มันก็เลยทำให้เรื่องเล่าจากทริปฮ่องกงของเรายาวมาก
จบจากนิทรรศการหมุนเวียนเรื่องเกี่ยวกับภูมิอากาศแล้ว ก็มุ่งหน้าเข้าสู่นิทรรศการถาวรในพิพิธภัณฑ์ซะที
เรื่องราวประวัติศาสตร์ของเกาะฮ่องกง ย้อนหลังไปยังยุคก่อนประวัติศาสตร์กันเลยทีเดียว
ผ่านอุโมงค์กาลเวลานี้เข้าไป ก็เป็นส่วนจัดแสดงหินต่างๆ ที่บ่งบอกให้ทราบถึงความเก่าแก่ของภูมิประเทศนี้
ก่อนจะไปดูหิน เราก็เข้าห้องแสดงวิดีทัศน์ ที่ฉายเรื่องความเป็นมาตั้งแต่การกำเนิดดาวเคราะห์ "โลก"
เล่าว่า ยุคโบราณ ยุคหิน เป็นยังไง บรรยากาศร้อน เย็น ก่อกำเนิดขึ้นเป็นเกาะ ...ลากยาวมาก
ให้ห้องวิดีทัศน์นี้ ห้ามพูดคุยเสียงดัง มีครอบครัวนึง พาเด็กมาดู เจ้าหนูก็งอแง เจ้าหน้าที่รปภ.ต้องมาเชิญออก
คนที่เหลือจึงได้นั่งฟังคำบรรยายภาษาอังกฤษได้อย่างสงบ จนจบ จึงได้ออกมาเดินดูสิ่งจัดแสดง
มีทั้งหินในชั้นต่างๆ จนกระทั่งซากฟอสซิล ที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อก่อนนี้ ที่นี่ เคยเป็นทะเล
หรือเป็นเกาะอยู่ใต้น้ำ ก่อนจะถูกดันตัวขึ้นมาเหนือน้ำ
ห้องถัดมา คือการจำลองสภาพภูมิประเทศ ความเป็นป่าโบราณ
มีซากสัตว์สตาฟไว้ ซึ่งจะอยู่ตามสภาพว่า เจ้าตัวนี้อยู่ในป่าลึก เจ้าตัวนี้อยู่ป่าชายเลน ...
ถัดมาก็คือ การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ผ่านข้าวของเครื่องใช้ในการดำรงชีวิต ทั้งยุคหิน ยุคดินเผา ยุคเครื่องสัมฤทธิ์
มีสิ่งจัดแสดงพร้อมคำอธิบายถึงสมัย และแหล่งที่พบโบราณวัตถุนั้นๆ ชัดเจน
เราว่าพิพิธภัณพ์ในบ้านเมืองเรา (หมายถึงพิพิธภัณฑ์ของรัฐ) คงได้มาดูงานพิพิธภัณฑ์ต่างแดนแบบนี้บ้างแล้ว
จึงได้เห็นการปรับปรุงการจัดแสดงในห้องต่างๆ ดีขึ้น แต่ยังไห้ข้อมูลในป้ายต่างๆ น้อยไปหน่อย
หรืออาจเป็นเพราะเรามีข้อสงสัยเยอะ ก็เลยรู้สึกว่า คำอธิบายโบราณวัตถุ มันสั้นๆ มาก
ประเทศจีนนี้ขึ้นขื่อในเรื่องงานศิลปะเครื่องปั้นดินเผา
ดังนั้น จึงมีการจัดแสดงเนื้อหาเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผาละเอียดมาก
แบ่งยุค ตามสมัย (ระบุช่วงอายุตามปีค.ศ.) แบ่งแหล่งผลิต (ระบุชื่อแหล่งเตา)
...ถ้าในสนใจเรียนรู้เรื่องนี้ เราแนะนำให้มาเดินอ่านในพิพิธภัณฑ์นี้ได้เลย
