Group Blog
 
 
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
16 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
ซึมลึก ชีวิตเหงาของมิวในรักแห่งสยาม(spoil)

โดย Grenadine1oz
//topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2007/11/A6054523/A6054523.html

กระทู้ใหม่ข้าพเจ้าครับ เขียนประเด็นชีวิตเกย์ในรักแห่งสยาม

ซึมลึกรักแห่งสยามร่วมกันที่สกาล่า ของขวัญX'Mas
//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A6163037/A6163037.html

-------------------------------------------------

ผมรู้กระทู้รักแห่งสยามเยอะแล้ว... และผมก็รู้หลายคนเอือมที่จะฟังประเด็นชายรักชาย แต่...ตั้งแต่ผมดูหนังเรื่องนี้กลับมาเมื่อวาน ผมยังสลัดเรื่องราวของตัวละครออกไปไม่ได้ โดยเฉพาะชีวิตมิว ที่ผมรู้สึกว่าผมเข้าใจมิว เข้าใจชีวิตอย่างมิว
รู้สึกได้ถึงความเหงา... ความเหงาของมิวจบแล้วเมื่อละครปิดฉาก แต่ความเหงาของผมยังดำเนินต่อไป

ผมเห็นกระทู้อื่นๆมีคำถามในประเด็นหนังเรื่องนี้ หลายคำถามเกี่ยวพันกับความรู้สึก ว่าตัวละครคิดอย่างไร เรื่องราวภายใน ความรู้สึกเป็นแบบไหนกันแน่

ที่เกี่ยวกับมิว ก็เป็นฉากเอ็กซ์ปฐมพยาบาลแล้วมิวเกิดเคืองไปตลอดเรื่อง
ฉากบรรยายถึงความเหงาที่มันเลวร้ายแค่ไหน ฉากที่มิวนั่งอยู่ในบ้านคนเดียวบนเตียงหลังจากสุนีมาหา ฉากที่ก่อนไปโรงเรียนมิวไหว้รูปอาม่าแสดงถึงการไม่มีใคร
ฉากที่เอ็กซ์เข้ามาปรับความเข้าใจ ฉากที่โต้งมาให้ของขวัญคริสมาสต์และกล่าวกับมิว ฉากสุดท้ายที่มิวร้องไห้

ผมคิดว่าผมเข้าถึงมิว เพราะอาจจะมีความซ้อนทับกันอยู่ ก็ขอโอกาสท่านอื่นๆ ให้ผมได้เขียนระบายสิ่งเหล่านี้ อย่าเพิ่งรำคาญเลยนะครับ

เรื่องได้ให้ภูมิหลังการเติบโตขึ้นมาของมิวในวัยเด็ก ซึ่งมีอาม่าคอยดูแล ตั้งแต่เปิดฉากเราก็รู้ว่ามิวโหยหาความรักจากผู้เป็นพ่อมากมายเพียงใด เด็กคนหนึ่งที่ไม่เข้าใจถึงโลกแห่งผู้ใหญ่ ไม่เข้าใจถึงความโชคร้ายที่ถูกทอดทิ้ง ความไม่เข้าใจได้ถูกแปรออกมาเป็นความก้าวร้าวที่ซัดคำพูดอันแหลมคมใส่อาม่า "อาม่าเห็นแก่ตัว"

