ตุลาคม 2555

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
14
17
18
20
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
ตะวันทอแสง ตอนที่ 14 (3)
ภายในห้องคนไข้ ปรางทิพย์นั่งร้องไห้กำมือแน่น ทั้งเสียใจ ทั้งสับสน พยาบาลยืนละล้าละลังอยู่

       “คุณคะ ตกลงจะไปหาคุณแม่หรือเปล่าคะ”
       ปรางทิพย์กัดฟันกรอด อารมณ์กรุ่น

       รัชนีนอนอยู่ในห้องพัก แววตาเหม่อลอยครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตาแดงช้ำจากการร้องไห้ที่เพิ่งผ่านไป
       คำพูดของภคพงษ์ดังก้องอยู่ในความคิด ตึ้งแต่ตอนที่ทิ้งภคพงษ์ในวัยเด็กไป / ตอนมาเจอกันและภคพงษ์พูดด้วยความเสียใจหลายต่อหลายครั้ง / ตอนภคพงษ์บอกให้อภัย
       “ผมไม่อยากสูญเสียความรัก และคนที่ผมรักมากไปกว่านี้ ผมสูญเสียมามากเกินไปแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องให้อภัยผม รู้แค่ว่า ผมให้อภัยคุณเท่านั้นก็พอ”
       รัชนีสะอื้นอยู่ในใจ ความรู้สึกผิดจู่โจมเข้ามาอย่างหนัก

       ประตูห้องพักรัชนีถูกเปิดออก พยาบาลเข็นรถปรางทิพย์ที่มีหน้าเครียด อารมณ์คุกรุ่นเข้ามา รัชนีหันไปเห็นปรางทิพย์ก็ดีใจ รีบถามอาการโดยไม่คิดถึงว่าอาการตัวเองหนักกว่า
       “ปราง เป็นยังไงบ้างลูก”
       ปรางทิพย์หันไปบอกกับพยาบาล
       “ขอบคุณค่ะ”
       พยายาลพยักหน้ารับและเดินออกไป พร้อมกับปิดประตู
       ปรางทิพย์มองรัชนีด้วยแววตาไม่เป็นมิตร
       “คุณแม่สนใจปรางด้วยเหรอคะ”
       “ทำไมปรางพูดแบบนี้ล่ะลูก”
       “ก็เพราะคุณแม่ไม่เคยสนใจปราง ไม่เคยสนว่าปรางจะคิดอะไร ต้องการอะไร”
       “ถ้าแม่ไม่สนใจ แม่คงไม่ทำทุกอย่างเพื่อลูกแบบนี้”
       “ทำเพื่อปราง ที่เราเกือบตาย ก็เพื่อปรางเหรอคะ”
       ปรางทิพย์โกรธจัด ลุกขึ้นจากรถเข็นเลย แล้วเดินมาหารัชนี น้ำตาไหลออกมาด้วยความเสียใจ
       “คุณแม่โยนความผิดทุกอย่างมาให้ปราง เพราะคุณแม่ไม่กล้าที่จะยอมรับความจริง”
       รัชนีอึ้ง ปรางทิพย์พูดต่อ
       “พี่ภัคเค้าเลิกกับปรางแล้ว เค้าบอกเลิกปรางก็เพราะคุณแม่ พี่ภัคเค้ารักคุณแม่ใช่มั้ยคะ เค้าเลือกคุณแม่ เค้าเลยมาเลิกกับปราง”
       “ไม่ใช่นะลูก ปรางกำลังเข้าใจผิด แม่กับภคพงษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่ลูกคิด”
       “ไม่จริง ปรางไม่เชื่อ คุณแม่กับพี่ภัคแอบคบกัน แอบไปกอดกันปรางเห็น ที่คุณแม่กีดกันปรางกับพี่ภัค เพราะคุณแม่หึงพี่ภัค ใช่มั้ยคะ”
       รัชนีส่ายหน้า แต่พูดไม่ออก น้ำตาไหลด้วยความสงสาร
       “ปรางไม่เข้าใจ คุณแม่มีคุณพ่ออยู่แล้ว ทำไมคุณแม่นอกใจคุณพ่อ ทำไมต้องมาแย่งพี่ภัคไปจากปราง ทำไม ทำไม ทำไม”
       “แม่ไม่ได้นอกใจพ่อ แม่ไม่ได้แย่งภคพงษ์มาจากปราง แต่ความรักระหว่างปรางกับเค้ามันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้”
       ปรางทิพย์เกาะเตียง และเขย่าเตียงด้วยความโกรธ ถามทั้งน้ำตา
       “ทำไมคะ ทำไมมันถึงเป็นไปไม่ได้ ทำไม ทำไม ทำไม”
       รัชนีตัดสินใจตอบสวนขึ้นมา
       “เพราะภคพงษ์เป็นพี่ชายของปราง”
       ปรางทิพย์ช็อก อึ้งไป
       รัชนีร้องไห้
       “ภคพงษ์เป็นลูกชายของแม่กับสามีคนแรก ปรางกับเค้าเป็นพี่น้องกัน”
       ปรางทิพย์ถึงกับทรุด รัชนีร้องไห้อย่างหนัก ที่หน้าห้อง สุวิทย์ได้ยินทุกอย่าง ยืนกำมือแน่นด้วยความโกรธและผิดหวังอย่างรุนแรงอยู่

