Webblog : Futbol Review ท่องไปในดินแดนมหัศจรรย์ที่เรียกว่า...ฟุตบอล
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2558
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
9 พฤศจิกายน 2558
 
All Blogs
 

1 ปีผ่านไปไว๊ไว #กว่าสิบปีก็เช่นกัน

ฟุตบอลกรมพลศึกษา รุ่น 18 ปี ประเภท ก รอบแรก
3 พ.ย.58 สนามศุภชลาศัย
สวนกุหลาบ 5-4 สวนกุหลาบนนทบุรี (จุดโทษ, ในเวลา 1-1)



“เจอกัน 18 ปี ก นะ”

จำได้ว่าเคยตั้งชื่อบทรีวิวเกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษา รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ประเภท ข ระหว่างสวนกุหลาบพบสวนกุหลาบนนทบุรีเมื่อปีกลายไว้ว่าแบบนี้

เผลอแผลบเดียวผ่านมาหนึ่งปีเรียบร้อย

แม้วง POLY CAT เค้าจะร้องว่า “คำที่บอกว่าเราจะมาพบกันใหม่ มักจะไม่พบกันอีก...” ยังไงก็ตาม แต่เด็ก ๆ สวนกุหลาบก็กลับมาพบกับ “ก” อีกครั้งตามคำสัญญา ^^V

เพียงแต่ว่าจะพบแล้วครองรักกันต่อยาว ๆ หรือพบแล้วพรากจากกันอีกคราก็เท่านั้นเอง

เพราะความจริงแสนโหดร้ายเพิ่งมาเยือนชาวชมพู-ฟ้าไปแหมบ ๆ กลางเดือนก่อน o_O



<
a href="//www.bloggang.com/data/f/futbolreview/picture/1447028806.jpg" target=_blank>
ก่อนเกมนัดชิงประเภท ข ระหว่างสองสวนฯเมื่อปีก่อน



ในนัดตัดเชือกเพื่อหาทีมเข้าสู่ “รอบถ่ายทอดสดออกจอ” บอล 7 คน ช่อง 7 สี มณี 7 แสง

กับคู่แข่งที่ชื่อว่าโรงเรียนท่าข้ามพิทยาคม

ถ้าเป็นเมื่อ 5 ปีก่อน, 10 ปีก่อนหรือยุคที่ผมกำลังนุ่งกางเกงขาสั้นสีดำตามไปเชียร์ทีมโรงเรียน สกอร์คงไม่ออกมาที่

ท่าข้ามฯ 11-1 สวนกุหลาบ

แน่ ๆ

แต่ยุคนี้...มันเป็นไปได้เพราะท่าข้ามพิทยาคมคือ “อะคาเดมีของสโมสรชลบุรี” นั่นเอง นำทัพมาโดยกัปตันทีมชาติไทยชุด U19 “ยิม” วรชิต กนิษศรีบำเพ็ญ

และขอบอกว่า “เค้ามาแน่” เพราะโรงเรียนนี้คือผู้สืบทอดแชมป์ 18 ปี กรมพลศึกษาประเภท ข ต่อจากสวนกุหลาบนั่นเอง โดยนัดชิงชนะเลิศ ถล่มโรงเรียนวชิราลัยจากจังหวัดเชียงใหม่ยับ 8-0 พูนสวัสดิ์!

เจอกัน 18 ปี ก นะ (ปีหน้า) ^^!

“ยอมรับครับว่า...มันต่างกันชัดเจนเลยระหว่างบอลที่มีระบบกับบอลระดับนักเรียน เขาเป็นอะคาเดมีไปแล้ว สไตล์การเล่น, เทคนิคอะไร...เราสู้เค้าไม่ได้” วรวุฒิ สถาพร กัปตันทีมสวนกุหลาบคนล่าสุดเปิดใจถึงเกมนั้น




บอล 7 คน ช่อง 7 สี นัดหาทีมเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายระหว่างสวนกุหลาบกับท่าข้ามฯ

Credit ภาพ : FB Group SUAN CHEER



และถ้าเมียงมองคู่แข่งในระดับ “ก” ฤดูกาลนี้ เราจะพบว่ามีโรงเรียนที่ผูกติดกับอะคาเดมีของสโมสรต่าง ๆ ในเมืองไทยเต็มไปหมด

ไม่ว่าจะเป็นภัทรบพิตรและราชวินิตบางแก้ว (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด), โพธิ์นิมิตวิทยาคม (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด), ปทุมคงคา (การท่าเรือ), สตรีวิทยา 2 (บางกอกกลาส), สุรศักดิ์มนตรี (บียู) ฯลฯ