อาม่าของมิวเป็นคนน่ารักมาก เป็นผู้ใหญ่ใจเย็น ผ่านโลกมามาก เข้าใจสัจธรรมของชีวิต ซาบซึ้งถึงความสูญเสียคนรัก และการที่ต้องอยู่รอดด้วยตัวคนเดียวพร้อมกับความเหงา อาม่ามองเห็นว่าต่อไปมิวต้องเผชิญกับอะไรเพียงลำพัง
ก็ได้หล่อหลอมพื้นฐานตัวตนของมิวขึ้นมาเพื่ออนาคต โดยมีดนตรีเข้ามาช่วยในการแสดงออกทางความรู้สึก มิวมีช่วงชีวิตวัยเด็กที่เติบโตขึ้นมากับอาม่าเพียงลำพัง จากความเหงาที่เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ถูกทอดทิ้ง และท่าทางเรียบร้อย เงียบๆ นุ่มนิ่ม เล่นเปียโนเก่ง แม้แต่อยู่ที่โรงเรียนมิวก็ได้รับรู้ถึงความแปลกแยกที่เพื่อนเกเรรุมแกล้ง ก็มีแต่โต้งเพื่อนสนิทในวัยเด็กที่อยู่บ้านใกล้กัน คอยปกป้อง เป็นเพื่อนเล่น ในวัยเด็กมิวมีสิ่งดีๆที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย มีความร่าเริง
คือ อาม่า โต้ง และดนตรี ทุกอย่างเริ่มเลวร้ายลงอีก เหมือนว่าชีวิตมิวยังโชคร้ายไม่พอ ฟ้าต้องการทดสอบว่า ชีวิตเด็กคนนึง สามารถทนกับความเหงาตามลำพังได้สักแต่ไหน เมื่อบ้านโต้งเกิดปัญหาต้องย้ายออกไป มิวก็ไม่มีเพื่อนสนิทอีก
หลังจากนั้นไม่นาน มิวก็ได้สูญเสียอาม่าไปอีกคน ชีวิตต่อมาของมิวด้วยวัยแค่ไม่กี่ขวบต้องอยู่บนโลกอันกว้างใหญ่ด้วยตัวคนเดียว ช่วงเวลาที่ผ่านมา5ปี มิวอยู่บ้านคนเดียว ไปโรงเรียน กลับมาบ้าน สิ่งที่เหลืออยู่ในชีวิตมิวตอนนี้ เหลือเพียงดนตรี
มิวรู้ซึ้งถึงคำว่าเหงาว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน กี่วันกี่คืนที่ต้องกลับมาจมกับความว้าเหว่ เดียวดาย กี่ครั้งที่ต้องนอนร้องไห้ บนเตียงดนเดียว ท่ามกลางความเงียบในบ้าน

มิวต้องทน ต้องอยู่กับความเหงา จนเข้าใจว่ามันเห้.. ขนาดไหน ความเหงาเบื้องต้น อาจจะแค่เราไม่มีเพื่อน แต่มิวซึ้งใจดีว่า มีความเหงาที่มากกว่านั้น หลังจากสูญเสียอาม่า ความเจ็บปวดทรมาน ที่สูญเสียคนรักไป การที่ต้องอยู่เพียงลำพังโดยปราศจากคนที่รักนั่นแหละคือความเหงาที่ร้ายกาจ แล้วเราจะมีความรักไปทำไม ถ้าจะต้องเจ็บปวด...

ตลอดเวลามิวจึงมีแต่ดนตรีเป็นเพื่อนแท้ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นด้วยความสามารถทางดนตรี มิวจึงเข้ากลุ่มเพื่อนๆที่โรงเรียนได้ แต่มิวก็ไม่ไว้ใจใคร ไม่เปิดให้ใครเข้ามาในชีวิตจริงๆ ไม่แปลกใจที่เอ็กซ์เป็นเพื่อนในวงดนตรี แกล้งแซวว่าโดนสอดลิ้นตอนเรียนผายปอด มิวจะโกธรและเคืองมากแค่ไหน คิดถึงสภาพตอนที่โรงเรียน มิวก็ดูเป็นผู้ชายที่เรียบร้อย ก็คงมีคนซุบซิบว่าเป็นเกย์ เป็นตุ๊ดอยู่แล้ว ก็คงโดนล้ออยู่บ้าง ไอ้เอ็กซ์ก็อยากจะแกล้งเพื่อนด้วยความคะนอง แบบขำๆ มิวที่มีปมอยู่แล้ว โดนเพื่อนทั้งชั้นหัวเราะเยาะกลางหน้าห้อง มิวก็เหมือนโดนหักหลัง กลายเป็นตัวตลก ทั้งๆที่คิดว่าจะสามารถวางใจเพื่อนกลุ่มนี้ได้

