Group Blog
 
 
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
16 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
ซึมลึกDCรักแห่งสยามพร้อมภาพบรรยาย(Spoil-DC)

โดย Grenadine1oz พันทิบ ...... ขอรวบรวมเก็บไว้อ่าน เนื่องจากชอบที่คุณ Grenadine1oz เขียนไว้มากๆ


..... ได้มีโอกาสชมภาพยนต์ "รักแห่งสยาม" รอบแรกที่Houseวันที่17มกรา ฉบับผู้กำกับตัดเอง ซึ่งมีความยาวสามชั่วโมงนิดๆ และมีฉากทีู่ถูกตัดออกฉายต่อหลังขึ้นเครดิตอีกประมาณ20นาที

บรรยายกาศผู้ชมก่อนเข้าโรงก็ตื่นเต้น ลุ้นกันว่าจะมีฉากไหนเพิ่มเข้ามาบ้าง
และก็คาดหวังไว้ว่าจะให้เรามีความสุขกับหนังที่เรารักให้สมกับที่ได้ตั๋วมาแสนลำบากสมกับที่มีประกาศเตือนว่าแอร์ในโรงภาพยนต์ทำงานดีมาก อากาศค่อนข้างจะเย็นฉ่ำ อาจจะเพราะผมนั่งริมติดแอร์ด้วย

สภาพทั่วไปในโรงก็ค่อนข้างจะโอเค เสียแต่ว่าความชันที่ลดลั่นค่อนข้างน้อย ทำให้ศรีษะคนข้างหน้าอาจบังคนข้างหลังได้และฉบับนี้ ฉายจากแ่ผ่นDVDจึงทำให้ภาพบนจอนั้นเล็กไปหน่อย ผมนั่งด้านหลังเห็นไม่ชัดนัก เพราะฉะนั้นควรจะจองที่นั่งกลางโรง ในแถวที่ติดกับทางเดินกลางจะดีที่สุด เสียงภายในโรงจัดว่าดีเยี่ยม แต่แสงสีของหนังนั้นเพี้ยนจากที่ฉายจากฟิมล์ในโรงทั่วไป ในต้นเรื่องนั้น ภาพมืดมาก สีเขียวโดดออกมา จนทำให้เห็นสีผิวที่ออกจะคล้ำอยู่แล้วกลายเป็นสีเขียว
ฉากที่สุนีย์ถามโต้งว่าได้เรียนพิเศษไหมบนรถซึ่งคุณนกเล่นโดยใช้สายตาผ่านกระจกนั้น ภาพมืดมากจนไม่เห็นรายละเอียดในกระจกเลย พอฉายไปได้ครึ่งเรื่อง คิดว่าเริ่มมีการปรับสี เพราะสีเปลี่ยนไปสีเขียวอ่อนลงมา แต่สีแดงเพิ่มขึ้นอยู่นิดหน่อย ดังนั้นจะเห็นหน้ามาริโอ้แดงระเรื่อเลือดฝาดตลอดทั้งเรื่องครึ่งหลัง

บรรยากาศจากผู้ชม.. หลากฉากที่ฮือฮากันมาก่อน เรียกเสียงลุ้นหรือเสียงหัวเราะ ในวันนี้ก็ดูเงียบๆ เนื่องมาจากผู้ชมนั้นคงดูกันมาหลายรอบแล้ว ส่วนตัวนี่ก็รอบที่ห้า
บางฉากก็ยังได้รับเสียงตอบรับได้อย่างอมตะ คือเสียงหัวเราะจากอิจอย และน้ำตาผู้ชมจากฉากไข่พะโล ฉากที่เพิ่มเข้ามาเรียกว่าทุกฉากนั้นดึงอารมร์ความรู้สึกจากคนดูได้สมกับที่ลุ้นเอาไว้ โดยเฉพาัะฉากเด็ดๆ ที่เรียกเสียงหัวเราะเสียงดัง หรือบางฉากก็สามารถสะกดคนดูให้ลุ้นตามได้อย่างดีเยี่ยม

เชื่อว่าที่เป็นไฮไลท์ของงานสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้ชมนี้ก็คือ มะเดี่ยวปรากฏตัวพร้อมบรรยายในฉากที่ตัดออกหลังเครดิต เล่าฉากต่อฉาก ทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลังว่าทำไมถึงเลือกที่จะเอาเข้าหรือตัดออก และแต่ละฉากเป็นมา มีความหมายอย่างไร ทำให้เราเข้าใจหนังและความรู้สึกซึมลึกหนังรักมากยิ่งขึ้น
จากนั้นก็มะเดี่ยวก็เปิดโอกาสให้พูดคุยซักถามได้อย่างจุใจไม่มีหมกเม็ดทุกคำถาม
บรรยากาศก็เป็นกันเองและอบอุ่นตามผสาคนรักหนังพบผู้กำกับที่ชื่นชอบ
เราจะสัมผัสทะเดี่ยวได้อย่างใกล้ชิดถึงตัวตน มะเดี่ยวก็เป็นตัวเองเหมือนที่เป็นในทุกงาน...

ข้างล่างผมจะขอเล่าถึงฉากในฉบับDCโดยเล่าเรื่องราวเป็นตัวละครไป
และจะใช้คำย่อแทนสองฉาก คือ ฉากที่เพิ่มในหนังฉบับDC (ใช้ฉากข.ย.=ขยาย)ส่วนฉากที่ตัดออกหลังเครดิต (ใช้ฉากต.อ.=ตัดออก) ภาพที่นำมาให้ชมก็เป็นภาพจากหนังที่ออกตามสื่อต่างๆ หลักๆก็จะมีจากหนังตัวอย่างฉบับDC
https://www.youtube.com/v/kQlr7acc6cQ&rel=1

และมะเดี่ยวก็พูดถึงฉากที่ตัดออกในบทสัมภาษณ์รอบสื่อมวลชนอยู่หลายตอน
"รักแห่งสยาม" (บทสัมภาษณ์ตอนช่วง Q&A)(อ้างอิงใช้สัญลักษณ์ **กำกับ)
//www.thaifilmdirector.com/?q=topic/12388

ดังนั้น ครึ่งต่อครึ่งในฉบับDC เราก็พอทราบเรื่องราวกันมาอยู่แล้ว
ฉบับDCก็คงไม่ได้ทำให้เราตื่นเต้นในฉากใหม่ๆมากนัก แต่เราจะทราบเหตุผลตัวตนของแต่ละตัวละครสมบูรณ์มากขึ้น และสำหรับแฟนๆหนังรักแห่งสยามแล้ว ก็คงสุขใจที่ได้ชมฉบับDCที่ผู้กำกับเฟ้นversionที่ดีที่สุดออกมาเพื่อขอบคุณแฟนๆตามคำเรียกร้อง

ขอให้มีความสุขกับความรัก... ในรักแห่งสยาม และเราจะได้คำตอบว่า... ความรักนั้นเปรียบดั่งน้ำอมฤทธิ์ที่คอยหล่อเลี้ยงหัวใจให้มีชีวิตอยู่ต่อไป

หนังได้จบลง แต่ชีวิตผู้ชมยังไม่จบ.. ความเหงายังคงดำเนินต่อไป
แต่เรื่องราวในหนังได้ให้คำตอบแก่เราว่า.. จะอยู่ได้อย่างไรท่ามกลางความเหงา
"ตราบใดที่มีรัก ก็ย่อมมีความหวัง"



ฉากเกี่ยวกับมิวและโต้งวัยเด็ก

ฉาก มาคุ

หลังจากโต้งเผลอพ่นหมากฝรั่งหลุดออกจากปากพุ่งใส่มิวแล้ว มิวก็งอนโต้ง โต้งก็ตาละห้อยชะเง้อหาชวนมิวไปโรงเรียนด้วยกัน แต่มิวก็เชิ่ดใส่ หวัดดีอาม่าแล้วไปโรงเรียนเอง พี่แตงก็เลยพูดบบยายมิว "มาคุ"

ฉาก โรงอาหาร

มิวกินข้าวคนเดียวก็เหล่มาที่่โต้ง ส่วนโต้งก็คอยชะเง้อตอบ แต่มิวก็ยังงอนต่อไป
และเรื่องก็จะดำเนินต่อในฉากที่มิวยืนดูโต้งเตะบอล และเอาจานสีไปล้าง
สองฉากนี้ทำให้เราเข้าใจเรื่องมากขึ้น ว่าทำไมมิวถึงมองโต้งเตะบอล
เพราะตอนแรกอาจจะคิดว่าอยู่โรงเรียนไม่ได้สนิทกัน แล้วพอมีเรื่องโดนอัดจึงสนิทกัน แต่จริงๆแล้ว มิวแค่ยังงอนโต้งเรื่องหมากฝรั่งอยู่

ฉาก ซับเลือด

หลังจากโดนสหบาทาเพื่อปกป้องของรักเพื่อนมิวแล้ว มิวก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าสีเขียวซับเลือดให้ ตอนนี้ก็ได้ปรับความเข้าใจกัน และโต้งก็บอกเหตุผลว่าทำไมถึงต้องเข้าไปช่วย ผมว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งสองมีความสนิทแน่นแฟ้นในความเป็นเพื่อนมากขึ้น ฉากนี้โต้งตอนเด็กหล่อมาก แล้วก็เป็นพระเอกมาก เพราะเหตุผลที่ให้ไว้กับมิว
และก็ขอโทษที่ทำให้มิวงอนเรื่องหมากฝรั่งไม่หาย แต่คำว่าขอโทษคงกินไปถึงความรู้สึกผิดที่เห็นมิวไม่สบายใจเพราะเค้ามากกว่า รวมทั้งเรื่องที่โีต้งต้องมาเจ็บตัวด้วย



