆ ตึกสามัคยาจารย์ ใกล้ ๆ กับสระว่ายน้ำ-ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากยุคผมนะ)

หลังจากจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้ว แบงค์ก็ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ที่บุรีรัมย์ เล่นฟุตบอลอาชีพกับบุรีรัมย์ พีอีเอพร้อม ๆ กับเรียนไปด้วยที่วิทยาลัยเฉลิมกาญจนา จ.บุรีรัมย์

“นักบอลสวนฯรุ่นหลังจากผม...ส่วนมากจะมาอยู่เก็บตัวที่นี่ อาจจะมีเวลาน้อยที่ได้ไปเรียน แต่ก็ต้องไปสอบครับ มันไม่เหมือนรุ่นก่อน ๆ ที่นอนหอที่โรงเรียนแล้วเล่นบอลไปด้วยทำให้มีความผูกพันสูง...” กัปตันทีมปราสาทสายฟ้าชุดเยาวชนให้ความเห็น

“ส่วนมากตอนนี้ผมใช้ชีวิตอยู่ที่สโมสรมากกว่า แต่เราจะมีแคมป์ในกรุงเทพฯด้วย ถ้ามาอยู่ที่แคมป์นี้ก็จะมาเรียนทุกวัน” ศิริศักดิ์ ไฝดงหรือมุ่น เซนเตอร์ฮาล์ฟดาวรุ่งของสวนกุหลาบฯและบุรีรัมย์ พีอีเอเล่าถึงชีวิตตนเอง เกมวันนี้เขาถูกถ่างออกมาเล่นแบ็กขวา

มุ่นเป็นเด็กบุรีรัมย์ รูปร่างสูงใหญ่ ปัจจุบันอายุ 18 ปี ดูจากหน่วยก้านแล้วน่าจะไปได้สวยบนถนนสายลูกหนัง ปีการศึกษานี้เขาถูกส่งตัวไปเรียนชั้น ม.6 ที่โรงเรียนสวนกุหลาบฯ แล้วก็ได้ประเดิมสีเสื้อชมพู-ฟ้าไปแล้วในศึก ACS Cup ที่สนามสิรินธร ซึ่งสุดท้ายสวนกุหลาบฯทำได้แค่ 4 ทีมสุดท้าย

“ภูมิใจที่ได้เข้ามาเรียนโรงเรียนอันดับ 1 ของประเทศไทย ผมมาเรียนที่สวนกุหลาบฯได้ 2 เดือนเองก็ยอมรับความผูกพันยังไม่เต็มร้อยเท่าไหร่”

ความผูกพันกับโรงเรียนอาจจะไม่เต็มร้อย แต่ถึงกระนั้น กัปตันทีมชมพู-ฟ้าเมื่อ 2 ปีก่อนอย่างแบงค์ก็ยังมั่นใจในตัวรุ่นน้องอยู่ดี

“ถ้าในเรื่องความผูกพันกับโรงเรียน...ผมไม่แน่ใจ มันแล้วแต่คน แต่ถ้าเป็นเรื่องของฟุตบอล เลือดสวนกุหลาบฯ เวลาใส่เสื้อชมพู-ฟ้าลงไปในสนาม เราเต็มที่อยู่แล้ว ผมเชื่อว่าทุกคนเต็มที่”

นั่นคงเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ด้วยกาลเวลา




กองเชียร์ "ปราสาทสายฟ้า"

กองเชียร์ "มังกรไฟ"


ตัดกลับมาที่สนามศุภฯอีกครั้ง...