ชีวิตวัยรุ่นที่ต้องอยู่กับความเหงา ว้าเหว่ภายในใจมาตลอด จู่ๆ โต้งเพื่อนสนิทในวัยเด็ก ที่เป็นเหมือนหนึ่งองค์ประกอบของโลกของมิวก็กลับมา กลับมาพร้อมกับความรักที่เกิดขึ้นโลกที่เคยมัวๆซัวๆ ก็กลับสดใสขึ้นมา ลองคิดดูสิครับ มิวจะดีใจ รู้สึกอิ่มเอมแค่ไหน ที่ได้เจอโต้ง และโต้งก็เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของมิว โต้งเองก็รักมิวมากเช่นเดียวกัน ทั้งสองคนตอบสนองความรักซึ่งกันและกัน ความรักที่เพิ่งเริ่มต้น กำลังเบิกบาน มิวก็ได้รับความอบอุ่นที่โหยหา(จากพ่อ) ได้สิ่งเติมเต็มเพื่อนในวัยเด็ก เพื่อนแท้กลับมา ได้รับความรักจากคนที่รัก ที่เคยสูญเสียไป(จากอาม่า)
งานดนตรีที่เป็นเหมือนทุกอย่าง เป็นความฝันก็กำลังไปด้วยดี ชีวิตมิวช่วงนี้เต็มไปด้วยความเบิกบานร่าเริง เหมือนดอกไม้กำลังบานเต็มท้องทุ่ง

มิวไม่สามารถแต่งเพลงรักได้ แม้จะเคยได้รับความรักจากอาม่า นั่นก็ผ่านมานานแล้วสมัยเด็ก ซึ่งยังไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกภายในตัวเองมากนัก จากนั้นมา มิวก็อยู่คนเดียวมาตลอด จะให้นึกถึงความรักจากไหน ไม่มีทั้งพ่อแม่ ทั้งเพื่อน ทั้งแฟน ก็ไม่ได้มีความรักลึกซึ้ง แต่เมื่อตอนนี้มีโต้ง มิวก็ได้รู้จักความรัก ความรักเปิดโลกของมิวให้มีสีสัน ความรักทำให้มิวมีความสุข มีความหมายที่จะอยู่บนโลกต่อไป มิวจึงสามารถแต่งเพลงรัก และถ่ายทอดออกมาได้อย่างลึกซึ้ง
เป็นเพลงรักเพื่อเขียนขึ้นมาให้คนที่รัก คนที่เหมือนนำแสงสว่างเข้ามาในชีวิตที่มืดบอด มิวเขียนเพลงนี้เพื่อโต้งคนเดียวจริงๆ

ทว่า ชีวิตมันบีบคั้นเหลือเกิน ทำไมเด็กวัยรุ่นตัวคนเดียว
สิ่งที่เค้าได้รับยังไม่ปวดร้าวพออีกเหรอ ยังไม่สาแก่ใจอีกเหรอ
ทำไม ต้องให้เค้าได้รับความทุกข์ทรมานจากความเหงา และการสูญเสียซ้ำๆ

ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี กำลังสวยงามเปรียบเหมือนดอกไม้กำลังเบ่งบาน
ทุกอย่างกลับตลาปัตร หกล้มตีลังกา จู่ๆ แม่ของโต้งก็เข้ามาคุยกับมิวในวันถัดมาจากวันที่ความรักกำลังไปด้วยดีที่สุด แม่บอกมิวเพื่อเห็นแก่โต้งเอง อยากให้มิวเลิกคบกัน ชีวิตมิวตอนนี้ ก็เปรียบเหมือนดอกไม้ที่โดนเด็ดทิ้งเอาดื้อๆ
อย่าว่าแต่รอให้ความรักสุกงอมเลย ความรักครั้งแรกในชีวิตของมิวราวกับเป็นดอกไม้ที่ไม่มีโอกาสออกผล มิวได้แต่ช็อคเกินกว่าที่จะร้องไห้ออกมา
ได้แต่นั่งนิ่ง ในห้องเงียบๆ ประตูบ้านก็ปิดสนิทนิ่ง...ราวกับปิดตาย
ในหัวยังคงวนเวียนด้วยคำถามสารพัด กับความโชคร้ายซ้ำๆของตัวเอง
ทั้งเข้าใจเหตุผลดีของแม่โต้ง ความเป็นจริงที่โหดร้ายบนโลก
ความลังเล ความเหงาที่ราวกลับมาไม่สามารทนมันได้อีกต่อไป

