|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เรื่องเล่าของฉัน ตั้งแต่วันที่มีเธอ chepter 5
วันเวลาผ่านไป ไวแสนไวอีกเหมือนเดิม
ตอนนี้นายพัทของเราอยู่บ้านหลังนี้ได้ 1 เดือนแล้ว
ด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นกับพี่ชายของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ...(ในระดับหนึ่ง) ทำให้ปานวาดยินยอมที่จะเรียกเขาว่า พี่ (อีกอย่าง ก็เพราะเธอไม่รู้จะเรียกเขาว่าอะไรเวลาอยู่ต่อหน้าพ่อแม่เสียด้วย)
"พี่คะ จะทานข้าวหรือยัง" ปานวาดขึ้นมาถามพี่ชายเมื่อได้เวลาอาหารเย็น
"อือๆ เดี๋ยวพี่ไปนะ เรากับพ่อแม่กินไปก่อนเถอะ" วศินตอบโดยไม่ยอมละสายตาจะคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ของตัวเอง
"เล่นแต่งคอมพ์ ไม่สนใจครอบครัว อย่างงี้สิพี่ถึงไม่มีใครมาจีบ" ปานวาดพูดเซ็งๆ พลางเดินล่างไปข้างล่าง เธอไม่ได้เซ็งเพราะอะไรหรอก เพียงแต่เซ็งเพราะต้องเดินขึ้นมาเสียเที่ยวเท่านั้น
"ใครว่าไม่มี แค่ตอนนี้พี่ไม่อยากหา ไม่อยากตกลงกับใครต่างหาก" วศินตะโกนไล่หลังน้องลงมาอย่างรวดเร็วหวังแก้ศักดิ์ศรีของชายหน้าตาดี...
"ไม่ต้องร้อนตัวน่า หนูไม่บอกพ่อกับแม่หรอกว่าพี่หาแฟนไม่ได้" ปานวาดตะโกนตอบพี่ชายด้วยเสียงอันดังเช่นเดียวกัน เหมือนจะแกล้ง เพราะเธอตั้งใจอยู่แล้วว่าอยากจะให้คุณวิชุดาและคุณเอกราชรับรู้
"พี่ไม่ทานหรอลูก" คุณวิชุดาถามบุตรสาวทั้งที่ยังไม่คลายรอยยิ้มจากใบหน้า (เพราะบทโต้ตอบของลูกสาวลูกชายเมื่อครู่)
"ค่ะ ไม่ทาน" ปานวาดตอบพร้อมยิ้มอย่างน่าเอ็นดู
"พี่ทำอะไรล่ะ เล่นคอมพ์หรอ" คุณเอกราชถามลูกสาวขณะที่มือกำลังเอื้อมไปตักมัสมั่นไก่
"ค่ะ แต่ดูหน้าเครียดๆ คงยังไม่ชินกับเครื่องใหม่มั้งคะ"
"อือ..." คุณเอกราชครางในลำคอพร้อมกับพยักหน้า ... ... ... ไม่รู้ว่าเขาครางเพราะตอบลูกสาวหรือเพราะมัสมั่นไก่?? -*-
เมื่อทุกคนทานอาหารเสร็จแล้วก็เริ่มแยกย้ายกันไปนอนตามปกติ
แต่คืนนี้ปานวาดนอนไม่หลับ...
ปานวาดมักจะมีอาการนอนไม่หลับอยู่บ่อยครั้ง มันเป็นเหมือนโรคประจำตัวอย่างหนึ่งของเธอที่ได้รับมาจากคุณตา...
เธอมักนอนไม่หลับไม่ว่าจะข่มตาแค่ไหน เปลี่ยนท่านอนกี่ท่า หรือทานอาหารเย็นเยอะเท่าไหร่ก็ตาม
อาการนี้มักจะเป็นอาทิตย์ละสองครั้งเป็นอย่างน้อย ...และเธอเคยชินกับมันดี
คุณพ่อและคุณแม่ของเธอเคยพาเธอไปรักษาที่โรงพยาบาลหลายครั้ง
เพราะเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก การนอนไม่หลับแบบนี้ทำให้เธอมีสุขภาพที่อ่อนแอกว่าเด็กคนอื่นมาก
แต่แม้ว่าหมอที่ไหนๆจะส่งยาอะไรมาให้ปานวาดก็ไม่หา ยกเว้นว่าจะใช้ยานอนหลับเท่านั้น...
