หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
7 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 

Something bitter(20)...คนมาใหม่



ร่างสูงโปร่งในชุดเชฟสีขาว กำลังยืนบรรยายเป็นภาษาอังกฤษให้ผู้ฟังทั้งไทยและเทศที่อยู่บริเวณมุมหนึ่ง ของสวนสวย เยื้องจากร่างหล่อนไปเล็กน้อยมีโต๊ะตัวใหญ่ ซึ่งวางอุปกรณ์และวัตถุดิบการปรุงอาหารไว้มากมาย


“ช็อคโกแลตมี สองประเภทใหญ่ๆที่คุณควรทราบ คือแบบหวาน(Sweetened)และไม่หวาน(Unsweetened)ฟังดูเหมือนง่ายนะคะ แต่มีอะไรซับซ้อนอีกเยอะ ว่ากันว่าประเทศที่ทำช็อคโกแลตได้รสเลิศที่สุดคือประเทศเบลเยี่ยม คนเบลเยี่ยมพูดภาษาฝรั่งเศส
พวกคุณคงได้ยินกิติศัพท์ความพิถีพิถันในเรื่องอาหารของชาวฝรั่งเศสมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ”
บุษบาแกล้งหลิ่วตา ทำเอาคนที่เข้าคอร์สเรียนทำขนมหัวเราะกันคิกคัก


“แต่วันนี้ดิฉันมีเคล็ดมาบอกพวกคุณ ถึงการเลือกช็อคโกแลตมาทำขนม
ช็อคโก แลตแบบแรกที่จะอธิบายคือแบบไม่หวาน ตัวนี้เป็นคนละตัวกับดาร์คช็อคโกแลต(Dark Chocolate)นะคะ เพราะเป็นช็อคโกแลตที่แยกเอาส่วนเนื้อในของเมล็ดโกโก้(Cacao)ออกมาบดเป็นน้ำ แล้วอัดแท่ง ส่วนเนื้อช็อคโกแลตที่ทำจากเมล็ดโกโก้เราเรียกกันว่า ช็อคโกแลตลิเคอร์(Chocolate Liquor) ตัวนี้มีปริมาณช็อคโกแลตลิเคอร์เก้าสิบเก้าถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ จะขมแล้วก็เฝื่อนมากๆจนทานเปล่าๆไม่ได้ ใช้สำหรับทำอาหารอย่างเดียวจริงๆ”
หล่อนส่งตัวอย่างช็อคโกแลตใส่จานใบเล็กให้ผู้เข้าคอร์ส ดูชนิดของช็อคโกแลตแต่ล่ะตัว


“ช็อคโก แลตตัวที่สองเรียกว่าแบบหวาน มีทั้งแบบเซมิสวีท(Semisweet Chocolate)แล้วก็แบบบิทเตอร์สวีท(Bittersweet Chocolate) ช็อคโกแลตแบบหวานจะมีส่วนผสมของน้ำตาล แล้วก็โกโก้บัตเตอร์(Cacao Butter)ด้วยค่ะ บิทเตอร์สวีทจะมีปริมาณเนื้อช็อคโกแลตมากกว่าจึงขมกว่าเซมิสวีท ช็อคโกแลตแบบหวานละมุนลิ้นแล้วก็ทานง่าย หากคุณต้องการจะใช้ช็อคโกแลตทำขนมล่ะก็ ดิฉันแนะนำเลยค่ะว่าช็อคโกแลตทั้งสองอย่างนี้ใช้แทนกันได้ คุณสังเกตที่ฉลากให้ดีค่ะ”
บุษบาใช้นิ้วชี้ที่ฉลากช็อคโกแลต


“เปอร์เซ็นต์ของช็อคโกแลตลิเคอร์ที่ระบุไว้บนฉลาก คือปริมาณของเนื้อช็อคโกแลตนั่นเอง
บาง ยี่ห้อที่เขียนว่าเป็นเซมิสวีทแต่ปริมาณช็อคโกแลตลิเคอร์ที่ระบุไว้อาจจะ
เท่ากับอีกยี่ห้อเขียนว่าเป็นบิทเตอร์สวีทก็มี ส่วนคำว่าดาร์คช็อคโกแลตนั้น เราจะหมายถึงช็อคโกแลตที่มีส่วนลิเคอร์ประมาณห้าสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ยิ่งสูงยิ่งดีเพราะหมายถึงเนื้อช็อคโกแลตเข้มข้น รสชาติดี แต่จะใช้งานยากละลายง่าย ต้องเก็บไว้ให้ดีๆนะคะ”
ผู้คนที่มาฟังผงกศีรษะทึ่งกับความรู้ใหม่


“ส่วนช็อคโกแลตอื่นๆที่ดิฉันจะพูดถึงต่อไป ก็คือช็อคโกแลตนม(Milk Chocolate) ตัวนี้จะผสมนมไปด้วยค่ะ เหมือนชื่อที่บอกเลย ส่วนอีกตัวที่หลายคนอาจสับสนคือไวท์ช็อคโกแลต(White Chocolate)ตัวนี้ไม่ได้ทำจากช็อคโกแลตนะคะ เพราะทำจากโกโกบัตเตอร์จากในขั้นตอนของการบดเม็ดโกโก้เป็นช็อคโกแลตลิเกอร์ โดยมากจะเติมน้ำตาลและวานิลลาผสมด้วย ส่วนตัวสุดท้ายที่ดิฉันจะพูดถึงคือช็อคโกแลตชิป(Chocolate Chip) ตัวนี้มีปริมาณช็อคโกแลตลิเกอร์น้อยใส่แป้งเป็นส่วนผสมเยอะ เพื่อให้คงรูปไม่ละลายเวลาเวลาอบค่ะ”
พ่อครัวผู้ช่วยของบุษบาเริ่มหยิบหม้อใส่น้ำตั้งไฟบนเตาให้ เพื่อเตรียมตุ๋นช็อคโกแลต


“เอาล่ะค่ะวันนี้ดิฉันจะสอนวิธีทำช็อคโกแลตง่ายๆ ชนิดที่แฟนของคุณๆต้องติดใจแน่ๆค่ะ ขยับเข้ามาดูใกล้ๆได้เลย”
กลุ่มผู้มาเข้าคอร์สทำขนมขยับเข้ามาใกล้
“ก่อน อื่นเอาเราต้องตุ๋นช็อคโกแลตก่อนเพื่อให้ละลาย มีวิธีง่ายๆอยู่สองวิธีค่ะ หนึ่งจะใช้เตาไมโครเวฟก็ได้ อุ่นด้วยไฟต่ำสองนาทีครึ่งถึงสามนาที จะใช้วิธีตั้งเวลาทุกๆยี่สิบวินาทีแล้วเอาออกมาดูก็ได้ค่ะ พอเริ่มร้อนช็อคโกแลตขึ้นเงาลองคนดูแล้วละลาย หรือถ้าเห็นว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นของช็อคโกแลตละลายแล้ว ก็ให้เอาออกแล้วคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน อย่ารอให้ละลายจนหมดในไมโครเวฟนะคะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ส่วนที่อยู่ก้นชามจะไหม้”
หญิงสาวเอาช็อคโกแลตใส่ไมโครเวฟ แล้วแสดงวิธีสังเกตให้ผู้มาเข้าคอร์สดูด้วย


“วิธี ต่อไปคือการตุ๋นบนเตาค่ะ ก่อนอื่นเราก็ต้องหั่นช็อคโกแลตเป็นชิ้นเล็กๆแนะนำให้หั่นแบบเฉียงๆนะคะ ควรนำช็อคโกแลตที่จะทำออกมาให้พอดีนะคะ เพราะหลังการตุ๋นแล้วหากใช้ไม่หมดจะเก็บไว้ก็ได้ค่ะ แต่จะยิ่งข้นและแข็งใช้ยากยิ่งขึ้น”
บุษบาเอาช็อคโกแลตแท่งวางบนเขียง แล้วเริ่มหั่นช็อคโกแลตแบบเฉียงๆช้าๆให้คนที่มามุงดูเห็นชัดๆ


“บน เตานั้นเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การละลายบนหม้อน้ำร้อน(Double boiler) เรียกง่ายๆว่าเป็นการตุ๋นค่ะ แต่แตกต่างจากการตุ๋นไข่หรือตุ๋นอย่างอื่นนะคะ เราจะใช้หม้อสองใบ หรือใครมีชามสแตนเลสก็ได้ค่ะ ใบล่างใส่น้ำต้มบนเตาประมาณหนึ่งในสี่ของหม้อ อย่าให้ก้นหม้อใบที่สองโดนน้ำในหม้อใบแรกเด็ดขาด หรืออย่าเอาช็อคโกแลตใส่หม้อใบเดียวแล้วตุ๋น ช็อคโกแลตจะไหม้ค่ะ การล้างหม้อช็อคโกแลตที่ไหม้นี่ ไม่ใช่งานที่น่าพิสมัยสักเท่าไร่”
หลายคนหัวเราะกับมุกที่เชฟสาวหยอดไป


“เอา ล่ะ น้ำได้ที่แล้ว อย่าให้เดือดปุดๆนะคะ จะร้อนเกินไป เอาแค่เห็นฟองเล็กๆปุดขึ้นมาก็พอ หลังจากนั้นหรี่ไฟให้อ่อนเลยค่ะ หรือจะปิดไฟเลยก็ได้ถ้าจะละลายช็อคโกแลตมาก”
ปากสีชมพูระเรื่อบรรยายไปมือขาวบางก็ปิดไฟที่เตาลงเสีย


“ต่อไปก็เอาชามสแตนเลสมาวางบนหม้อใบแรกค่ะ เอาช็อคโกแลตที่หั่นไว้ลง เห็นไหมคะละลายเลย”
ช็อคโกแลตที่หั่นแล้วเริ่มละลายจนเป็นเนื้อเดียวกัน บุษบาคนต่อไปสักพัก
“มี เรื่องจะเตือนนิดหนึ่งนะคะ ขั้นตอนนี้ควรระวังอย่าให้มีไอน้ำหรือหยดน้ำมาโดนช็อคโกแลตเด็ดขาด เพราะจะเกิดลักษณะที่เรียกว่าเซซิ่ง(Seizing)ช็อคโกแลตจะกลายเป็นก้อนแข็ง และแห้ง เหมือนดินแห้งๆเลยล่ะค่ะ ไม่มีวิธีแก้ไขนอกจากจะทำใหม่ ส่วนที่เสียไปแล้วเราเอามาทำซอสช็อคโกแลตได้ค่ะ”


“ยุ่งยากจัง”
หลายเสียงพึมพำ หญิงสาวหันมายิ้มบางๆให้
“ไม่ ยุ่งยากหรอกค่ะ เพียงแต่เราต้องใส่ใจมันนิดหนึ่ง มีคนบอกว่าช็อคโกแลตก็เหมือนความรักนั่นแหละค่ะ ทำยากต้องระวังโน่นระวังนี่ แต่เวลาทำเสร็จแล้วได้ทานจะชื่นใจ ของที่เราทำเองมักจะวิเศษเสมอเหมือนความรักในรูปแบบของเราเองยังไงเล่าคะ”
คำปลอบประโลมของเชฟสาวเรียกรอยยิ้มได้จากทุกคนที่มุงดูอยู่


“เอาล่ะได้ที่แล้ว ช็อคโกแลตข้นเป็นเงา ต่อไปก็จะเป็นสูตรการทำของหวานจากช็อคโกแลตง่ายๆค่ะ”
หญิงสาวคนไปหยิบวัตถุดิบเตรียมสาธิต พร้อมกับเอาช็อคโกแลตที่ละลายแล้วลงจากเตา


“สูตร แรกจะเป็นช็อคโกแลตร้อน(Hot Chocolate) ส่วนผสมคือนมสองถ้วย ช็อคโกแลตชนิดบิทเตอร์สวีทประมาณสองร้อยกรัม นมสองถ้วย อบเชยสองแท่ง อบเชยจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ค่ะ อุ่นนมก่อนแล้วใส่ช็อคโกแลต เอาแค่ร้อนจัดอย่าให้เดือดเพราะกลิ่นหอมๆจะหายไป ช็อคโกแลตละลายเมื่อไรก็เอาออก”


บุษบาคนนมที่ใส่ช็อคโกแลตลงไปจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลตามช็อคโกแลต กลิ่นหอมอบอวลลอยไปทั่ว จนหูได้ยินเสียงใครบางคนกลืนน้ำลายดังเอื๊อก


“ต่อไปก็ทิ้งไว้ให้เย็นสักพัก แล้วยกขึ้นตั้งไฟปานกลาง คุณจะใส่น้ำตาลก็ได้นะคะ น้ำผึ้งก็ดี แต่เวลาที่เอาตั้งไปแนะนำให้คนตลอดเวลา พอช็อคโกแลตร้อนจัดก็เสิร์ฟได้เลยค่ะ ใส่อบเชยลงในแก้วที่เสิร์ฟเลยค่ะจะดูพิเศษมาก หรือจะโป๊ะวิปปิ้งครีมก่อนเสิร์ฟก็ได้ค่ะ”
เสียงพึมพำเปลี่ยนมาเป็นพูดกันว่า...ง่ายจัง


“ต่อ ไปจะเป็นวิธีการทำช็อคโกแลตพราลีน(Chocolate Praline)ค่ะ หรือช็อคโกแลตสอดไส้ วันนี้ดิฉันจะสอนทำช็อคโกแลตพราลีนบิสกิต(Chocolate Praline Biscuits) ไม่ยากค่ะมาทำด้วยกันได้เลย ก่อนอื่นก็ตุ๋นช็อคโกแลตส่วนหนึ่งกับเนยถั่ว ใส่เหล้าเชอรี่ ถ้ามีเด็กทานด้วยไม่ต้องก็ได้นะคะ ตุ๋นจนละลายได้ที่แล้วก็ทิ้งไว้ให้เย็น
จาก นั้นใส่ถั่วอะไรก็ได้ค่ะที่ชอบ พอช็อคโกแลตแข็งตัว หยดลงบนแผ่นพลาสติกเป็นรูปที่ต้องการ ขั้นตอนนี้จะคล้ายๆกับทำคุกกี้ค่ะ แล้วเอาแช่ตู้เย็นให้เซ็ตตัว”
บุษบาหยิบถาดที่เตรียมช็อคโกแลตที่เซ็ตตัวแล้วจากอีกด้านหนึ่งออกมา


“เวลา ที่จะทำสอดไส้คือให้วางไส้ที่เราทำไว้ตรงกลางบนตะแกรง แล้วราดด้วยช็อคโกแลต จะเป็นดาร์คหรือไวท์ช็อคโกแลตที่เราตุ๋นไว้อีกส่วนก็ได้ หรือจะเอาไส้ลงชุบช็อคโกแลตก็ได้ตามสะดวก หลังจากนั้นก็ตกแต่งตามชอบ จะโรยลูกเกดหรือถั่วเพิ่มก็ได้ค่ะ”
ผู้ที่มาเข้าคอร์สนุกสนานกับการชุบและราดช็อคโกแลตมาก เพราะโรงแรมจะจัดช็อคโกแลตที่ทำเองใส่กล่องกลับบ้านให้ด้วย


“เอาล่ะค่ะ ต่อไปเป็นเมนูที่ไม่สอนไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเสียชื่อเชฟขนมหวานแย่เลย”
เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นอีกครา มือของหลายๆคนเปื้อนช็อคโกแลตกันถ้วนหน้า
“ต่อไปคือฟองดูช็อคโกแลต(Chocolate Fondue)ค่ะ เดี๋ยวน้องๆของเราจะจัดสถานที่ให้ค่ะ”
บริเวณใกล้กันกับคอร์สทำขนมนั้นถูกจัดเป็นเก้าอี้ มีเต้นท์อย่างดีพร้อมสำหรับเวลาดื่มน้ำชา(Teatime)ในสวนสวย
“ทุกท่านเชิญนั่งได้เลยนะคะ เดี๋ยวน้องๆของเราจะมาสาธิตศวิธีทำช็อคโกแลตฟองดูให้ชม”


ลูก น้องในชุดขาวเหมือนบุษบาเริ่มสาธิตวิธีการทำฟองดูอันประกอบด้วย ใส่วิปปิ้งครีม เติมน้ำผึ้งลงในหม้อ ต้มให้เดือดแล้วจึงใส่ช็อคแลตพร้อมด้วยเหล้าที่ต้องการเช่น เหล้ารัมหรือเหล้าเชอรี่ หลังจากนั้นจึงยกลงจากเตาโดยที่ไม่รอให้เดือด ที่โต๊ะแต่ละโต๊ะมีจานใส่ผลไม้หั่นชิ้นพอคำอยู่แล้ว ฟองดูเป็นคล้ายๆอาหารจิ้มจุ่มในหม้อน้ำมันร้อนๆหรือชีสเหลวๆ ถ้าเป็นของหวานมักจะทานโดยจุ่มกับดาร์คช็อคโกแลต ผู้ที่มาเข้าคอร์สทำขนมจึงทานฟองดูไปคุยกันไป


เชฟสาวฝากงานให้ ลูกน้องจัดการต่อแล้วขอกลับไปห้องทำงานเลย ช่วงนี้หล่อนและกุ๊ก(Cook)คนอื่นๆ ต้องผลัดกันมาสอนคอร์สทำขนมสั้นๆกับแขกหรือคนที่สนใจ
รายได้แม้ไม่มาก แต่ก็ดีในแง่การประชาสัมพันธ์ทั้งทางสื่อที่ลงโฆษณาและแบบปากต่อปาก ตอนนี้รายได้จากแขกชาวต่างชาติลดลงเพราะพิษเศรษฐกิจ พฤกษ์และหล่อนจึงเห็นว่าควรดึงเงินจากคนไทยที่อยู่ในวงสังคมชั้นสูง หรือไม่ก็ภรรยาผู้บริหารบริษัทต่างชาติต่างๆ คอร์สของโรงแรมดาราจึงมีหลากหลายให้เลือก


บุษบากลับมาที่ห้องทำงานของตัวเองอีกครั้ง แฟ้มใบเสนอราคาของวัตถุดิบต่างๆวางอยู่บนโต๊ะ หล่อนตรวจดูจนเสร็จแล้วโทร.ไปที่แผนกบัญชี นัดหมายกับผู้จัดการแผนก เพื่อคุยเรื่องการสั่งซื้อของหลายอย่าง หลังจากนั้นก็ต้องไปคุมเรื่องขนมในงานจัดเลี้ยง ก่อนกลับบ้านก็ต้องคุยปัญหาประจำวันกับ *ซูเชฟ(Sous Chef)และ** เชฟเดอปาตี(Chef de Partie) บุษบาขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งเชฟใหญ่(Executive Chef)ตั้งแต่อายุยังน้อย
เพราะคุณพนาและคุณผกาพ่อแม่ของพฤกษ์ไม่ต้องการต่อสัญญากับเชฟใหญ่ชาวต่างประเทศคนก่อนด้วยราคาที่สูงลิ่ว


ทั้ง สองจึงดันหล่อนขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้เร็วมาก บุษบานั้นจึงต้องทำงานหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่อายุ มากว่า วันๆหนึ่งของหล่อนดูเหมือนช่างยุ่งเสียจริง แม้แต่พฤกษ์ก็ยังล้ออยู่บ่อยๆ
‘ทั้งๆที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ พี่กลับได้เจอบุษบาในที่ทำงานมากกว่าที่บ้านเสียอีก’
ทว่า ดูเหมือนชีวิตเต็มไปด้วยงาน...และงาน แทบไม่มีเวลาว่างเว้น แต่ทุกครั้งที่อยู่ตามลำพังใจก็ยังกระหวัดถึงสีหน้าของคนที่มาขอแต่งงาน


บ่อยครั้งที่บุษบาหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วก็สะดุ้งตื่นพร้อมคราบน้ำตา
คำ พูดเมื่อยังไม่เอ่ยออกไปเราจะเป็นนายมัน แต่หากหลุดไปแล้วไซร้มันจะกลายเป็นนายเรา หล่อนยอมรับว่าทั้งเศร้าและใจหวิว วันนั้นหล่อนน่าจะใจเย็นกว่านี้ พูดคุยกันด้วยเหตุผล เหมือนตอนเรื่องเดียร์และแบรนดอน บุษบาหัวเราะหึในลำคอนึกสมเพชตัวเอง จัดการเรื่องคอขาดบาดตายของคนอื่นได้ แต่เรื่องของตัวเองกลับไปไม่รอด


หล่อนคิดว่าระหว่างระเด่น มนตรีและตนเองจะเป็นความรู้สึกวูบวาบชิดใกล้กันของหนุ่มสาว บรรยากาศของไร่ที่เป็นใจและปัญหาหนักอกที่ต้องร่วมกันเผชิญทำให้ใจไหวหวั่น แต่บุษบาเพิ่งรู้วันนี้เองว่า อาการคิดถึงคะนึงหาทุกครายามหลับตานั้นเป็นเช่นไร ดูเหมือนหล่อนจะจำได้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา ศีรษะทุยได้รูป ดวงตาสีน้ำตาลคมกล้า รูปร่างสูงใหญ่ ท่าทีที่องอาจ อาการก้าวยาวๆเหมือนเสือเตรียมตะบบเหยื่อ


ริมฝีปากหนาสีเข้ม ที่ชอบพูดจาแสลงหู แต่บทเขาจะหวานออดอ้อนก็ทำให้ใจไหวไม่แพ้เดียร์ บุษบาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจึงรักเขาได้รวดเร็วนัก หล่อนน่าจะพึงใจในหนุ่มหล่อแสนดีเฉกเช่นวิทยากรมากกว่า หรือว่านี่อาจจะเป็นการเล่นตลกของสิ่งลึกลับที่เรียกว่าความรัก ...ยั่วเย้า ลวงหลอกอำพรางให้ไหลหลง เมื่อใดที่ตกหลุมระเริงไปกับมันแล้ว ความรักจะหลุดลอยไป เหลือเพียงรสขมปร่าสุดบรรยาย


ความรักหลุดลอยไปแล้ว พร้อมกับระเด่นมนตรี โซ่ที่ชื่อ‘บุญคุณ’ล่ามขาหล่อนไว้ไม่ให้ไปไหน แต่ลึกๆแล้วบุษบารู้...นอกจากโซ่นี้แล้วยังมีสิ่งที่ชื่อว่า...ความกลัว อันเป็นกำแพงขังหล่อนอยู่


บุษบากลัวการสูญเสียดังเช่นที่เสีย พ่อแม่ไป ความเป็นคนไร้รากของหล่อนทำให้กลัวการผูกพันลึกซึ้งกับใคร ยิ่งรักมากยิ่งเจ็บมาก หากหล่อนรู้สึกดีๆกับชายใด บุษบาจะหยุดไว้แต่แค่เพียงคำว่าพึงใจเท่านั้น แม้จะคิดดังนั้นก็ตามแต่ทุกครั้งที่ว่างเว้นจากงานใจของหญิงสาวก็ลอยกลับไป หาของเจ้าไร่อสัญเสมอ


ลืม...ต้องลืมคนหัวโล้นตัวเอาแต่ใจคน นั้นเสีย สมองหล่อนสั่งดังพร่ำมนต์ เขาไม่มีเหตุผลเอาแต่ได้ ใช้คำว่ารักเป็นบ่วงดึงหล่อนไปอยู่ใกล้ เหมือนอิเหนาไม่มีผิด หล่อนไม่อยากมีชีวิตที่ต้องอดทนเพื่อชายใดดังเช่นบุษบาในวรรณคดี
หากความรักคือการเสียสละของฝ่ายหญิง หน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัว
บุษบาก็ขอเป็นคนเห็นแก่ตัวเสียดีกว่า หล่อนยังไม่พร้อมที่จะไปกับใครทั้งนั้น


“คุณบุษบาครับ คุณพฤกษ์เชิญที่ล็อบบี้ครับ มีแขกคนสำคัญมา”
พนักงานต้อนรับหนุ่มของโรงแรมโทร.มาบอก หล่อนตื่นจากภวังค์พลางคิดว่าใครหนอ? ใครกัน? ที่ทำให้พฤกษ์ต้องลงมาต้อนรับด้วยตัวเอง
ปรกติ เขาจะให้ผู้จัดการแผนกใดแผนกหนึ่งทำหน้าที่นี้แทน หญิงสาวจัดแจงแต่งตัวใหม่ให้ดูดี แม้ไม่ต้องผัดหน้าทาแป้งแต่ก็ต้องสะอาดสะอ้านสมศักดิ์ศรีชุดขาวสะอาดที่ทำ อาหารเลี้ยงผู้คน


ที่ล็อบบี้ของโรงแรมปรากฏคนในสูทดำกลุ่มหนึ่งยืนสังเกตการณ์เป็นระยะๆ เสียงสนทนาภาษาอังกฤษทุ้มต่ำดังมาแว่วๆ
“อ้าว! บุษบามาแล้วเหรอ”
พฤกษ์ที่นั่งอยู่บนโซฟานุ่มหันมาทักเป็นภาษาไทย
“ท่านสุภาพบุรุษผมขอแนะนำเชฟขนมหวานที่น่าภูมิใจของโรงแรมเรา คุณบุษบา”
เขา แนะนำตัวหล่อนเป็นภาษาอังกฤษ หญิงสาวยิ้มบางๆให้ชาวต่างชาติหลายคนที่นั่งอยู่ในโซฟาชุดเดียวกับพฤกษ์ ก่อนที่จะใจเต้นสั่นเมื่อพบกับร่างๆหนึ่ง คนที่หล่อนจำได้ไม่ลืมเลือน ระเด่นมนตรี!


เขามาที่นี่ได้อย่างไร
แล้วการแต่งกายนี่อีก สูทราคาแพง เชิ๊ตขาว กางเกงสแลคอย่างดี รองเท้าสีดำขัดเสียจนมันปลาบ และที่สำคัญเส้นผมสีทองเรียบแปล้ที่เสยไปทางด้านหลัง


“บุษบา พี่ขอแนะนำนะ”
พฤกษ์ราวกับรู้ความสงสัยของหล่อน เขาจึงรีบแนะผู้มาเยือนคนสำคัญทันที
“นี่คือมิสเตอร์...”
ชาย หนุ่มแนะนำชาวต่างชาติที่นั่งอยู่ใกล้สองสามคน บุษบายิ้มให้และยื่นมือไปจับตามมารยาท ใจยังจดจ่ออยู่ที่ชาวต่างชาติที่เหมือนระเด่นมนตรีอย่างกับแกะเพียงแต่มี แว่นสีชาอันใหญ่ปกปิดดวงตาไว้


“แล้วก็นี่ มิสเตอร์ ดีเร็ก โกรฟเนอร์ เขาเป็นเพื่อนกับคุณรุทระ”
พฤกษ์ ผายมือไปทางหนุ่มเอเชียผิวขาวมาดดีอีกคน บุษบาคุ้นหน้าเขาในข่าวหนังสือพิมพ์ และจำได้ว่าเขาเคยมาจัดงานแต่งงานที่โรงแรมดาราแห่งนี้
...งานแต่งที่เป็นที่เลื่องลือมีเหตุการโกลาหลราวกับภาพยนตร์


“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
คน ที่พฤกษ์แนะนำตัวว่าชื่อ ดีเร็ก โกรฟเนอร์ ลุกขึ้นยื่นมือให้ บุษบาจึงยื่นมือสัมผัสตามมารยาทชาวตะวันตก มือที่หล่อนสัมผัสได้นั้นช่างนุ่มนิ่มไม่หยาบกร้านเหมือนกับมือระเด่นมนตรี


“ผมจะมาคุยเรื่องการจัดงานวันเกิดของคุณพ่อผมครับ ปีนี้อยากทำให้เป็นงานใหญ่หน่อย”
รุทระบอกเป็นภาษาอังกฤษเพื่อจะให้ชาวต่างชาติคนอื่นที่นั่งอยู่เข้าใจด้วย
“แขกมีทั้งคนไทยแล้วก็ชาวต่างชาติ กำลังคิดอยู่ครับว่าจะจัดเลี้ยงที่บ้าน หรือว่าจะมาจัดที่โรงแรมนี้ดี”
เขา บอกยิ้มๆพฤกษ์รีบถามความต้องการของเขาและให้เลขาฯจดไว้ทันที ใครๆก็รู้ว่ารุทระมีอำนาจและอิทธิพลขนาดไหน เงินกู้ที่โรงแรมดาราไปกู้มาก็จากบริษัทในเครือของรุทระ


“บังเอิญดีเร็กเพื่อนเก่าผมเขามาเยี่ยม เขากำลังจะมองหาโรงแรมดีๆ ไว้พักตอนมากรุงเทพฯผมเลยพาเขามาเที่ยวด้วยน่ะครับ”
รุทระอธิบายช้าๆพร้อมยิ้มมุมปาก
“ได้ข่าวว่าทางโรงแรมดาราต้องการปรับปรุงอะไรบางอย่างเหรอครับ”
คำพูดของชายหนุ่มซ่อนความนัย เรื่องในวงการธุรกิจโดยเฉพาะเรื่องลูกหนี้ตัวเองมีหรือที่รุทระจะพลาด


“นิดหน่อยน่ะครับคุณรุทระ ธุรกิจนี้มีการแข่งขันเยอะ เราขายความพึงพอใจให้ลูกค้าครับ เลยต้องปรับอะไรให้ทันโลกบ้าง”
พฤกษ์ตอบแบบยิ้มๆ


การ สนทนาเป็นไปอย่างไรนั้นบุษบาไม่ใคร่ได้ฟัง ด้วยใจจดจ่ออยู่ที่คนที่แนะนำตัวว่าชื่อ ดีเร็ก ตาของหล่อนมองไปที่รุทระและพฤกษ์ แต่ยามใดที่มิสเตอร์ ดีเร็ก ขยับตัว หญิงสาวจะปรายตามาทางเขาทันที แต่ทว่าผู้ชายคนนี้กลับทำเหมือนไม่รู้จักหล่อน
ไม่มอง ไม่สนใจ เขาสนใจในหัวข้อสนทนามากกว่า


“งั้นเดี๋ยวผมขออนุญาตพาทั้งคุณรุทระและเพื่อนชมโรงแรมดารานะครับ”
พฤกษ์ รีบเสนอตัว เพราะจากการพูดคุยทำให้ทราบว่าเพื่อนของรุทระนั้นเงินหนาไม่แพ้กัน มีกิจการไร่กาแฟ ไร่โกโก้ อยู่ที่อินโดนีเซีย และเป็นเจ้าของที่ดินมากมายในอังกฤษ ตระกูลเขาเป็นขุนนางเก่ามีเชื้อสายดยุคแห่งเวสต์มินสเตอร์ ตอนนี้สนใจจะลงทุนทำธุรกิจในเมืองไทย พฤกษ์จึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ


ดีเร็ก โกรฟเนอร์ ที่หญิงสาวเห็น แม้จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพง นั่งอยู่ในสถานที่หรูหรา แต่บุษบากลับรู้สึกถึงความหยิ่งยโส ไว้ตัวเหนือคนอื่นเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากทักทายตามมารยาทแล้ว ผู้ชายคนนี้แทบไม่พูดอะไรกับใครเลย
“รุทฉันว่านายไปทำธุระของนายเถอะ เดี๋ยวฉันไปดูโรงแรมนี้กับคุณ...คุณอะไรนะครับ ผมนี่แย่จังออกเสียงภาษาคุณไม่ถูก”
ดีเร็กหันมาทางพฤกษ์
“ผมชื่อพฤกษ์ครับ อาจจะออกเสียงยากสักหน่อย เพื่อนๆชาวต่างชาติผมเรียกว่า พอล”


“ครับ คุณพอล รบกวนคุณพาผมชมโรงแรมหน่อย ส่วนรุทน่ะปล่อยเขาไปเถอะ เขามีคนรออยู่แล้ว”
หนุ่มต่างชาติพยักหน้าไปทางร่างเล็กร่างหนึ่งที่เดินมาพร้อมกับบอดี้การ์ด ในมือมีกล่องใส่ขนมหลายกล่อง
“ไง ราพันเซลไปเหมาอะไรมาให้พ่อมดใจร้ายอีกล่ะ”
ดีเร็กแซวคนตัวเล็กผมยาวถักเป็นเปียที่มานั่งปุ๊ใกล้กับรุทระ


“ขนมกับช็อคโกแลตค่ะ มีเยอะเชียว จะเอาไปให้เด็กนักเรียนที่โรงเรียนอนุบาลด้วย”
ราพันเซลตัวเล็กยิ้มแป้น ก่อนที่จะหยิบช็อคโกแลตกล่องเล็กๆแจกจ่ายให้คนที่ยืนโดยรอบ
“อันนี้ให้พี่วิทูร อันนี้ให้พี่ชัย อันนี้ให้พี่กมล”
หญิงสาวผู้มาใหม่ยื่นช็อคโกแลตให้บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ เล่นเอาผู้ชายเหล่านั้นรับของแทบไม่ทันแถมเหลือบดูเจ้านายชายที่เริ่มนิ่วหน้า


“แป๋งครับ นี่คุณกะจะติดสินบนคนของผมไปถึงไหน”
รุทระบ่นภรรยาตัวเล็กของเขาเป็นภาษาไทยเบาๆ คนโดนบ่นหันขวับมาย่นจมูกใส่
“เปล่าเสียหน่อยคุณรุท เป็นสินน้ำใจต่างหาก ของราคาไม่กี่บาทหรอก ขนหน้าแข้งคุณไม่ร่วงเสียหน่อย เขาอุตส่าห์ทำงานให้เรา”


“คุณ รู้หรือเปล่าเนี่ยครับแป๋งว่าผมโดนคุณลิดรอนอำนาจไปขนาดไหน ทั้งคนที่บ้านคนที่บริษัททั้งบอดี้การ์ดของผม ใครๆเขาก็รักคุณกันทั้งนั้น ผมเลยเป็นหมาหัวเน่าไปเลย”
หมาหัวเน่าแต่รูปหล่อครางเบาๆพลางทำตาอ่อนเชื่อม ปัทมนต์จึงตีแขนเขาดังเพี๊ยะโทษฐานที่จีบไม่รู้เวล่ำเวลา


“ไปเถอะๆทั้งคู่นั่นแหละ รุทไปเดทกับราพันเซลเถอะ ฉันไม่ยากกวนเวลาวันหยุดของนาย”
ดีเร็กโบกมือไล่พลางหัวเราะหึๆ แม้ทั้งสองพูดเป็นภาษาไทยแต่รู้สึกได้ว่าเพื่อน‘หวาน’กับภรรยาขนาดไหน


“ได้ งั้นฉันก็ไม่ขัดศัทธานายล่ะ แป๋งครับเราไปเดินเล่นกันเถอะ”
รุทระลุกดึงมือภรรยาตัวเล็กขึ้นมา
“แล้วเย็นนี้ คุณดีเร็กจะกลับมาทานข้าวเย็นไหมคะ”
หญิงสาวตัวเล็กถามเป็นภาษาอังกฤษแบบกระท่อนกระแท่น
“ครับ ทำไมเหรอครับ ราพันเซลมีอะไรพิเศษหรือเปล่า”


“วันนี้พ่อแม่ของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลเขากลับมาจากทางใต้ค่ะ เอาของมาฝากเยอะเลย ฉันจะทำอาหารใต้ รับรองค่ะว่าไม่เผ็ด
คุณดีเร็กคงไม่เคยทานอาหารภาคใต้ของไทย”
หล่อนหมายถึงคู่สามีภรรยาที่มาขอปันพื้นที่หน้าร้านอาหารที่หล่อนเปิดอยู่ เพื่อขายผลไม้สด ทั้งสองมีลูกเล็กๆที่ต้องดูแล


หญิง สาวจึงแนะนำให้มาเข้าโรงเรียนที่หล่อนเป็นเจ้าของ โดยเก็บค่าเล่าเรียนถูกๆ คู่สามีภรรยาคู่นั้นจึงนับถือหล่อนมาก กลับบ้านทางใต้ทีไรก็เอาของฝากมาให้ตลอด
รอยยิ้มอย่างเป็นมิตรนั้นทำให้ดีเร็กสบายใจทุกครั้งที่ได้เห็น ภรรยาเพื่อนช่างน่ารักและแสนดี มิน่าล่ะรุทระเพื่อนเขาจึงยอมทุกอย่าง
“ขอบคุณครับ แต่เย็นนี้ผมคงไม่ไปทานข้าวด้วย ราพันเซลทำให้เจ้ารุททานเถอะครับ”
“งั้นก็เดี๋ยวเจอกันนะเพื่อน”
รุทระตบบ่าคนผมทองและหันมาจูงมือภรรยาตัวเล็กออกไป


บุษบาเลี่ยงขอตัวกลับไปที่ครัวเบเกอรี่ ใจหล่อนเต้นแรงที่สุดในชีวิต ระเด่นมนตรี!
เขาคือระเด่นมนตรีแน่ๆ ไม่มีทางที่คนเราจะเหมือนกันได้มากขนาดนี้
แล้วเขามาที่นี่ทำไม
เขามาด้วยชื่ออื่นเพราะอะไร หญิงสาวคิดหาเหตุผลวุ่นวายจนเกือบจะเดินเลยครัวไป ลูกน้องเรียกจึงได้สติ
“คุณบุษบาทาง ***ฟร้อนท์เขามีเคสลูกค้าจะปรึกษาน่ะครับ เขาให้โทร.กลับที่เบอร์ของผู้จัดการฟร้อนท์ได้เลย”
หลังจากโทร.ไปตามที่ลูกน้องบอก หญิงสาวจึงมาลงมือทำอาหารพิเศษที่ลูกค้าร้องขอ


‘ลูกค้า เป็นอดีตนักปั่นจักรยานทางไกลชาวฝรั่งเศสค่ะ ภรรยาของเขาเลยอยากให้เราทำเค้กเป็นพิเศษให้เพื่อฉลองครบรอบแต่งงาน แขกทั้งคู่อายุห้าสิบกว่าแล้วนะคะ’
ผู้จัดการแผนกต้อนรับอธิบาย บุษบาจึงตั้งใจจะทำ ปารีสเบรสช็อคโกแลต(Chocolate Paris Brest) ขนมชนิดนี้คิดค้นขึ้นโดยเชฟฝรั่งเศส เพื่อเฉลิมฉลองงานแข่งปั่นจักรยานทางไกลจากปารีสมายังเมืองเบรส ลักษณะขนมเป็นครึ่งวงกลมมีรูตรงกลางผ่าครึ่งเหมือนล้อรถจักรยานสองอันประกบ กัน ตรงกลางสอดไส้ครีม หล่อนจะทำเป็นแป้งเป็นเอแคลร์ช็อคโกแลตชิ้นใหญ่ๆจะได้ดูสวยงาม และสามารถเขียนอวยพรบนตัวเค้กได้


ยามที่หญิงสาวร่อนผงโกโก้ลง บนกระดาษไขที่ปูไว้ กลิ่นหอมหวานๆกรุ่นไปทั่วบริเวณ การทำขนมหวานแบบตะวันตก ส่วนผสมที่เป็นจำพวกแป้งทุกอย่างต้องร่อนทั้งหมดเพื่อความเนียนเนื้อของ สัมผัส แม้ปัจจุบันจะมีเครื่องจักรหรือมีแป้งที่เนียนละเอียดมากๆออกมาจำหน่ายก็ตาม แต่บุษบาก็ยังชอบวิธีแบบโบราณที่แสนยุ่งยากนี้อยู่ดี


หลังจาก นั้นจึงตั้งเนยและน้ำในหม้อบนเตา ใช้ไฟอ่อนคนจนกว่าเนยจะลายหอมหวลกวนนาสิกผู้ผ่านไปผ่านมา เมื่อเดือดแล้วจึงใส่แป้ง ผงโกโก้และเกลือเข้าไปคนในหม้อจนเป็นเนื้อเดียวกัน ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วก็เอาใส่เครื่องตีแป้งใส่ไข่ไก่ทีละนิด ตีจนแป้งโกโก้เนียนและขึ้นเงา เมื่อตีได้จนพอใจแล้วหล่อนตักส่วนผสมใส่หัวบีบอันใหญ่ บีบให้เป็นวงกลมสองชั้นติดกันบนถาด โรยแอลมอนด์สไลด์นิดหน่อยก่อนที่จะเอาเข้าเตาอบ ใช้ไฟแรงประมาณสิบนาทีและลดไฟลงอบต่ออีกประมาณยี่สิบนาที


ทัน ใดนั้นบุษบาก็นึกอะไรขึ้นได้จึงโทร.ไปที่ห้องอาหารซึ่งสามีภรรยาเจ้าของเค้ก จะฉลองครบรอบวันแต่งงาน ถามผู้จัดการห้องอาหารถึงจำนวนของแขกที่จองโต๊ะอาหารในค่ำวันนี้ มีแขกจองไว้ประมาณสิบกว่าโต๊ะ บุษบาจึงคิดที่จะเผื่อแผ่เค้กสุดพิเศษนี้ให้ลูกค้าคนอื่นด้วย งานฉลองครบรอบแต่งงานในต่างแดนนอกจากความโรแมนติคแล้วควรจะครึกครื้น เหมือนบรรยากาศการเฉลิมฉลองเทศกาลใดสักเทศกาลหนึ่ง


คนเราอยู่ ด้วยกันมาได้จนแก่เฒ่า ก็น่าจะนับเป็นตำนานที่เพียงพอต่อการฉลองแล้วมิใช่หรือ แขกคนอื่นคงจะร่วมยินดีด้วย เค้กหอมกรุ่นอบเสร็จแล้ว กลิ่นแป้งและโกโก้ลอยวนไปในอากาศ เชิญชวนยั่วเย้าให้เข้ามาลิ้มลอง
...ชิมฉันสักคำสิ ถ้าเค้กเหล่านี้เป็นหญิงสาวทรงเสน่ห์มันคงจะพูดเช่นนั้น


แต่ สำหรับบุษบาแล้วเค้กเหล่านี้ยังไม่สมบรูณ์ หล่อนเริ่มทำคัสตาร์ดช็อคโกแลต โดยการตุ๋นช็อคโกแลตในหม้อสองชั้น หม้ออีกใบหนึ่งก็ใส่นมและขูดฝักวานิลาลงไปด้วย ตั้งไฟอ่อนพอนมเริ่มเดือดจึงเทนมลงไปในอ่างไข่ที่เตรียมไว้ เทลงอ่างเพียงหนึ่งในสาม


จากนั้นจึงใช้ตะกร้อมือตีส่วนผสมให้ เนียนเข้ากัน ใส่ครีมสดลงไปด้วยเพื่อให้คัสตาร์ดเบาและเนียน เมื่อเข้ากันดีแล้วจึงใส่ส่วนผสมกลับลงในหม้อนมบนเตาอีกครั้ง ระหว่างนั้นบุษบาใช้ไม้พายคนหม้อตลอดเพื่อไม่ให้ไหม้ พอเริ่มเดือดส่งกลิ่นกรุ่นหล่อนจึงยกลงจากเตา เทใส่ชามใหญ่พักไว้จนเย็น แล้วตักคัสตาร์ดใส่หัวบีบเตรียมตกแต่ง


ปารีสเบรสช็อคโกแลตเป็น ขนมที่จะรสดีเมื่อรับประทานขณะเย็นๆ ยิ่งค้างคืนยิ่งดีเพราะเนื้อครีมคัสตาร์ดจะซึมเข้าเนื้อเค้กทำให้อร่อยนุ่ม ลิ้น เชฟสาวบรรจงบีบคัสตาร์ดลงบนเนื้อเค้กที่เฉือนครึ่งก่อนที่จะประกบเข้าไปใหม่ หล่อนใช้หัวบีบตัวเล็กใส่ครีมสดเขียนคำว่า‘สุขสันต์วันครบรอบแต่งงาน’เป็น ภาษาฝรั่งเศส งานของหล่อนให้ห้องนี้เสร็จสมบรูณ์แล้ว เหลือแต่ส่งต่อเจ้าเค้กนี้ให้เจ้าของที่แท้จริง หญิงสาวหวังเหลือเกินว่าปารีสเบรสช็อคโกแลตเหล่านี้จะทำให้แขกหลายๆคนในห้อง อาหารมีความสุข

พลันสายตาก็สบกับร่างหนึ่งที่เข้ามายืนอยู่ในครัวของหล่อน
“กำลังทำเค้กอะไรอยู่เหรอครับ ผมไม่เคยเห็นมาก่อน”
ดี เร็ก โกรฟเนอร์ ถามเสียงทุ้มนุ่ม ข้างกายเขาไม่มีพฤกษ์หรือเจ้าหน้าที่พาชมโรงแรมคนใด แว่นสีชาที่สวมอยู่บนใบหน้าปกปิดอารมณ์เขาเสียหมด
“คุณเชฟครับ คุณเชฟ”
เขาเรียกย้ำเมื่อเห็นหล่อนอึ้งไปหลายวินาที