ฉาก รอกันที่โรงเรียน

หลังจากที่ได้ปรับความเข้าใจกันแล้ว ตอนเย็นกลับไปพ่อก็บอกว่าจะไปเชียงใหม่กัน กลับมาจากเชียงใหม่ก็มีงานแสดงละครวันคริสมาสต์ ในคืนนั้น โต้งก็มาค้างบ้านมิวเพราะพ่อแม่ติดธุระ พอตื่นมาก็พบว่าพ่อแม่ ได้มาบอกว่าจะไปตามหาแตงที่เชียงใหม่ ทำให้เราเข้าใจว่าทำไมวันงานแสดงพ่อแม่โต้งถึงมาไม่ได้ ก็เพราะติดต่อเรื่องแตงอยู่ หลังจากนั้น พ่อแม่มิวก็ฝากโต้งไว้กับบ้านมิว ช่วงนี้โต้งอยู่บ้านคนเดียว เวลาไปโรงเรียนก็กลุ้มใจ ตอนจะกลับ ก็รอมิวซ้อมดนตรีหลังเลิกเรียน
ช่วงนี้ โต้งกังวลใจมากเพราะพ่อแม่ไม่ได้บอกอะไรมากบอกจะตามพี่แตงที่เชียงใหม่ ก็มีมิวนี่แหละคอยเป็นพื่อนที่เข้าใจเรื่องที่บ้าน และอยู่ด้วยตลอด



ฉาก โต้งนอนตะแคงข้าง

ในคืนวันงานโรงเรียน โต้งมานอนกับมิว อันนี้ฉายในฉบับปกติ (คืนที่1ในหนัง)
ตอนนั้น ต่างคนก็ต่างนอน เพราะโต้งยังไม่รู้เรื่องแตง สวดมนต์ก็นอนเลย

ในคืนวันที่โต้งรอมิวซ้อมดนตรี ก็นอนค้างบ้านมิว (คืนที่2ในหนัง)
เพราะพ่อแม่ไปตามแตงที่เชียงใหม่ โต้งก็ยังนอนตะแคงข้าง
แต่ตอนนี้มิวเริ่มสงสารโต้ง โต้งเริ่มนอนกระสับกระส่าย
มิวก็ยื่นมองเพื่อนจากด้านหลังด้วยความเป็นห่วง และเอื้อมมือไปจับแขนเพื่อให้โต้งรู้สึกมีเพื่อน และ... โต้งก็เอามือมากุมมือมิวไว้แล้วหลับไป โดยที่ไม่ได้หันมาทางมิวเลย



ฉาก สุนีย์กอดหมอน
(ฉากนี้ พี่นกสุดยอดมากค่อยๆทิ้งตัวลง: ต.อ.)

หลังจากพ่อแม่กลับมาจากเชียงใหม่ กรมาบอกโต้งเรื่องแตงหลงป่าแน่่นอนแล้ว
ในคืนนั้น สุนีย์ได้เข้าไปห้องแตง ในฉบับปกติ ก็จะเห็นสุนีย์กอดหมอน
แต่ฉบับตัดออก จะเป็นฉากเต็มที่คุณนกเล่นได้สุดยอดมาก ทรุดลงไปนอนสะอื้น
แล้วโต้งเค้ามาเห็นภาพแม่ร้องไห้พอดี

ฉาก มิวปลอบโต้ง

หลังจากที่เห็นภาพแม่์ร้องสะอื้นซึ่งปกติสุนีย์จะดูเป็นคนเข้มแข็ง
คงเป็นครั้งแรกของโต้งน้อยที่เห็นแม่ในสภาพนี้(เห็นอีกครั้งตอนที่สุนีย์ ร้องกับ
จูนว่าชั้นไปทำอะไรมา) โต้งก็ไม่ได้เข้าไปหาแม่หรือร้องไห้ในทันที แต่กลับมานอนบ้านมิว เพราะเหตุการณ์ที่บ้านไม่ดี (พ่อก็กินเหล้า) หลังจากสวดมนต์อย่าเคย โต้งก็ล้มตัวนอนตะแคงข้างหันหลังให้มิวเช่นเคย แต่ความเจ็บปวดภายในก็เริ่มปะทุออกมา โต้งน้อยๆค่อยร้องสะอื้นจนเริ่มฟูมฟายได้แต่เอามือกุมที่ตา
มิวน้อยก็ตกใจ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็ได้แตเอามือไปเขย่า่ร้อง โต้งเป็นอะไร โต้งเป็นอะไร... โต้งน้อยก็ทนต่อความเดียวดายไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เวลานี้พ่อแม่ก็อ่อนแอเกินกว่าที่จะเป็นที่พึ่งให้โต้งน้อยได้แสดงความอ่อนแอบ้าง โต้งน้อย ก็เลยหันหน้ามาร้องไห้กับมิว มิวก็ได้แต่ประคองตัวเพื่อนปลอบประโลม จนหลับไปทั้งคู่

------------------------------------

ฉบับปกติ

หลายคนอาจจะเข้าใจว่า โต้งมักจะคอยดูแลปกป้องมิว ถ้าภายนอกอะใช่....
สมัยเด็กๆ โต้งเข้าไปกามิกาเซ่ รับตินในห้องน้ำแทนที่จะให้พวกนั้นเชยชมน้องหนูของมิว (จริงๆโต้งหวงแทนมิว) และโต้งก็พยายามดูุแล ซื้อของมาฝากชวนไปเล่น...

แต่ดูจากภาพนี้ เห็นได้ชัดเลยว่า ภายในจิตใจของโต้งแล้วไม่ได้มั่นคงแข็งแกร่งเลย มิวต่างหากที่เป็นผู้ใหญ่ นิ่งมากกว่า คอยเป็นที่พักใจให้โต้ง
ก็เพราะจริงๆแล้วภายในใจไม่นิ่งต่างหาก รู้สึกไม่มั่นคง สับสนแสวงหาที่พึ่ง
แต่พอมาอยู่่กับมิวสองต่อสอง ก็แสดงความอ่อนแอของตัวเองออกมาได้อย่างสบายใจ ผมว่าทั้งสองคนก็ผลัดกันดูแลซึ่งกันและกันนะครับ

---------------------

**กับว่าตัวโต้งตอนเด็ก ๆจะไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่มาบอกว่าหลงป่าแล้วหายไป ความรู้สึกของโต้งก็คือไม่เชื่อ ยังค้างคาใจอยู่จนโต จะรู้สึกว่าตอนเด็ก ๆ พ่อแม่หลอกเราหรือเปล่า แต่ประเด็นนี้เราไม่ได้เอามาเป็นปริศนาใด ๆ จนกระทั่ง



ฉาก โต้งลามิวริมแม่น้ำ

ฉากนี้ถูกตัดออกไปแต่ในตัวอย่างหนังฉบับผู้กำกับตัดมีบทพูดและฉากนี้ค่อนข้างครบโต้งไปตามหามิววันที่จะย้ายออก มิวก็ไปนั่งเหงาที่ริมน้ำในที่เค้าเคยนั่งประจำสองคนโต้งก็พูดกับมิว ทั้งๆที่มิวหันหลังให้ (บทพูดในหนังตัวอย่าง) ก่อนที่โต้งจะเดินกลับมาคนเดียว ขึ้นรถไป และมิวเดินตามออกแต่โต้งก็ขึ้นรถไปแล้ว

ุ6ปีผ่านไป

ฉาก มิวถามจูน (ต.อ.)

มิวเป็นนักร้องนำวงออกัสที่กำลังจะได้ออกเทป แล้วไปเจอจูนผู้ดูแลศิลปินที่ค่ายเพลง หลังจากแนะนำตัวกันที่บริษัทเพลง มิวรู้สึกว่าจูนเหมือนแตงมาก
มิวก็เข้าไปเลียบๆเคียงๆถามจูนว่า เราเคยเจอกันมาก่อนรึป่าว

ฉาก หญิงเล่นของ1

กลับมาบ้าน มิวได้โจทย์แต่งเพลงรัก และหญิงก็เข้าไปเสนอตัวช่วยเป็นแฟนให้
ก่อนหม่าม้าเรียกกลับหญิงได้จิ๊กเส้นผมมิวไปปลุกเสกตุ๊กตาวูดูหมี พอเย็บติดเข้าไปที่ตุ๊กตาหมีเสร็จก็มองลอดหน้าต่างไปบ้านของมิว ฉากนี้ไม่มีอะไรเพิ่มเติม แต่ฉบับDCให้ภาพที่ไม่ได้กลับซ้ายไปขวาเหมือนฉบับปกติ ดังนั้น จึงเห็นมิวโยกไปคนละด้านกับตุ๊กตา ซึ่งฉบับในหนังตัวอย่างใช้ภาพเดียวกับDC

อันนี้ โพสเฉยๆ เพื่อให้รู้ว่าคนเขียนบ้าหนังมาก และอ้างอิงว่าหญิงเล่นของกี่ครั้ง
ปล หวังว่าข้าพเจ้าคงดูไม่ผิด ใครดูแล้วช่วยยืนยันด้วย