อ้อ! ส่วน “แชมป์เก่า” อัสสัมชัญธนบุรีจะบอกว่าเป็นอะคาเดมีของสโมสรอัสสัมชัญ ยูไนเต็ดได้ไหมนะ? แต่ที่แน่ ๆ เป็นแหล่งฟูมฟักและส่งต่อนักเตะสู่ “พันธมิตร” อย่างเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดแน่ ๆ

“บอลระดับนักเรียนมันพัฒนาไปเยอะแล้ว ถามว่าเราจำเป็นต้องไปผูกกับอะคาเดมีของสโมสรอาชีพไหม?...จำเป็นมาก ๆ” อ.สุรินทร์ เข็มเงิน อดีตโค้ชคู่บุญของชาวชมพู-ฟ้าให้ความเห็น “แต่ของเรา มันเหมือนว่ายังยึดติดกับความคิดเดิม ๆ ยังยึดติดอยู่กับองค์กร อาจจะคิดว่าการไปผูกกับอะคาเดมีแล้วมันจะเสียระบบของโรงเรียนอะไรแบบนี้”

“ถ้ามีโอกาส...ผมว่าเราก็น่าจะไปผูกกับอะคาเดมีนะครับ เพราะนักบอลจะได้ดีขึ้น ทั้งเทคนิคและการฝึกซ้อมต่าง ๆ” วรวุฒิ กัปตันทีมร่างโย่งของสวนกุหลาบให้ความเห็น




นักเตะชมพู-ฟ้าชุดปัจจุบันนำทัพโดยกฤตนัย (คนหน้าสุด) ดาวรุ่งจากค่ายทีโอทีและวรวุฒิ (คนขวา) กัปตันทีม สองนักเตะจากชุดแชมป์ประเภท ข เมื่อปีกลาย



ดูคู่แข่งแล้วย้อนกลับมามองที่ “ระบบ” ของโรงเรียนสวนกุหลาบ ก็ต้องยอมรับว่า...เด็ก ๆ ชมพู-ฟ้ายุคนี้มิใช่ทีมเต็ง ทีมโต๊ดอะไรนั่นแบบในอดีตอีกแล้ว

ไม่รู้นะ ผมว่านี่คือ “คาถา” เตือนตัวเองที่พบว่าปลายปีนี้งานออฟฟิศของผมดูเบา ๆ สบาย ๆ ก็เลยคิดว่าจะหาเวลาแว่บไปเชียร์น้อง ๆ ชมพู-ฟ้าในศึกกรมพละ (ทั้งรุ่น 18 ปีและรุ่น 14 ปีที่ต้องลงป้องกันแชมป์) ได้ดีที่สุด

(แต่ถ้าจะมีใครเมตตา ส่งงานผลิตสื่อวีดีโอต่าง ๆ ให้ผมกลับมามีงานยุ่ง ๆ ก็ยินดีรับใช้คร้าบบบบ ^^)

เวลาเปลี่ยน ใจนางเปลี่ยน ฟุตบอลก็เปลี่ยน

สวนกุหลาบมิใช่แหล่งรวมสตาร์ลูกหนังระดับนักเรียนแบบยุคที่ผมเรียนอีกแล้ว

อารมณ์แบบไปสนามด้วยความมั่นใจว่าจะได้เฮกลับมาแบบสมัยเรียนน่ะก็ต้องแอ๊บ ๆ ไว้บ้างแระ

นับนิ้วดู (ไม่พอหรอก 555) ก็ผ่านมากว่าสิบปีแล้ว แต่ความรู้สึกมันเหมือนวันวานเหมือนกันนะ ฟุตบอลระดับนักเรียนมันเดินหน้าเร็วแข่งกับกาลเวลาเหมือนกัน...ถ้าหยุด ทำตัวเงอะ ๆ งะ ๆ งง ๆ ไม่ปรับเปลี่ยนให้ทันโลก ก็อาจจะต้องมองคนอื่นก้าวผ่านหน้าไปแล้ว ผ่านไปอีก

กองเชียร์อย่างเรา ๆ ก็ทำได้แค่ปรับเปลี่ยนทัศนคติตัวเอง รู้ศักยภาพน้อง ๆ แล้วก็คาดหวังเท่าที่คาดหวังได้ ชื่นใจเวลาน้อง ๆ ทุ่มแบบสุดหัวใจ ผลลัพธ์เป็นอย่างไรก็ยอมรับในแบบนั้น




จุดเด่นของสวนกุหลาบยังคงเป็น "สปิริตสีชมพู-ฟ้า" เสมอ



แต่กับนัดแรกของศึกกรมพลศึกษา รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ประเภท ก ปีนี้ แอบคาดหวังกับชัยชนะเหมือนกันนะ

เพราะคู่แข่งคือ “สวนกุหลาบนนทบุรี” คู่ชิงประเภท ข ปีก่อนที่ “สวนฯใหญ่” เก็บมาแบบสบาย ๆ 3-0 นั่นแหละ

1 ปีผ่านไป สองทีมนี้เปลี่ยนไปอย่างไร?

“ต่างกันเยอะครับ เด็กปีที่แล้วเป็นพวกมีประสบการณ์มากกว่าเพราะเล่นด้วยกันมา 2 ปี แต่เด็กชุดนี้อยู่กันมาแค่ 5-6 เดือนเพราะฉะนั้นชุดนี้เป็นชุดใหม่ทั้งชุด ไม่มีโครงสร้างเดิมมาเลย” เอกวิทย์ บุญพามา เฮดโค้ชสวนกุหลาบนนทบุรีเปิดใจ

จุดที่น่าสนใจของทีมก็คือที่ม้านั่งสำรองมีร.ต.ณรงค์ ปาระชาติ อดีตโค้ชแอร์ฟอร์ซ เซนทรัลและเฮดโค้ชของเกร็กคู ทัพฟ้า ปทุมธานีในลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 โซนภาคกลางและตะวันตกเมื่อฤดูกาลที่เพิ่งผ่านมาเป็นที่ปรึกษาของทีมนั่นเอง

สวนกุหลาบนนทบุรีแม้จะยังไม่ใช่อะคาเดมีของสโมสรไหน แต่ก็ดูเหมือนมีวี่แวว

“ยังครับ เรายังไม่ได้เป็นอะไรกับทหารอากาศหรอก แค่เรามีโครงการในปีหน้าที่จะเซ็น MOU กันเท่านั้นเองครับ...ตอนนี้ก็กำลังร่างสัญญากันอยู่” เอกวิทย์เปิดเผย




เกมระหว่างสวนกุหลาบกับสวนกุหลาบนนทบุรี ปีนี้เป็นเกมประเภท ก



11 นักเตะที่ร.ต.ณรงค์และเอกวิทย์จัดลงสนามวันนี้ มาในระบบ 4-4-2 มีภควัฒน์ ตะยุนรัมย์เป็นผู้รักษาประตู แผงหลังไล่จากขวามาซ้ายประกอบไปด้วยชัยณรงค์ ปรวงษ์, วรวุฒิ วันทมาตย์, จิรายุ ชูสุวรรณและชยกร แสงเจริญ

แผงกลางคุมทัพโดยนิพิฐพนธ์ ไม่โศกและสุรชัย ชาวนา มีณัฐพงษ์ พรหมทองวรรณขึ้นบอลทางขวา กันตวัฒน์ เพชรรัตน์ลากบอลทางซ้าย

คู่หน้าเป็นสหรัฐ พะวงศ์จับคู่กับธนวรรณห์ ทนคำดี

แม้จะยังไม่ใช่อะคาเดมีของแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล แต่หลาย ๆ คนก็ผ่านศึกโค้กคัพรอบคัดเลือกปีล่าสุดกับ “อินทรีทัพฟ้า” มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภควัต, ชยกร, สุรชัย, นิพิฐพนธ์, ณัฐพงษ์หรือกันตวัฒน์ เป็นต้น




"เสี่ยถัง" คุณไพศาล สุขวงศ์วิวัฒน์ ผู้จัดการทีมสวนกุหลาบนนทบุรี



ส่วนสวนกุหลาบนั้น หลงเหลือนักเตะจากชุดแชมป์ประเภท ข ปีก่อนมาแค่ 2 คน หนึ่งคือวรวุฒิ สถาพร แผงหลังร่างโย่งดีกรีทีมโค้กคัพรอบคัดเลือกปีล่าสุดกับ “บียู” ซึ่งปีนี้รับหน้าที่กัปตันทีมชมพู-ฟ้าด้วย

“ก็ดีใจครับที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่นี้” วรวุฒิเผยความรู้สึก “ในฐานะกัปตันทีมก็ตั้งความหวังไว้ว่าอยากพาทีมเข้าชิงนะครับ ผมก็มั่นใจเหมือนกันนะครับ เราเต็มที่แน่นอน”

ส่วนอีกคนนึงก็คือกฤตนัย มุขธระโกษา จอมทัพหมายเลข 10 ที่ดีกรีไม่เบา ได้ลงเล่นกับทีโอที เอสซีในระดับไทยพรีเมียร์ลีกมาแล้ว (หมายเลข 33) รวมทั้งยังเป็นตัวสำรองในทีมชาติไทยชุด U19 ด้วย

การไม่มี “สามเหลี่ยมในแดนหน้า” เมื่อปีก่อนอย่างสิทธิโชค กันหนู, ธชนนท์ นคราวงศ์และกฤตนันท์ นาราชที่มีบทบาทโดดเด่นในเกมรุกของทีมมาก ๆ แล้ว คือบทพิสูจน์สำคัญของกฤตนัยว่าจะแบกทีมนี้ไว้ได้ขนาดไหน?

“ผมมองว่าทีมในปีนี้ไม่ต่างจากปีที่แล้วหรอกครับ...ในเรื่องที่ทุกคนพร้อมจะสู้เต็มที่กับทุกทีมแน่นอน เราสู้ในสนามอย่างเต็มที่มาตลอดทุกปีครับ” วรวุฒิย้ำ




วรวุฒิ กัปตันทีมสวนกุหลาบ



กฤตณรงค์ เฮาเลิศ เฮดโค้ชที่สานงานต่อจากปีก่อนจัดทัพ 11 คนแรกในระบบ 4-2-3-1 มีทักดนัย กลมเกลี้ยง ผู้รักษาประตูที่มีชื่อในระดับไทยพรีเมียร์ลีกกับ “บียู” รวมทั้งมีชื่อในทีมชาติไทยชุด U19 ก่อนถูกตัดตัว ยืนเฝ้าเสา

เห็นนามสกุล “กลมเกลี้ยง” แล้วผมคิดไปถึงเจริญ กลมเกลี้ยง “กะเรียนดำ” อดีตผู้รักษาประตูที่ชอบทำท่ากะเรียนหลังเซฟลูกโทษได้สมัยเล่นยามาฮ่า ไทยแลนด์ คัพกับทีมจังหวัดอะไรสักจังหวัดในภาคใต้ ก่อนที่จะมาสร้างชื่อต่อกับทีมทหารบก...ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันเหมือนกัน

แผงหลัง 4 คนไล่จากขวามาซ้ายประกอบด้วยชนธัญ วิลัยกูล, บรรพต สิถิระบุตร, แสงตะวัน แสงคำและนาธาน รองเดช

แดนกลาง “โค้ชยุ่น” ขยับวรวุฒิ สถาพรขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ ประสานงานกับภัทรพล พลเสน ดาวเตะตัวเด่นจากราชวินิตบางแคปานขำในบอล 7 คน ช่อง 7 สี มณี 7 แสงเมื่อปีก่อน

แนวรุกใช้กฤตนัย มุขธระโกษาเป็นเพลย์เมกเกอร์ ขนาบข้างด้วยธนาธิป ขันทอง อดีตนักเตะทีมชาติไทย U12 ชุดไซตามะ 2010, ทีมเยาวชนบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดและล่าสุดอยู่ในทีมโค้กคัพของสมุทรสาคร มิตรผลทางขวา และฐิติพันธุ์ กลิ่นเมฆทางซ้าย

ศูนย์หน้าตัวเป้าใช้บริการของนรินทร์ ชาญณรงค์ อดีตแนวรุกทีมชาติไทย U14 เมื่อปี 2012




นักเตะชมพู-ฟ้ารวมใจกันก่อนเริ่มเกม



พูดถึง “แก้ว” นรินทร์แล้ว เขาคือ 1 ใน 5 นักเตะสวนกุหลาบที่รองเท้ากีฬาดังแบรนด์นึงเคยเชิญเข้าร่วมฟุตบอลแคมป์ที่สนามศุภชลาศัยเมื่อเดือนสิงหาคมร่วมกับนักเตะจากโรงเรียนปทุมคงคา, ราชวินิตบางแก้วและสุรศักดิ์มนตรีด้วย

ในแคมป์จะแบ่งนักฟุตบอลเป็นสองทีม ทีมละ 11 คน ทีมหนึ่งดูแลโดย “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ส่วนอีกทีมดูแลโดย “เซอร์เด็ด” จเด็จ มีลาภ

ตอนเช้าจะฝึกแบบฝึกต่าง ๆ กัน ส่วนตอนบ่ายเป็นการลงทีม

เผอิญผมเป็น “พี่เลี้ยง” อยู่ในทีมของโค้ชเฮงด้วย ก็เลยได้เห็นฝีเท้าของนรินทร์ (ซึ่งอยู่ในทีมของเซอร์เด็ด)

“ศูนย์หน้าสวนกุหลาบทีมผมโคตรเจ๋งเลยพี่ เล่นดีมาก จนโค้ชเฮงถึงกับชมเลย” หุ้นส่วนบริษัทของผมซึ่งเป็นพี่เลี้ยงอีกทีมนึงชมเปาะ




5 นักเตะสวนกุหลาบในฟุตบอลแคมป์ของแบรนด์กีฬาชื่อดัง



มันเหมือนเป็นประเพณีไปแล้วที่เวลาสองสวนฯเจอกัน สวนกุหลาบนนทบุรีต้องเลี่ยงไปใส่เสื้อสีอื่น วันนี้พวกเขาก็เลยมาในเสื้อแดง

ผมมาถึงสนามตอนคิกออฟไปแล้ว 6 นาที สวนกุหลาบได้ฟรีคิก แต่ก็ไม่มีอะไร

นาทีที่ 14 นรินทร์โชว์ลีลาพลิกหนีกองหลังสวนนนท์ได้สวย แต่จังหวะสุดท้ายถูกสกัดกั้นไว้ได้

นาทีที่ 20 ใบเหลืองแรกก็ถูกผู้ตัดสินควักออกมาแจก ณัฐพงษ์ ตัวริมเส้นของสวนนนท์คือคนที่ได้รับแจ๊กพอตนั้น เมื่อไปเล่นบอลต่อในจังหวะที่ถูกเป่าล้ำหน้าไปแล้ว

ถัดมา 2 นาที ฐิติพันธุ์ของสวนกุหลาบไม่ยอมน้อยหน้าคนใส่เสื้อเบอร์ 7 ด้วยกัน เมื่อรับใบเหลืองตามไปติด ๆ จากจังหวะเข้าบอลที่รุนแรง

นาที 28 ธนาธิปของสวนกุหลาบ นักเตะชุดรองแชมป์โค้กคัพ รอบคัดเลือกกลุ่ม 4 โซนตะวันตกจากสมุทรสาคร มิตรผลได้โอกาสโซโลเข้าไปยิง แต่ก็ไม่ผ่านมือภควัต โกล์สวนนนท์




การขับเคี่ยวระหว่างสองสวนฯ



“เกมนี้อยู่ที่สวนฯใหญ่แล้วแหละ จะยิงได้ตอนไหน ถ้ายิงได้เร็วเกมนี้ก็ง่าย” เจ้าหน้าที่กรมพลศึกษาข้าง ๆ ผมจับกลุ่มเมาท์

แต่ในสายตาผม เกมของ “สวนฯใหญ่” ก็ไม่ได้เหนือกว่าขนาดน้านนนน

และปากกาของ “เกจิข้างสนาม” ก็ทำท่าว่าจะหัก เมื่อสวนนนท์ได้คอร์เนอร์ทางมุมซ้ายในนาทีที่ 34 แผงหลังสวนฯใหญ่เคลียร์กันไม่ดี สุดท้ายเลยเป็นกันตวัฒน์ที่ส่งบอลสู่ก้นตาข่ายสำเร็จ

สวนนนท์พลิกขึ้นนำ 1-0!




สวนนนท์เฮฮาหลังจากขึ้นนำไปก่อน



ช่วงท้ายครึ่งแรก ฝนเริ่มหยดลงมาแหมะ ๆ ระดับแค่ให้พอรำคาญเล่น ๆ ผมคิดไปถึงปีที่แล้วที่เกมนัดชิงประเภท ข ก็ฝนตกเช่นกัน

...เอาแหละน่ะ ลางดี...ผมคิด

นาที 40 “โค้ชยุ่น” กฤตณรงค์ขยับทำท่าจะเปลี่ยน อกฤษฎ์ อุไรรัตน์ลงไปแก้เกม ผู้ตัดสินเตรียมป้ายหมายเลข 7 ว่าเป็นผู้เล่นที่เปลี่ยนออกแล้วด้วย แต่เพราะอะไรไม่รู้สุดท้ายอกฤษฎ์ไม่ได้ลงสักที สวนนนท์เลยตัดหน้า ส่งฐิติพงษ์ สุราใหม่ นักเตะแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัลชุดโค้กคัพลงมาแทนนิพิฐพนธ์ซะเลย โดยเอาลงมาเล่นริมเส้นทางขวา แล้วขยับณัฐพงษ์เข้ามาคุมแดนกลางแทน

สวนกุหลาบมีโอกาสตีเสมอนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก “คิว” กฤตนัย ดาวเตะจากทีโอทีสบโอกาสสับไกจากลูกที่เพื่อนจับบอลหลุดมา น่าเสียดายที่หลุดเสาสองไป

จบครึ่งแรก สวนกุหลาบตามหลังสวนกุหลาบนนทบุรี 0-1




สกอร์บอร์ดครึ่งแรก กับสกอร์ช็อคเด็กสวนฯใหญ่



ครึ่งหลังสวนกุหลาบขยับธนาธิปมาประจำการริมเส้นด้านซ้าย แล้วก็อาศัยการลากลุยของธนาธิปเป็นหลัก โดยมีกฤตนัยที่โยกออกมารับบอลทางซ้ายบ้างในบางจังหวะ

เกมของสวนกุหลาบดูช็อต ๆ ไปอย่างต่อเนื่องหลังเสียประตูไปก่อนแบบสุดช็อค บอลต่อกันไปเรื่อย ๆ สลับกับการลากลุยของธนาธิป แต่ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะเจาะแผงหลังสวนนนท์ได้เลย

ในฐานะที่ปีนี้ บอลนอก ผมได้ดูแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเยอะที่สุด ทีมอื่นแทบไมได้ดูเลย ก็เลยแอบรู้สึก “เดจาวู” นิด ๆ เห็นทีมครองบอลไปเรื่อย ๆ แต่หาโอกาสเข้าทำแทบไม่ได้แบบเดียวกันอย่างนี้...เพียงแต่สวนกุหลาบไม่ได้ครองบอลอะไรเนียนแบบ “ปีศาจแดง” ก็เท่านั้น

“บอลเราเล่นเหมือนไม่รู้จะเล่นยังไง อย่างพอแบ็กได้บอล เหมือนไม่รู้ว่าจะต้องออกบอลไปไหนต่อ คนอื่นก็เลยไม่รู้ไปด้วยว่าต้องเล่นยังไงต่อ ดูไม่มีทรง” อ.สุรินทร์ เข็มเงินที่มาดูเกมนี้ด้วยคอมเมนท์ให้ผมฟังแบบนี้หลังเกม




เจอเกมรับลึก ๆ แน่น ๆ แถมยังทุ่มสุดตัวแบบนี้อีก แนวรุกสวนฯใหญ่ก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน



แล้วก็กลายเป็นสวนนนท์ที่ตั้งรับลึก ๆ ด้วยซ้ำที่มีโอกาสเสียวกว่า จากจังหวะโต้กลับเร็วในนาทีที่ 58 ธนวรรณห์ได้โอกาสหลุดเข้าไปยิง ดีที่ทักดนัยทุบทิ้งไปได้

นาที 61 สวนนนท์ส่งศุภณัฐ ยังเจริญลงมาแทนกันตวัฒน์

หลังจากนั้นก็เป็น “ชุดคอมโบ” ของโค้ชยุ่นที่ส่งตัวสำรองลงมาติด ๆ กันถึง 3 คน ภายใน 6 นาที ส่งณรงค์ฤทธิ์ เบญจมาลา นักเตะชุดแชมป์โค้กคัพ รอบคัดเลือกกลุ่ม 2 โซนตะวันออกกับระยอง ยูไนเต็ดปีก่อน (แต่ปีนี้เล่นให้พีทีที ระยอง) ลงมาแทนฐิติพันธุ์ โดยให้ณรงค์ฤทธิ์ยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า แล้วโยกนรินทร์ ชาญณรงค์ขยับไปอยู่ทางขวา

ตามมาด้วยการส่งทัศนัย ผูกพันลงมาคุมแดนกลางแทนภัทรพล

และชิติพัทธ์ ปุตามาลงมาแทนชนธัญ โดยลงมาเล่นกองกลาง แล้วถอยกัปตันโย่งกลับไปยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟ โยกบรรพตออกไปเป็นแบ็กขวา

แม้จะเปลี่ยนตัว ปรับทีมกันใหม่แต่เกมของสวนกุหลาบก็ยังตะกุกตะกัก แล้วที่เหมือนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่างเห็นได้ชัดอีกอย่างก็คือ

เจาะไม่เข้า คิดไรไม่ออก...ก็โยนใส่สิ รออะไรอยู่

“เค้าโยนใส่แล้ว ยืดพื้นที่ดี ๆ” ร.ต.ณรงค์ ปาระชาติ ที่ปรึกษาทีมสวนกุหลาบนนทบุรีลุกออกจากม้านั่งสำรองมาสั่งแผงหลังของทีม

ว่าแล้วก็ปรับเปลี่ยนทีมอีกครั้ง ส่งฟานดี้ แคยี่หวาลงมาแทนธนวรรณห์ในนาทีที่ 71




อดีตกองหลังจอมดุทหารอากาศช่วยแก้เกมให้สวนนนท์ที่ข้างสนาม



ถัดมา 2 นาที นรินทร์ของสวนกุหลาบสบโอกาสหลุดมาทางขวา งัดลูกข้ามตัวภควัต โกล์สวนนนท์ไปแล้ว แต่เจ้ากรรม ลูกบอลกลิ้งหลุน ๆ หลุดเสาสองไป

นาทีที่ 84 โค้ชยุ่นส่งตัวสำรองลงมาแก้เกมอีกคน อกฤษฎ์ อุไรรัตน์ได้ลงจริง ๆ สักที อุตส่าห์แต่งตัวแบบจัดเต็มใส่ปลอกแขนกันแดดสีขาวซะด้วย

ทว่า

กรรมการที่ 4 กลับสั่งให้ถอดก่อนลงสนามซะงั้น

“ปลอกแขนนี่ใส่ได้นะ แต่ต้องสีเดียวกับสีหลักของเสื้อ” เกจิข้างสนามท่านเดิมให้ความกระจ่าง

ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ถูกถอดออกจะเป็นดาวเตะหมายเลข 10 อย่าง “คิว” กฤตนัยซะด้วย แต่ก็ต้องยอมรับว่าจอมทัพจากทีโอทีวันนี้เล่นไม่ออกซะเลย




ปลอกแขนของอกฤษฎ์ที่สุดท้ายก็ต้องถอดออก



เกมทำท่าว่าจะจบที่ชัยชนะของสวนนนท์อยู่แล้ว

แต่แล้วแทบจะวินาทีสุดท้ายของการทดเวลาเจ็บออกไปอีก 3 นาที สวนกุหลาบได้ฟรีคิกริมเขตโทษเยื้องไปทางขวาเล็กน้อย

แสงตะวัน แสงคำหลับหูหลับตาหวด บอลพุ่งวาบซุกก้นตาข่ายแบบผีจับยัดซะงั้น

สวนกุหลาบไล่ตีเสมอ 1-1 สำเร็จ เสียงวี้ดบูมดังแทบจะพร้อม ๆ กับเสียงนกหวีดสุดท้ายของผู้ตัดสิน

แค่ 1 แต้มก็เจ๋งแล้วแหละ...กองเชียร์สวนกุหลาบคิดแบบนี้

ส่วนกลางสนาม ผู้ตัดสินจัดแถวให้นักเตะทั้ง 2 ทีมเตรียมจับมือกัน ผู้ตัดสินที่ 4 ก็กำลังรวบรวมแฟ้มเอกสารการแข่งขันนัดนี้เตรียมส่งฝ่ายจัดการแข่งขัน

แต่ทว่า...

“เฮ้! เค้าต้องดวลจุดโทษตัดสิน ทุกนัดไม่มีการเสมอนะ ไปบอกกรรมการเร็ว นี่จัดแถวนักบอลเหมือนจะเลิกแล้วนี่” เกจิข้างสนามท่านเดิมรีบสั่งการกับผู้ตัดสินที่ 4

เอ้า!...ดวลจุดโทษก็ดวลจุดโทษ




ลูกฟรีคิกตีเสมอของสวนฯใหญ่นาทีสุดท้าย



สวนนนท์ยิงก่อน สุรชัย ชาวนาซัดไปทางซ้ายของตัวเอง ทักดนัย กลมเกลี้ยงจอมหนึบของสวนฯใหญ่บินปัดไว้ได้

สวนฯใหญ่ส่งกัปตันทีม วรวุฒิ สถาพรยิงเองเลย และไม่มีปัญหา

สวนฯใหญ่ 2-1 สวนนนท์

ลูกที่ 2 ฟานดี้ แคยี่หวาของสวนนนท์ยิงเข้า แต่ฮีโร่ของสวนฯใหญ่อย่างแสงตะวัน แสงคำยิงไปทางขวาของตัวเองแต่ภควัต ตะยุนรัมย์พุ่งไปเซฟได้

2-2

ลูกที่ 3 ศุภณัฐ ยังเจริญของสวนนนท์กับบรรพต สิถิระบุตรของสวนฯใหญ่ยิงเข้าทั้งคู่

3-3

“โยกหลอกคู่แข่งหน่อยสิ” จีรศักดิ์ โพธินันท์ ผู้ช่วยโค้ชสวนกุหลาบในฐานะโกล์เก่าตะโกนบอกทักดนัย แล้วก็ได้ผลเมื่อผู้รักษาประตูสวนฯใหญ่สามารถเซฟลูกยิงของฐิติพงษ์ สุราใหม่ได้จริง ๆ หลังจากลองโยกตัวหลอกดู

ส่วนคนที่ 4 ของสวนฯใหญ่ นรินทร์ ชาญณรงค์ซัดเข้าไปไม่มีปัญหา

สวนฯใหญ่นำ 4-3

คนสุดท้ายของสวนนนท์จะพลาดไม่ได้

แม้จะมีเสียงโห่กดดันจากกองเชียร์สวนกุหลาบ แต่ณัฐพงษ์ พรหมทองวรรณก็นิ่งพอที่จะกดผ่านมือทักดนัยได้ แล้วก็มาเอาคืนด้วยการทำท่าป้องหูใส่กองเชียร์สวนฯใหญ่ซะ

คนสุดท้ายของสวนกุหลาบ ส่งธนาธิป ขันทองรับภาระ

และก็สามารถส่งบอลผ่านมือภควัต ตะยุนรัมย์สู่ก้นตาข่ายได้สำเร็จ!

สวนกุหลาบประเดิมการกลับสู่ “ก” ด้วยชัยชนะเหนือสวนกุหลาบนนทบุรีจากการดวลจุดโทษสำเร็จ 5-4!

ว่าแล้วธนาธิปก็ถอดเสื้อแสดงความดีใจซะหน่อย...แล้วก็โดนใบเหลืองไปตามระเบียบ




จุดโทษตัดสินชัยชนะของเกมนี้



“ครึ่งแรกเด็กค่อนข้างตื่นเต้น แต่พอผ่าน 15 นาทีแรก เด็ก ๆ เริ่มทำตามคอนเซ็ปต์การเล่นแบบที่ซ้อมมาได้ดีขึ้น ยิ่งได้ลูกแรกยิ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เด็ก ๆ ยิ่งมีความมั่นใจ แต่สุดท้ายมาเสียสมาธิแค่ 5 วินาทีสุดท้ายจะหมดเวลาแล้ว” เอกวิทย์ บุญพามา โค้ชใหญ่ของสวนนนท์เปิดใจ “ตอนที่เสียประตูนาทีสุดท้าย...ยังคิดว่ามีโอกาสในการยิงจุดโทษอยู่ แต่จุดโทษ เด็กของเราก็ยังไม่นิ่งพอ ความจริงผู้เล่นคนแรกเป็นผู้เล่นที่เราคิดว่าดีที่สุดในการยิงแล้ว แต่ปรากฏว่าพลาดเพราะความตื่นเต้น มันเป็นเรื่องของประสบการณ์ล้วน ๆ ซึ่งเราไม่นิ่งพอ”

ส่วนความเห็นหลังเกมของโค้ชสวนกุหลาบนั้น...ผมดันหาตัวกฤตณรงค์ เฮาเลิศไม่เจอ

“พี่ยุ่นแกหนีเข้าห้องพักตั้งแต่ดวลจุดโทษแล้ว แกไม่กล้าดู เป็นโรคหัวใจ” จีรศักดิ์ โพธินันท์ ผู้ช่วยโค้ชสวนกุหลาบบอกกับผมอย่างนั้น

“เกมนี้พวกเราก็เต็มที่กันทุกคนครับ ก็สนุกดี ตอนที่ใกล้จะจบเกมแล้วแต่ยังโดนนำอยู่ก็แอบคิดนะว่าคงแพ้แล้ว ตอนนั้นคิดแค่ว่าจะเล่นให้เต็มที่ที่สุด จนมาตีเสมอได้ ได้ลุ้นดวลจุดโทษ ตอนนั้นกำลังใจมาเลยครับ” วรวุฒิ กัปตันทีมสวนกุหลาบเผยความรู้สึก




กองเชียร์สวนฯใหญ่ร่วมยินดีกับชัยชนะแบบใจหายใจฟ่ำกับเหล่านักเตะ



เวลาแค่หนึ่งปีที่ผันผ่าน ต้องบอกว่ามันไวมาก ๆ พอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรหลาย ๆ อย่าง จากเกม “ขาด ๆ” ในปีที่แล้ว กลายเป็นต้องลุ้นแบบใจหายใจคว่ำกว่าจะเก็บชัยได้ในปีนี้

แต่ถึงฟอร์มการเล่นจะกระท่อนกระแท่นยังไง แต่ผมก็คิดว่า “เจตนายังเหมือนเดิม” นะ จะตามมาให้กำลังใจน้อง ๆ ในนัดต่อ ๆ ไปอีก

ก็อย่างที่บอกไว้นั่นแหละว่า...ผมมี “คาถา” ติดตัวเอาไว้

ไม่ใช่คาถาอาคมที่ปลุกเสกให้ทีมชนะหรอก แต่เป็นคาถาไว้คอยเตือนใจให้รู้สึกสนุกกับการเชียร์สวนกุหลาบยุคนี้ได้อย่างไรบ้าง

ไม่ว่าผลการแข่งขันปีนี้จะเป็นอย่างไร เดี๋ยวปีนึงก็ผ่านไปอีกแล้ว

เวลามันผ่านไปไว๊ไว ก็อยู่ที่เราจะปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไรกันบ้าง?

กองเชียร์อย่างเราพร้อมปรับเปลี่ยนความคาดหวังให้ตรงกับความเป็นจริงอยู่แล้ว

ก็อยู่ที่โรงเรียนล่ะนะว่าจะปรับเปลี่ยนทิศทางของทีมบอลทีมนี้ให้เข้ากับการเดินทางของกาลเวลามั้ย?




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2558
0 comments
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2558 11:56:46 น.
Counter : 6051 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


baevi
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add baevi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.