Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
16 สิงหาคม 2557
 
All Blogs
 
ล้วงรัก สุดลับ...ดีเจเจ๊แหม่ม “รักแท้หรือแค่ความใคร่” ?!?!

ตกเป็นกระแสครีกโครมทีเดียวว่า “ดีเจเจ๊แหม่ม-วินัย สุขแสวง จะแต่งงาน” โดยแฟนที่ว่าคือเพศเดียวกัน และเพิ่งคบกันไม่นานอีกต่างหาก M-Lite เลยให้ดีเจเจ๊แหม่มมาแฉความรักที่นี่กันแบบหมดเปลือก จริงหรือที่ว่านี่คือรักแท้ ไม่ใช่แค่รักลวงหรือความใคร่?



ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังความรักของชาวสีม่วง ดีเจคนนี้เคยผ่านมรสุมความรักชนิดเศร้าไปนานถึง 10 กว่าปี แถมเจอแต่คนหวังผลประโยชน์ จนกระทั่งวันนี้เขาได้พบรักใหม่ที่เจ้าตัวมั่นใจนักหนาว่าเป็นตัวจริง

เชื่อว่าบทสรุปจากการพูดคุยครั้งนี้ จะทำให้คุณรู้จักตัวตนของดีเจเจ๊แหม่มมากขึ้น ทั้งเรื่องรักครั้งเก่าและรักครั้งใหม่ รวมถึงได้มุมมองความรักอีกด้านว่าไม่ว่าจะเป็นความรักของเพศไหนๆ ขอแค่เข้าใจกัน ไม่หลอกลวง ไม่มองเรื่องเพศหรือเรื่องเซ็กซ์เป็นที่ตั้ง ก็สามารถทำให้คุณมีความสุขเหมือนดีเจเจ๊แหม่มคนนี้ได้แล้ว

อัพเดทเรื่องความรักตอนนี้บ้าง เห็นว่ากำลังอินเลิฟกับรักครั้งใหม่ จนถึงขั้นวางแผนแต่งงานกัน

       ใช่ครับ ตอนนี้พี่โคตรมีความสุขมาก เหมือนเราตามหาคนๆ หนึ่งที่อยากได้มานาน และเราก็คิดว่าคงไม่มีหรอก ไม่อย่างนั้นคงมีแฟนเป็นตัวเป็นตนไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้แห้งแล้งไป 10 กว่าปีแบบนี้ เพราะหลังจากแฟนคนเก่า พี่ก็มองว่าคงไม่มีใครดีแล้ว มันยากที่จะหาคนที่เป็นเคมีเดียวกัน (ยิ้ม)

ทราบมาว่าหลังจากมีแฟนคนแรก คุณอยู่เป็นโสดนานถึง 10 กว่าปี อยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้คุณต้องอยู่เป็นโสดนานขนาดนั้น ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้งั้นเหรอ

       วันที่พี่มีแฟนคนแรก อายุแค่ 25-26 ปี เพราะฉะนั้นมันคือรักแรก เขาเสียชีวิตเพราะเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และไปเร็วมาก ไม่ถึง 7 วันแล้วเสียชีวิตเลย คือ ไปแบบไม่ได้สื่อสารกัน ภาพสุดท้ายที่เห็นเขาคือ เขานอนดิ้นจนต้องเอาเชือกผูกไว้ที่เตียงในโรงพยาบาล แล้วพูดว่า “จะตายแล้ว ไม่ไหวแล้ว“ คำพูดนี้เสียดแทงใจพี่มาก

       หลังจากนั้นอีกวันหนึ่งไปเยี่ยมเขา ปรากฎเขานิ่งแล้ว นั่นแปลว่าภาพสุดท้ายที่เราได้ยินเสียงของเขาคือ “จะตายแล้ว “ ทำให้พี่จำมาถึงวันนี้ ถึงต้องเข้าวัดทุกวัน ไม่ได้แค่เข้าวัดเพื่อทำบุญให้เขา แต่เข้าวัดเพื่อทำบุญให้ตัวเอง เพื่อให้สามารถผ่านวิกฤตช่วงนี้ไปให้ได้

       ถามว่าเรารักเขามากไหม ตอบได้ว่ารักเขามาก แต่ ณ วันที่เขามีชีวิตอยู่ เราไม่แสดงออก พอวันหนึ่งคนที่เรารักหายไปแบบหักดิบ คือ เสียชีวิตไปเลย ก็ทำให้เรายิ่งเสียใจ รู้สึกว่าวันที่เรามีเขาอยู่ เราใช้ชีวิตแบบไปสร้างความสุขให้กับคนอื่น โดยลืมสร้างความสุขให้กับคนที่อยู่ข้างตัว เพราะฉะนั้นภาพตรงนี้ มันยังทิ่มแทงพี่อยู่ทุกวัน ทำให้ให้ลืมยาก

คุณบอกว่าลืมสร้างความสุขให้กับคนที่อยู่ใกล้ตัว ช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้ฟังหน่อย

       คือบางทีเราก็มีอารมณ์ศิลปิน เพราะเวลาทำงานจะเหนื่อยมาก พอกลับมาบ้าน เลยจะไม่อยากพูดกับใคร ดังนั้นเวลาอยู่กับแฟนเก่า เราก็จะไม่ค่อยได้คุยกับเขา เพราะคิดว่าอยู่บ้านปุ๊บ เดี๋ยวก็ได้เจอกัน เดี๋ยวฉันก็นอนด้วยกัน คิดว่าอย่ามาคุยกับฉันได้ไหม ฉันเหนื่อยมาก มันจะเป็นแบบนี้ตลอด ยังดีที่แฟนเป็นคนเข้าใจโลกมากๆ ถ้าเป็นคนอื่น เจอพี่แสดงพฤติกรรมศิลปินขนาดนี้ คงจะหนีไปแล้ว

คือการเรานิ่ง เพราะเราเหนื่อย แต่บางทีเราลืมคิดไปว่า คนที่อยู่ข้างๆ เรา เขาก็อยากหายเหนื่อยเหมือนกันด้วยการที่คุยกัน อยากนั่งสื่อสารกับเรา

ตอนคุณเศร้าเพราะแฟนคนแรกเสียชีวิต สภาพคุณตอนนั้นเป็นอย่างไร

       หน้าไมค์ หน้าม่าน พี่จะเป็นคนที่ดูสนุกมาก คือเราไม่ได้เฟค ร่าเริง ยังไงก็อย่างนั้น เพราะตอนที่เราทำงานสร้างความสุขให้กับคน เราจะไม่มีวันเอาความทุกข์มาให้คนเห็นเด็ดขาด แต่เวลาหลังม่าน เวลาเรากลับบ้านนี่สิ บางทีมันก็หนักนะ

เชื่อไหมพี่ทุกข์ถึงขั้นต้องเข้าวัดทุกวัน คือ ทำงานเสร็จมีความสุขลั๊นลา คนเห็นมีความสุขออร่าออก พอจากนั้นเสร็จงานปุ๊บ พี่ต้องเดินเข้าวัดทุกวัน ไปนั่งสมาธิต่อหน้าพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อให้ชีวิตมันผ่านไปได้ในวันหนึ่ง แล้วอธิษฐานว่า ขอให้ผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ ขอให้มีชีวิตอยู่คนเดียวให้ได้ ขอให้มันผ่านวิกฤติชีวิตในช่วงนี้ให้ได้ พี่เป็นแบบนั้นอยู่นานประมาณ 5-6 ปี

ทุกวันนี้พอนึกถึงภาพแฟนเก่า ทำใจได้หรือยัง

       ปากบอกว่าทำใจได้แล้ว แต่ลึกๆ ยังทำใจไม่ได้ เพราะว่าบ้านที่เคยอยู่ด้วยกัน อยู่ด้วยกันมา 10 กว่าปี ทุกวันนี้ยังไม่กลับไปแตะเลย พี่ปล่อยทุกอย่างให้กลายเป็นอดีต เรื่องนี้ไม่ได้แปลว่าไม่รับความจริง คือ เรารับความจริงแบบสิ่งที่เราเป็นอยู่ คือมีชีวิตอยู่คนเดียว แต่เราไม่อยากกลับไปเห็นภาพที่จะทำให้คิดมาก

จากเรื่องของแฟนคนแรก ทำให้คุณเรียนรู้อะไรบ้าง

พอผ่านช่วงวิกฤตที่มันหนักสุดของชีวิต มันสอนให้พี่รู้ว่า เราควรตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างไร คือ ควรใช้ชีวิตให้มีความสุขทั้งตัวเอง และการให้ความสุขไปถึงคนรอบข้างที่แท้จริงได้อย่างไร

       แล้วเรื่องนี้ยังส่งผลให้พี่รู้สึกด้วยว่า มีคนวิ่งเข้ามาหาเราเพราะหวังผลประโยชน์ หรือเพราะรักเราจริงๆ ถ้าเราจับความรู้สึกหรือสัมผัสได้ว่าเขามาแบบไม่จริงใจ พี่จะเขี่ยกระเด็นเลย ไม่เอาเลยนะ

มองอีกด้าน คุณอาจจะปิดใจตัวเองมากเกินไปไหม

       ถ้าคนไม่รู้จักพี่ อาจจะมองว่าจมอยู่กับอดีต ปิดตัวเองเกินไป แต่ท้ายที่สุดไม่มีใครรู้ดีเท่ากับตัวเราเองหรอก คนที่วิ่งมาหาส่วนใหญ่มันจะมีอะไรแปลกๆ เช่น อยู่ไปสักพักหนึ่ง จะเริ่มมีเรื่องเงินเข้ามาแล้ว อยู่ไปสักพักหนึ่งหางเริ่มออกแล้ว เช่น ตังค์ขัดสน ขอยืมตังค์ หวังผลประโยชน์ อยากจะได้ชื่อเสียง อยากใช้เราเป็นสะพาน เมื่อไรก็ตามที่พี่รู้สึกแบบนี้ พี่จะเฟดตัวเองออกทันทีเลย

ไม่เคยคิดอยากเคี้ยวเล่นๆ ดูบ้างเหรอ เพราะถ้าเป็นคนอื่นอาจจะโต้ตอบคนไม่จริงใจด้วยการรักเล่นๆ ก็ได้

       พี่ไม่เคี้ยว ไม่เอา ไม่เคี้ยวพี่ก็อยู่ได้ด้วยความสุข พี่เป็นเป็นมนุษย์แปลกอย่างหนึ่ง คือ ถ้าไม่รักจะอยู่ด้วยไม่ได้ ถ้าไม่รู้สึกดี ก็จะตัด พี่ไม่เดือดร้อนความสุข เพราะมีทุกอย่างแล้วในชีวิต

       จากบทเรียนคราวที่แล้ว มันสอนให้พี่เจ็บมามาก เพราะฉะนั้นถ้าเจอรักครั้งใหม่ ไม่ต้องดีเท่าเก่าก็ได้ แต่ขอให้มีความสุข ณ วันนั้น พี่อาจยอมคุยในฐานะเพื่อนกัน แต่ถ้าการคุยกันในฐานะเพื่อนกัน แล้วจะพัฒนาไปในทางที่เลวร้ายลง พี่ไม่เอาเลย เพราะฉะนั้นถ้าเด็กที่เข้ามาปุ๊บ และเรารู้ว่าอีกฝ่ายมีพฤติกรรมแบบแปลกๆ พี่ก็จะสวัสดีและหายไปเลย คือ ปิดมือถือไม่รับสาย และไม่บอกด้วย ไม่สนว่าจะหล่อแค่ไหน เพราะความหล่อไม่ได้เป็นเหตุผลในความรักของพี่เลย

อยากทราบเรื่องคนที่เข้ามาหาคุณแบบแปลกๆ ช่วยยกตัวอย่างให้ฟังสักเรื่องได้ไหม

       วันหนึ่งพี่นั่งอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งในรถ แล้วเขาจะมีโทรศัพท์เข้ามาตลอดเวลาเรื่องเงิน ประมาณว่าจะต้องโอนเงินให้ใครสักคนหนึ่ง ได้ยินเขาบอกว่า “โอเคๆ เดี๋ยวจะรีบโอนเงินให้นะ” เริ่มรู้สึกว่ากลิ่นแปลกๆ แต่ก็นั่งเฉยๆ ไป สักพักเขาเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ พี่ครับ พอดีเขาโทรมา ผมมีเรื่องเดือดร้อนนิดหนึ่ง ขอยืมตังค์หน่อยได้ไหมครับ” พี่ก็เออเอาไปสิ ไม่ต้องยืมหรอก เแบ่งไป 500 บาทสิ ใจก็คิดอย่างนี้ เพราะปกติพี่ไม่ค่อยพกเงินสดเยอะอยู่แล้ว วันหนึ่งพกเงินสดไม่กี่ร้อย แต่เขาบอกว่าขอยืมเงิน 4 หมื่นบาท พี่เลยนั่งนิ่งๆ รู้สึกปรี๊ดมาก พยายามข่มสมาธิลง อยู่ดีๆ มาคุยเรื่องนี้ ลายมันออก หางมันงอก พอแยกกันพี่บอกว่า “โอเคเจอกันนะ” แต่พอลงรถไปแล้ว พี่ไม่คุยกับเขาอีกเลย หายไปเอง

ดังนั้นผู้ชายคนไหนทีจะเข้ามาเพราะเงิน บอกได้ว่าเงินไม่มีกระเด็นจากกระเป๋าพี่ เพราะประสบการณ์ทั้งชีวิตสอนพี่มา คือ พี่อาจจะดูลุคก๋ากั๋น แต่พี่ไม่ไม่โง่เรื่องเงินหรอก เลยไม่เคยโดนผู้ชายหลอกเรื่องเงิน

แล้วประทับใจอะไรในแฟนใหม่ คือ “คุณบอย” เห็นว่าเพิ่งคบกันได้สามเดือนกว่าๆ เท่านั้นเอง แต่คุณจริงจังถึงขั้นจะแต่งงานกันแล้ว

       คุณบอยเขาเป็นคนหน้าตาดี แต่อย่างที่บอกว่าหน้าตาไม่ใช่เหตุผลในการคบคนของพี่ ความจริงพี่ก็ไม่อยากมีแฟนหน้าตาดี เพราะเหนื่อย อยากจะได้แฟนอายุแก่กว่า เพราะพี่เป็นคนขาดพ่อ พ่อเสียไปตั้งแต่เด็ก เลยรู้สึกว่าอยากมีพ่อ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นแฟนคนที่เป็นพ่อเราได้ แปลว่าเขาต้องมีหัวจิตหัวใจในการดูแลเราได้เป็นอย่างดี

       แต่พอเจอกับคุณบอย แม้เขาจะอายุน้อยกว่า แต่เขาเป็นผู้ใหญ่มาก สามารถดูแลเราได้ แล้วพี่ต้องการคนชัดเจน ว่าวิ่งเข้ามาหาเราเพราะอะไร จะมาด้วยเพื่อน หรือจะมาด้วยแฟน อยากบอกให้ชัด พี่ไม่ได้เอ่ยปากให้เขาต้องมาพูดว่ามาแบบไหน แต่เขาเอ่ยปากขึ้นมาเองบอกว่า “ผมชอบพี่จังเลย ถ้าผมจะคบพี่เป็นแบบแฟนได้หรือเปล่า” มันเลยทำให้ประทับใจในตัวเขา ประกอบกับเขาดูแลเราอย่างดี เลยรู้สึกมั่นใจ

ได้ยินว่าคุณไปเจอคุณบอยในร้านแถวสีลม เหตุการณ์ตอนเจอเขาครั้งแรกเป็นอย่างไร

       เจอกันในร้านแถวสีลม เขามาคนเดียว ในใจยังคิดว่าทำไมหน้าดูเหมือนไม่ใช่คนไทย มารู้ทีหลังว่าเขามานั่งรอเพื่อน โดยเขาจอดรถไว้อีกที่หนึ่ง เขาเลยมานั่งรอโดยไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยวเลย จังหวะนั้นเรานั่งอยู่ใกล้กันพอดี เขาก็หันมามองหน้า เราก็ยิ้มให้ แอบคิดว่าเขาจำเราได้ แต่เขาไม่ยิ้ม สักพักหนึ่งเขาถึงยิ้มมุมปากเบาๆ เราก็โอเค เขาถามว่าชื่ออะไรครับ พี่ก็ตอบไปว่าชื่อหน่อง แหม..ใครจะกล้าบอกความจริงล่ะ (หัวเราะ)

       คิดว่าถ้าบอกว่าชื่อเจ๊แหม่ม เขาจะเห็นว่าฉันเป็นเจ๊เปล่า หรือว่าเขาไม่รู้จักเรา คิดไปต่างๆ นานา แล้วเขาก็ขอไลน์ ไปจังหวะเดียวกันเหมือนเพื่อนเขามาพอดี เราก็กลับไปแค่นั้นเอง พออีกวันหนึ่งเขาก็ไลน์มาคุยด้วย (ยิ้ม) หลังจากนั้นก็คุยกันมาเรื่อยๆ

อยากรู้เรื่องไหนที่ทำให้คุณบอยชนะใจคุณ

       พอเขาสื่อสารมาชัดเจนว่า อยากคบแบบแฟน พี่ก็บอกไปว่าอยากคบเป็นแฟนก็ลองดู ทำให้เสมอต้นเสมอปลายแล้วกัน ปรากฏว่าพอเป็นแฟนกันปุ๊บ เขาก็เอาจริงถึงขั้นว่าไปทำกับข้าวให้กิน พาไปเจอครอบครัว พาไปรู้จักบ้าน

       วันหนึ่งเขาพาเข้าบ้าน ขณะนั่งกินข้าวกันอยู่สองคน อยู่ดีๆ เขาก็คุกเข่าบอกว่า “เป็นแฟนผมนะ อย่าทิ้งผมไปนะ ผมชอบพี่ ผมจะดูแลพี่อย่างดี พี่ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ทำงานของพี่ไปอย่างมีความสุข แต่ผมจะทำให้พี่เหนื่อยน้อยลง ผมจะช่วยแบ่งเบาภาระในเรื่องที่พี่ต้องเหนื่อย ผมจะมาช่วยทุกอย่าง “ เจตนาคนมาแบบนี้ ถ้าจะปิดประตูตัวเอง มันก็ใจแคบ ไป แต่ก็ไม่ได้เปิดทีเดียวทั้งเต็ม 100 มันก็ต้องมีช่องเพื่อให้ตัวเองดูเขาบ้าง (ยิ้ม)

       เรื่องที่ทำให้มั่นใจเขาคือ เรามองอนาคตร่วมกัน จากการที่ได้ไปเห็นครอบครัวเขา พี่ได้เห็นวิธีการคิด วิธีการทำงาน ทัศนคติเรื่องความรักทั้งจากตัวเขาเองและจากครอบครัวเขา ก็เลยมั่นใจว่าเขาไม่ได้มาไม่ดีหรอก

       สังคมไทยเป็นแบบนี้ เวลาที่ใครก็ตามรักคนที่เด็กกว่า และหน้าตาดีกว่า คนจะมองว่ามึงโดนหลอก ในขณะเดียวกันทำไมไม่คิดว่ากูไปหลอกเขาบ้าง ทำไมไม่คิดว่ากูเลวบ้าง แต่เข้าใจว่ามันมาจากความเป็นห่วงนั่นแหละ แต่คนที่สนิทกับเราจริงๆ เขาจะรู้ว่า เราไม่โง่ให้คนอื่นหลอกหรอก ต่อให้เราโง่ ณ วันที่เรามีความสุข มันก็เป็น Happiness moment

คุณบอยช่วยดูแลคุณอย่างไรบ้าง

       เขามาหาทุกวัน ตื่นตี 4 ครึ่งมาทำงานเป็นเพื่อน เวลาไปไหนมาไหน ก็ขับรถให้ตลอดเวลา อยากจะกินอะไรก็วิ่งมาจัดการให้ เรียกว่าดูแลให้ทั้งหมด ส่วนเรื่องเงินไม่เคยพูดถึง เขาไม่เคยเอ่ยปากขอเงินพี่แม้แต่บาทเดียว

แต่เขาก็รู้ว่าคุณเป็นเซเลบหรือคนดัง ถ้าไม่ได้เข้ามาเพราะเงิน ก็อาจเข้ามาเพราะชื่อเสียงหรือเปล่า

       แรกๆ พี่ก็แอบคิดเหมือนกัน เพราะ เขาจะถามตลอดว่า พี่วงการนี้มันทำงานอย่างไร เราก็แอบคิดว่าเอ๊ะยังไง แต่ ณ วันนั้นมันก็ตอบโจทย์ได้อย่างหนึ่งว่า ทีแรกที่เขาขอไลน์พี่ เขาก็ไม่รู้จักพี่มาก่อน ไม่ได้รู้จักวงการนี้มากมายนัก ทีวีไทยเขายังไม่ดูเลย ดังนั้นเขาไม่น่าจะเข้ามาเพราะชื่อเสียงของเรา

คุณบอยเคยบอกไหมว่าประทับใจอะไรในตัวคุณ

       เขาบอกว่าพี่น่าสงสาร คือ พอเขาไปเสิร์ชอินเตอร์เน็ตดู ก็รู้ว่าพี่ไม่มีแฟน เขาเคยบอกว่าถ้ารู้ว่าเป็นเจ๊แหม่มตั้งแต่วันแรกเขาก็ไม่เอา เพราะภาพลักษณ์ดูก๋ากั๋น สนุกสนานลั๊ลลา แต่นั่นคือการแสดง นั่นคือโหมดที่เราสนุก เราก็ทำให้มันสนุก เพราะหน้าม่าน ถ้าจะทำให้คนอื่นทุกข์ ใครจะมาดูเรา ถูกต้องไหม ดังนั้นเราก็เล่นสนุกสนานไป แต่จบงานปุ๊บ เราก็อยู่ในโหมดของตัวเอง ใช้ชีวิตแบบง่ายๆ ของเราไป เขาเคยตามพี่มาใช้ชีวิตอยู่ช่วงหนึ่ง ก็เลยสงสาร ส่วนเรารู้สึกว่า เขาเริ่มใส่ใจ เริ่มทำโน่นทำนี้ให้ จนรู้สึกว่าเขาเป็นสุภาพบุรษดี (ยิ้ม)

คุณเคยบอกว่าอยู่กับเขา ไม่ได้สนใจเรื่องเซ็กส์ แต่อยู่ด้วยความรักความเข้าใจ

       จริงครับ จนถึงวันนี้ พี่กล้าพูดได้เลยนะว่าเราอยู่ด้วยความรักความเข้าใจมากกว่า เรื่องเซ็กซ์ไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย

หลังจากแฟนคนแรก ทราบว่าคุณอยู่เป็นโสดนานถึง 10 กว่าปี อยากรู้ว่าทนเรื่องเซ็กซ์ได้อย่างไร เคยไปซื้อกินบ้างไหม

       จะไปซื้อได้อย่างไร แค่เดินเข้าไปซาวน่า ยังไม่กล้าเดินเลย มีพี่ๆ หลายคนชวนไป บอกว่าเจ๊แหม่มอยู่ได้อย่างไรวะ พี่ก็บอกว่าช่วยตัวเองเอาสิ มึงจะยากทำไม มันจะไปอะไรเยอะแยะ เพราะท้ายที่สุดเซ็กซ์คือช่วงเวลาสั้นๆ แต่พี่มองเรื่องของความรักที่เป็นระยะยาวมากกว่า ณ วันหนึ่งเรารู้สึกว่า ถ้าหวังแต่เรื่องเซ็กซ์อย่างเดียว แก่ไปใครจะดูแลเรา คุณบอยก็มีทัศนคติแบบนี้ มันเหมือนคนที่ทัศนคติตรงกัน เราเลยเข้าใจกั

ทุกวันนี้คุณกับแฟนอยู่กินด้วยกันหรือยัง

       ตอนนี้ยังต่างคนต่างอยู่ เขาอยู่บ้านเขา พี่ก็อยู่บ้านตัวเอง เขาเคยชวนไปอยู่ที่บ้านเหมือนกัน แต่พี่บอกไม่เอาหรอก เกรงใจผู้ใหญ่ เพราะเราเป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องให้เกียรติคนในครอบครัวเขา

       มีคนบอกว่าให้ลองอยู่กันก่อนแต่ง พี่ผ่านตรงนี้มาหมดแล้ว เราก็ครึ่งชีวิตแล้ว เวลาที่เหลืออยู่ก็อยากเก็บความสุขใส่ตัวดีกว่า ถ้าถามว่าอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไหม ถ้ามีบ้านไปเลยที่ไม่ใช่เป็นสมบัติของคนอื่น ก็อาจจะอยู่ก่อนก็ได้

แล้ววางแผนซื้อเรือนหออย่างไรบ้าง

       ตอนนี้คุณบอยแพลนซื้อคอนโดฯ ไว้ให้พี่เรียบร้อยแล้ว เขาบอกจะซื้อคอนโดฯ ให้เป็นของขวัญวันที่แต่งงานกัน เพื่อเอาไว้อยู่ด้วยกัน แต่กว่าจะสร้างเสร็จก็อีก 2 ปี ตอนนี้เลยยังเป็นกระดาษอยู่

       ตอนเขาพูดว่าผมจะหมั้นด้วยคอนโดฯ นี้แล้วกัน ในใจยังแอบคิดบอกว่าจะหมั้นด้วยคอนโดฯ เธอก็ต้องซื้อสิ เราต้องออกเงินหรือเปล่าวะ (หัวเราะ) เพราะเราเป็นคู่เกย์ อะไรที่เป็นทรัพย์สินร่วมกัน แล้วถึงคราวต้องเลิกกัน มันจะเป็นเรื่องน่าปวดหัวมาก พี่เลยไม่ค่อยอยากออกเงินร่วมกับใครในการซื้อทรัพย์สิน อยากให้เป็นแบบว่าทรัพย์สินของใครก็เป็นของคนนั้นไปเลยมากกว่า จนวันหนึ่งเขาบอกว่า เอาอย่างนี้ผมซื้อคอนโดให้เป็นของขวัญ เขาเลยจัดการซื้อให้เป็นชื่อของพี่ แล้วบอกว่าจะเอาเงินจากการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวเขามาจ่ายให้ คือครอบครัวเขาทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรพย์ เลยจะรู้วิธีการบริหารจัดการ และการซื้อสินทรัพย์

สิ่งหนึ่งที่พี่ชอบมากเลยคือ เขาพูดเสมอว่า “คุณจำไว้นะ หนี้คุณมีเท่าไร ผมจะปลดให้คุณเอง” จริงไม่จริงไม่รู้ แต่การที่พี่สัมผัสกับเขา พี่เลยรู้ว่าเขาเป็นคนเก่งแบบไหน จึงเชื่อว่าเขาทำได้ ดังนั้นแม้เขาจะอายุน้อยกว่า แต่สามารถเป็นผู้นำได้ ส่วนตัวแล้ว พี่ไม่ได้หวังว่าเขาจะมาเคลียร์หนี้้ให้ แต่มองว่าสิ่งนี้ทำให้เห็นอนาคตร่วมกัน เขาบอกว่าที่รักคุณอยากได้อะไร เดี๋ยวจากนี้เราช่วยกันนะ ชีวิตเราเริ่มต้นใหม่ เราจะไม่มีการเบียดเบียนกัน ผมไม่เบียดเบียนคุณ คุณไม่เบียดเบียนผม เราจะสร้างด้วยกัน แล้วเดี๋ยวผมจะปลดหนี้ให้คุณเอง เขารับปากมาอย่างนี้ (ยิ้ม)

มีกระแสวิจารณ์ว่าคุณบอยไม่ได้เป็นลูกครึ่งอย่างที่คุณบอก ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่

       คือ พี่เข้าใจเองว่าเขาเป็นลูกครึ่ง คำว่า “ลูกครึ่ง” มันออกมาจากปากพี่เอง ตอนนั้นพี่ไม่ได้สืบว่าเขาเป็นลูกครึ่งหรือเปล่า แต่เพราะคิดว่าอุ้ยตายหน้าเป็นฝรั่งเชียว สงสัยเป็นลูกครึ่งแน่เลย เลยทำให้คิดว่าเขาเป็นลูกครึ่ง เขาก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นลูกครึ่งนะ แต่เขามีครอบครัวอยู่ที่อเมริกา พ่อแม่เขาอยู่ที่นั่น

แล้วหลังจากนั้นได้ถามเขาไหมว่าเป็นลูกครึ่งจริงๆ หรือเปล่า

       จนตอนนี้พี่ยังไม่เคยถาม ไม่เคยยุ่ง เพราะคิดว่ามันเป็นโลกของเขา เลยไม่เคยถาม คือท้ายที่สุดแล้ว พี่ไม่สนใจหรอกนะว่าเขาจะเป็นลูกครึ่งจริงๆ หรือเปล่า เพราะพี่ก็ไม่ชอบคนหล่อ ไม่ชอบลูกครึ่งอยู่แล้ว เพราะรู้สึกว่าความเป็นลูกครึ่งมันไม่ได้ตอบโจทย์ในการทำให้คุณภาพชีวิตพี่ดีขึ้น

แล้ววางแพลนแต่งงานอย่างไรบ้าง

       พี่อยากแต่งแบบเรียบง่าย อาจใส่ชุดเป็นทักซิโด้เท่ๆ คิดว่าน่าจะแต่งได้ช่วงปีหน้า แต่ปรากฏปีหน้า เดือนมกราคม มีฤกษ์ดีอยู่วันเดียว แล้วเพื่อนๆ บอกว่า กูจะไปงานนั้น กูจะไปงานนี้ เลยคิดว่าไม่เป็นไร เอาฤกษ์ที่ดีน้อยกว่าก็ได้ (หัวเราะ) ต้องมาดูอีกทีว่าจะเป็นวันไหนดี

       ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะจัดแบบไหน อาจเป็นงานแต่งงานที่เราจัดกัน 2 คน และมีเพื่อนสนิทแค่ไม่กี่คน หรืออาจจะเชิญเพื่อนๆ พี่ๆ นักข่าว มาด้วยก็ได้ เดี๋ยวคงต้องวางแพลนกันอีกทีหนึ่ง ไม่อยากให้เป็นแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

คบกันแค่สามเดือนแล้วตัดสินใจแต่งงานกัน คุณไม่คิดว่ามันเร็วไปหน่อยเหรอ

       ไม่เร็วหรอก ถึงวันนี้ต่อให้ไม่มีใครมาถามพี่ว่าจะแต่งงานไหม พี่ก็จะบอกว่าแต่ง เพราะมันเป็นฝันของทุกคน พี่อยากจะแต่งงานอยู่แล้ว แล้วเรื่องของเพศมันไม่ได้เป็นตัวระบุว่า อยากแต่งงานแล้วมันจะผิด ถูกไหมครับ ทุกคนก็อยากมีโมเม้นท์ที่เรานึกถึงแล้วมีความสุข มันจะเป็นช่วงเวลาความสุข เวลาที่เรานึกถึงมัน