ฉาก สกาล่า

หลังจากที่ให้ซีดีปิงปองไป มิวก็ยังอารมณ์ดีอยู่ พอช่วงบ่ายทำCPRกับเอ็กซ์ มิวเลยเคืองอารมณ์บูดไม่ซ้อมดนตรี ออกไปเดินเล่นที่สยามคนเดียว
ประจวบกับโต้งติดต่อโดนัทไม่ได้ มานั่งรอก็แล้ว ทั้งสองคนเลยบังเอิญเดินมาเจอกันที่สยามอีกครั้ง

เลยพากันเดินมานั่งคุยกันที่สกาล่า ด้วยความที่มิวโกธรเอ็กซ์ ทำให้มิวเป็นตัวตลกหน้าชั้น มิวก็เลยไม่สบายใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็น สิ่งที่โดนล้อมาโดยตลอดตั้งแต่เด็ก
และมิวก็เอาเรื่องนี้มาคุยกับเพื่อนเก่าอย่างโต้ง

มิว: "โต้งว่ามิว แปลกกว่าคนอื่นไหม"
โต้ง: (โต้งมองไปที่หน้ามิว ดูเสื้อผ้า ทรงผม) "ไม่เห็นมีไรแปลกนี่"
มิว: "ไม่ใช่อย่างนั้น เรื่องที่ถามคือ..." (ทำหน้าส่งซิกแนล)
โต้ง: (ทำหน้างง) "เรื่องอะไร.."
มิว: "เรื่องแบบว่า... ที่เราเป็นแปลกไหม"
โต้ง: (โต้งยิ้มสบายใจ) "ก็ไม่เห็นมีไรแปลก"
มิว: (มิวยิ้มที่โต้งเข้าใจ สบายใจขึ้น)

แล้วจากนั้น มิวก็ชวนโต้งไปเอาซีดีที่บ้าน เพราะที่เตรียมมาเอาให้ปิงปองไปแล้ว

--------------------------

มะเดี่ยวบอกตัดฉากนี้ในโรงปกติ เพราะมะเดี่ยวรู้สึกว่าคู่นี้จะหวานไป (รวมทั้งฉากแท็กซี่) และด้วยเรื่องเวลาก็ทำให้ฉากนี้หายไป แต่พอมีฉากนี้ก็จะทำให้เราเข้าใจมิวมากขึ้น อันนี้ มะเดี่ยวให้ไว้ในสัมภาษณ์**

ครอบครัวของพี่นกมีความทุกข์เป็นรูปธรรม แต่ตัวมิวเค้าก็มีความทุกข์คือความเหงา เค้าไม่มีอาม่าแล้ว เค้ารู้สึกว่าตัวเค้าแตกต่างจากคนอื่น นี่คือความเหงาที่เอ่อ.....ที่ก็จะเป็นคำถามที่ว่าทำไมถึงเป็นเรื่องของคนเพศที่ 3.....เพศในโลกนี้มันไม่มีเพศหรอกครับ พอพูดถึงความรักแล้วมันเป็นไปได้หมดทุกอย่าง อย่างมิวเองนี่ เค้าคือ...คือถ้ามันมากกว่า กว่า..... ความรู้สึกแตกต่างอ่ะ ความรู้สึกที่เค้ามีอะไร แล้วมัน...มัน...มันไม่เหมือนกับคนอื่นที่มีความทุกข์ในใจของมิว บางครั้งเราอาจจะไม่เข้าใจประเภทนั้น ที่แตกต่างไปจากเรา ครับ นี่คือความทุกข์ของคนอีกแบบนึง



ฉาก หญิงเล่นของ2

หญิงอ่านในหนังสือ ให้คว่ำหน้ารองเท้าคนที่ชอบแล้วให้เค้าใส่แล้วจะสมหวังในรัก
พอหญิงทำก็จะแอบดูมิว ใส่รองเท้าออกจากบ้าน... เรื่องนี้ จะปรากฏตัวของป้าออยว่ายังคงดูแลมิวอยู่ เหมือนที่มะเดี่ยวให้สัมภาษณ์ไว้ มิวจะคุยกับป้าออยว่าใครมากลับรองเท้า ฝากป้าออยช่วยเก็บเข้าชั้นวางด้วย

**(ผู้ชม)เอ่อ...อยากถามว่า บ้านหลังนั้นมิวอยู่คนเดียวเหรอครับ หลังจากอาม่าเสียไปแล้ว

(มะเดี่ยว-ผู้กำกับ) ใช่ครับอยู่คนเดียว มีป้าออยอยู่ดูแลด้วย แล้วป้าออยตัดออกไปครับ.....คือจะงงใช่มั้ยครับว่าทำไมเด็กอยู่บ้านคนเดียวได้ คือเรื่องในหนังเนี่ยสร้างจาก.....เอ่อ....จะบอกว่าสร้างจากเรื่องจริงเลยก็ไม่ได้ คือ มีแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงมากกว่า เด็กมัธยมสมัยนี้พ่อแม่ส่งมาเรียนกรุงเทพฯ มาอยู่หอตัวคนเดียวก็มี คือมิวเนี่ยพ่อแม่ไปทำงานอยู่ที่อื่น เค้าก็อยู่บ้านนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าทำไมจะอยู่บ้านนี้อย่างปลอดภัยไม่ได้ เพราะงั้นก็เลยไม่มีปัญหาที่มิวจะอยู่คน

ซีดีน้องนายน์
ต่อๆ เดี๋ยวไม่จบ โพสเรื่องปิงปองใหม่สั้นๆแล้วกัน เฮียเหนื่อย

ฉาก ปิงปองขอซีดี (เช้าวันCPR)

พอหลังจากที่มิวเจอโต้งโดยบังเอิญที่สยาม ก็แลกเบอร์กัน ค่ำนั้นมิวก็โทรไปนัดโต้งว่ามารับแผ่นที่สยามพรุ่งนี้
รุ่งขึ้น มิวก็เอาแผ่นไปโรงเรียน

ที่ห้องซ้อมดนตรี ปิงปองก็โดดดึ๋งๆเข้ามาในห้อง ร่าเริงถามคนนั้นคนนี้ พี่มีซีดีป่าว มีซีดีป่าว
จนมาถึงมิว ก็ถามว่ามีซีดีป่าวพี่มิววว ผมจะเอาไปแกะเพลง
มิวรู้ทัน ก็เลยแซวว่าจะเอาไปให้สาวหละสิ นี่กี่แผ่นแล้ว
พูดไปมิวก็หยอกปิงปองโดยเอามือไปตบแก้มนุ่มนิ่มของปิงปอง (มันน่านัก)
ปิงปองก็ยิ้มเขินรับเอาซีดีมา
(มิวเอาซีดีให้ปิงปอง เพราะโทรหาโต้งไม่ติดเพราะใช้สายติดต่อโดนัทอยู่)

ไม่มีรูปประกอบ เอารูปหล่อมาแทน

(ขอบคุณพี่วีที่ช่วยเชคให้ครับ โดนลบไปหลายรอบ คำว่า หลังของมือ ตัดคำว่าของออก)

ฉาก สุนีย์ปรึกษาพี่หมอ

สุนีย์ไปปรึกษาหมอที่โรงพยาบาล ซึ่งหมอเป็นพี่ชายของกร หมอช่วยอะไรไม่ได้มากนัก เพราะลำพังจะบอกแต่อาการแล้วให้จัดยาไปไม่ได้ แต่ครั้นจะให้เอาตัวกรมาโรงพยาบาลเห็นที่จะเป็นไปไม่ได้ เพราะกรดื้อมาก ฉากนี้แสดงให้เห็นถึงความกลัดกลุ้มของสุนีย์ต่อสุขภาพของกร และเริ่มคิดถึงเรื่องคำแนะนำของหมอให้หาคนมาดูแล แต่ลำพังลูกกับเมียยังพูดอะไรไม่ได้ แล้วจะหาใครที่ไหนมาดูแลได้... เรื่องที่มาปรึกษาหมอคงเป็นเหตุผลเบื้องหลังหนึ่ง ที่สุนีย์ยอมให้จูนแสร้งเป็นแตงเพื่อมาดูแลกร เพราะถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง กรก็คงป่วยยิ่งขึ้น

ฉากนี้ก็เฉลยว่า ยาที่ให้กรกินก่อนมาโรงพยาบาลก็คือพวกวิตามินยาบำรุงเท่านั้น
และกรไม่เคยรับการรักษาจากโรงพยาบาลมาก่อน จึงทรุดหนักในคราวเดียว
ฉากนี้พี่นกเล่นดีมาก อีกตามเคย... ในฉบับDCมีพี่นกเยอะมากเช่นกัน
เราจะเห็นในฉากที่ให้อารมณ์เรื่อยๆ แต่เราก็จะค่อยๆซึมซับความรู้สึกกลัดกลุ้ม เป็นห่วง กังวลจากพี่นกในบทของสุนีย์มากขึ้นเช่นกัน ทำให้เราเข้าใจอารมณ์ความนึกคิดของผู้หญิงที่ต้องลุกขึ้นมายืนหยัด ในฐานะของแม่และเมีย

ความรู้สึกของผมที่ขัดแย้งต่อสุนีย์ ในเรื่องของการไปจัดการมิวและก้าวร้าวกับจูนก็ลดลง เพราะเข้าใจสุนีย์มากขึ้นว่าต้องรับภาระหนัก และต้องขบคิดปัญหาหนักๆที่ประดังเข้ามาโดยตลอด

-----------------------------

มะเดี่ยวบอกว่า ฉากนี้ ถูกตัดออกไปพร้อมกับฉากที่กรเข้าโรงพยาบาล
แล้วพี่หมอเป็นคนบอกอากาว่าต้องรอคอยปาฏิหาริย์เท่านั้น
ในฉบับปกติและDC จะเป็นเสียงพี่หมอบรรยายอาการตอนเข็นเตียงกร
ในฉากต.อ. จะมีภาพที่พี่หมอคุยกับสุนีย์หน้าห้องผู้ป่วย
เพราะจะทำให้มีความสัมพันธ์ซับซ้อนมากเกินไปในเรื่อง
ถ้าใครสังเกตฉากงานเลี้ยงแตง ี่่กรพูดว่าหมอดื่มเหล้าสักวันก็คือพี่ชายกรนั่งร่วมโต๊ะนั่นเอง

ฉาก เพลงรักแรงบันดาลใจจากหญิง (ต.อ.)

