|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ธรรมะที่ทำให้งาม
ขันติ คือความอดทน เป็นคุณธรรมของนักปราชญ์ เป็นเครื่องประดับของนักพรต เป็นธรรมะที่ทำให้บุคคลงาม คืองามด้วยน้ำใจ ผู้มีขันติจัดได้ว่าสร้างมงคลให้แก่ชีวิต
ขันติ ๓ อย่าง ขันติในพระพุทธศาสนามี ๓ อย่าง คือ ๑. ธิติขันติ อดทนต่อความตรากตรำในการทำงาน ๒. อธิวาสนขันติ อดทนต่อความเจ็บป่วย ๓. ตีติกขาขันติ อดทนต่อความเจ็บใจ
ซึ่งในข้อ ๓.นี้ พระพุทธเจ้าได้เคยตรัสย้ำไว้ในคำสอนหลายแห่งว่า ผู้ใดอดทน ไม่โกรธตอบบุคคลอื่น คืออดทนไว้ได้ ถือว่ามีขันติเป็นพลัง เช่นพระองค์เคยตรัสไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากว่ามีโจรที่มีใจหยาบช้าจะเอาเลื่อยซึ่งมีคมสองข้างมาเลื่อยอวัยวะน้อยใหญ่ของเจ้า ผู้ใดโกรธต่อโจรนั้น ผู้นั้นชื่อว่าไม่ทำตามคำสอนของเรา
พระพุทธเจ้ายังได้ตรัสอีกว่า ผู้ใดโกรธตอบต่อบุคคลที่โกรธตนแล้ว ผู้นั้นเลวเสียกว่าผู้ที่โกรธก่อนเสียอีก
นอกจากนี้ พระพุทธเจ้ายังได้ตรัสอีกว่า ฟืนเผาศพมีไฟติดทั้งสองข้าง ตรงกลางเปื้อนคูถ(ขี้) ฟืนชนิดนี้ไม่สำเร็จประโยชน์ในการใช้ในป่า ไม่สำเร็จประโยชน์ในการใช้ในบ้าน (เพราะถือว่าเป็นฟืนอัปมงคล)ฉันใด คนที่ขี้โกรธ เราก็กล่าว ว่ามีอุปมาฉันนั้น คือมีอุปมาคนขี้โกรธเหมือนฟืนที่เผาผีที่ไฟติดทั้งสองข้าง และตรงกลางเปื้อนขี้นั่นเอง จึงไม่มีใครอยากคบ
ขันติที่เกี่ยวกับการอดทนต่อการตรากตรำทำงาน ก็ถือว่ายังไม่เป็นยอด ขันติที่เกี่ยวกับการอดทนต่อการเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ถือว่ายังไม่จัดเป็นยอด แต่ขันติที่เกี่ยวกับการอดทนต่อความเจ็บใจนี้ถือว่า เป็นขันติชั้นยอดที่เดียว
คนที่มีความอดทนนั้น บางคนอดทนจริง แต่มีความรู้สึกตรอมใจ เศร้าใจ ไม่เบิกบาน มีความอดทนแต่ไม่มีความสุขใจเลย การอดทนอย่างนี้ไม่ดี การอดทนที่ดีนั้น เมื่ออดทนแล้วต้องทำให้สุขใจ เบิกบานด้วย จึงจะถูกต้อง
ดังนั้น ในทางพระพุทธศาสนาจึงสอนให้มองโลกในแง่ดี ไม่มองในแง่ร้าย คือเราไม่เป็นใบ้ก็ทำเป็นใบ้เสียบ้าง เราไม่หนวกก็ทำเป็นหนวกเสียบ้าง เราไม่บอดก็ทำเป็นบอดเสียบ้าง เช่น เห็นคนที่ทำอะไรไม่ถูกใจก็ทำเป็นไม่เห็นเสียบ้าง ทำเป็นบอดเสีย หรือบางทีอยากจะด่าเขา อยากจะพูด ก็ทำเป็นใบ้เสียบ้าง หรือบางทีได้ฟังเขาด่าเขาเหน็บแนม เอาเรื่องแสลงใจมาพูดให้ฟัง เราก็ทำเป็นหนวก ไม่ได้ยินเสียบ้าง ก็จะทำให้สบายใจขึ้นได้ ดังภาษิตไทยโบราณซึ่งกล่าวไว้ว่า
ปิดหูซ้ายขวา ปิดตาสองข้าง ปิดปากเสียบ้าง นั่งนอนสบาย
ธรรมะที่ทำให้งาม
อีกประการหนึ่ง ตามหลักพระพุทธศาสนานั้น คนที่มีขันตินั้นจะต้องมีโสรัจจะ คือความสงบเสงี่ยมด้วย ถ้าหากว่ามีแต่ขันติ ไม่มีโสรัจจะคือความสงบเสงี่ยมแล้ว บุคคลนั้นจะไม่งาม ธรรมะสองข้อนี้เป็นธรรมะที่ทำบุคคลให้งาม ให้น่ารัก ถ้ามีขันติความอดทน ไม่โกรธแล้ว แต่ยังมือสั่น ปากสั่น หน้าแดง แสดงว่ามีแต่ขันติ แต่ขาดโสรัจจะ แต่ถ้าเรามีโสรัจจะด้วย หน้าตาจะเบิกบาน มองดูเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น การมีโสรัจจะจึงทำให้คนเรางามทั้งกายและใจ
ฉะนั้น คนจะงามน่าเคารพนับถือ ก็ต้องแต่งตนทั้งกายและใจ คือแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องประดับ และแต่งใจด้วยธรรมะที่ทำให้งาม คือ งามขันติและโสรัจจะ สมกับสุภาษิตไทยที่ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
คัดย่อบางส่วน จากหนังสืออุดมมงคลในพระพุทธศาสนา อุดมมงคลข้อที่ ๒๗ ขนฺตี จ (ความอดทน) โดยพระธรรมวิสุทธิกวี วัดโสมนัสวิหาร
Create Date : 14 กรกฎาคม 2551 |
|
28 comments |
Last Update : 14 กรกฎาคม 2551 19:34:33 น. |
Counter : 2513 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: walkerahead (Walkerahead ) 15 กรกฎาคม 2551 11:58:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: ขวัญ (toyor ) 15 กรกฎาคม 2551 13:46:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนระพูสี 15 กรกฎาคม 2551 20:51:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: Joyce (joicecy_k ) 16 กรกฎาคม 2551 11:29:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: ขวัญ (toyor ) 16 กรกฎาคม 2551 11:31:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: fordear 16 กรกฎาคม 2551 12:56:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: IceIcy (lcelcy ) 16 กรกฎาคม 2551 15:55:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: cctalin 16 กรกฎาคม 2551 19:56:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: นกหรรษา 17 กรกฎาคม 2551 7:24:46 น. |
|
|
|
|
| |
โดย: Joyce (joicecy_k ) 17 กรกฎาคม 2551 20:54:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนไกลบ้านเกิด (ขึ้น15ค่ำ ) 17 กรกฎาคม 2551 23:06:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: ขวัญ (toyor ) 19 กรกฎาคม 2551 20:41:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 20 กรกฎาคม 2551 2:43:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: ท.แทนคุณ 21 กรกฎาคม 2551 9:42:12 น. |
|
|
|
|
|
เพื่อเตือนสติอันมัวเมาไปด้วยกิเลสของผมครับ
คราวนี้ ผมคงจะได้งามกันบ้างละครับ