จนในที่สุดคุณเอกราชได้พาเธอไปที่คลีนิกจิตแพทย์โดยตรง และได้รับคำตอบจากคุณหมอว่า อาการของปานวาดนั้นไม่สามารถรักษาหายได้ด้วยตัวยยา
"มันเป็นที่จิตใจน่ะครับ" คุณหมอตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนกับกำลังพูดเรื่องลมฟ้าอากาศหรือข้อความทักทายในชีวิตประจำวัน
"จิตใจ?? นี่ลูกผมมีปัญหาหรือครับหมอ" คุณเอกราชพ้อขึ้นอย่างเป็นกังวล
"...ครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นโรคจิตหรืออะไรนะครับ เป็นอาการปกติ"
"... ผมไม่เข้าใจ"
"คือ อาการนี้มีอยู่ในทุกคนแหละครับ เป็นมากเป็นน้อยต่างๆกันไป แต่จะเป็นง่ายหน่อยถ้าเป็นลูกคนเดียวแล้วมีบุคลิกหรือลักษณะนิสัยที่ส่งเสริม มันมักจะเริ่มการที่แกไม่มีใครจะพูดคุยด้วยได้ ไม่ว่าแกจะรู้สึกอะไร ก็ได้แต่เก็บไว้คนเดียว ไม่ได้แสดงออกเท่าไหร่จนกลายเป็นคนที่คิดอะไรมากมายไปหมด คล้ายกับกังวลอยู่ตลอดเวลา แต่พอแกโตขึ้น มีสังคมมากขึ้น และรู้จักปรับตัวมากขึ้นแกก็จะหายได้เองครับ"
"แต่ไม่อันตรายใช่ไหมครับหมอ" คุณเอกราชยังไม่หายกังวล
"ครับ ไม่อันตรายแน่นอน แต่อาจจะส่งผลต่อสุขภาพกายหรือจิตใจในระยะที่เป็นบ้างเล็กน้อยครับ เพราะผู้ป่วยอาจจะพักผ่อนไม่พอ"
"แล้วผมควรจะทำยังไงดี" คุณเอกราชตีหน้าจริงจัง...
แม้หมอจะบอกเขาอย่างจริงจังว่าไม่ร้ายแรง และจะหายไปเอง... แต่เขาก็ไม่อยากให้ลูกสาวมีความบกพร่อง ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน ไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจ ไม่ว่าจะมากหรือจะน้อยเพียง 1% ก็ตาม
"... ถ้าให้ผู้ป่วยได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่กดดัน ก็จะช่วยได้ส่วนหนึ่งนะครับ"
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา คุณเอกราชและคุณวิชุดาก็พยายามให้ลูกได้ทำกิจกรรมต่างๆที่ได้พบปะผู้คนมากๆและเป็นประโยชน์ เช่น การให้ลูกสาวเรียนบัลเล่ต์เพื่อเป็นการพักผ่อนและเป็นการรู้จักคบเพื่อน พาลูกไปออกงานสังคมบ่อยมากขึ้น หรือแม้กระทั่งให้ปานวาดลาออกจากโรงเรียนรัฐบาลที่มีชื่อเสียงเพื่อให้เข้าไปอยู่ในโรงเรียนเอกชนที่มีสังคมและกิจกรรมดีเด่นแทน
และปานวาดก็มีอาการดีขึ้นเรื่อยๆจนอยู่ในระดับที่เธอจะรับมือไหว
เมื่อเธอนอนไม่หลับ เธอมักจะลุกขึ้นมาอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือนั่งเล่นริมหน้าต่างเพื่อให้ตัวเองปลดโปร่งใจก่อนแล้วค่อยกลับไปพยายามนอนอีกครั้ง ถ้าโชคดี เธอจะนอนหลับสนิทได้เมื่อหัวถึงหมอนสักพัก แต่ถ้าโชคร้าย เธออาจจะต้องนั่งเล่น นอนฟังเพลง หรืออ่านหนังสือทั้งคืนโดยไม่ได้พักผ่อน
สำหรับคืนนี้ เธอเลือกที่จะนั่งเล่นที่ริมหน้าต่าง
ระหว่างที่เธอกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่นั่นเอง...
เสียงเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งก็ลอยมากระทบหูของเธออย่างอ่อนหวาน สุภาพ งดงาม และเศร้าสร้อย...