ตอนกำลังจะเข้าบ้านมิวก็เดินมาเจอหญิงถือกุหลาบช่อโตพอดี กุหลาบที่หญิงอ่านเจอจากหนังสือรักจะเอาไปริดหนามเล่นของ99ดอก แล้วจะไว้หน้าบ้านให้มิว มิวก็ดันบอกว่าคนได้คงดีใจมาก หญิงก็ตาโตเบิกบานว่าถ้าิมิวได้คราวนี้คงสำเร็จ คงซื้อมามัดละ100ดอก แบ่งให้มิวไปก่อน1ดอก ก็ยังมีครบตามจำนวนในหนังสือ... หลังจากมิวได้ดอกไม้มาก็ขึ้นห้องเอาไปดอมดม แต่ไม่ได้คิดถึงหญิง คิดถึงคนที่เค้ารัก... โต้ง ในใจก็คิดอยากทำอะไรเพื่อโต้งบ้างจึง จะร้องเพลงกันและกันที่แต่งไว้ให้โต้งในงานเลี้ยงรับแตงในวันพรุ่งนี้ พอคิดได้ก็อมยิ้มนั่งอยู่คนเดียว
(ในใจก็วางแผนงั้นงี้ ว่าจะพิชิตใจชายด้วยเพลงรักอย่างไร ซ้อมส่งสายตา หุห
เตรียมสคริปว่าจะบอกว่าแต่งให้โต้งร้องให้โต้งคนเดียว - ร้ายนะเนี่ยน้องมิว)

มะเดี่ยวอธิบายว่า เหตุการณ์นี้ทำให้มิวได้แรงบันดาลใจจากหญิง อยากทำอะไรเพื่อคนที่รักบ้าง สำหรับมิวก็คือการร้องเพลงกันและกันให้โต้ง..คนพิเศษ
พอมิวคิดได้ มิวก็นั่งดมกุหลาบแดงจากหญิงแล้วยิ้มไป อยากให้ถึงพรุ่งนี้ไวๆ

ฉาก หญิงเล่นของ3

ในคืนนั้น
ที่มิวคิดถึงโต้ง... คนที่มิวรัก
หญิงก็คิดถึงมิว... คนที่รักมิว
หญิงนั่งริดกุหลาบทั้งคืน แม้ว่าหนามจะตำก็นั่งทำด้วยความสุขใจ ได้พยายามเพื่อคนที่่รัก
ยิ่งรู้ว่ามิวคงดีใจที่ได้ดอกไม้ ในใจก็ยิ่งชื่นบาน
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่มิวกลับมาจากงานเลี้ยงรับแตง สุนีย์ก็มาหาในตอนเย็นวันนั้น
ประจวบกับที่หญฺงจะเอาดอกไม้มาให้มิวที่หน้าบ้าน จึงได้ฟังเรื่องที่เค้าคุยกัน

ฉากนี้ ไม่ได้มีอะไรใหม่ เล่าเพื่อความต่อเนื่องครับ

ฉาก สวีทปิงปอง งอนเอ็กซ์ รักโต้ง

หลังจากมิวแต่งเพลงกันและกันได้แล้ว ก็เอามาให้เพื่อนในวงได้ฟังกันก่อน
ฉากนี้ มิวเอาipodเสียบหูคนละข้างกับปิงปอง ฟังเพลงกันและกัน อย่างซึ้ง
กำลังยิ้มชอบใจ ปิงปองแซวว่าแต่งให้ใครรึป่าว เอ็กซ์ก็เดินมาจะฟังด้วย
เลยดึงหูฟังเอามาจากปิงปอง มิวเห็นก็เชิ่ดใส่ เอาหูฟังข้างตัวเองส่งไปให้ปิงปองแล้วลุกหนี
ปล่อยให้เอ็กซ์สานสัมพันธ์กับน้องปิงปองตามลำพังต่อไป นั่งฟังเพลงกันและกันสองต่อสอง...
(คิดถึงโปสเตอร์ ที่บางคนบอกว่าให้สังเกตว่าหูipodเชื่อมใครกับใคร)



ฉาก ม้าหินเร้นรัก

ฉากในตำนาน ที่ทุกคนกล่าวขวัญ ฉากที่เปลี่ยนแปลงในฉบับDCตรงที่
เราจะได้ดื่มด่ำไปกับอารมณ์รักแบบเต็มๆ ดูดดื่มมากยิ่งขึ้น
ฉากนี้แค่versionปกติก็ฮือฮา ซี๊ดซ้าดกันทั้งโรงแล้ว แต่ที่ผมดูครั้งนี้นั้น... เงียบกริบ
อาจจะเพราะลุ้นไปกับหนัง หรือเป็นฉากที่สะกดคนดูได้

ส่วนผม... ไม่รู้มาก่อนว่าฉากนี้จะเพิ่มเติม ถึงกะอึ้งตาค้าง เพราะดูมาสี่รอบก่อนหน้าก็ดูฉากนี้แบบเก็บอารมณ์ทุกเม็ดแล้ว ฉบับปกติดูยังไงก็แค่เด็กมัธยมจูบแบบเด็ก แต่ดูDC มันดื่มด่ำมากขึ้น... ต้องลองดูเอง ออกมาไปถามเพื่อน เฮ้ย ผมว่าversionนี้น่าจะใช้ลิ้นนะ จริงๆนะ ผมเนี่ยตั้งใจดูมาก หุหุ

เรียกว่า ฉากม้าหินเร้นรักแบบเต็มๆไม่มีตัด ไม่ใ้ช้่แสตนอิน



ฉาก ส่งขึ้นแท็กซี่.. หวานได้อีก

หลังจากที่กิ๊บกิ้วกันที่ม้าหินหลังสวนแล้ว โต้งก็ส่งมิวขึ้นแท็กซี่
โปรดสังเกตสายตาทั้งคู่ในรูปว่าหวานแล้ว ไปเจอในโรงพร้อมบทสนทนาต้องละลาย ไม่อยากจะบรรยายมาก เขียนยังไงก็ไม่เท่ากับชมเอง

โต้งก็นัดว่าพรุ่งนี้เย็นไปกินข้าวที่สยามกันนะ พอรถเลื่อนออกไป
ก็จะเห็นจูนยืนมองตอนที่สวีทกันหน้ารถอยู่ที่โรงรถทำหน้าเครียดอยู่
ฉากนี้จึงทำให้เรารู้ว่า จูนรู้แล้วว่าสุนีย์ขึงขังเข้ามาในครัวเรื่องอะไร



รูปเพิ่มเติมในความเห็นที่7 โต้งค้างบ้านมิวในคืนแรกที่มีงานแสดงโรงเรียน แล้วพ่อแม่ติดธุระ พอตื่นมาทุกคนก็ยืนรอบเตียงแล้วบอกว่าจะไปเชียงใหม่
กรก็บอกกับโต้งว่าจะไปตามหาแตง

ฉากนี้ ทำให้หลายคนที่เคยสงสัยว่าลูกสาวหายทั้งคนทำไมไมทำอะไรเลย แตงน่าจะหนีออกจากบ้านมากกว่า เราก็จะทราบว่า เค้าไปตามหาไปติดต่อกันมาแล้ว ดังนั้นความแครงใจว่าแตงหนีออกจากบ้านก็ลดลง

ฉาก อาจารย์แม่... สุนีย์

แฟนๆต่างเดากันเอาไว้ว่า สุนีย์น่าจะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย (อาจจะมีอาชีพรองขายตรง อิอิ) ซึ่งก็จริง เพราะฉากนี้เฉลยภาพที่ไปภาคสรีระวิทยา (ผมไม่ทราบคณะ น่าจะที่จุฬาด้วย-ผู้รู้ให้ข้อมูลด้วยครับ ขอบคุณครับ) เป็นวันหลังจากงานเลี้ยงแตง รุ่งขึ้น ก็ไปส่งโต้งตามปกติ แล้วถามว่าจะให้ไปรับไหม
โต้งบอกไม่ต้อง (เพราะนัดกินข้าวกับมิวที่สยามตอนเย็น เมื่อวานตอนที่ส่งขึ้นแท็กซี่) ถ้าเป็นฉบับปกติ เราก็จะคิดไปว่า สุนีย์ต้องคิดไปหามิวไว้แล้ว แล้วบอกว่าเย็นๆจะโทรไปเชคกับโต้งอีกที ซึ่งดูว่าสุนีย์ก็เป็นจอมวางแผนค่อนข้างจะร้ายเหมือนเสือแม่ลูกอ่อน

แต่ฉากนี้จะทำให้เราเห็นใจสุนีย์มากยิ่งขึ้น ว่าจริงๆก็ไม่ได้ร้ายซะขนาดนั้น
เพราะมีเหตุดลใจบังเอิญเห็นภาพนิสิตชายสองคนอี๋อ๋อส่งน้ำดื่ม ปัดผมดูแลกัน
สุนีย์จึงยกหูโทรศัพท์โทรไปหามิวขณะที่ซ้อมดนตรีอยู่กับเพื่อนๆที่โรงเรียนวา่าจะไปหาตอนเย็น ภาพวัยรุ่นหนุ่มสาวในชุดนิสิต ทำให้นึกถึงคำพูดสุนีย์กับมิวว่า โต้งต้องเรียน จบไปต้องแต่งงานมีชีวิต

ในฉากที่บ้านมิวผมรู้สึกว่าคำพูดนี้ นอกจากจะส่งให้มิวแล้ว สุนีย์ก็ย้ำกับตัวเอง
ว่านี่แหละคือสิ่งที่แม่อยากจะให้ลูก น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว...

-----------------------

ยกบทสัมภาษณ์มะเดี่ยวในบทความ
http:ager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000006932

การดู Director Cut... ่มันจะขยายขึ้นมานิดหนึ่ง มันเป็นเวอร์ชันที่ไม่สามารถฉายในโรงหนังทั่วไปได้ เพราะมันยาวเหลือเกิน ฉากเลิฟซีนไม่มีหรอกครับ (หัวเราะ) เพียงแต่ว่าจะเล่าที่มาที่ไปของตัวละคร รายละเอียดของตัวละครว่าคิดอะไรถึงทำอย่างนั้น อย่างนี้ อย่างเช่นในเรื่องพี่นก (สินจัย เปล่งพานิช) เห็นว่าเด็กสองคนมีอะไรกัน เขาผ่านการคิดก่อนนะ ไม่ใช่อยู่ดีๆ พุ่งไปที่บ้านเลย ลองไปดูในโรงดีกว่า

รูปนี้ จะเห็นว่ามีแฟ้มงาน คงเดากันว่าเป็นอาจารย์จากการแต่งตัวและแฟ้ม

ฉาก รูปนี้พ่อเป็นคนถ่าย

ฉากที่เพิ่มเข้ามาทำให้ผมมั่นใจว่าจูนไม่ใช่แตงได้อีกฉากหนึ่ง จูนเอารูปสมัยเด็กๆมากางดูกับกรแล้วก็เล่าเรื่องไปเหมือนในฉบับปกติที่เล่าว่าโต้งโดนบอลอัดหน้า ฉากนี้จะเกิดก่อนฉากเล่าบอลอัดหน้า เป็นรูปที่ไปเที่ยวทะเลสมัยเด็กๆ จูนก็เล่าเนียนไปตามรูป แล้วกรก็ถามว่า ไม่เห็นมีรูปพ่อเลย ตอนนั้นพ่อไปไหน จูนก็บอกว่าพ่อเป็นคนถ่ายเลยไม่มีรูป

ถ้าไม่เคยดูมาก่อน แล้วฉากไล่ไปเรื่อยจนถึงฉากรูปถ่ายจูนบอกบอลอัดหน้า
เราก็คงเริ่มสงสัยจูนมากขึ้นว่าใช่แตงรึป่าว เพราะรู้เรื่องราวพวกนี้ได้ยังไง
แต่ก็จะคลี่คลายในฉากที่สุนีย์เป็นคนบอกว่ารูปที่แตงหายไปเพราะแตงเป็นคนถ่ายเอง ทำให้เราทราบว่าจริงๆจูนไม่ใช่แตง เพราะถ้าเป็นแตงก็น่าจะบอกว่าตัวเองเป็นคนถ่าย ได้เหมือนกับที่บอกว่ากรเป็นคนถ่าย ดังน้นการเอาฉากนี้ออก ทำให้ฉบับปกติแตงกับจูนเป็นคนเดียวกันรึป่าว ดูคลุมเครือมากขึ้น

ฉาก เพื่อนโต้ง

ฉากนี้ เย็นๆหลังเลิกเรียน วันศุกร์เพื่อนๆ (อั้ม)ชวนไปกินน้ำชาที่บ้านเพราะไม่มีเรียน โต้งเดินลงมานั่งที่บันไดกับเพื่อนๆ อั้มชวนไปกินชา โต้งบอก เดี่ยวแม่มารับ
แล้วไอ้แหวง (รึประมาณเนี้ย ที่บอกขี้ติดคอเหรอ) ก็บอก.... (ไปฟังเอาเอง)
ฉากนี้ฮาตรึม จนไม่ได้ยินเสียงชัดว่าคุยอะไรกันต่อมาหลังจากไอ้เพื่อนแหวงมันแซว ดูตาโต้งในรูปนี้สิครับ ค้อนเพื่อน พอฟังแล้วก็ไม่พอใจก็ลุกหนีไปเลย เหมือนตอนที่โดนถามเรื่องเกย์

*ขอspoilแค่ฉากนะครับ ส่วนไฮไลท์แต่ละฉาก เผื่อมีโอกาสได้ดูเองทั้งในโรงหรือDVDจะได้ ไ้ด้อรรถรสเต็มที่ บางจุดผมไม่สามารถเขียนได้ความสนุก หรือความรู้สึกมากพอ เหมือนที่เค้าบอกว่าภาพเดียวก็แทนคำเป็นพันคำ อดใจรอไว้ดูเองนะครับ แล้วจะได้ไม่ผิดหวัง จะได้สนุกไปกับหนัง ผมก็จะไม่ทำให้รสชาดของหนังที่ควรจะได้เสียไป

ฉาก ตุ๊กตาไม้ถูกขายไป

โต้งกลับมาดูที่ร้านหลังจากนั้นคนเดียว ตอนนี้มีเงินซื้อ แต่ตุ๊กตาได้ถูกขายไปแล้ว
พอกลับมาอีกครั้งกับหญิง ตุ๊กตาก็ตัวใหญ่แพงขึ้น เงินก็ไม่พอซื้ออีกหละ

ฉาก นี่ไม่คิดจะง้อกันเลยเหรอ (ต.อ.)

ฉากโดนัทหนึ่งในสองฉากที่ถูกตัดออกมะเดี่ยวให้เหตุผลว่า แค่นี้ใครๆก็หมั่นไส้โดนัทกันมากแล้ว มะเดี่ยวสงสารโดนัท เนื่องจากมะเดี่ยวคล้ายกับโดนัทตรงที่สวยเลือกได้เหมือนกัน จึงเข้าใจกันดี ถึงแม้มะเดี่ยวจะมีข่าวซุบซิบไร้สาระกับโอ้บ้าง พิชบ้าง เอารูปไปทำมงกุฎเสียหาย แต่ก็อย่าลืมว่าเค้านั้นสวยเลือกได้ ดังนั้น เรื่องโอ้และพิชนั้นไม่จริงเลย ฉากนี้โดนัทเดินเข้ามาเป็นพญาหงส์เหิน หิ้วกระเป๋าหน้าเชิดเดินจิกเป็นนางพญา ทุกคนไม่ได้อยู่ในสายตาของโดนัทนอกจากโต้ง เพื่อนๆก็กลัวรัศมีจนต้องหลบอยู่หลังเสาแอบดู โดนัทก็เริ่มวีน "นี่ใจคอจะไม่ง้อกันเลยใช่ไหม" "ไม่เห็นความสำคัญกันบ้างรึไง" โต้งสวนเรียบๆ "เรามีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าต้องคิด" โดนัท อึ้ง สะบัดบ็อบ เชิ่ดกลับไป...

มะเดี่ยวบอกว่าจริงๆ โดนัทรักโต้งมากเหมือนกัน แต่เค้าเป็นคนที่แสดงออกอย่างนี้
ต้องมาบอกว่า ให้ไปง้อตัวเองหน่อย ฉากนี้โดนัทแรง กลัวคนไม่ชอบโดนัทเพิ่ม

ฉาก มิวเล่นเปียโนครั้งสุดท้ายให้อาม่าฟัง (ต.อ.)