       ภคพงษ์ในมือถือดอกไม้ช่อเล็กๆ น่ารัก พร้อมกล่องแหวนแต่งงานอย่างหรู ก่อนรวบรวมความกล้าเดินเข้ามาในโฮมสเตย์ของอาภรณ์
       อาภรณ์ตอบน้ำเสียงเย็นๆ
       “รสไม่อยู่หรอกค่ะ เค้าเพิ่งไประยองเมื่อกี้นี้เอง”
       ภคพงษ์ยิ้มรับนิดๆ
       “ไประยองไปที่บ้านอาพร้อมหรือเปล่าครั”
       อาภรณ์แอบหนักใจเล็กๆ
       “ค่ะ”
       “งั้น ผมตามไปหาที่โน่นก็ได้ครับ ผมลากลับก่อนนะครับ สวัสดีครับ”
       ภคพงษ์ยกมือไหว้ลา อาภรณ์รับไหว้ด้วยสีหน้าหนักใจ
       “ค่ะ”
       ภคพงษ์หันหลังจะไป อาภรณ์ตัดสินใจพูดขึ้น
       “คุณภัคคะ ป้าว่า อย่าตามไปเลยค่ะ”
       ภคพงษ์แปลกใจหันมาถาม
       “ทำไมครับ”
       “คือ รสเค้าไปกับวิน เค้าสองคนไปเตรียมจัดงานแต่งงานที่โน่นน่ะค่ะ”
       ภคพงษ์ใจหายวาบ แววตาแข็งขึ้น แล้วก็หันหลังรีบเดินออกไปเลย โดยไม่ฟังคำห้ามของอาภรณ์แม้แต่นิดเดียว
       “อ้าว เอ่อ”

ภคพงษ์เดินไปด้วยความร้อนใจ
ทะเลยามเย็น พร้อมนั่งเศร้ามองออกไปยังทะเลด้วยแววตาแห่งความว่างเปล่า รสากับชีวินยืนมองด้วยความเป็นห่วง 