คุณเนวิน ชิดชอบปลุกขวัญลูกทีมปราสาทสายฟ้าก่อนลงสนามวันนี้ว่า

“กล้าเล่นนะ วันนี้เราจะเอาแชมป์กลับบ้านเรา”

แต่เปิดฉากมาแค่ 6 นาทีเท่านั้น ความมั่นใจของเด็ก ๆ ปราสาทสายฟ้าก็ถูกบั่นทอนลงอย่างรวดเร็วเมื่อณัฐวุฒิบรรจงไหลบอลให้ศนุกรานต์ยิงตามน้ำผ่านมืออุกฤษณ์ ส่งมังกรไฟจูเนียร์ขึ้นนำซะแล้ว

ในขณะที่เกมกำลังสูสีกันอยู่นั้น มีนักเตะบีอีซีคนหนึ่งที่โดดเด่นขึ้นมา เด็กหนุ่มชาวนครปฐมคนนั้นคือ “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ปีกซ้ายหมายเลข 16 นั่นเอง ช็อตแรกที่เจสร้างความฮือฮาให้กับกองเชียร์ก็คือช็อตที่ใช้ฝ่าเท้าคลึงแล้วพลิกหลอกสองผู้เล่นคู่แข่งตรงบริเวณกลางสนาม จากนั้นก็กระชากพรึดเดียวถึงเส้นหลัง แม้จะมีแผงหลังบุรีรัมย์ทิ้งตัวสไลด์ก็เอาไม่อยู่

ปีกจอมลีลาคนนี้เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 4 ขวบโดยมีคุณพ่อฝึกเล่นให้ที่หน้าบ้าน จากนั้นก็เข้ามาแสวงโชคในเมืองหลวงกับหลายโรงเรียน ปัจจุบันเรียนอยู่ที่โรงเรียนพาณิชยการราชดำเนิน

ไม่ต้องแปลกใจนะครับถ้าจะบอกว่าขวัญใจของเจก็คือ “ลีโอเนล เมสซี” นั่นเอง!

เห็นปีกซ้ายกระชากสวย ๆ แล้ว ปีกขวาอย่างกิลเบิร์ต เด็กหนุ่มจากกานาก็ไม่ยอมกันเหมือนกัน ไม่กี่อึดใจหลังจาก “เจโชว์” กิลเบิร์ตก็โชว์บ้างกระชากพรึดเดียวฉีกคู่แข่งเป็นริ้ว ๆ ก่อนจะผ่านบอลให้ขวัญทนงแปง่าย ๆ ให้บีอีซีขึ้นนำ 2-0 ซะแล้วในนาทีที่ 14

เสียลูกนี้ไปทำเอาอรรถพล บุษปาคมเริ่มโวยลูกทีมแล้ว

นาทีที่ 19 อาเชียมปง ดาวเด่นบุรีรัมย์ พีอีเอเริ่มคายพิษสงเป็นครั้งแรกเมื่อกระโดดพักบอลด้วยอก ดูกึ่ง ๆ เหมือนใช้มือพักบอล แต่ดาวเตะฝีเท้าจัดไม่สนซัดเต็มแรง น่าเสียดายที่ไปติดเซฟของวรวุฒิ

บุรีรัมย์ พีอีเอจำต้องปรับเปลี่ยนผู้เล่นตั้งแต่นาทีที่ 21 ส่งกิตติชัย รักบุตรลงมาแทน “เบียร์” ศราวุธ อินทร์แป้นที่บาดเจ็บ ทำให้ต้องปรับแผงหลังกันวุ่นวาย โยกปิยะณัฐเข้ามายืนเซนเตอร์ฮาล์ฟ แล้วถอยปิยะราษฎร์ลงมาเล่นแบ็กซ้าย โดยให้กิตติชัยซึ่งลงไปใหม่ยืนในแดนกลาง

ไม่เท่านั้นโค้ชแต๊กยังปรับแดนหน้าอีกเล็กน้อยสลับอาเชียมปงมากระชากฝั่งขวาแล้วจับปิยพงษ์ หอมขจรเข้าไปยืนเป็นตัวเป้า

7 นาทีต่อมา บุรีรัมย์ พีอีเอกลับคืนสู่เกมได้สำเร็จเมื่อศูนย์หน้าอันตรายชาวกานาถูกสายันต์เสียบล้มในเขตโทษ คุณประธาน นาสว่างเป่าปรี๊ดเป็นจุดโทษทันที

ไม่เป็นปัญหาสำหรับอาเชียมปงที่จะส่งบอลสู่ก้นตาข่าย บุรีรัมย์ พีอีเอไล่มาเป็น 1-2

นาทีที่ 31 แผงหลังปราสาทสายฟ้าทำบอลกิ๊กกั๊กกันเอง ยังดีที่อุกฤษณ์เซฟลูกยิงแบบหลุดเดี่ยวของขวัญทนงไว้ได้ ไม่งั้นช้อยเก็บฉากแน่

