Singapore Last Year : Part IV
ความเดิมตอนที่แล้ว
จาก Sentosa Express ซึ่งมีเพียงแค่ 3 สถานี พวกเรามาลงที่สถานีสุดท้าย มีอะไรน่าสนใจบ้าง ....ก็ดูที่ป้ายได้เลย แต่ละอย่างนั้น ล้วนที่มี "ค่าเข้าชม" ดังนั้น เราก็ทำตัวแบบนักท่องเที่ยวกระเป๋าแบน "เดินชม"
เลือกเดินทางขวา มุ่งหน้าไปที่ Siloso Beach กันก่อน ฟ้าครึ้มที่เห็น กลั่นตัวเป็นฝน เทลงมาอีกรอบนึง
มานั่งหลบฝนกันที่ด้าน Skyride & Cable Car อ่านจากป้าย ดูจากรูป คงเป็นอะไรที่ตื่นเต้นดีนะ แต่ในเมือไม่มีแนวร่วม ก็เลยได้แต่นั่งดูนักท่องเที่ยวคนอื่นเล่น ท่ามกลางสายฝนพรำ ณ เวลานี้ ก็ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว อย่ากระนั้นเลย จงควักเสบียงที่ซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ตใน Vivo City ขึ้นมากินซะดีๆ
คือ พวกเรารู้อยู่แล้วว่า บนเกาะเซนโตซ่า ไม่ว่าจะเป็นช่วงทะเล หรือรีสอร์ทนั้น มีร้านอาหารเยอะ แต่...ค่อนข้างมั่นใจว่า "แพง" ก็เลยแวะหาขนมและเครื่องดื่มในซุปเปอร์มาร์เก็ต ตุนไว้ก่อน เราเลือกบะจ่างแบบ Nyonya มาลองลิ้มชิมรสชาติ แบบหวานและแบบเค็ม เหมือนกินข้าวเหนียวหมูฝอยเลยอ่ะ ...ค่อนข้างธรรมดาไปหน่อย ไม่ประทับใจ แค่อิ่ม
พอฝนเริ่มซา ก็ออกเดิน ทางฝั่ง Siloso beach เป็นที่ตั้งของ Songs of the Sea การแสดงแสง สี เสียง ประกอบน้ำพุ ที่ว่ากันว่า สวยงามตระการตา และน่าทึ่ง ....ถ่ายรูปเก็บไว้ ...พอ
แถวนี้เป็นละแวก หาด hip hip มีเครื่องเล่นในทะเล มีบาร์ ...แต่ฝนตกอย่างนี้ ทะเลก็เหงาเป็น
ดื่มดำ สัมผัสทะเลซึกขวากันแล้ว ก็มาขึ้นรถโดยสารภายในเกาะ มุ่งหน้าไปซึกซ้ายกันบ้าง อยากรู้ว่า มันต่างกันยังไง ...
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยววันนี้ คงเซ็งไม่่น้อย เพราะฝนลงตลอด หนักบ้าง เบาบ้าง สลับกันไป พอเริ่มซา เราก็เดินชมหาดกันได้ พอลงหนัก เราก็ต้องหยุดพักหลบฝน
ด้าน Palawan Beach มีกิจกรรมแบบเบาๆ ให้เล่นน้ำทะเลได้ มีหอสูงให้ขึ้นชมวิว ดูจะเป็นหาดที่สงบเสงี่ยมกว่าอีกด้าน และแน่นอนกว่า ช่วงที่เราไปถึงยิ่งสงบมาก เพราะฝนกระหน่ำ
พวกเราก็เลย เดินท่ามกลางฝนปรอยๆ ซอยเท้าเร่งเวลาฝนเท...หลบฝนไปพลาง ดูวิว ถ่ายรูปไปพลาง อากาศเย็น ชวนนอนมากเลยนะ
สลัดความง่วงเหงา ..กลับมาที่สถานีรถไฟฟ้า มุ่งหน้ากลับไปยังสถานีที่ 2 อันเป็นที่ตั้งของ Resort World of Sentosa และ Casino