ถ้าคุณแต่งงานแล้ว วางแผนจะหาเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกหรือเปล่า

       มีคนถามพี่เรื่องอุ้มบุญ หรือเรื่องมีลูกเหมือนกัน แต่สำหรับพี่แล้ว พี่จะไม่พยายามในเรื่องนี้ เพราะคิดว่าความรักมันต้องมาจากการไม่พยายาม แต่มันต้องมาจากความเป็นจริง ที่เรามาดูแลความสุขของกันและกัน ไม่ใช่พยายามทำให้มาอยู่ด้วยกัน เมื่อไรก็ตามที่พยายามปุ๊บ มันจะไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง  ดังนั้นถ้าพี่จะมีลูก 1 คนด้วยการพยายามไปอุ้มบุญแบบนี้ พี่ไม่อุ้ม พี่จะเอาความสุขที่มีไปช่วยเด็กคนที่มีปัญหาทางสังคมดีกว่า

ถ้าในอนาคต กฎหมายไทยอนุญาตให้เพศเดียวกันแต่งงานกันได้ คุณจะจดทะเบียนสมรสกับคุณบอยไหม

       ถ้ามันมีจริงๆ ก็อาจจดทะเบียนกันขำๆ แบบเงียบๆ เพราะท้ายที่สุด พี่เชื่อว่าการจดทะเบียนสมรส ไม่ได้แปลว่าเรารักกันหรือไม่รักกัน ต่อให้วันนี้ไม่มี เราก็รักกัน สิ่งที่พี่ให้ความสำคัญคือ เรื่องของกฎหมาย เพราะถ้าเป็นเพศเดียวกัน เวลาเราซื้อสินสมรสด้วยกัน แล้วเกิดปัญหาอะไรกันขึ้นมา กฎหมายจะทำให้ความเสมอภาคเกิดขึ้น โดยที่เราไม่ต้องมานั่งทะเลาะกัน ดังนั้นการจดทะเบียนสมรสก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี

เห็นว่าตอนนี้คุณทั้งคู่ยังวางแผนทำธุรกิจด้วยกัน

       ใช่ครับ เรากำลังทำธุรกิจร่วมกันอยู่ เป็นเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว ตั้งใจจะลงมาตลาดนี้อย่างจริงจัง คิดว่าอีกประมาณ 2 เดือน คงจะเปิดตัวได้แล้ว ตอนนี้ก็เริ่มบอกหลายๆ คนแล้ว โดยมีคุณบอย ซึ่งเก่งเรื่องมาร์เก็ตติ้งมาช่วยดูแลเรื่องวางแพลนมาร์เก็ตติ้งทั้งหมด

คิดอย่างไรที่คนมักมองว่าความรักของเกย์ไม่มีวันจีรังยั่งยืน รู้สึกกลัวหรือเปล่า

       ไม่จริงหรอก ถ้าวันนั้นแฟนพี่ไม่ตาย พี่ก็ยังคงอยู่กับเขา เพราะพี่ถือว่าความรักคือการซื่อสัตย์ ความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นมันไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพศไหน

       แล้วในเรื่องของความรัก ถ้าเรามองเรื่องเพศหรือเรื่องเซ็กส์เป็นที่ตั้ง อันนี้จะน่ากลัวกว่า เพราะวันหนึ่งคุณจะไม่มีคนที่รักคุณจริงๆ และอยู่กับคุณไปทั้งชีวิต

สรุปว่าคุณมั่นใจในตัวคุณบอยว่าเป็นตัวจริงแน่นอนแล้วใช่ไหม

ใช่ ต่อให้วันหนึ่งคนที่เรารักอยู่จะเป็นใครก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่คุณบอย พี่ก็ถือว่าวันที่มีความสุข คือช่วง Happiness moment จากนั้นมันเป็นเรื่องของอนาคต ไม่เอามาเกี่ยว เพราะพี่จะจำแต่ความสุข เพราะฉะนั้นความสุขของพี่คือวันนี้ อยู่ ณ ตรงนี้ เวลานี้

ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นพยายามเข้าใจความรักเรา ขอแค่เราเข้าใจกันและกันก็พอแล้วครับ

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Lite



Create Date : 16 สิงหาคม 2557
Last Update : 16 สิงหาคม 2557 9:18:30 น. 0 comments
Counter : 1324 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

MR.ITANRICH
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




ผมเป็นคนไทยที่รักประเทศไทย
Friends' blogs
[Add MR.ITANRICH's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.