เกมช่วงนี้ทั้งสองทีมเปิดเกมบุกใส่กันแบบเมามันมาก มีโอกาสยิงกันทั้งคู่ อาเชียมปงกระดกบอลข้ามคาน ตามมาด้วยจอมจี๊ดอย่างเจที่ล็อกหลบสองแผงหลังคู่แข่งได้อย่างสวยงาม แต่ดันตกม้าตายเพราะยิงเบาเกินไปเข้ามืออุกฤษณ์แบบหมูตู้ :-P

นาทีที่ 30 บีอีซีเปลี่ยนตัว ส่งพงษ์ธร วิลาฬลงมาแทนทวีพล

แล้วบุรีรัมย์ก็มาตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 35 เมื่อปิยะราษฎร์ได้โอกาสยิงไกล บอลเข้าไปตุงตาข่ายอย่างสวยงาม โมเมนตั้มเริ่มไหลมาทางปราสาทสายฟ้าซะแล้ว

ผู้ตัดสินทดเวลาเจ็บครึ่งแรก 2 นาทีแล้วก็ทำท่าว่าจะจบที่สกอร์ 2-2 แต่จู่ ๆ ขวัญทนงก็มายิงดื้อ ๆ ให้บีอีซีกลับขึ้นนำอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่ถึงอึดใจคุณประธานก็เป่านกหวีดยาวหมดเวลา

บุรีรัมย์ พีอีเอ 2-3 บีอีซี

วันนี้ทั้งสองทีมนำเสื้อและของที่ระลึกมาขายด้วย ของบุรีรัมย์น่ะไกลหน่อย อยู่บริเวณรั้วหน้าสนาม มีให้เลือกทั้งของพีอีเอและของเอฟซี ผมเข้าไปด้อม ๆ มอง ๆ สุดท้ายก็กลั้นใจซื้อชุดเหย้าพีอีเอสีน้ำเงินเข้มไว้เป็นที่ระลึกตัวนึง สนนราคา 350 บาท

ส่วนของบีอีซีนั้นขายกันตรงทางขึ้นอัฒจันทร์ฝั่งตนเอง มีเสื้อ “Class of 2011” มาขายด้วย ด้านหลังมีชื่อของนักเตะเยาวชนชุดนี้สกรีนเอาไว้ครบทีม (มั้ง)...ถ้ารู้ว่าสุดท้ายบีอีซีจะได้แชมป์ ผมคงซื้อเก็บเอาไว้สักตัวแล้วแหละ - -"




ชิติพัทธ์วางบอลยาวผ่านหน้าขวัญทนง

ปิยพงษ์ หอมขจร ดาวน่าจะเด่นของบุรีรัมย์ พีอีเอ

จังหวะได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ของบีอีซี

การห้ำหั่นกันในแดนกลาง

ลีลาพลิ้วของชนาธิป ล้มตัวสไลด์ทั้งตัวยังเอาไม่อยู่

สองผู้ยิ่งใหญ่ของบุรีรัมย์ พีอีเอเซ็งกับการโดนนำไปก่อน 2-0

อุกฤษณ์ออกมาตัดลูกโด่ง

อาเชียมปงซัดจุดโทษตีไข่แตก

เกรียงไกรพยายามสกัดลูกผ่านของศนุกรานต์


ครึ่งหลังเปิดฉากมาแค่ 5 นาทีบุรีรัมย์มีการปรับทัพอีกครั้งส่งธนารัตน์ ครสระน้อยลงมาแทนชุติพนธ์

นาทีที่ 55 ปิยพงษ์ ที่ไม่ได้นามสกุลผิวอ่อนแต่ว่ากันว่าเป็นศูนย์หน้าที่น่าจับตามองไม่น้อยเหมือนกัน มีโอกาสครั้งแรกในเกมนี้ เมื่อหลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับวรวุฒิ ผู้รักษาประตูบีอีซี น่าเสียดายที่ดันล็อกหลบไม่พ้นเลยชวดตีเสมออย่างน่าเสียดาย