เพื่อนหนึ่งขอแยกตัว นั่งดื่มกาแฟรอ อีกสามสาวจัดการไปต่อคิวนักท่องเที่ยว แสดงพาสสปอร์ตเพื่อเข้าไปดูภายใน ไม่มีอนุญาตให้ถ่ายรูป ก็ขอเล่าจากที่เห็น ภายในมีตู้ slot อยู่ด้านนึง มุมนี้มีนักท่องเที่ยวสูงวัยนั่งเล่น ที่ยังหนุ่มยังสาว ก็ไปล้อมโต๊ะเล่นไพ่ประเภทต่างๆ ที่เราไปชะโงกดูแล้ว ก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรอยู่ดี มีร้านอาหารจีนขนาดใหญ่อยู่ด้านใน 2 ร้าน บริการกาแฟและเครื่องฟรี ตลอดเวลาที่อยู่ในนั้น เดินวนไปวนมาจนครบรอบแล้ว ก็ออกมา มาหาเพื่อนที่นั่งรออยู่
มีร้านขายของน่ารัก น่าแวะ และน่ากินหลายร้านมากกกกก โดยเฉพาะร้าน Candy ร้านนี้ อยากพกเงินเต็มกระเป๋า จะได้ขอจองที่พักในนี้ซักคืน แล้วก็นั่งเล่น เสี่ยงดวง ในคาซิโนท้ั้งวัน
ออกจากเซนโตซ่าโดยไม่ลงสถานีแรก เพราะพรุ่งนี้เราต้องแวะมาอยู่แล้ว เพื่อนๆ ตกลงใจว่าจะนั่งรถไฟฟ้าย้อนกลับไปยัง Vivo City จุดมุ่งหมายคือ กินข้าวเย็นที่ Food Republic นั่นเอง ....ศูนย์อาหารชื่อดัง ต้องลอง
ที่นี่เป็น "Food Court" ที่คัดร้านอาหารคุณภาพ หลากหลายประเภทอากาศเข้ามาไว้รวมกัน มีการตกแต่งแต่ละสาขาแตกต่างกัน ...ก็เลยกลายเป็นที่ถ่ายรูปไปด้วย เราเดินวนไป วนมา โน้นก็น่ากิน นี่ก็น่ากิน สุดท้ายก็มาเลือกเอาอาหารประเภทที่คุ้นเคยอีกอยู่ดี
เจอร้านอาหารแบบนี้ ตั้งแต่มะละกา ปีนัง ก็ชิมแล้ว มาถึงสิงคโปร์ ก็ยังไม่วาย ขอลองอีก เลือกผักและเนื้อสัตว์ตามชอบ เลือกเส้นที่ชอบ และครั้งนี้โชคดี เลือกน้ำซุปข้นได้ซะที (ก่อนหน้าที่เคยกิน น้ำซุปแบบข้น - - หมด) เราก็เลือก ตามป้ายราคา ที่ระบุจำนวนชิ้นเอาไว้ ใส่ชามแล้วลงให้คนขาย จัดการตัดและหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วก็ปรุงออกมาได้ อาหารหนึ่งชามโต ราคา 4 เหรียญกว่าๆ
เห็นสีอย่างนี้ ไม่เผ็ดเลย ...และขอบอกว่า แบบน้ำข้น อร่อยกว่าแบบน้ำใสอ่ะ เพื่อนๆ เลือกอะไรกันบ้าง ครั้งนี้หิวจัดไม่ได้ถ่ายจานคนอื่นไว้เลย กินอิ่มแล้ว ก็เดินย่อยอาหารกันต่อ แต่คนนึงขอปลีกตัวล่วงหน้ากลับที่พักไปก่อน เลือกสามคน ลงจากรถไฟฟ้าระหว่างทาง มุ่งหน้ามายัง Marina Bay อีกครั้ง คราวนี้มาอีกด้านของอ่าวมารีน่า
ออกมาถึง Youth Olympic Park มีงานศิลปะฝีมือเด็กๆ แขวนไว้ที่กำแพง มีการตกแต่งไฟบนพื้นอย่างสวยงาม แต่ตัวศูนย์หมดเวลาทำการแล้ว เราแค่เดินเล่นภายนอก มุ่งหน้ามายังสะพานสวยๆ ที่เห็นเมื่อวานนั่นแหละ
