Group Blog
All Blog
|
มิลินทปัญหา - บทที่ ๖ อุปทาน (ข้อ ๑. - ข้อ ๑๑.) มิลินทปัญหา - บทที่ ๖ อุปทาน (ข้อ ๑. - ข้อ ๑๑.) ๑. "พระคุณเจ้านาคเสน ร่างกายเป็นที่รักของเหล่าบรรชิตเช่นท่านหรือ" "หามิได้ มหาบพิตร" "พวกเราบำรุงและดูแลร่างกายดั่งใคร ๆ ก็ต้องดูแลบาดแผล ไม่ใช่เพราะบาดแผลเป็นที่รักแต่เพื่อให้เนื้อสมาน ดังพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "กายอันมีกลิ่นเหม็น ไม่สะอาด เป็นซากศพ เสมอเหมือนหลุมคูถ เป็นกายอันหมู่บัณฑิตผู้มีดวงตาครหากันแล้ว แต่เป็นสิ่งอันพาลชื่นชมชอบยิ่งนัก" "กายอันใด ซึ่งห่อหุ้มไว้ด้วยหนังสด มีแผลขนาดใหญ่คือช่องทวาร ๙ แห่ง สิ่งโสโครก กลิ่นเหม็นบูด ไหลออกอยู่รอบด้าน" "ถ้าจะพึงพลิกเอาภายในของกายอันนี้ออกมาไว้ข้างนอก คนเราจะพึงถือไม้ไว้คอยไล่ฝูงกาและหมู่สุนัขอย่างแน่นอน" ๒. "ถ้าพระพุทธเจ้าเป็นพระสัพพัญญู ผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เหตุใดจึงทรงบัญญัติพระวินัย ต่อเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นเท่านั้น" "ทรงบัญญัติพระวินัยเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น เปรียบเหมือนแพทย์ผู้ชำนาญ ถึงแม้ว่าจะรู้จักยาทุกขนาน ก็จ่ายยาเมื่อจำเป็นต้องใช้ยาเท่านั้น" ๓. "ถ้าพระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ 32 ประการ เหตุใด พระชนกชนนีของพระพุทธเจ้าไม่มีมหาปุริสลักษณะเช่นนั้นด้วย" "ดอกบัวผุดขึ้นมากจากตมและบริสุทธิ์สมบูรณ์ ไม่ได้ละม้ายเหมือนโคลนตม ฉันใด พระพุทธเจ้าก็ไม่เหมือนพระชนกชนนี้ ฉันนั้น" ๔. "พระพุทธเจ้าเป็นพรหมจาริน ผู้ถือพรหมจรรยา ใช่หรือไม่" "ใช่ ทรงเป็นพรหมจาริน" "ถ้าเช่นนั้น ก็ทรงเป็นศิษย์ของพระพรหม" "แม้ว่าเสียงของช้างจะเหมือนเสียงของนกกระสา แต่ช้างก็ไม่ได้เป็นศิษย์ของนกกระสา ขอถวายพระพร พระพรหมมีพุทธิปัญญาหรือไม่" "มี" "ถ้าเช่นนั้น พระพรหมก็ต้องเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้า" ๕. "การอุปสมบทเป็นสิ่งที่ดีหรือ" "ใช่ อุปสมบทเป็นเรื่องดี" "แต่พระพุทธเจ้าได้อุปสมบทหรือไม่" "ขอถวายพระพร มหาบพิตร เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ณ โคนต้นโพธิ์ นั่นเป็นอุปสมบทของพระผู้มีพระภาค ไม่ได้มีผู้อื่นถวายการอุปสมบทให้ ในวิธีเดียวกับที่ทรงบัญญัติสำหรับพุทธสาวก" ๖. "น้ำตาเป็นเภสัชรักษาผู้ใด รักษาบุคคลที่ร้องไห้เมื่อมารดาถึงแก่ชีวิต หรือบุคคลที่ร้องไห้เพราะปิติในสัจธรรม" "ขอถวายพระพร น้ำตาของบุคคลคนแรกมีมลทินและร้อนด้วยไฟคือ ราคะ โทสะ และโมหะ แต่น้ำตาของบุคคลที่สองไร้มลทินและเย็น ความเย็นและความสงบเป็นเภสัชรักษา แต่ความร้อนด้วยไฟของราคะ โทสะ โมหะ ไม่อาจเป็นเภสัชเพื่อรักษาได้" ๗. "อะไรเป็นข้อแตกต่างระหว่างบุคคลที่เต็มไปด้วยราคะ กับบุคคลที่ปราศจากราคะ" "คนแรกเป็นทาส ขอถวายพระพร คนที่สองไม่เป็นทาส" "พระคุณเจ้าหมายความว่าอย่างไร" "คนแรกมีความอยากอยู่เสมอ แต่อีกคนหนึ่งไร้ความอยาก" "แต่ทั้งสองคนก็ชอบบริโภคของดี ๆ ไม่มีใครชอบบริโภคของเลว" "ขอถวายพระพร คนที่มีราคะ บริโภคอาหารพร้อมการรับรู้รสและความยินดีในรส แต่คนที่ปราศจากราคะ รับรู้รส โดยไม่ยินดียินร้ายในรสเลย" ๘. "ปัญญาอยู่ประจำ ณ ที่ใด" "ปัญญาไม่มีที่อยู่ประจำ ขอถวายพระพร" "ถ้าเช่นนั้น ปัญญาก็ไม่มีจริง" "ลมอยู่ประจำ ณ ที่ใด" "ลมไม่มีที่อยู่ประจำ" "ถ้าเช่นนั้นลมก็ไม่มีจริง" "พระคุณเจ้านาคเสน วิสัชนาของท่านเฉียบคมยิ่ง" ๙. "การเวียนว่ายตายเกิดหรือสังสารวัฏ หมายความว่าอย่างไร" "บุคคลใดเกิดมาในโลกนี้ แล้วตายในโลกนี้ และไปเกิดอีกในโลกอื่น แล้วก็ตายไปในโลกนั้น ครั้นแล้วก็เกิดใหม่ในโลกอื่น ๆต่อไปอีก" ๑๐."คนเราระลึกถึงกิจที่เคยทำมาในอดีตได้ด้วยอะไร" "ระลึกได้ด้วยสติ" "เป็นจิตมิใช่หรือที่ทำให้นึกได้" "ขอถวายพระพร พระองค์ทรงนึกถึงพระราชกรณียกิจบางอย่างที่ทรงกระทำไปแล้วและลืมไปแล้วได้บ้างหรือไม่" "ได้" "ตอนนั้นพระองค์ไม่มีจิตหรือ" "ไม่ใช่ แต่ความระลึกได้ของเราหายไปต่างหาก" "ถ้าเช่นนั้น เหตุใดจึงทรงกล่าวว่าคนเราระลึกได้ด้วยจิตเล่า" ๑๑."สติมักจะเกิดขึ้นมาเอง หรือว่าถูกกระตุ้นโดยสิ่งภายนอก" "ทั้งสองอย่าง ขอถวายพระพร" "แต่นั่นก็ไมได้หมายความว่า สติ ความระลึกได้ เกิดขึ้นมาเองเป็นเบื้องต้นหรอกหรือ" "ขอถวายพระพร ถ้าไม่มีความระลึกรู้ที่ถ่ายทอดกันมา ช่างฝีมือก็ไม่จำเป็นต้องฝึกหรือเล่าเรียน และครูอาจารย์ผู้สอนก็เป็นบุคคลไร้ประโยชน์ แต่การณ์กลับเป็นตรงกันข้าม" ที่มา: หนังสือมิลินทปัญหา - กษัตริย์กรีกถาม พระเถระตอบ โดย นวพร เรืองสกุลถอดความเป็นภาษาไทย |
Ineverdie
![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
Link |