คุณเนวินเคยบอกกับกองเชียร์สวนกุหลาบฯเอาไว้เมื่อปีที่แล้วว่าปิยพงษ์ หอมขจรจะมาเป็นศูนย์หน้าชุดจตุรมิตรให้ทีมชมพู-ฟ้าในปีนี้ แต่น่าเสียดายที่กฎใหม่อะไรสักกฎซึ่งไม่มีใครอธิบายให้ผมเข้าใจได้แบบแจ่มแจ้งได้ ทำให้สุดท้ายดาวรุ่งคนนี้จำต้องเรียน ม.3 ที่บุรีรัมย์ต่อไปอีกปีนึง

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมแอบจับตามองเขาเป็นพิเศษในเกมนี้ น่าเสียดายที่วันนี้ไม่ใช่วันของปิยพงษ์เอาซะเลย มิหนำซ้ำพออัครพล มีสวัสดิ์ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนขวัญทนงในนาทีที่ 63 (ตามมาด้วยวุฒิชัย เฮงจินดาที่เปลี่ยนลงมาแทนศนุกรานต์ในนาทีที่ 64...แล้วทำไมไม่เปลี่ยนพร้อมกันหว่า?) ปิยพงษ์ก็ตายสนิทด้วยฟอร์มอันโดดเด่นของโด้ สมกับที่ได้รับการโปรโมทขึ้นสู่ชุดใหญ่ของทีมมังกรไฟแล้ว

แม้จังหวัดบุรีรัมย์จะไม่ติดทะเล แต่โด้กับเจกลับช่วยกันพาแผงหลังปราสาทสายฟ้าออกทะเลด้วยลีลาลูกหนังอันแสนคล่องแคล่ว แค่ 3 นาทีที่ลงสัมผัสสนามเท่านั้น อัครพลก็มากดประตูหนีห่างเป็น 4-2 ได้สำเร็จ

ประตูนี้เริ่มต้นจากโด้ที่พาบอลมาจากกึ่งกลางสนาม แตะต่อให้ณัฐวุฒิ ก่อนที่จะกลับมาจบที่ศูนย์หน้าดาวรุ่งแห่งค่ายมังกรไฟอย่างอัครพลอีกครั้งชนิดที่อุกฤษณ์หมดสิทธิ์อุทธรณ์ใด ๆ

ทั้งสองทีมมีการปรับทีมกันอีก บุรีรัมย์ พีอีเอส่งชัชวาล ผูกดวงลงมาแทนเกรียงไกรในนาทีที่ 71 ส่วนบีอีซีส่งรังสรรค์ วิรุฬศรีลงมาแทนกัปตันทีมอภิสิทธิ์ที่บาดเจ็บในนาทีที่ 77

สิบนาทีสุดท้ายเกมนี้ก็ต้องจบลงก่อนเวลา...แน่นอนดาวเด่นที่แฟนบอลซึ่งได้ไปชมนัดนี้ต้องเอ่ยชมกันทุกคนอย่างเจ ชนาธิปต้องมีส่วนร่วมด้วยเพื่อความสมบูรณ์แบบ เมื่อเจกระชากไปทางขวาก่อนจะเปิดให้โด้ยิงกิ๊ก ๆ กั๊ก ๆ แต่กลับกลายเป็นดีเมื่อบอลผ่านมืออุกฤษณ์ไปได้สำเร็จ

บีอีซีทะยานนำ 5-2 ซะแล้ว

สถานการณ์ของบุรีรัมย์ พีอีเอเลวร้ายลงไปอีกเมื่อกิตติชัยมาถูกไล่ออกด้วยข้อหาทำฟาวล์ดาวเตะต่างชาติอย่างกิลเบิร์ต

ท้ายเกมทั้งสองทีมยังมีการเปลี่ยนตัวอีก บีอีซีส่งณัฐพงศ์ ป้องกันลงไปแทนกิลเบิร์ต ส่วนบุรีรัมย์ พีอีเอส่งอภิเชษฐ์ นิพิมายลงไปแทนฐานุศร

แม้คุณประธานจะให้โอกาสยักษ์ใหญ่แห่งอีสานใต้อีก 5 นาทีแต่เด็ก ๆ ของคุณเนวินก็หมดหือ หมดอือใด ๆ ซะแล้ว ยอมจำนนกับตำแหน่งรองแชมป์ด้วยความพ่ายแพ้แสนยับเยิน 2-5

บีอีซี เทโร ศาสนเป็นแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพอย่างยิ่งใหญ่ โดยประธานสโมสรอย่างไบรอัน มาคาร์นั้นถึงกับยิ้มไม่หุบกันเลยทีเดียว




ปิยพงษ์พยายามวิ่งส่ายหาช่อง

ตัวเก่งอย่างอัครพลได้ลงมาวาดลวดลายในครึ่งหลัง

แม้จะโดนปิยะณัฐแซะ แต่อัครพลก็ลากผ่านไปได้ ก่อนจะเป็นที่มาของประตูที่ 4

ณัฐวุฒิเข้าไปแสดงความยินดีกับอัครพล คนทำประตูที่ 4

วรวุฒิออกมาตัดลูกโด่งได้แม่นยำมาก

อาการเสียใจของกิตติชัยหลังถูกไล่ออก

กิลเบิร์ตกับปิยพงษ์ไล่ล่าลูกบอลที่ถูกสกัดออกมา


“ทีมเราไม่ได้ใช้เด็กบิ๊กเนม แต่เป็นเด็กที่เราเห็นฝีมือแล้วก็เรียกตัวมา มีบิ๊กเนมแค่คนเดียวคืออภิสิทธิ์ ส่วนอัครพลนั้นกะให้ลงครึ่งหลังอยู่แล้ว ไม่คิดจะให้ลงตั้งแต่แรก ซึ่งพวกเขาก็ทำได้ดี เล่นด้วยหัวใจเกินร้อย เล่นด้วยระบบ เล่นด้วยแท็กติกจริง ๆ ก็ต้องขอบคุณคุณไบรอันที่นำแอนดรูว์ ออร์ดโค้ชเยาวชนมาจากต่างประเทศ เอามาทำทีมเด็กจริง ๆ แยกออกไปเลย ในอนาคตเราหวังว่าพวกเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในทีมชุดใหญ่ได้” คุณธัญญะ วงศ์นาค ผู้จัดการทีมเผยความรู้สึก

นอกจากอัครพล มีสวัสดิ์ที่ก้าวขึ้นเป็นกำลังหลักในทีมชุดใหญ่มังกรไฟไปแล้ว คุณแมน ผู้จัดการทีมจอมทุ่มเทยังเผยไต๋อีกว่ากิลเบิร์ตกับเจจะเป็นสองคนต่อไปที่จะได้ตามขึ้นไป

“ตอนนี้คมสัน (กิลเบิร์ต) เราคิดว่าจะดันขึ้นชุดใหญ่ แต่ยังไม่ใช่ตัวจริงหรอก แล้วก็อาจจะมีเจ ปีกตัวจี๊ด ๆ นี่แหละที่เราอยากเปิดโอกาสให้ลงมาสัมผัสกับเกมชุดใหญ่บ้างสัก 10-20 นาที เราไม่เร่งพวกเค้าหรอก เพราะไทยพรีเมียร์ลีกปีนี้เป็นเกมที่หนักมาก ทุกทีมเสริมทีมกันได้อย่างน่ากลัว แต่เราจะทำให้น้อง ๆ ได้เห็นว่า ใครที่มุ่งมั่น ทุ่มเท ก็สามารถประสบความสำเร็จได้” ผู้จัดการทีมซึ่งเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬาทางช่อง 3 ด้วยเปิดเผย

สำหรับ “แมน ออฟ เดอะ แม็ทช์” ของใครหลาย ๆ คนอย่าง “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์นั้นเผยความในใจว่า “ภูมิใจมาก นี่คือแชมป์ที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตผมเลย สุดยอดมาก ก่อนลงสนามผมก็มั่นใจเพราะนี่คือสนามในฝันของผม แล้ววันนี้ผมก็เล่นได้ดี เต็มที่มาก ก็พอใจฟอร์มตัวเองนะครับ ต้องขอบคุณพ่อ ขอบคุณโรงเรียน ขอบคุณสโมสรที่ทำให้ผมได้ดี”

ส่วนฝั่งปราสาทสายฟ้านั้นบรรยากาศหงอยไปถนัดตาเลย กัปตันแบงค์ให้ความเห็นถึงเกมนี้ว่า “เราก็เต็มที่แล้ว ยอมรับว่าเค้าเล่นดีกว่าจริง ๆ แล้วก็สมควรชนะ ก็ไม่รู้ว่าไปพลาดตรงไหนเหมือนกัน ถ้าจะโทษคงต้องโทษทุกคน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง ผมก็มีส่วนผิด ทุกคนก็มีส่วนผิดกับการเสียประตูทั้งนั้น”

“ผิดหวังฟอร์มตัวเอง เล่นไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตัวเองวางเอาไว้ แต่เรื่องรูปเกมนั้น ความจริงเราสู้ได้นะ แต่มีจุดบกพร่องให้เห็นก็เลยพลาดไป” มุ่น แผงหลังดาวรุ่งช่วยเสริม




ขุนพลมังกรไฟ จูเนียร์กราบแฟนบอลแบบงาม ๆ ที่มาให้กำลังใจ

กองเชียร์ปราสาทสายฟ้าร้องเพลงให้กับเหล่าขุนศึกผู้ผิดหวัง

บรรยากาศชื่นมื่นกับถ้วยแชมป์ของบีอีซี เทโร ศาสน


และแน่นอนคนที่ผิดหวังไม่น้อยไปกว่าเด็ก ๆ ก็คือผู้ใหญ่ที่ทุ่มเทให้กับทีมมาตลอดอย่างคุณเนวินนั่นเอง

“เด็กไม่มีสมาธิ แล้วก็ต้องถือว่าบีอีซีวันนี้เล่นดี เด็กเรามีปัญหาเรื่องความพร้อมด้วย ต้องยอมรับว่าสู้ไม่ได้จริง ๆ...”

ประธานสโมสร “ปราสาทสายฟ้า” แสดงความเห็นถึงเกมนี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใด ๆ เลย แต่สำหรับผมแล้ว ผมคิดไปถึงคำพูดที่ท่านเคยพูดเอาไว้เมื่อครั้งหนึ่ง

“ทำทีมสวนฯน่ะกดดันกว่าทำบุรีรัมย์นะ บุรีรัมย์นั่นเป็นทีมของกู จะแพ้ก็กูคนเดียว แต่ถ้าสวนฯแพ้สิ พวกเอ็งตามด่ากูไม่เลิก”

ความพ่ายแพ้ของเด็ก ๆ ปราสาทสายฟ้าทำให้ผมเข้าใจคำพูดนั้นขึ้นอีกนิดนึง บุรีรัมย์ พีอีเอที่ใช้เด็ก ๆ สวนกุหลาบฯลงเล่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเชียร์พวกเขา แต่ความพ่ายแพ้ในวันนี้กลับไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกผิดหวังอะไรมากมาย...นั่นอาจจะเป็นเพราะผมยังไม่ถึงกับปวารณาตัวเป็นแฟนทีมนี้หรือพูดให้เท่ ๆ หน่อยก็...”เลือดบุรีรัมย์ยังไม่ข้น”

แม้ผมจะสอยเสื้อทีมเอาไปเป็นที่ระลึกตั้งตัวนึงก็เหอะ (ปรกติผมจะไม่ซื้อเสื้อทีมที่ตัวเองไม่รู้สึกอยากจะเชียร์หรือเอาใจช่วยหรอก)

วินาทีนั้นผมมองย้อนกลับไปเรื่อง “สายเลือดชมพู-ฟ้า” ของเด็ก ๆ

เท่าที่ผมได้คุย (แม้จะเป็นมุ่นคนเดียวก็เถอะ :-P) ผมรู้สึกได้ว่าเด็ก ๆ พวกนี้พร้อมทุ่มเทให้กับทุกทีมที่ลงเล่นเสมอ