“ขอโทษค่ะ บังเอิญส่วนนี้ปรกติเราจะอนุญาตให้เฉพาะเจ้าหน้าที่โรงแรมเข้ามา”
บุษบาตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ รวบรวมสติที่กระจัดกระจายเพราะความงงงัน
“ผมต่างหากล่ะที่ต้องขอโทษที่เข้ามาในเขตหวงห้าม ที่บางทีอาจจะเป็น...หัวใจ...ของโรงแรมคุณ”
คำว่า‘โรงแรม’ที่เขาเอ่ยช่างแผ่วเบาเสียจนบุษบาเกือบจะฟังผิดได้ยินเพียงคำว่า...หัวใจของคุณ


“คุณเชฟจะช่วยกรุณาให้ความรู้ผมได้ไหมครับว่าเค้กนี่ชื่อเค้กอะไร”
เขาหมายถึงเค้กบนโต๊ะที่หล่อนเพิ่งตกแต่งเสร็จ
“ปารีสเบรสช็อคโกแลตค่ะ คล้ายๆเอแคลร์ไส้คัสตาร์ดช็อคโกแลต”
“ช็อคโกแลตรึ ผมชอบช็อคโกแลตนะ สีดำ ขม เข้ม แต่ละมุนลิ้นยั่วเย้า เหมือนผู้หญิงใจดำแต่มีเสน่ห์”
ตาคนพูดปรายไปที่เค้กบนโต๊ะ แต่คนทำเค้กเองอย่างหล่อนกลับสะอึก คำพูดที่ตัดพ้อประชดแดกดันแบบนี้มีอยู่คนเดียว


“นายระเด่น”
หญิงสาวคราง เขามาที่นี่ทำไม จะมาดึงดันให้หล่อนไปกับเขาอีกใช่ไหม ระเด่นมนตรีจะยิ่งทำให้หล่อนคิดถึงเขามากอีกเท่าไหร่


“ครับ เมื่อกี้คุณพูดกับผมหรือเปล่า ผมว่านั่นไม่ใช่ภาษาอังกฤษนะเพราะว่าผมฟังไม่ออก”
เขาขมวดคิ้วงุนงง บุษบามองหน้าชายหนุ่มนิ่งพยายามค้นคว้าจับผิด หรือว่าเขาจะปลอมตัวมาลวงหล่อนเหมือนในนิยายรักจำพวกการแก้แค้น
หล่อนไม่ได้ทำลายวงศ์ตระกูลหรือฆ่าคนที่เขารักนี่ เว้นเสียแต่ปฏิเสธรักเขา...


“ผมขอเสียมารยาทอย่างหนึ่งนะครับคุณเชฟ ผมเหมือนคนที่พวกคุณรู้จักหรือเปล่า เพราะทั้งพอลแล้วก็คุณ มีท่าทางตกตะลึงเวลาเห็นผม”
ดีเร็กถามพลางกลั้วหัวเราะ


“ค่ะ คุณคล้ายกับคนที่เราเคยรู้จัก”
บุษบารับแต่โดยดี พลางคิดในใจว่าพฤกษ์ก็เป็นไปด้วยหรือนี่ แสดงว่าหล่อนไม่ได้ใจกระหวัดคิดถึงระเด่นมนตรีจนเห็นภาพหลอน
“ว่ากันว่าคนเราถ้าไม่ใช่พี่น้องหรือญาติกัน ใบหน้าจะเหมือนกันเพียงหนึ่งหรืออย่างมากก็สองคน
คุณพอจะตอบข้อสงสัยผมหน่อยได้ไหมครับว่าคนที่คุณว่าเหมือนผมน่ะเป็นใคร”


“เขาเป็น...คนรู้จักค่ะ ...แค่คนรู้จัก”
หาก คนตรงหน้าเป็นระเด่นมนตรีตัวจริงล่ะก็ หล่อนพูดลดระดับความสำคัญของเขาขนาดนี้ ชายหนุ่มคงเคืองและแสดงอาการออกทางสีหน้าแน่ แต่ดีเร็กกลับนิ่งเฉยราวกับฟังเรื่องของคนอื่น
“ฟังจากน้ำเสียงแล้วเขาคงเป็นคนที่คุณคงไม่อยากนึกถึงเท่าไร”
หนุ่มต่างชาติผมทองเย้า บุษบาได้แต่ยิ้มบางๆมือยกขึ้นทัดผมแก้เก้อ
“มือคุณติดช็อคโกแลตน่ะครับ”


หญิง สาวจึงยกมือขึ้นดูโดยเร็ว พลันคนตรงหน้าก็เข้ามาใกล้จับมือหล่อนขึ้น ช็อคโกแลตคัสตาร์ดติดอยู่ที่ปลายนิ้วนางข้างซ้าย ริมฝีปากสีเข้มเล็มช็อคโกแลตสีดำที่ติดอยู่ ท่ามกลางอาการตกตะลึงของคนทั้งครัวเบเกอรี่รวมถึงตัวหล่อนเองด้วย
“คุณทำอะไรน่ะ!”
บุษบารีบชักมือกลับมาโดยเร็วใบหน้าแดงอย่างปิดไม่อยู่ ระเด่นมนตรีแน่ๆ คนที่ทำอะไรอุกอาจแบบนี้มีแต่เขาเท่านั้น


“ผมขอโทษครับ ผมชอบช็อคโกแลตมากไปหน่อย ครัวของคุณมีแต่กลิ่นช็อคโกแลต จนทำให้ผมรู้สึกมึนเหมือนเมาจนทำอะไรเสียมารยาทลงไป”
ถ้อยคำเหมือนสำนึกผิดแต่บุษบากลับรู้สึกว่า ดวงตาวาวๆที่ซ่อนอยู่หลังแว่นนั้นไม่ได้สำนึกผิดไปด้วยเลย
“มิสเตอร์ โกรฟเนอร์ อยู่นี่เอง ขอโทษครับที่ผมดูแลคุณไม่ดี จนคุณต้องเดินมาส่วนครัวเสียเอง”
พฤกษ์เดินเร่งร้อนเข้ามาในครัว จู่ๆแขกคนสำคัญก็แวบหายไปเสียได้ พฤกษ์ยังไม่ได้คุยเรื่องสำคัญเลย
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณพอล ผมเดินตามกลิ่นขนมมาก็เลยคุยเรื่องขนมกับเชฟของคุณเสียเพลิน”
น้ำเสียงของคนที่บอกว่าตัวเองชื่อ ดีเร็ก โกรฟเนอร์ รื่นเริงชวนหมั่นไส้ บุษบาเชื่อแล้วล่ะว่าเขาคือระเด่นมนตรีจริงๆ


“งั้นเดี๋ยวผมมีส่วนที่น่าภูมิใจของโรงแรมดาราจะให้ชมครับ”
พฤกษ์ต้อนเขาออกไปท่ามกลางความโล่งใจของบุษบา แต่เมื่อหันมามองในครัวเบอเกอรี่อีกที ลูกน้องก็ยืนออกันทำหน้ามีคำถาม
“มายืนกันทำไมล่ะ รีบไปทำงานสิ!”
หล่อนดุเสียงเขียว
“คุณบุษบาฝรั่งเมื่อกี้เขามาจีบคุณบุษบาเหรอ”
ลูกน้องปากเปราะถามเสียงทะเล้น
“ไม่ใช่เรื่องน่า! ทำงานให้เสร็จ เดี๋ยวฉันจะมาดู”
ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินกลับเข้าห้องทำงานท่ามกลางเสียงโห่ฮาของลูกน้อง


หล่อน จะต้องหาข้อพิสูจน์ ในเมื่อเจ้าตัวปากแข็งไม่ยอมรับว่าเป็นคนๆเดียวกัน จะพิสูน์อย่างไรดีล่ะ ใช่แล้ว!บุษบาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทร.ทันที
“เปรมเหรอ นี่ฉันเองนะ”


ปา รีสเบรสช็อคโกแลตสร้างความประทับใจให้แขกในห้องอาหารมาก สองสามีภรรยาที่มาเลี้ยงฉลองครบรอบแต่งงานยิ้มแก้มปริ เมื่อทุกคนในห้องอาหารพร้อมใจกันดื่มฉลองอวยพรให้
“เป็นค่ำคืนที่พวกเราลืมไม่ลงเลยเชียวค่ะ”
ภรรยารูปร่างอ้วนท้วนอายุห้าสิบกว่าๆบอกบุษบาอย่างตื้นตันใจ หลังจากได้ลิ้มรสเค้กพิเศษแล้ว ทั้งสองจึงขอพบเชฟขนมหวานอย่างหล่อน
“พวกเราประทับใจจริงๆครับ”
สามีซึ่งวัยเดียวกันคุยกับหล่อนด้วยดวงตาเป็นประกาย


นี่คือสิ่งที่แขกที่มาพักและจ่ายแพงต้องการจากโรงแรม
มากกว่ากว่าอาหารชั้นเลิศ
มากกว่าเตียงนุ่ม ผ้าขนหนูสะอาด น้ำร้อนน้ำเย็น สระว่ายน้ำหรือสวนสวย
นั่นก็คือความเอาใจใส่จากพนักงานทุกคน ต้อนรับราวกับราชาบุคคลสำคัญ
เพราะในชีวิตจริงนั้นแขกบางคนเป็นเพียงคนตัวเล็กๆในสังคม
การมาพักและท่องเที่ยวยังสถานที่ใหม่ประเทศใหม่ๆแล้วได้รับการปฏิบัติที่ดีเยี่ยมนั้น เป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลง
พวกเขามักจะกลับมาอีก บอกกันปากต่อปาก งานบริการในโรงแรมจึงต้องควรรักษาความประทับใจในส่วนนี้ไว้


ดีเร็ก โกรฟเนอร์ ก็นั่งอยู่ในห้องอาหารนั้นด้วย แถมเขายังสั่งไวน์ราคาแพงเลี้ยงคู่สามีภรรยาคู่นั้น
‘อภินันทนาการจากโรงแรมดารา หวังว่าพวกคุณจะมีความสุขกับโรงแรมของเรา’
เขาพูดเป็นภาษาฝรั่งเศสตามสัญชาติของสามีภรรยาคู่นั้น เล่นเอาพฤกษ์ที่เดินตามดูเหมือนเป็นลูกจ้างเขาในทันใด


‘นายระเด่นอยู่ในห้องครับคุณบุษบา เอาแต่กินเหล้า’
เปรมเล่าให้ฟังเสียงเหนื่อยหน่ายยามบุษบาโทรศัพท์ไปถาม เด็กหนุ่มถือว่าอยู่วงในของไร่อสัญสุดๆเพราะทำกับข้าวให้คนในไร่กินทุกวัน
‘คุณบุษบาผมถามอะไรหน่อยสิฮะ จริงหรือเปล่าที่นายระเด่นแกครวญตอนเมาว่าคุณบุษบาทิ้งแกไปแล้ว’
หล่อนนิ่งอึ้งไปหลายวินาที ก่อนที่จะได้ยินเสียงเหมือนโทรศัพท์ถูกกระชากดังกุกกัก


‘ไอ้เปรม คุยกับใครวะ กูบอกให้mung(คำหยาบ)ไปทำกับแกล้มมาให้กู กูอยากกินของเผ็ดๆขมๆ กูเกลียดของหวาน เกลียดคนทำของหวานด้วย’
เสียงนั้นเต็มไปด้วยโทสะและอ้อแอ้เพราะฤทธิ์สุรา แต่หล่อนก็จำได้ไม่ลืม...ระเด่นมนตรี


หญิง สาวตัดสายลง น้ำตารื้น ...เขาเป็นไปได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ เสียใจกับคำปฏิเสธ กินเหล้าเมามายเพราะหล่อน บุษบารู้สึกผิดเหลือเกิน แต่หล่อนไม่รู้จะทำเช่นไรดี เขามีแต่โทสะไม่ฟังเหตุผลหล่อนเลย หากเจอกันหรือพูดคุยกันตอนนี้เหตุการณ์ก็จะซ้ำรอยเดิม


ดีไป อย่างที่โทร.ไปบุษบาได้ข้อพิสูจน์ว่า ดีเร็ก โกรฟเนอร์ กับระเด่นมนตรีเป็นคนละคนกัน เพราะเขาไม่มีทางจะแล่นมาจากไร่อสัญที่ปากช่อง มาโผล่ที่โรงแรมดาราในสภาพหอมฟุ้ง ผมดก สติครบถ้วน แถมยังมาทานมื้อค่ำกับพฤกษ์ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงอย่างนี้หรอก หรือจะเป็นอย่างที่มิสเตอร์ ดีเร็ก โกรฟเนอร์ พูด ...แค่บังเอิญเป็นคนที่หน้าตาเหมือนกันเท่านั้น ไม่ใช่แค่หน้าเหมือนแต่พฤติกรรมยังคล้ายกันอีก


“บุษบาพี่มีข่าวดีจะบอกล่ะ”
พฤกษ์ยิ้มร่ามารับหล่อนจากครัวเบอเกอรี่ ดึกแล้วทั้งเขาและหล่อนกำลังจะกลับบ้าน
“มิสเตอร์ โกรฟเนอร์ สนใจในโรงแรมดาราของเรามาก เขาจะมาร่วมทุนกับเรา”
บุษบาเลิกคิ้วแปลกใจที่การเจรจารู้ผลเร็วขนาดนี้


“เขาไม่ถนัดงานโรงแรมเลยจะให้ทางเราบริหารไปไม่ก้าวก่าย แต่เดียวพรุ่งนี้พี่จะคุยรายละเอียดกับเขาอีกที”
ทุกอย่างดูเหมือนง่ายและรวดเร็วจนบุษบานึกกลัว
อะไรเล่าที่ผ่านเข้ามาง่ายและรวดเร็วพร้อมกับส่งผลกระทบเปลี่ยนแปลงมาก
ชนิดที่บางครั้งเลวร้ายมากจนเรียกได้ว่า...ราพณาสูร
บุษบาจะเห็นมีก็แต่พายุลูกใหญ่เท่านั้น


+++++++++++++ จบบทที่ 20++++++++++++

* ซูเชฟ(Sous Chef) ย่อมาจาก Executive Sous Chef ตำแหน่งที่รองจากเชฟใหญ่(Executive Chef) เป็นตำแหน่งผู้ช่วย เช่นคุมการเบิกจ่ายวัตถุดิบ จัดแบ่งงานให้ครัวต่างๆในแต่ละวันว่าต้องทำอะไรบ้าง
**เชฟเดอปาตี(Chef de Partie) หมายถึงหัวหน้าพ่อครัวแต่ละแผนก เช่น ครัวไทย ครัวอิตาเลียน
***ฟร้อนท์ ย่อมาจาก Front desk หมายถึงแผนกต้อนรับ






 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2552
0 comments
Last Update : 7 กรกฎาคม 2552 23:54:53 น.
Counter : 338 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.