มิวเข้มแข็งมาก อาจจะเพราะมีภูมิคุ้มกันที่อยู่ด้วยตัวคนเดียวมาตลอด
แต่ก็ทำให้มิวไม่สามารถร้องเพลงได้พักหนึ่ง ครั้นจะกลับมาวงอีกครั้ง
ด้วยความที่มีปัญหากับเอ็กซ์อยู่ก่อนแล้ว ก็ไม่สามารถสื่อสารปรับความเข้าใจถึงปัญหาชีวิตตัวเองในช่วงนี้ โลกทั้งโลกกลับมามีเพียงมิวกับเปียโนอีกครั้ง

ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นสั้นนิดเดียว แต่คืนวันแห่งความเหงา ความเจ็บปวดมันช่างยาวนาน เหมือนกับที่ถ่ายทอดออกมา ในเพลงคืนอันเป็นนิรันดร์ ไม่รู้ว่าการได้รู้จักกับความรักช่วงสั้น แล้วต้องจมอยู่กับความเจ็บปวด ทรมานกับความเหงาที่ยาวนานหลังจากสูญเสีย มันคุ้มแล้วเหรอที่ได้รู้จักความรัก มันเป็นโชคดีแน่หรือ?

เมื่อมิวได้ยินเสียงดนตรีจากบ้านหญิงแล้วลองกลับไปเล่นเปียโนที่บ้าน ด้วยดนตรีก็ชักนำให้มิวได้รับคำตอบของชีวิตของตนในช่วงนี้ ว่า"ตราบใดที่มีรัก...ย่อมมีหวัง" ขณะที่มิวเริ่มคิดอะไรได้ เหมือนแสงไฟหรี่ๆ ที่ปากถ้ำ เอ็กซ์ก็ได้เข้ามาปรับความเข้าใจพอดี มิวก็ได้ทบทวนความรู้สึกตัว ทบทวนชีวิตที่ผ่านมา เค้ายังมีดนตรี ยังมีเพื่อนๆที่มีความฝันเดียวกัน เพื่อนที่ไล่ตามความฝันด้วยกันมา...

มิวที่เคยได้รู้จักกับความรัก โลกก็ไม่ได้เลวร้ายมากนัก ก็ได้เริ่มเปิดใจ เข้าใจ ยอมรับกับสิ่งที่เอ็กซ์บอก ว่ามิวปิดตัวเองมากเกินไปรึปาว "ทำไมชอบคิดว่าไม่มีใคร"
อย่างน้อยตอนนี้มิวยังมีวง มีเพื่อน มีดนตรี มีความฝัน เริ่มสร้างความหมายใหม่ให้กับชีวิต เมื่อกลับมาร้องเพลงได้อีกครั้ง ก็ยังไม่ถือว่าสายเกินไป และคุ้มค่าแก่การเรียนรู้ที่จะอยู่ต่อไปในชีวิตครั้งหน้า มิวก็ได้ไปร้องเพลงเปิดตัววงที่สยาม เพลงรักที่แต่งให้คนที่รัก เรื่องก็เหมือนจะลงตัว ที่โต้งค้นพบตัวเองสามารถยอมรับตัวเองได้ แม่ก็เข้าใจและเปิดโอกาสให้โต้งได้เลือกทางของตัวเอง และโต้งก็มั่นใจแล้วว่าใครเป็นคนที่เค้ารักจริงๆ หลังจากมิวร้องเพลงเปิดตัวจบ โต้งก็เข้าไปเอาของขวัญชิ้นสำคัญมอบให้ เมื่อมิวและโต้งมาเจอหน้ากันอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งสองได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญในชีวิต ความคลุมเคลือทั้งหมดในช่วงนี้ก็น่าจะคลี่คลาย

มิวบอกว่าได้ยินไหมเพลงที่แต่งให้ เพราะไหม โต้งกลับบอกว่า โต้งคงเป็นแฟนกับมิวไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าโต้งไม่รักมิว.. หนังก็ไม่ได้โหดร้ายเกินไป ที่มิวยังมีเพื่อนในวงรออยู่ และโต้งก็กลับไปมาแม่ในคืนวันคริสมาสต์ แต่หลังจากนั้นมิวก็ต้องกลับมาอยู่ห้องคนเดียว มองดูของขวัญชิ้นพิเศษที่โต้งมอบให้
เป็นสิ่งพิเศษที่นำความหมายของชีวิตมิวเข้ามา เป็นหลายสิ่งหลายอย่าง
เป็นสิ่งที่ขาดหายไป เป็นสิ่งที่เติมเต็ม เป็นคนที่เรารักจากหัวใจ

มิวอยู่ในห้องคนเดียว กับความเงียบ ในบ้านที่ประตูเหล็กปิดสนิท
แล้วมิวก็อดกลั้นน้ำตาไม่อยู่อีกต่อไป สิ่งต่างๆได้พรั่งพรูออกมาจากเบ้าตา

ถามว่าตอนมิวร้องไห้ รู้สึกอย่างไร คิดอะไร ลองมองดูชีวิตมิวทั้งหมด จนมาถึงตอนนี้... และมองออกไปถนนอีกยาวไกลที่มิวต้องก้าวไปให้ได้ ด้วยตัวคนเดียว...

มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราทำผิดพลาดไปเพราะความรัก
แต่ก็เป็นการแสดงความรักออกมา ดีกว่าเราไม่ได้ทำอะไรเพื่อความรักเลย...

ตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง... แล้วพวกเรายังจะหวังกับความรักอยู่ไหม... เป็นคำถามที่เราต้องตอบเอง ความเหงาของมิวจบแล้วในภาพยนต์ แต่ความเหงาของผมยังดำเนินต่อไป...

-------------------------------
grenadine:

เบื้องต้นก็คิดเหมือนคุณRubisหละครับ ดูมิวในversionนี้แล้วไม่ได้รู้สึกเหงามากเท่าไหร่ เพราะความเหงาในคลี่คลายลงบ้าง ตอนที่ดูครั้งแรกผมก็ออกมาเขียนว่ามิวเหงามากกกกกก ใน ซึมลึก ชีวิตเหงาของมิวในรักแห่งสยาม(spoil) [อ้างอิงด้วย***]
//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A6054523/A6054523.html
ขอยกมาเปรียบเทียบจากบทความนะครับ

***ลองคิดดูสิครับ มิวจะดีใจ รู้สึกอิ่มเอมแค่ไหน ที่ได้เจอโต้ง
และโต้งก็เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของมิว โต้งเองก็รักมิวมากเช่นเดียวกัน
ทั้งสองคนตอบสนองความรักซึ่งกันและกัน ความรักที่เพิ่งเริ่มต้น กำลังเบิกบาน มิวก็ได้รับความอบอุ่นที่โหยหา(จากพ่อ) ได้สิ่งเติมเต็มเพื่อนในวัยเด็ก เพื่อนแท้กลับมา ได้รับความรักจากคนที่รัก ที่เคยสูญเสียไป(จากอาม่า) งานดนตรีที่เป็นเหมือนทุกอย่าง เป็นความฝันก็กำลังไปด้วยดี ชีวิตมิวช่วงนี้เต็มไปด้วยความเบิกบานร่าเริง เหมือนดอกไม้กำลังบานเต็มท้องทุ่ง

