|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Yom Kippur ยมคิปูร์
ประเพณี ที่มา ของวันยมคิปูร์
ยมคิปูร์ (ยมแปลว่าวันค่ะ) จะเริ่มตั้งแต่ตอนเย็นของวันที่ 10 ในเดือนทิชเร(เดือนยิว) ตรงกับวันที่ 13 ตุลาคม 2548 ที่ผ่านมา ในวันนี้ชาวยิวทั่วโลกจะไม่รับประทานอาหาร และดื่มน้ำ ตลอด 25 ชั่วโมง (เย็นวันที่ 12 ตุลา ถึง เย็นวันที่ 13 ตุลาคม 2548) กฎการห้ามกินดื่มนี้ จะใช้กับคนที่เป็นผู้ใหญ่เท่านั้น ถ้ายังเด็กอยู่ อายุต่ำกว่า 13 (ยังไม่ผ่านพิธี บาร์มิซวา) ก็ไม่จำเป็นต้องอดนะคะ และคนที่ป่วยอยู่ก็ไม่ต้องทำค่ะ (จะถือเรื่องสุขภาพเป็นสำคัญ ว่าใครทำได้บ้าง..เพราะอด 25 ชั่วโมงทั้งอาหารและน้ำ ไม่ใช่ง่ายๆค่ะ)
มีวันนี้ขึ้นมา เนื่องจากเป็นวันที่พระเจ้าจะตัดสินชะตาชีวิตของปีใหม่ ว่าใครจะได้รับสิ่งดี หรือร้าย ซึ่งมาจากผลการกระทำของตัวเอง คือเป็นวันสุดท้ายที่จะมีโอกาสวิงวอนพระองค์ให้อภัยให้ (ถ้าสำนึกผิดจริง) บางคนเลยเรื่องว่าเป็นวัน Forgivingness
ในวันนี้จะมีการสวดมนต์หลักๆ อยู่ 5 บทค่ะ (ภาษาอังกฤษเรียกว่า Service)
1. Kol Nidre โคลนิดเร สวดตอนเย็นของวันที่ 9 ทิชเร (จริงๆ ถือว่าเข้าวันที่ 10 แล้วหล่ะ) Kol Nidre แปลว่า ทุกคำสบาน หรืออธิษฐาน หรือคำพูดสัญญาอะไรที่เราได้ทำไว้ แต่ไม่ปฎิบัติตาม ต้องมาทบทวนในการสวดนี้ สวดทั้งหมด 3 ครั้ง
2. Shacharit ชาคาริท สวดตอนเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น 3. Musaf มูซาฟ สวดหลังชาคาริท 4. Mincha มินคา สวดตอนบ่าย 5. Ne'ila เนอิล่า สวดตอนท้ายสุด ก่อนเลิกอดอาหาร
ส่วนรายละเอียดของ 4 เซอวิสที่เหลือ ไม่มีคำอธิบายในที่นี่ค่ะ เพราะเหมือนๆกับวันอื่นๆ ที่สวด
สิ่งที่แตกต่างในวันยมคิปูร์ -การจุดเทียน จะทำหลังมื้ออาหาร -ไม่มีการทำ"คิดูช" (คิดูช Kidush คือพิธีการหลังจากกลับจากสวดมนต์ในตอนเช้า ก่อนทานอาหารเช้า- เนื่องจากไม่มีการทานอาหารในวันนี้นั่นเอง) -เป็นวันเดียวที่สวม "ทาลิท" ในการสวดมนต์ตอนเย็น(ปกติสวมตอนเช้า)
ในวันนี้ชาวยิวจะไม่สวมใส่อะไรที่ทำจากหนัง จะใช้ของที่ทำจากผ้าทั้งหมด ทั้งรองเท้า กระเป๋า (เป็นการบอกตัวเองเรื่องการตัดความสวยงาม รำลึกถึงแต่สิ่งที่ได้กระทำผิดมา)
หลังการเป่าโชฟาร์ชุดสุดท้าย (คนเป่าเก่งมากๆ เพราะคิดดูแล้วกันว่าอดอาหารมา 25 ชั่วโมง ยังมีแรงเป่าด้วยอ่ะ) หลังจากสวด Ne'ila เนอิล่า จบ ทุกคนจะกล่าวพร้อมกันว่า "ปีต่อไปในเยรูซาเลม"
มีทริกนิหน่อยที่มาของคำว่า Breakfast อาหารเช้าคือ ก็คือการ พัก/หยุด (Break) จากการ อด ( Fast) นั่นเอง ฮิฮิ เพิ่งรู้นะเนี่ย
พิธีการ "คาปารอท" จะมาเขียนภายหลังนะคะ (ไม่อยากพูดถึงเลย ทรมานสัตว์เล็กน้อย ทำไก่ให้เวียนหัว) ป้จจุบันไม่ค่อยนิยมทำแล้ว ยกเว้นในกลุ่มคนที่เคร่งมากๆเท่านั้น
Create Date : 01 มกราคม 2549 |
Last Update : 1 มกราคม 2549 17:32:52 น. |
|
10 comments
|
Counter : 3256 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: นางกอแบกเป้ วันที่: 1 มกราคม 2549 เวลา:21:03:30 น. |
|
|
|
โดย: vad IP: 58.10.6.49 วันที่: 1 มกราคม 2549 เวลา:21:58:46 น. |
|
|
|
โดย: vad IP: 58.10.6.49 วันที่: 1 มกราคม 2549 เวลา:21:59:49 น. |
|
|
|
โดย: vad (vad ) วันที่: 1 มกราคม 2549 เวลา:22:02:31 น. |
|
|
|
โดย: บุ๋ม IP: 84.110.91.223 วันที่: 2 มกราคม 2549 เวลา:0:19:22 น. |
|
|
|
โดย: บุ๋ม IP: 84.110.91.223 วันที่: 2 มกราคม 2549 เวลา:0:32:28 น. |
|
|
|
โดย: นางกอแบกเป้ วันที่: 2 มกราคม 2549 เวลา:18:11:37 น. |
|
|
|
โดย: นันทิชา คำยวง IP: 61.7.144.118 วันที่: 25 มกราคม 2550 เวลา:10:01:51 น. |
|
|
|
โดย: แซค IP: 125.24.129.228 วันที่: 2 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:56:43 น. |
|
|
|
โดย: ชโลม IP: 64.131.242.146 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:42:42 น. |
|
|
|
|
|
|
|