มันเป็นเสียงของ... ไวโอลิน
Cold water เพลงของ damien rice ศิลปินในดวงใจของเธอ...
จากเพลงที่ถูกร้องอย่างเศร้าสร้อยอยู่แล้ว ยิ่งถูกนำมาบรรเลงด้วยเครื่องดนตรีที่ให้เสียงหวานเศร้าอย่างไวโอลิน ... ทำให้เพลงนี้ยิ่งเศร้าขึ้นอีกเหลือประมาณได้
ปานวาดเผลอร้องไห้กับเสียงไวโอลิน
...แสงจันทร์สาดส่อง เมื่อเสียงดนตรีได้กังวานความเศร้าดังขึ้น ท่วงทำนองที่กระจายโอบล้อมบ้านในสวนหลังนี้เอาไว้ก็เหมือนกับได้รับการปลอบโยนอันแสนหวาน...
...แน่นอนว่ารวมถึงกระต่ายน้อยเดียวดายที่อยู่ริมหน้าต่างพลางร้องไห้คิดถึงดวงจันทร์ก็เช่นกัน...
Cold, cold water surrounds me now And all I've got is your hand Lord, can you hear me now? Lord, can you hear me now? Lord, can you hear me now, Or am I lost?
No one's daughter allow me that And I can't let go of your hand Lord, can you hear me now? Lord, can you hear me now? Lord, can you hear me now? or am I lost?
oooo, I love you Don't you know I love you And I always have Hallelujah Will you come with me?
..... ..... .....
Am I lost with you?
เมื่อเพลงจบลง... ความเงียบก็กลับเข้ามาครอบงำอีกครั้ง...
ทันใดนั้นเอง...
"ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด!!" อินเทอร์โฟนในห้องของปานวาดก็ถูกเรียกขึ้น
คนที่โฟนมาหาเธอก็ไม่ใช่ใครเลย
"ฮัลโหล" ปานวาดรับ
"เราร้องไห้ทำไมน่ะ" เสียงปลายสายพูดห้วนๆขึ้นมาด้วยความสงสัย
"พี่พัท??"
"ก็ใช่สิ แล้วจะให้เป็นใครล่ะ" นายพัทเริ่มไม่พอใจนิดๆเมื่อคู่สายของตัวเองทำเหมือนจะตกใจ /อย่างกับว่าไม่ได้อยู่บ้านเดี๋ยวกันงั้นแหละ/
"พี่พัทโฟนมาทำไม" ปานวาดถามเรียบๆ
"พี่เห็นเราร้องไห้"
"เมื่อไหร่"
"เมื่อกี้"
"เห็นได้ยังไง"
"หน้าต่าง"
เมื่อได้ยินดังนั้นปานวาดก็รุดไปดูที่หน้าต่างห้อง
แล้วเธอก็ต้องตกใจที่เห็นว่าจากหน้าต่างของห้องเธอจะสามารถเห็นหน้าต่างของห้องของนายพัทที่อยู่ติดกันได้ แม้ว่าจะไม่เห็นในห้อง แต่ก็มองเห็นบริเวณริมหน้าต่างอย่างชัดเจน ...
ชายหนุ่มหน้าขาวส่งยิ้มอ่อนโยนให้เธออยู่ที่ริมหน้าต่างนั้น
"พี่แอบมองปานหรอ"ปานวาดทำเสียงไม่พอใจพร้อมกับมองหน้าคู่สายไปด้วย
"ใครว่าพี่แอบมอง พี่ลุกขึ้นมาจะปิดม่าน แต่พอดีเห็นว่าเรานั่งเหงาอยู่ ก็ เลยอยากให้เราสบายใจขึ้น แล้วพอดีตามันก็เหลือบไปเห็น ไวโอลินบนชั้น พี่เลยหยิบมาเล่นให้ฟังเท่านั้นเอง"
"เมื่อกี้นี้พี่เป็นคนเล่นหรอ" ปานวาดถามอย่างทึ่งๆ เธอไม่เคยรู้เลยว่าพี่ชายแปลกหน้าของเธอเล่นไวโอลินได้
"ก็..ได้เรียนนิดหน่อยตอนอยู่นิวซีแลนด์..."
"อ๋อ..."