ฉากนี้ สุดยอดมากๆ อาม่าแสดงได้สมกับเป็นปรมาจารย์ของนักแสดง
ฉากนี้จะอยู่ที่ตอนมิวบรรยายความเหงาให้โต้งฟังและย้อนอดีตตอนอาม่าจากไป
จะเป็นรายละเอียดต่อจากที่อาม่าบอกว่า "ตอนอาม่าไม่อยู่ เพื่อนเกเรเหรอ"

มิวจับมือซบลงข้างอาม่า แล้วอาม่าก็จับมือมิวเล่นด้วยความอบอุ่น
มิวก็รู้แล้วว่าอาม่าใกล้จะจากไป ฮือๆ พูดแล้วเศร้า ขนาดเป็นฉากที่ตัดออกสั้นๆ
แต่ก็สะกดคนดูได้ทั้งโรง ถ้าอยู่ในส่วนของหนัง ต้องเรียกน้ำตาและความรักได้จากคนดูแน่ๆ แต่ที่ตัดออกไป เนื่องจากมะเดี่ยวรู้สึกว่าTimimgในจังหวะการเล่ามันไม่ลงตัวอาจจะเยิ่นเย้อเกินไปจึงตัดออก มะเดี่ยวบอกว่า การตัดต่อหนังก็เหมือนผสมสารเคมี ก็ต้องผสมแต่ละส่วนให้ลงตัว ที่ต้องตัดฉากบางฉากทิ้ง ก็เพราะความไม่ลงตัวเคมีของหนัง และversionที่ออกมาก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว

มิวบอกไม่อยากให้อาม่าไปเลย... ก่อนอาม่าจะจากไป อาม่าก็ให้มิวเล่นเปียโนให้ฟังเพลงอะไรก็ได้ที่มิวชอบ มิวเลือกเพลง..เปียโนจีนที่อาม่าสอนให้
อาม่ายิ้มจากไป... ตามความหมายของเพลง... การรอคอยของอาม่าได้สิ้นสุดลงแล้ว อากงคนที่อาม่ารักมารับไปอยู่ด้วยกัน...ตราบจนนิรันดร์

ฉากจูนที่ตัดออกหลายฉาก

ก็จะทำให้รู้จักตัวจูนมากขึ้น รู้จักความต้องการ รู้สึกความหวัง ชีวิตของจูนมากขึ้น
ซึ่งมีเหตุผลสองอย่างที่ไม่ใส่ไว้ทั้งสองversion เพราะเรื่องของเวลา
ที่จะเอื่อยๆ ยาวนานจนเกินไป และความรู้สึกของมะเดี่ยวต่อหนังได้เปลี่ยนไป

เมื่อตัดครั้งแรกได้สี่ชม. มะเดี่ยวก็เหมือนผู้กำกับอื่นๆที่หวงหนัง ไม่อยากจะโดนหั่นมากไปกว่านี้
แต่ต้องมาคุยเรื่องความลงตัวที่จะออกฉายกับทางค่าย ก็ต้องลดความยาวลง
ตัดกันอีกหลายรอบ สามชม.บ้าง จนมาลงตัวว่าได้ที่2ชม.40นาที
ก็ถือว่าลงตัวตามความต้องการทั้งสองฝ่าย พบกันครึ่งทาง

แต่ฉบับนี้ถือว่าตามใจมะเดี่ยว แต่มะเดี่ยวก็รู้สึกว่า การทำให้จูนดูคลุมเครือไม่ต้องรู้จักมากนักนั้นมีเสน่ห์มากกว่า
รู้สึกชอบจูนในแบบนี้ ที่เข้ามาในหนังในทิศทางนี้ โดยที่ไม่ต้องรู้จักจูนมากนัก

มะเดี่ยวได้ให้สัมภาษณ์ไว้

**(ผู้ชม)คือถ้าอ่านมาไม่ผิดนี่ ได้ยินว่า เวอร์ชั่นแรกที่มะเดี่ยวตัดนี่ ยาว 2:45

(มะเดี่ยว-ผู้กำกับ) 3 ชั่วโมงกว่าครับ

(ผู้ชม)เราจะมีโอกาสได้ดูเวอร์ชั่นนั้นมั้ย คือความเข้าใจของเรา เราคิดว่ามันเป็นเวอร์ชั่นที่มะเดี่ยวอยากนำเสนอมากที่สุดหรือเปล่า

(มะเดี่ยว-ผู้กำกับ) อืม....ดูอันนี้น่ะค่ะ น่าจะเหมาะสำหรับการดูในโรงที่สุดแล้ว คือถ้าดู 3 ชั่วโมงกว่าอาจจะฉีแตก แล้วก็อาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ไม่แน่ว่าใน DVD อาจจะมี director cut แต่คิดว่าเวอร์ชั่นยาวขนาดนั้นมันเป็นอารมณ์ที่ล่องลอยมากกว่า มันจะมีความเป็น artistic กว่านี้ มาก ๆ อ่ะครับ คือเราเล่าหนังเรื่องนี้เป็นเหมือนภาพความทรงจำ ดังนั้นเราไปถ่ายอะไร เราก็ไปถ่าย ถ่ายมาแบบ เด็กนั่งคุยกัน ก็แบบ ก่อนหน้านี้คุยกันเรื่องอะไรไม่รู้ไร้สาระ ไม่มีแก่นสาร ตามประสาวัยรุ่น มันก็สนุกดีเราก็ถ่าย ถ่ายเก็บไว้ ก็เป็นเรื่องของน้ำค่อนข้างเยอะ แต่ว่าดูแล้วมันดึงอารมณ์ ดึงความทรงจำอะไรออกมาได้ค่อนข้างเยอะ

และ http:ager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000006932

- เราต้องตั้งจุดยืนของเราว่าเวลาเราทำหนังสักเรื่องเราทำเพื่อรองรับอะไร ถ้าเราทำหนังสั้นของตัวเราเอง เราทำเพื่อศิลปะเต็มที่ เราใช้เงินตัวเอง เราจะทำอะไรก็ได้ จะยาว 3-4 ชั่วโมงก็ได้ แต่รักแห่งสยามมันทำเพื่อรองรับตลาด นายทุน และตัวเราเองด้วย ต้องหาจุดลงตัวของมันให้ได้ ถ้าเราคิดแบบนั้นเราก็สบายใจว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ไม่ใช่ว่าเราจะต่อสู้มาเพื่อให้ได้งานศิลปะที่สมบูรณ์แบบ แต่ว่านายทุนเจ๊ง แล้วเราจะมีงานทำมั้ย พูดตามตรงนะว่าเราก็ทำมันเป็นอาชีพเลี้ยงตัว ดังนั้น เราเข้าใจระบบว่าหนังจะยาวหรือสั้น ค่าตั๋วมันเท่ากัน สมมติหนังเราเต็มเหยียด 4 ชั่วโมง มันจะได้วันละ 2 รอบเท่านั้นเอง รายได้ของโรงหนังก็ลดไปแล้ว เช่นเดียวกันรายได้ของหนังเองก็ลดลงไปตาม

- ถ้าเราเข้าใจเราจะไม่ถูกกลืนกิน ถ้าเราไม่เข้าใจเราก็จะเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ แล้วเราก็จะเป็นศิลปินจริงๆ แต่อาจจะไส้แห้ง เข้าใจแต่ไม่ถูกกลืนกิน ณ ที่นี้คือเราอยู่จุดยืนของตัวเรา สมมติเราไปทำเอ็มวีหรือโฆษณา เอ็มวีจุดประสงค์เขาเพื่อขายนักร้อง ขายเพลง เรามีสิทธิ์ใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปได้เต็มที่ แต่ผลสุดท้ายก็เพื่อสร้างภาพตัวศิลปิน ดังนั้น มันก็มี Limit ในการทำงานระดับนี้ อย่างโฆษณาก็ทำเพื่อขายของ ลูกค้าก็อยากจะขายของ เราจึงรู้ว่าอะไร ทำไปเพื่ออะไร แต่เอ็มวีกับโฆษณามันไม่ใช่เครดิตเรา พอมาเป็นหนังใหญ่ เราเอาเงินจำนวนมากของคนที่ไม่ใช่พ่อใช่แม่เรามาทำ ดังนั้น ก็เพื่อตลาดหนึ่งและมีชื่อเราอยู่ในนั้น และอย่างน้อยมันก็ควรมีสาระ แก่นสาร ความเป็นศิลปะลงไปในนั้นบ้างเพื่อให้งานที่ออกไปเป็น Commercial ซะจนหาความงามทางศิลปะไม่ได้เลย ต้องหาจุดกึ่งกลาง เป็นจุดที่เรายังสบายใจอยู่ ไม่อึดอัดที่จะทำ แล้วก็โชคดีที่ไม่มีใครมาบอกให้เราทำนั่น ทำนี่เวลาเราทำงาน

ฉาก อาม่าปั่นหู (ต.อ.)

ก่อนวันงานแสดงคริสมาสตร์ที่โรงเรียน มิวก็มานอนหนุนตักอาม่า ให้อาม่าแคะหูให้ มิวก็ดุ๊กดิ๊กไปมาถามอาม่า ว่าพ่อจะมาวันงานไหม อาม่าก็สลดไปกับมิว
แต่อาม่าเป็นคนที่เข้าใจโลก น่ารักมาก แทนที่อาม่าจะปลอบพูดเยิ่นเย้อ
อาม่าก็หยิบเอาไม้ปั่นหู มาปั่นจั๊กจี้มิวให้หายเศร้าเรื่องพ่อ เราก็จะเห็นความผูกพันของมิวกับอาม่ามากขึ้น อาม่าเหมือนพ่อแม่ พเื่อน พี่น้อง เป็นทุกอย่างของมิว

รูปฉากนี้ ไม่มีเลยเอาใกล้เคียงมาแทน ฉากนี้มิวมาซบถามอาม่าเรื่องโต้งเสียแตงไปแล้ว

ฉาก จูนปลอบมิว (ต.อ.)

ฉากที่จูนมาพบมิวที่โรงเรียนเพื่อถามหาเหตุผลเอาไปบอกพี่อ๊อด มิวให้บอกไปว่ามิวไม่สบาย ฉากที่เพิ่มคือ จูนลงไปนั่งข้างมิว และก็บอกว่าอย่าคิดมาก พี่เข้าใจสิ่งที่มิวเป็น...