ในยุคที่ฟุตบอลก้าวสู่ความเป็นอาชีพ อะคาเดมีของบุรีรัมย์น่าจะส่งผลดีกับโรงเรียนสวนกุหลาบฯในเรื่องของฟุตบอล

ส่วนเรื่องของ “สายเลือด” นั้น บางทีอาจจะต้องเป็นหน้าที่ของพี่ ๆ ที่ช่วยกัน “ฉีด” เพิ่มลงไป

เริ่มตั้งแต่คุณเนวิน ชิดชอบและทีมงานที่ใกล้ชิดกับเด็ก ๆ ต้องปลุกใจกันเต็มที่

รวมไปถึงกองเชียร์เลือดชมพู-ฟ้าอย่างเรา ๆ ที่ต้องคอยตะโกนปลุกเร้า...แม้กองเชียร์เด็ก ๆ ศิษย์ปัจจุบันอาจจะตั้งคำถามในใจว่า

“ไอ้ที่เราเชียร์อยู่นี่...มันเป็นใครวะ ตรูไม่เห็นจะค่อยเจอมันเลย” ก็เถอะ (>_<)


Create Date : 11 กรกฎาคม 2554
Last Update : 11 กรกฎาคม 2554 3:22:18 น. 1 comments
Counter : 4288 Pageviews.

 
ผมเป็นหนึ่งในศิษย์เก่าสวนกุหลาบที่ตามไปเชียร์ทีมบุรีรัมย์พีอีเอมาได้พักใหญ่ๆ เพราะเหตุผลเดียวล้วนๆเลยคือความเป็นสวนกุหลาบ ทั้งของพี่เนวินและเด็กๆนักเตะเยาวชนทั้งหลาย (รวมทั้งชุดใหญ่บางคนด้วย)

เมื่อวันเสาร์ก็ไปนั่งชมเกมนี้อยู่ด้วย ยอมรับว่าเด็กๆของเราสู้เด็กเทโรไม่ได้เลยจริงๆ แต่ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งสำคัญ แม้จะแพ้ในวันนี้ แต่เชื่อว่าด้วยความ"บ้า"บอลของพี่เนวิน จะไม่ทิ้งเด็กพวกนี้แน่นอน ผมเคยไปเห็นแคมป์เก็บตัวของนักเตะบุรีรัมย์มาแล้ว บอกได้เลยว่า นี่คือมาตรฐานที่ดีที่สุดเท่าที่ทีมในเมืองไทยจะสามารถมีได้ และเชื่อว่าจะส่งผลดีกับทีมชมพู-ฟ้าของเราแน่นอน

ใครจะมองพี่เนวินด้วยสายตาอย่างไรก็แล้วแต่ แต่สำหรับผม ผมเห็นแล้วว่า นอกจากความบ้าบอลของตัวแกเองแล้ว แกยังมีความรักความผูกพันกับสวนกุหลาบอย่างเต็มเปี่ยมแน่นอน เลือดชมพู-ฟ้ามันเข้มข้นอยู่ในตัวเด็กสวนฯทุกคนอยู่แล้ว

ในฐานะแฟนบอลบุรีรัมย์พีอีเอ ฝันอยากเห็นทีมปราสาทสายฟ้าได้แชมป์ TPL FAcup ลีกคัพ และไปเล่นในถ้วยเอเซียเป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศไทยของเรา ยกระดับฟุตบอลไทยให้สูงขึ้น

และในฐานะของศิษย์เก่าสวนกุหลาบ ก็อยากเห็นทีมชมพูฟ้ากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งในวงการลูกหนังขาสั้น ทั้งรายการของกรมพละ จตุรมิตร และบอลถ้วยต่างๆที่มีการแข่งขัน อยากให้ใครๆก็นึกถึงสวนกุหลาบเป็นทีมแรก ถ้าพูดถึงฟุตบอลนักเรียน

ผมจะรอวันนั้นครับ


โดย: debby the thunder OSK106 IP: 58.136.28.205 วันที่: 11 กรกฎาคม 2554 เวลา:17:23:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

baevi
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add baevi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.