แล้วสิ่งที่เราเรียนรู้ได้เอง (ถ้าสนใจ) ก็คือ ลวดลายที่ปรากฎบนเครื่องปั้นเหล่านั้น
จะบ่งบอกได้ว่า การเขียนลายแบบนี้ หรือปั้นแบบนี้ พบบนภาชนะหน้าตาอย่างนี้ ...ใช้ใส่ศพนะ
ถ้าเป็นลายแบบนี้ รูปร่างอย่างนี้ เป็นที่เก็บกระดูกนะ ...ประมาณนั้น
ขึ้นอยู่กับ ความสนใจศึกษาเพิ่มเติมของผู้เข้าชมเองนั่นแหละ
ของที่ไม่สมบูรณ์ แตกหักเสียหาย ก็นำมาจัดแสดงให้ความรู้ได้
มันทำให้เราเห็นลวดลาย เห็นเนื้อดิน แต่ทุกสิ่งอย่างนั้น จัดแสดงในตู้กระจกขนาดใหญ่
ถ่ายภาพก็ติดเงาสะท้อน ..แต่เราก็กดชัตเตอร์เพลินไปเลยเหมือนกันนะ
ของแตกหักบางรายการ ก็มีการซ่อมให้คืนรูปร่าง ...แต่เป็นการซ่อมที่ให้เห็นชัดว่านี่คือ "ซ่อม"
ไม่ใช่ทำสีซะเหมือนของเดิม จนทำให้คนดูเข้าใจผิด
ด้วยความที่เราชอบเรื่องเครื่องถ้วยเป็นพิเศษ ก็เลยใช้เวลาอยู่ในพื้นที่ส่วนนี้นานมาก
แต่เราไม่ได้รู้อะไรมากนักหรอก นอกจากคอยคิดตามว่า ลักษณะแบบนี้ สีแบบนี้ เคยเห็นที่พิพิธภัณฑ์บ้านเรานะ
มันตรงกับช่วงสุโขทัยนะ แสดงว่าการค้าขายแลกเปลียนระหว่างประเทศเกิดขึ้นแล้ว
หรือไม่ก็ต้องมีคนจีนในแผ่นดินสุวรรณภูมิบ้างแล้ว....
มันเป็นการศึกษา ยืนยันว่า เรื่องที่นักวิชาการทั้งหลายเขียนในอ่านนั้น
มีพยานวัตถุยืนยันได้ ....เท่านั้นเอง
เดินต่อมาอีกห้อง ก็เสนอสภาพชีวิตของชาวจีนในอดีต แบบพื้นบ้าน
บอกเล่าว่า สังคมเมืองจีนเป็นสังคมเกษตรกรรม มีชุดชาวนาที่ใช้ในช่วงฤดูต่างๆ
มีมุมจำลองชีวิตชาวประมง พร้อมอุปกรณ์หาปลา ซึ่งเป็นเครื่องจักสาน แบบที่ชาวประมงเมืองไทยใช้
เขาจัดแสดงชีวิตชาวเรือ ...ในเรือจำลองให้เห็นกันเลย
แน่นอนว่า การดูสิ่งของที่จัดแสดงเพียงอย่างเดียว ไม่ช่วยให้รู้อะไรมากไปกว่า
เขาจัดแสดงได้สวยดี เหมือนจริงดี จัดแสงดี สวยจนน่าเป็นพรอพถ่ายรูปได้ดี
แต่ควรต้องใช้เวลา "อ่าน" เนื้อหาที่เขียนบรรยายเรื่องราวในแต่ละจุดซะก่อน
แล้วจะทำให้ดูสิ่งจัดแสดงจำลองเหล่านี้ได้อย่างเข้าใจ ....
นับวัน เรายิ่งใช้เวลาในพิพิธภัณฑ์นานขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเราจึงคิดจะชวนเพื่อนเดินพิพิธภัณฑ์
เพราะรู้สึกเกรงใจ ...แยกตัวมาเดินคนเดียวแบบนี้ ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา
โปรดติดตามตอนต่อไป
วันนี้แวะมาทักทายที่บล็อกค่ะ
มาชมพิพิธภัณฑ์ :)