       “ตั้งแต่พิมตาย..เค้าก็ไม่ยอมพูดไม่ยอมจากับใคร นั่งมองทะเลทั้งวัน อาไม่รู้จะทำยังไงแล้วรส พูดยังไงก็ไม่ดีขึ้น ก็ได้แต่หวังว่างานแต่งงานของรสกับวิน จะทำให้รีสอร์ตของเราสดใสขึ้นมาได้บ้าง รสอยากจะทำอะไรก็จัดการได้ตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ อาสองคนจะเป็นผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าสาวให้เอง” วิมลบอก
       รสายกมือไหว้
       “ขอบคุณค่ะ ที่รสกลับมาจัดงานแต่งงานที่นี่ เพราะรสอยากให้พิมได้รับรู้ เรื่องร้ายๆได้ผ่านไปแล้ว พิมคงไม่อยากให้พวกเราต้องทุกข์ใจมากไปกว่านี้”
       “อาฝากรสด้วนนะชีวินอย่าทำให้รสช้ำใจเหมือนยายพิม”
       วิมลแอบสะอื้น ชีวินยกมือไหว้
       “ผมขอบคุณคุณอาและก็สัญญาว่าชีวิตนี้จะไม่มีวันทำให้รสต้องเสียใจ”
       “วินเป็นคนดี เค้าไม่เคยทำให้รสต้องเสียใจ”
       ห้าววิ่งพรวดโวยวายลั่นเข้ามาจับไหล่รสา
       “รส ไม่จริงใช่มั้ย รสไม่ได้จะแต่งงานใช่มั้ย” ห้าวพูดพลางหอบแฮ่ก
       “ใจเย็นพี่ห้าว”
       “เย็นไม่ไหวแล้ว อย่าบอกนะว่ารสจะแต่งงานกับไอ้ภคพงษ์”
       รสาสะดุ้ง หลบตาชีวิน
       “เปล่า...ไม่ใช่”
       ห้าวหันขวับไปมองชีวิน
       “เฮ่ย งั้นอย่าบอกนะว่ารสจะแต่งงานกับไอ้หน้าแหยนี่”
       “อ้าว เฮ้ย” ชีวินของขึ้น
       ทั้ง2คนทำท่าจะปรี่เข้าหากัน จนรสากับวิมลต้องร้องห้าม
       “ไอ้ห้าว รสเค้าจะแต่งงานกับใครแล้วมันเรื่องอะไรของแก หะ”
       ห้าวอึ้ง สายตาบอกความโกรธ เสียใจ น้อยใจระคนกัน
       “พี่ห้าว”

       รสาลากห้าวมาหยุดยืนคุยกันที่มุมหนึ่ง
       “โอย แขนจะหักตัวใหญ่ยังกะยักษ์”
       “ยังไงเนี่ยรส ตกลงมันยังไง”
       “พี่ห้าว”
       ห้าวจ้องมองอย่างรอคำตอบเต็มที่
       “อือ..รสกับวินจะแต่งงานกัน”
       “รส”
       หน้าห้าวเหมือนฟ้าจะถล่ม หัวใจแทบสลาย พูดไม่ออก ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น รสาค่อยๆเอื้อมมือไปแตะแขนปลอบใจ
       “พี่ห้าว รส”
       ห้าวสะบัดแขนทันที
       “ไม่ต้อง”
       รสาอึ้งๆ
       “พี่ห้าว”
       “แค่ได้ยินว่ารสจะแต่งงาน หัวใจไอ้ห้าวก็แทบจะแตกแล้ว”
       “พี่ห้าว”
       “แค่นั้นไม่พอ รสกับไอ้หมอนั่นยังจะมาแต่งงานกันที่นี่ ตำตาตำใจกันแบบนี้ กะจะให้หัวใจไอ้ห้าวมันแตกยับไม่เหลือซากเลยรึไง”
       รสาอึ้งอย่างแรง ตลอดเวลาก็นึกว่าห้าวขำๆ ไม่เคยนึกว่าห้าวจะแอบชอบตัวเองจริงจังขนาดนี้
       “รส รสขอโทษ รสไม่เคยคิดว่า”
       “ไม่เคยคิดว่าพี่รักรส ใช่สิ ก็เพราะไอ้ห้าวมันห่วยเอง มันรักมาก มันห่วงมาก ห่วงว่าถ้าบอกรักเค้าแล้วจะทำให้เค้าอึดอัดใจ ไม่สบายใจ ไอ้ห้าวมันโง่มันงี่เง่า มันน่าจะประกาศตัวลงแข่งเหมือนคนอื่นๆ แต่มันก็ไม่ทำ มันไม่กล้า มันไม่กล้าทำให้รสโกรธ ไอ้โง่ๆๆ” ห้าวพูดพลางตีหัว ชกตัวเอง
       รสาห้ามพัลวัน
       “อย่า พี่ห้าว อย่าทำอย่างนี้ อย่า”
       ห้าวทรุดลงเป็นยักษ์อ่อนแอหมดรูป รสามองอย่างเห็นใจทรุดลงข้างๆโอบปลอบใจ
       “พี่ห้าว..รสขอโทษจริงๆ”
       ห้าวหันขวับมาถาม
       “ยังทันมั้ยรส”
       รสามองอย่างงๆ
       “ยังทันมั้ย ที่ไอ้ห้าวจะลงสนามแข่งกับไอ้ไฮโซ กับไอ้หน้าแหย”
       “พี่ห้าว”
       “ได้มั้ยรส อย่าเพิ่งแต่งงาน อย่าเพิ่งเลือกใครได้มั้ยรส ให้โอกาสพี่ก่อน”
       รสามองสายตาจริงจังของห้าวแล้วถอนใจ
       “ตลอดเวลาที่ผ่านมารสรักพี่ห้าว”
       ห้าวตาวาว ดีใจ จ้องเขม็ง
       รสาหลบตาแล้วพูดต่อ
       “แบบพี่ชายมาโดยตลอด”
       ห้าววูบที่โดนรสาดับฝันกลางอากาศ
       “พี่ห้าวเป็นพีชายที่แสนดี และเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดคนนึงที่รสรู้จักในชีวิตรส...ความรักที่รสมีต่อพี่ห้าวมันจะไม่มีวันลดน้อยลงแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม รสจะแต่งหรือไม่แต่ง หรือจะแต่งกับใครพี่ห้าวก็ยังจะเป็นพี่ชายคนเดียวของรสที่รสรักที่สุด”
       ห้าวไม่แน่ใจว่า ควรจะดีใจหรือเสียใจกับชีวิตดี

       ที่ริมทะเล ยามเย็น ห้าววิ่งๆ ลุยเตะๆ ต่อยๆ น้ำทะเลอย่างบ้าคลั่งแล้วตะโกนลั่น
       “กูไม่อยากเป็นพี่ชาย ไอ้ห้าวไม่อยากเป็นพีชาย”
       ห้าวยืนสะอื้น ตีอกชกตัวชอกช้ำอยู่ในน้ำทะเลอย่างน่าสงสาร

       บนถนน ภคพงษ์ขับรถไปอย่างเร็ว มุ่งหน้าไประยองด้วยความร้อนใจ กล่องแหวนและช่อดอกไม้วางอยู่ ข้างๆเบาะ เสียงอาภรณ์ดังเข้ามาในความคิด
       “คุณภัคคะ ป้าว่า อย่าตามไปเลยค่ะ คือ รสเค้าไปกับวิน เค้าสองคนไปเตรียมจัดงานแต่งงานที่โน่นน่ะค่ะ”
       ภคพงษ์ยิ่งรีบเหยียบคันเร่งอย่างเร็ว ระหว่างนั้นก็กดโทร.หารสาไปด้วย

       โทรศัพท์รสาวางอยู่บนโต๊ะในบ้าน รสาเดินเข้ามาหยิบมาดู พอเห็นเป็นชื่อภคพงษ์ก็คิดก่อนกดทิ้ง ชีวินเดินมาเห็นพอดี
       “ใครโทร.มาน่ะรส ทำไมไม่รับ”
       รสาหันมาแล้วก็ตอบเลี่ยงๆ
       “ลูกค้าน่ะไม่รับเพราะยังไม่อยากคุยเรื่องงาน เราไปดูสวนที่จะจัดงานกันต่อดีกว่านะ”
       “จ้ะ”
       รสายิ้มกลบเกลื่อนและเดินออกไป ชีวินมองโทรศัพท์แต่แอบไม่เชื่อนิดๆ ก่อนเดินตามรสาออกไป