ทว่า ชีวิตมันบีบคั้นเหลือเกิน ทำไมเด็กวัยรุ่นตัวคนเดียว สิ่งที่เค้าได้รับยังไม่ปวดร้าวพออีกเหรอ ยังไม่สาแก่ใจอีกเหรอ ทำไม ต้องให้เค้าได้รับความทุกข์ทรมานจากความเหงา และการสูญเสียซ้ำๆ ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี กำลังสวยงามเปรียบเหมือนดอกไม้กำลังเบ่งบาน ทุกอย่างกลับตลาปัตร หกล้มตีลังกา จู่ๆ
แม่ของโต้งก็เข้ามาคุยกับมิวในวันถัดมาจากวันที่ความรักกำลังไปด้วยดีที่สุด
แม่บอกมิวเพื่อเห็นแก่โต้งเอง อยากให้มิวเลิกคบกัน ชีวิตมิวตอนนี้ ก็เปรียบเหมือนดอกไม้ที่โดนเด็ดทิ้งเอาดื้อๆ อย่าว่าแต่รอให้ความรักสุกงอมเลย ความรักครั้งแรกในชีวิตของมิวราวกับเป็นดอกไม้ที่ไม่มีโอกาสออกผล***

>>>>>>>ฉบับDCพอดูฉากที่สกาล่า จูบดูดดื่มนานขึ้น แท็กซี่ โทรคุยจิจ๊ะ และตอนที่มิวอยู่ที่โรงเรียนแล้วมีความสุขมากขึ้น ผมก็รู้สึกว่า หนังได้ใส่ช่วงที่มิวมีความสุขมากๆในช่วงที่มีความรักในปริมาณหนึ่ง แม้ว่าจริงๆแล้วถ้าคิดตามความเป็นจริงก็ไม่กี่วัน แต่ในหนังมันกินเวลาเป็นสัดส่วนพอสมควร ถ้าช่วงชีวิตนั้น
เป้นดอกไม้บานก็ได้บานอยู่ช่วงหนึ่ง ไม่ถึงกับแย้มปุ๊บถูกเด็ดปั๊บ
ซึ่งความสุขมากๆตรงนั้นในช่วงของชีวิตเรา ก็สามารถหล่อเลี้ยงใจเราไปได้ทั้งชีวิต
ในDCก็ไม่ได้ใจร้ายกับมิวปล่อยให้มิวเหงามากเกินไป

ทางหนึ่งก็เข้าใจสุนีย์ว่าไม่ได้วางแผนร้ายกาจหุนหันเข้าไปจัดการกับมิว
แต่เป็นความรู้สึก สัญชาตญาณของความเป็นแม่ที่ผ่านอะไรมาหนักๆ
และก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ย่อมคาดหวังกับลูกชายเหมือนครอบครัวอื่นๆอีกมายมาก การที่ไปหามิวในวันนั้น... ก็สะท้อนถึงความอ่อนแอภายในใจของ
สุนีย์นั่นเอง

-------------------------------------
grenadine:

ผมดูฉบับปกติ แล้วรู้สึกว่าไม่ได้พูดเรื่องมิวเป็นเกย์อย่างโจ่งแจ้ง อาจจะมีบ้างว่าเพื่อนๆรู้ ตั้งแต่เด็กก็โดนล้อทั้งที่บ้านและโรงเรียน เพื่อนๆก็มีปฏิกิริยาเมื่อเห็นมิวพูดคุยกับผู้ชาย แต่ก็เป็นโดยนัยให้เราตีความเองว่า ใครๆก็รู้ว่ามิวเป็นเกย์ แต่ไม่ได้บอกตรงๆ เมื่อเวลามิวมีปัญหาจึงไม่มีใครเข้าใจมิว และมิวก็ไม่สามารถพูดคุยเรื่องที่ตัวเองเป็นอย่างเปิดเผย (ฉากจูนไปเคลียร์ที่โรงเรียน ฉากเอ็กซ์มาที่บ้านในฉบับปกติ-สองฉากมิวพูดอ่อมแอ้มเรื่องชีวิตรักชายรักชาย)