"แล้วเราร้องไห้ทำไม"พัทไม่ลดละ
"เปล่า ไม่ได้ร้องไห้ ปานแค่ง่วงแล้วเท่านั้นเอง" ปานวาดเลี่ยงตอบ เธอยังไม่อยากให้เขารู้เรื่องส่วนตัวของเธอมากนัก ถึงตอนนี้เธอจะยอมเรียกเขาว่าพี่แล้ว แต่ในความรู้สึกเธอ เขาก็ยังเป็นเพียงคนนอกครอบครัวอยู่ดี
"จริงหรือ"พัทถาม เขาพยายามส่งสายตาเค้นความจริงจากปานวาด
"จริงสิ"ปานวาดหลบสายตาแล้วเดินเข้ามาคุยในห้องเพื่อที่เขาจะมองไม่เห็นเธอ
ตาเธอชื้นๆขึ้นมาเพราะคำถามจากอ่อนโยนจากคู่สาย
"...แต่เรามานั่งเหงาอย่างนี้บ่อยมากเลยนะ"
"ก็ปานเป็นคนนอนดึกนี่คะ จะให้นอนเลยก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยมานั่งเล่นเท่านั้นเอง"ปานวาดพูดกลั้วหัวเราะ
"...พี่แล้วแต่เรานะ เราคงจะเป็นอะไรสักอย่าง เพียงแต่เราไม่บอกพี่เท่านั้น ก็ไม่เป็นไรหรอก รอให้เราอยากบอกพี่ก่อนก็ได้ พี่เข้าใจว่าพี่คนนอก...แล้วเราไม่ได้ยินดีที่มีพี่มาอยู่ที่นี่เท่าไหร่หรอก" น้ำเสียงในประโยคสุดท้ายของพัทแสดงความเหนื่อยอ่อนออกมาอย่างชัดเจน
ปานวาดตกใจที่เขารู้มาตลอดเวลาว่าเธอคิดอะไรและมองเขาอย่างไรอยู่เสมอ ทั้งๆที่เธอรู้สึกว่าเธอก็ทำตัวสดใสได้อย่างแนบเนียนที่สุดแล้ว...
แต่เพราะความเหนื่อยอ่อนของเสียงหรืออย่างไรก็ไม่ทราบที่แอบทำให้เธอรู้สึกผิดที่มองเขาเป็นคนนอกอยู่เหมือนกัน
เธอไม่ได้ตอบอะไรไป...
"พรุ่งนี้พี่รู้มาว่าเดี๋ยวเราจะเลิกทำ Thesis กับเพื่อนตอนบ่ายใช่ไหม"พัทเปลี่ยนประเด็น เมื่อรู้สึกว่าเรื่องที่คุยอยู่ท่าทางจะเครียดไปเสียแล้ว
"อื้อ"ปานวาดรับคำอย่างไม่กระตือรือร้นเท่าไหร่
"จะให้พี่ไปรับหรือเปล่า"
"รับที่มหาลัยน่ะหรอ"ปานวาดตื่นจากอาการซึมกระทือทันที... คงไม่ต้องบอกนะคะว่าตื่นเพราะอะไร
"ใช่ พรุ่งนีพี่จะเอารถพ่อออกไปซื้อลำโพงที่พันทิพย์น่ะ คงเสร็จพร้อมๆกับเรา"พัทอธิบายแผนการ
"...จริงๆไม่ต้องก็ได้นะพี่พัท ปานกับเองก็ได้ ปกติก็กลับเองอยู่ทุกวัน รถเมล์ต่อเดียวก็ถึงแล้ว"ปนวาดเลี่ยง เธอไม่อยากกลับบ้านกับพี่ชาย(ที่ยังเหมือนจะแปลกหน้า)เธอ
"ก็มหาลัยเราก็เป็นทางผ่านได้ไม่ใช่หรือ แล้วจะไปนั่งรถเมล์ทำไมล่ะ กลับกับพี่เนี่ยแหละ ประหยัดค่ารถ"พัทโต้ด้วยเหตุผล
"...ก็ได้ค่ะ"ปานวาดรับคำเมื่อไม่เห็นทางจะโต้แย้ง
"งั้นเสร็จแล้วโทรบอกพี่นะ เดี๋ยวพี่ไปรับ"
"อื้อ...งั้น...ถ้าไม่มีอะไรแล้ว..."
"แกร๊ก!!!"วศินวางโทรศัพท์ลง(ด้วยความเร็วแสง)
"...ฮัลโหล??"
"......(เงียบ)"
"...พี่คะ?"