       ภคพงษ์วางสายด้วยความไม่สบายใจ กดโทรกลับไปอีกที เป็นสัญญาณปิดเครื่อง ภคพงษ์กดวางสายอีกที
       ด้วยความร้อนใจ และเหยียบเร่งความเร็ว รถภคพงษ์พุ่งไปข้างหน้าอย่างแรง

       ในเวลาเย็น บริเวณหน้าบ้านเถลิงยศในบรรยากาศอึมครึม สายใจเดินพาสุวิทย์เข้ามาในห้องรับแขก และพูดกับผู้มาเยือนว่า
       “คุณภัคไม่อยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าคะ”
       สุวิทย์กำลังยืนอยู่ที่หน้ารูปวาดของพรต สุวิทย์หันมาทางสายใจและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง และเคร่ง
       ขรึม
       “นี่คือรูปคุณพรต เถลิงยศ พ่อของภคพงษ์ สามีคนแรกของรัชนีใช่หรือเปล่า”
       สายใจสะอึก แววตาเลิ่กลั่ก น้ำท่วมปาก พูดอะไรไม่ออก

       โทรศัพท์ในห้องพักร่วงจากมือรัชนีตกลงไปค้างอยู่ที่เตียงข้างตัว เสียงสายใจดังออกมา
       “คุณผู้หญิงคะ คุณผู้หญิง คุณผู้หญิงได้ยินหรือเปล่าคะ”
       รัชนีแววตาสั่นระริกเต็มไปด้วยความสับสน รอบดวงตาร้อนผ่าว น้ำตาร่วงไม่รู้ตัว
       ปรางทิพย์เดินเข้ามาในห้องแล้วก็ชะงักเพราะเสียงร้องไห้ของรัชนี ปรางทิพย์หยุดเดินและแอบฟัง รัชนีพยายามระงับสติ หยิบโทรศัพท์มาพูดต่อมือสั่นๆ เสียงสั่นๆ 
       “สายใจ เล่าทุกอย่างที่คุณสุวิทย์อยากรู้ เล่าให้ฟังให้หมด ไม่ต้องปิดบังอะไรทั้งนั้น ถึงเวลาที่ทุกคนจะต้องรู้ความจริงแล้ว บอกไปเลย ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”
       รัชนีนึกถึงคำพูดสุวิทย์ที่เคยบอกว่า “เกลียดการโดนหลอก” ก็ปล่อยโฮแล้วก็พูดกับตัวเอง
       “จบแล้ว ทุกอย่าง มันจบแล้ว ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ไม่เหลือแล้ว”
       รัชนีร้องไห้ด้วยความเสียใจ และยอมรับความเสียใจนั้น
       ปรางทิพย์ค่อยๆเดินออกมาน้ำตาไหลพราก รัชนีอึ้งมองหน้าปรางทิพย์ที่ยืนอยู่ สองคนแม่ลูกต่างมองหน้ากัน ต่างคนต่างร้องไห้
       ปรางทิพย์พูดเสียงสั่น
       “ไม่จริงค่ะ คุณแม่ยังเหลือปรางนะคะ คุณแม่ยังเหลือปรางอยู่ข้างคุณแม่นะคะ”
       “ปราง”
       ปรางทิพย์วิ่งมาหารัชนี และสวมกอดด้วยความรัก

สองคนแม่ลูกกอดกันร้องไห้ เป็นน้ำตาแห่งความรัก ความเข้าใจ ที่มีค่ายิ่งสำหรับรัชนีในตอนนี้ 



Create Date : 12 ตุลาคม 2555
Last Update : 12 ตุลาคม 2555 12:32:15 น.
Counter : 834 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

bosszone
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]