มะเดี่ยวตัดเอาฉากนี้ออกไป เพราะรู้สึกว่า ดูว่าจูนจะเข้าใจทุกๆคน ก็หมั่นไส้ว่า จูนไม่จำเป็นต้องเข้าใจ เห็นใจไม่ซะทุกเรื่องบ้างก็ได้

ต่อจากจูนเข้าไปปลอบ จูนลุกไป ปิงปองกับเพื่อนที่พาจูนมาส่ง ก็เข้ามาปลอบ น้องแวน(ถ้าจำไม่ผิด) จับไหล่ น้องปิงปองจับที่ต้นขามิว (เอ่อ ปิงปอง --')
versionDCเราก็จะรู้สึกว่าทุกคนเข้าใจมิว ยอมรับในสิ่งที่มิวเป็นเกย์ ไม่ว่าจะเป็นโต้ง(ที่สกาล่า) จูน เพื่อนออกัส

ฉาก ออกัสปรึกษากัน

หนังจากที่เอาใบเซ็นลิขสิทธิ์จากพี่อ็อดมา (พี่อ็อดมาที่โรงวันที่17ด้วยอยู่ด้านหลัง) วงออกัสก็มาปรึกษากันที่โรงเรียน ว่าเอาไงดี ควรจะเคลียร์กันก่อน
จึงส่งเอ็กซ์ไปหามิว ฉากนี้ แพนกล้องซูมไปที่เอ็กซ์ หล่อมาก

หลังจากนั้น เอ็กซ์ก็ไปนั่งรอที่หน้าบ้านมิว แล้วมิวก็พาเอ็กซ์ไปคุยสองต่อสองบนห้องนอน ย้อนรำลึกถึงความหลัง... พออะไรมันได้กลับมาเหมือนเดิม เรื่องมันก็เลยง่ายเข้า มิวก็ไปกันไม่ได้กับโต้งแล้ว.. ก็ย้อนกลับมาหาเอ็กซ์ (ชิ น้องมิว! ร้ายนัก)

ฉาก Gay Power 4

ตอนนี้ ออกัสมาซ้อมที่สตูดิโอ เริ่มจับน้องเพชรมาเป็นนักร้องนำ แต่เสียงน้องคีย์สูง และก็ยังจำเนื้อไม่ได้ ทำให้เห็นสภาพว่าจะไปไม่ได้ ประตูห้องซ้อมเปิดขึ้น น้องอ้วน(น้องเพชร)ก็เงียบ เอ็กซ์ก็ถามว่าเป็นไร เพราะหันหน้าไป กล้องก็แพนตาม พร้อมเอ็กซ์พูดออกไมค์ "ขอต้อนรับนักร้องวงออกกัส น้องมิว หลังจากหายไปออกอัลบัม Gay Power 4มา" คนดูก็กรี๊ดดดดดดดด หัวเราะกันอย่างบ้าระห่ำกับมุขนี้ น้องมิวก็ยืนยิ้มเขิน... ก่อนท่จะมายืนกอดคอคอร้องเพลงกับน้องอ้วนอย่างสนุกสนาน

ฉากนี้ก็ทำให้เรารู้สึกคลี่คลายความเหงาของมิวลงได้จากในภาคปกติ และก็เข้าใจเหตุผลที่มิวกลับมาร้องได้อีกครั้งมากขึ้น ถึงมิวจะเป็นเกย์ อยู่กับคนที่รักไม่ได้ แต่ก็ยังมีดนตรี มีเพื่อนอยู่ จึงทำให้ความเหงาน้อยลงไป

-------------------------
มะเดี่ยวเคยให้สัมภาษณ์ฉากนี้แล้ว

**(ผู้ชม)อะไรที่ทำให้มิวตัดใจกลับมาร้องเพลงในวัน Christmas เพราะดูแล้วมันยังไม่ได้คำตอบ

(มะเดี่ยว-ผู้กำกับ) ก็มีซีนนึงที่ถูกตัดออกไปน่ะครับ เนื่องด้วยความยาว ก็คือมิวไปที่ห้องซ้อมแล้วก็ มีการพูดเล่นกันน่ะ เหมือนพวกวัยรุ่นคือ...มันจะโกรธก็ไม่ได้โกรธกันจริงน่ะ พอแบบจะเอาน้องอ้วนขึ้นร้องเพลงน่ะ แต่เสียงไม่ตรงคีย์เค้า คือเป็นเด็กอ่ะ แล้วเสียงมิวโตแล้ว มิวกับน้องเสียงไม่ตรงคีย์กัน แล้วก็แบบน้องก็ร้องไม่ได้ ก็เลยงอแง แล้วมิวก็กลับเข้าไปหา แล้วก็พูดเล่นกันเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำมาแต่ก่อน

มิวลากเ็อ็กซ์เข้าไปในห้องนอนสองต่อสอง กับแฟ้มลับที่เอ็กซ์ขู่แบล็คเมล์
ว่าจะเอาไปให้โต้งดูว่ามิวควงทั้งเอ็กซ์ ปิงปอง โต้งพร้อมกัน
สวยเลือกได้ยิ่งกว่าโดนัท แต่ร้ายเงียบ ทำนิ่งๆหงิมๆ เราเป็นแค่เพื่อนกัน (ชิ!)

จะมีฉากเพิ่มเข้ามา ตอนมิวทำหน้าที่ควบคุมวงในการซ้อมดนตรีที่โรงเรียน
ทำให้รู้สึกถึงการยอมรับในความสามารถของมิวต่อเพื่อนๆในวงออกัส

ขอโพสรูปน้องนายน์คลายเครียดหน่อยนะครับ เมื่อวานโพสเรื่องปิงปองไปสามรอบก็โดนลบ
เพราะไม่ผ่านคำว่า หลังของมือ (ตัดของออก)

ในฉบับDC เพิ่มฉากที่ปิงปองโดดเด้งมากขึ้น ปิงปองก็จะมาพร้อมกับความสดใส
แม้จะไม่ได้บทที่มีอิทธิพลต่อเรื่องเหมือนเอ็กซ์ แต่ก็มีความสำคัญต่ออรรถรสของหนัง
คือวัยรุ่นนักแสดงนำทั้งสี่ คือ มิว โต้ง โดนัท หญิง ก็จะเป็นบทหนักๆ
ต้องเผชิญปัญหา ดูแล้วก็จะเครียด เหงา เศร้า กังวลไปด้วย
แต่พอมีฉากปิงปองและเพื่อนๆ ก็จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายๆ
เพราะปิงปองดุ๊กดิ๊กร่าเริง สดใสสมเป็นวัยรุ่น ทั้งเป็นคนคอยประสานงานในวง
ทั้งเรื่องพี่อ็อด เรื่องขายแ่ผ่น โทรตามเพื่อน คอยไกล่เกลี่ย
น้องนายน์ก็เป็นคนที่ได้บท ได้มุมกล้องที่โดดเด่นในวงออกัส ไม่แพ้นนท์เลยทีเดียว

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะนายน์น่าร๊ากกกกกกก จริงๆ เฮียยืนยัน

ฉาก เราทำเพื่อมิวต่างหาก (ต.อ.)

ฉากนี้หลังจากหญิงไปอ้วนวอนขอส่วนจมูกของตุ๊กตามาได้ โต้งกับหญิงก็มาคุยกัน
หญิงส่งชิ้นส่วนจมูกให้โต้งบอกให้เอาไปให้มิวเป็นของขวัญ โต้งรับเอามา
โต้งถามหญิงว่า "ทำไมต้องทำเพื่อเราด้วย" หญิงตอบว่า "เราไม่ได้ทำเพื่อโต้ง เราทำเพื่อมิวต่างหาก" ประทับใจฉากนี้พอสมควรเนื่องจาก ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาก่อนแล้ว ก่อนที่จะเห็นฉากนี้ ตั้งแต่คราวก่อนไปดูที่สากล่า ก็เขียนตรงใจความที่หญิงพูดเต็มๆ เหมือนถอดมาจากฉากนี้เลย จึงขอยกมาให้อ่านดู
//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A6163037/A6163037.html

ความรักของหญิงที่เกิดขึ้นในใจตั้งแต่เด็ก แอบหลงรักมิว คาดหวังว่าความตั้งใจจริงของตนเอง จะสามารถพิชิตหัวใจของมิว หญิงจึงทุ่มเททุกอย่างตามประสาความเชื่อของเด็กวัยรุ่น สุดท้ายหญิงอาจจะไม่ได้ความรักฉันแฟนจากมิว แต่ในใจของหญิงได้เกิดความรักที่บริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น ความรักจากใจที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น ความเสียสละจากใจที่ได้ให้มิตรภาพและสิ่งดีๆแด่คนที่เรารักอย่างลึกซึ้ง
ค่าตอบแทนอาจไม่ใช่การได้ครอบครองเอามาไว้กับตัว แต่เป็นความอิ่มใจที่ได้เห็นคนที่รักมีความสุข นี่แหละสิ่งที่ได้มาทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปของหญิง ชิ้นส่วนจมูกที่หญิงทุ่มเทเอามาโดยไม่ลังเล เพื่อจะส่งถึงมือของโต้งไปมอบให้มิว ของขวัญจากหญิงไม่ใช่แค่เพียงจมูกตุ๊กตาไม้ที่ส่งต่อให้โต้ง แต่หญิงนำพาโต้งคนที่มิวรักมาในวันสำคัญเพื่อนำของขวัญที่มีความหมายกับมิวมามอบให้ เมื่อพาโต้งมาถึงต่อหน้ามิว หญิงก็เลือกที่จะปล่อยมือ ยอมหันหลังจากอย่างเงียบๆ... ก็เพื่อมิวอีกเช่นเดียวกัน

ในฉากหญิงร้องให้บนดาดฟ้า...