"......................(เงียบบบ)"
/ทำไมเป็นผู้ชายที่ไม่มีมรรยาทอย่างนี้นะ/ ปานวาดวางโทรศัพท์ด้วยอารมณ์ฉุนๆแล้วเดินกลับมาที่เตียงเพื่อพยายามจะนอนต่อ
.... .... ...
น่าแปลกที่เธอไม่ต้องใช้ความพยายามในการนอนหลับคราวนี้เลย...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อัพเดทตอนเดียวก่อนนะคะ ไว้คราวหน้าจะมาอัพเดทต่อค่ะ (เห็นตอนนี้มันแอบยาวนิดหน่อย ^^)
อยู่ด้วยกันอย่างงี้นานๆนะคะ ^^"
เพลง Cold water มีจริงๆนะคะ ของ Damian rice เป็น Soundtrack ของหนังเรื่อง CLOSER ด้วยค่ะ (นำแสดงโดย นาตาลี พอตแมน *จูสส์ ลอว์ *จูเลีย โรเบิร์ต และ ไคลฟ์ โอเว่นค่ะ เป็นผลงานกำกับของ ไมก์ นิโคลส์(ที่เคยกำกับเรื่อง ANGLES IN AMERICA) ชื่อเรื่องภาษาไทยว่า "ขอหยุดไฟรักไว้ที่เธอ" หาเช่าได้ทั่วไปนะคะ หนังแรงนิดหน่อยสำหรับบางคน แต่ดีค่ะ ซินให้ B+ แหะๆๆ)
ปล.ถึง พี่ ^^Ken-Ju***Pu-Jung^^ ... แอบอ่านแทนตัวเองก็ได้ค่ะ เวลาซินแต่งซินก็คิดถึงตัวเองนิดๆเหมือนกัน แหะๆๆ
Create Date : 03 สิงหาคม 2550 |
Last Update : 3 สิงหาคม 2550 15:27:44 น. |
|
26 comments
|
Counter : 572 Pageviews. |
|
|
|
โดย: verdancy วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:21:53:40 น. |
|
|
|
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 3 สิงหาคม 2550 เวลา:22:13:37 น. |
|
|
|
โดย: BaLL182 วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:0:45:58 น. |
|
|
|
โดย: โสดในซอย วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:15:52:20 น. |
|
|
|
โดย: โสดในซอย วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:18:34:48 น. |
|
|
|
โดย: กุ๊กไก่ (kaijunk ) วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:19:59:12 น. |
|
|
|
โดย: verdancy วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:20:02:30 น. |
|
|
|
โดย: โสดในซอย วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:11:02:41 น. |
|
|
|
โดย: verdancy วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:19:43:31 น. |
|
|
|
โดย: oreocream วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:20:31:49 น. |
|
|
|
โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:21:12:27 น. |
|
|
|
โดย: JAN_CHERRY วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:22:24:31 น. |
|
|
|
โดย: verdancy วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:21:55:53 น. |
|
|
|
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:22:07:16 น. |
|
|
|
โดย: สาวอิตาลี วันที่: 9 สิงหาคม 2550 เวลา:13:35:22 น. |
|
|
|
โดย: แก้วตา (ดั่งดวงหฤทัย ) วันที่: 10 สิงหาคม 2550 เวลา:21:38:08 น. |
|
|
|
โดย: โสดในซอย วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:10:18:51 น. |
|
|
|
โดย: ทอใยรัก (toryairuk1 ) วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:11:56:15 น. |
|
|
|
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:12:49:18 น. |
|
|
|
โดย: verdancy วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:18:03:55 น. |
|
|
|
|
|
|
|
//www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/closer/closer.html
เรื่องโรคนอนไม่หลับลักษณะของปานวาดนี่ มีอยู่จริงๆนะคะ พี่สาวซิน กับซินเองก็เป็นค่ะ
แต่พี่สาวซินจะเป็นแบบ ตอนที่กลุ้มใจมากๆ ก็จะนอนไม่หลับ พอเรื่องคลี่คลาย ก็จะนอนไม่หลับต่อไปอีกประมาณ 4-5 วัน (เหมือนอาการเจ๊ตแลกค่ะ คือ ศัพท์แพทย์เรียกว่านอนไม่หลับช่วงคราว Transient insomnia)
ซินเป็นอาการเหมือนของปานวาดค่ะ
เรียกว่า Intermittent insomnia แถมโดนย้ายโรงเรียนเหมือนกันด้วย แหะๆๆ ^^