***ตลอดเวลามิวจึงมีแต่ดนตรีเป็นเพื่อนแท้
เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นด้วยความสามารถทางดนตรี มิวจึงเข้ากลุ่มเพื่อนๆที่โรงเรียนได้
แต่มิวก็ไม่ไว้ใจใคร ไม่เปิดให้ใครเข้ามาในชีวิตจริงๆ ไม่แปลกใจที่เอ็กซ์เป็นเพื่อนในวงดนตรี แกล้งแซวว่าโดนสอดลิ้นตอนเรียนผายปอด มิวจะโกธรและเคืองมากแค่ไหน คิดถึงสภาพตอนที่โรงเรียน มิวก็ดูเป็นผู้ชายที่เรียบร้อย ก็คงมีคนซุบซิบว่าเป็นเกย์ เป็นตุ๊ดอยู่แล้ว ก็คงโดนล้ออยู่บ้าง ไอ้เอ็กซ์ก็อยากจะแกล้งเพื่อนด้วยความคะนอง แบบขำๆ มิวที่มีปมอยู่แล้ว โดนเพื่อนทั้งชั้นหัวเราะเยาะกลางหน้าห้อง มิวก็เหมือนโดนหักหลัง กลายเป็นตัวตลก ทั้งๆที่คิดว่าจะสามารถวางใจเพื่อนกลุ่มนี้ได้

มิวเข้มแข็งมาก อาจจะเพราะมีภูมิคุ้มกันที่อยู่ด้วยตัวคนเดียวมาตลอด
แต่ก็ทำให้มิวไม่สามารถร้องเพลงได้พักหนึ่ง ครั้นจะกลับมาวงอีกครั้ง
ด้วยความที่มีปัญหากับเอ็กซ์อยู่ก่อนแล้ว ก็ไม่สามารถสื่อสารปรับความเข้าใจถึงปัญหาชีวิตตัวเองในช่วงนี้ โลกทั้งโลกกลับมามีเพียงมิวกับเปียโนอีกครั้ง

ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นสั้นนิดเดียว แต่คืนวันแห่งความเหงา ความเจ็บปวดมันช่างยาวนาน เหมือนกับที่ถ่ายทอดออกมา ในเพลงคืนอันเป็นนิรันด์***

ผมได้มีโอกาสถามผู้กำกับ ถ้าใครจำได้กับคำถามนี้ ว่าDCให้ความรู้สึกมิวเปิดเผยความเป็นเกย์มากกว่าฉบับก่อน นั่นแหละครับก็คือเสียงผมเอง มะเดี่ยวก็บอกว่า ตั้งแต่ฉบับก่อน เพื่อนๆก็รู้แล้ว เอามาล้อ ตื่นเต้นเวลาเห็นมิวอยู่กับผู้ชาย
ดังนั้น มิวไม่ได้แอ๊บแต่อย่างใด ฉากที่ตัดออกเป็นเพราะเรื่องเคมีและtimingล้วนๆ ไม่ได้กะจะแอ๊บมิว

versionDCนี้ ผมกลับรู้สึกว่าใครๆก็ยอมรับเรื่องที่มิวเป็นเกย์ และมิวก็ไม่ได้กดดันอะไรกับสิ่งที่ตัวเองเป็น ทั้งโต้ง หญิง จูน ออกัสล้วนก็ยอมรับและพูดเรื่องที่มิวเป็นเกย์ตรงๆ และก็พูดคุยทำความเข้าใจสิ่งที่มิวเป็นนั้นไม่แปลก มิวก็ได้ร่ำลาอาม่า เล่นเปียโนให้ฟังก่อนลาจากไป (หนังก็ให้โต้็งได้คลายความสงสัยการจากไปของแตง-พ่อแม่ออกไปตามหา ส่งผลให้ความเหงาโดยรวมของหนังลดลง)

เมื่อมิวอยู่กับเพื่อนๆ ก็เป็นตัวเองแสดงความเกย์ออกมาได้อย่างเปิดเผย
ตอนหยอกกับปิงปอง โดนล้อขำๆ (เฉพาะเพื่อนสนิท ไม่ใช่หน้าชั้น) ร้องเพลงกับออกัสให้โต้งร่วม ให้ของขวัญกันต่อหน้าเพื่อน ก็ทำให้ความกดดันที่ตัวเองเป็นเกย์ถึงกับเก็บกดเล่าให้ฟังไม่ได้้.. คลี่คลายลงจากฉบับปก


Create Date : 16 มีนาคม 2551
Last Update : 16 มีนาคม 2551 20:58:37 น. 0 comments
Counter : 348 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แดดออก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add แดดออก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.