ความเสียสละในทุกๆเรื่องจากความรักของหญิงที่มอบให้มิวและโต้ง...ซึ่งเป็นคนที่มิวรัก แม้ยังคงเดินเคียงข้างกับมิวไปได้ตลอด สามารถทำหน้าที่ของเพื่อนอย่างดีที่สุด แต่สำหรับด้านหนึ่งก็เป็นความผิดหวัง ผู้หญิงที่ต้องอกหักจากรักครั้งแรกที่ฝังใจมายาวนาน เธอไม่ใช่คนที่มิวเลือก... หลังจากพยายามทำดีที่สุดเพื่อมิว ความอดกลั้นที่พยายามสะกดมาตลอดก็พังทลายลง น้ำตาที่สะอื้นไห้เป็นเครื่องยืนยันความอ่อนแอของผู้หญิงเล็กๆคนนึงก็พรั่งพรูออกมาจากสองเบ้าตา
ใจถึงของหญิงก็คงเจ็บปวดจากความอกหัก แต่ลึกๆอีกด้านหนึ่งอาจจะขอบคุณที่ได้ปลดเปลื้องพันธนาการ โซ่ตรวนจากความรักที่ไม่อาจได้รับการตอบสนองจาก
มิว ตอนนี้ก็ได้ถูกปลดด้วยตัวของหญิงเอง

ตอบค.ห.ที่71 จากคุณ : jesse_b_boy
พี่มะเดี่ยวบอกรึป่าวว่า
ทำไมจมูกตุ๊กตาตอนจบถึงใส่ไม่พอดี ????????

----------------
ผมขอตอบดังนี้นะครับ (ไม่รู้จะเหมือนที่ผู้กำกับอย่างสื่อรึป่าว)

แม้ว่าคำตอบที่ตามหา... ความรักที่เราหวังว่าจะเข้ามาช่วยเติมเต็ม
ให้เข้ามาประกอบเข้ากับชีวิตให้สมบูรณ์ แม้ทุกอย่างไม่เป็นดั่งคิด
เหมือนที่ฉากสุดท้าย หนังจงใจ ให้เราเห็นว่า ชิ้นส่วนจมูกที่มันใหญ่เกินขนาดของตัวต่อไม้ที่มิวมีฉากนี้ แทนหนังทั้งเรื่อง แทนการเติบโตของตัวละครทุกตัว บางสิ่งที่ขาดหายไป ความรักที่ขาดหายไปนั้นสุดท้ายก็ได้เรียนรู้ ที่จะก้าวไปข้างหน้า แม้ว่าจะไม่ได้สวยงาม แม้จะผ่านความเจ็บปวดตรงนั้นแต่ก็ได้เรียนรู้และรู้จักความรัก ในรูปแบบที่อาจจะไม่ได้perfect แต่ก็ทำให้เราข้ามต่อไปได้นี่แหละครับ ความสวยงามที่ตัวต่อชิ้นสุดท้าย ที่ต่อไม่ลงตัว แต่ก็สามารถก้าวข้ามความเหงาของทุกคนไปได้

ผมลองยกเรื่องของหญิง(ข้างบนค.ห.115)เพื่อเทียบเคียงความหมายของการได้ชิ้นส่วนที่ขาดหายไป ซึ่งแทนด้วยการได้ส่วนจมูกเข้ามาสวมกับตัวต่อ แม้ว่าจมูกจะไม่พอดิบพอดี แต่ก็ใส่เข้าไปได้ เหมือนกับความรักที่ได้มา แม้ว่าจะไม่เป็นดังหวัง แม้ว่าจะเจ็บปวด แต่มันยังเป็นความรักที่สวยงาม ทำให้ตัวต่อสมบูรณ์ ทำให้ชีวิตสมบูรณ์ ได้เรียนรู้และก้าวข้าม ให้ชีวิตได้เดินต่อไป...

ฉาก กิ๊กคนที่3ของโดนัท (ต.อ.)

ถ้าเราสังเกตในเครดิตฉบับปกติก็จะเห็นรายชื่อนักแสดงว่าโดนัทมีกิ๊กสามคน
แต่เรานับเท่าไหร่ก็มีแค่สองคน ฉากนี้จึงเปิดเผยกิ๊กคนที่สามว่าเป็นใครเจอกันตอนไหนมะเดี่ยวตัดออกเพราะ กลัวโดนัทหมั่นไส้มากขึ้น เหมือนกับฉากเจ๊มาวีนให้ไปง้อ เบสเคยใหัสัมภาษณ์**

(ผู้ชม)มาถามน้องโดนัทบ้างดีกว่า ที่มีเดินไปกับคนอื่นที่ไปกับใคร
(เบสท์-โดนัท) มีกิ๊กเยอะค่ะ ถูกตัดไปคนนึงด้วย

(เบสท์-โดนัท) จริง ๆ ตอนแรกจะมีกิ๊กใหม่แค่คนเดียว แต่มาเพิ่มเป็น 2 คน 3 คน

(หัวเราะ) ก็...คนที่เค้ามาเล่นด้วยน่ะค่ะ มีคนนึงเค้ามีความเป็นธรรมชาติสูง แล้วเค้าก็เข้ากับเราได้ดี เหมือนเป็นกิ๊กกันจริง ๆ ก็ประทับใจตรงนี้ด้วย แล้วก็ประทับใจพี่มะเดี่ยวด้วย ที่เพิ่มกิ๊กให้กับหนู ไม่รู้ว่าคนอื่นดูกันเค้าจะคิดว่าตัวจริง เป็นอย่างนี้หรือเปล่า เครียดเหมือนกันค่ะ

-----------------------------------

หลังจากที่โต้งปฏิเสธไปงานวันคริสมาสต์กับโดนัทที่โรงเรียนแล้ว (โดนัทเรียนวัฒนา-หญิงล้วน) โดนัทก็โดนจิกหนุ่มกิ๊กคนที่สาม ออกมาจากร้านคาราโอเกะ เพื่อควงไปงานโรงเรียน หนุ่มคนนี้เคยเล่นหนังในกำกับของมะเดี่ยว ผมจไม่ได้ว่าเรื่องอะไร ผู้รู้วานบอก

ฉาก โต้งอาบน้ำ (ต.อ.)

มีจริงๆครับท่านผู้ชม! จะจะ เต็มตา! แต่อาบที่บ้านโต้งเอง เป็นฉากที่แสดงถึงความกลัดกลุ้มของโต้ง และโอ้ได้ปลดปล่อยความกลัดกลุ้มในห้องน้ำ อิอิ
ตอนนั้น โต้งสับสนเรื่องความรู้สึกตัวเอง ภาพก็จะแสดงสัญลักษณ์ความขัดแย้งภายในใจปัญหาในบ้านโต้ง ผ่านการวางแปรงสีฟันหน้ากระจก ก่อนภาพจะตัดไปที่โต้งกำลังเปลือยกายอาบน้ำแช่ในอ่าง เงยหน้ามองเพดาน ร่างกายเปียกปอน

ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ต้องไปชมเอาเอง อิอิ ผู้กำกับบอกว่าต้องตัดภาพฉากนี้ออกไปบ้าง เพราะเดี๋ยวมันจะอีโรติกมากกว่านี้ เพราะฉะนั้น อย่าพลาดความสยิวที่โต้งได้ระบายออกไปกับสายน้ำ

ความคิดเห็นที่ 120

กิ๊กคนที่สาม นี่เป็นเด็กที่เล่นเรื่อง 13 เกมส์สยองอ่ะจ๊ะ อ้อ เล่น 12 ด้วย

จากคุณ : kwanmanee

--------------
ขอบคุณมากครับ

โพสหมดแล้ว เท่าที่จำได้นะครับ ก็จะมีฉากจูนในห้องพักอีกสามฉาก
อันนี้ก็จะเล่าถึงความพยายามความตั้งใจของจูน ที่จะไปต่างประเทศ
แต่สุดท้ายก็ไปไม่ได้ เพราะเงินไม่พอซ้ำมาโดนให้ออกจากงาน จึงต้องจัดของกลับเชียงใหม่

และก็มีฉากเหงาๆของจูนบนรถแท็กซี่ กับมิวที่ลงจากแท็กซี่กลับบ้าน
ในคืนที่จูนไปกินข้าวบ้านโต้งวันแรก... มะเดี่ยวบอกจะแสดงถึงความเหงาของจูนและมิวสลับกัน ความเหงาที่ต้องอยู่คนเดียว ผมชอบฉากนี้มาก ได้ความรู็สึกดี แต่ก็เป็นฉากที่ตัดออกไป เพราะมันจะเป็นแบบเรื่อยๆ

โพสหมดแล้วนะครับ ผมจำได้เท่านี้ ถ้าใครเพิ่มเติมก็เชิญเลยนะครับ
ขอบคุณมากที่ติดตามและเข้ามาอ่านนะครับ ขอบคุณครับ




Create Date : 16 มีนาคม 2551
Last Update : 16 มีนาคม 2551 20:46:20 น. 1 comments
Counter : 1844 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะ
รอดูอยู่
B2S บอกว่า ให้ไปรับวันที่ 21
ดีใจจัง
555


โดย: iamsocute วันที่: 18 มีนาคม 2551 เวลา:17:10:47 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แดดออก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add แดดออก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.