สะพานนี้ ออกแบบได้สวย และตกแต่งไฟช่วงกลางคืนก็สวย คงเป็นไฟ LED ที่เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ก็เลยทำให้ บรรดาช่างภาพ ทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น ใช้เป็นฉากในการถ่ายภาพ "เพียบ" เราเจอคณะถ่ายแฟชั่น บนจุดพักผ่อนบนสะพานด้วย และมีชาวสิงคโปร์วิ่งออกกำลังกายอยู่บนสะพาน ...เป็นสถานที่อเนกประสงค์จริงๆ
ยามค่ำคืน สิงคโปร์ กลายเป็นเมืองที่โชว์แสง-สี ได้อย่างสวยงาม ทำเอาเราปรับฟังก์ชั่นกล้อง ถ่ายรูปเพลินไปเลย
เดินจากสะพานมาตามถนน เลียบแนวอ่าวมาเรื่อยๆ จนมาถึงหน้า ศูนย์การค้ามารีน่าเบย์ (และโรงแรมมารีนาเบย์ แซนด์) แบตกล้องก็ใกล้หมด ทำให้เราต้องสงวนแบต ไม่มั่นใจว่าจะได้ภาพชัด ก็ไม่ถ่าย ดังนั้น จึงไม่ได้เก็บภาพในศูนย์การค้ามาเลย ...ด้านในนั้น ทำเป็นคลองเล็กๆ และมีเรือบริการล่องชมในตัวตึกด้วยนะ เรามองเห็นป้ายบอกทางไป Garden by the Bay ก็เลยชวนเพื่อนๆ เดินตามป้าย จากชั้น 1 ขึ้นบันไดเลื่อนที่ทอดยาวขึ้นสูง ไม่รู้กี่ชั้น ต้องมองชัดข้างบนนะ ถ้ามองลงคงหวาดเสียวน่าดู ขั้นไปถึง ก็เดินทะลุผ่านตัวอาคารของโรงแรมไปอีก เดินไปเรื่อยๆ ไม่ยักเห็นจุดหมายซะที
ร่ำๆ จะย้อนกลับ แต่ก็คิดว่า เอาว่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว ไม่ได้รีบร้อนกลับไปนอนซะหน่อย เดินตามป้ายให้ถึงที่สุดไปเลย ฟ้าเข้าข้างคนมีความพยายาม ในที่สุด เราก็มองเห็น ย้ำ...มองเห็น Garden by the Bay ในยามค่ำคืน
มาถึงตรงนี้ ก็ไม่รู้อยู่ดีว่า อีกไกลแค่ไหน ถึงจะเดินไปถึงประตูทางเข้า และถึงเดินไปจนถึงหน้าประตู ก็คงหมดเวลาเปิดให้ชมแล้ว ก็ที่นี่เป็น สวนพฤกษศาสตร์แห่งใหม่ จะมาเปิดให้ชมอะไรตอนกลางคืนกัน ....นอกจากชมไฟประดับสวยๆ เท่านั้นแหละ
เดินย้อนกลับมาทางเดิม คราวนี้คุณน้องที่มาด้วยกันรีบบอกว่า "พี่ลงลิฟท์นะ ลงบันไดเลื่อน หนูกลัว" ก็ตามใจน้อง ...ขาลงใช้เวลาไม่นาน เพราะขาไม่สั่นเหมือนขาขึ้น
ออกจากตัวห้างก็เห็นคนมากมาย นั่งจับจองพื้นที่หน้าห้าง เกือบเต็ม น่าจะมีการแสดงอะไรบ้างอย่าง เราดูนาฬิกากันแล้ว ก็ตัดสินใจ นั่งรอเวลา ....ไม่นานก็ได้ชมการแสดงแสง สี เสียง ประกอบม่านน้ำและเลเซอร์ สุดยอดเลย ....ของฟรี ไม่ต้องเสียเงินแบบ Song of the Sea ด้วย ...แต่นั่นแหละ แบตกล้องน้อยมาก เลยไม่มีรูปถ่าย ไม่มีวีดีโอมาฝาก
เป็นวันที่เปิดด้วยความชุ่มฉ่ำ หม่นมัว และปิดท้ายได้อลังการ ประทับใจสุดๆ
โปรดติดตามตอนต่อไป
| Create Date : 30 มิถุนายน 2556 |
| Last Update : 30 มิถุนายน 2556 20:38:54 น. |
|
1 comments
|
| Counter : 2131 Pageviews. |
|
 |
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [
