Singapore Last Year : Part X
ความเดิมตอนที่แล้ว
และแล้วรถไฟฟ้าขบวนนั้น....สายสีอะไรจำไม่ได้แล้วนะ แต่มาถึงสถานี Chinatown โผล่จากใต้ดินขึ้นมาก็เจอผู้คนมากมาย เดินกันขวักไขว่
ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในสำเพ็ง-เยาวราชเลยนะ ร้านค้าเพียง แต่ยังไม่ดึงดูใจเท่ากับตึกชิโน-โปตุกีสสวยๆ
มื้อเย็นตั้งใจกันว่าจะหาอะไรกินแถวๆ นี้แหละ แต่ตอนนี้ต้องรีบจ่ำไปวัดพระเขี้ยวแก้วกันก่อน ในคู่มือบอกว่าที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ด้วย ชักช้าเดี๋ยวจะปิดซะก่อน
ในช่วงเดือนสิงหาคมที่เราไปนั้น เป็นเทศกาลไหว้ผีบรรพบุรุษ ก็เลยมีการตกแต่งโคมไฟ ตั้งเครื่องไหว้ สวยงามดี
ค่ำวันนี้คงจะมีพิธีสวดอุทิศผลบุญให้ผู้ล่วงลับด้วย เพราะด้านในมีการตั้งเครื่องบูชา เตรียมจัดสถานที เราเดินเข้าไปด้านในแบบเงียบๆ สังเกตุดูว่า เจ้าหน้าที่ไม่ห้ามถ่ายรูป ก็เดินวนเก็บภาพสิ่งประดับอาคารและพระพุทธรูปสำคัญ เลี่ยงการเก็บภาพในบริเวณเตรียมพิธีการ ....ที่จริงคือ ภายในอาคารนั้น น่าตื่นตะลึง มากกก
มีพระพุทธรูปประจำปีต่างๆ ตั้งเรียงรายให้บูชา ผนังโดยรอบก็มีพระพุทธรูปเรียงไว้เต็มผนังด้วย เราจำไม่ได้แล้วนะว่า องค์ไหน ประจำปีไหน ...ค่อยๆ ดูภาพไปละกัน
ออกจากห้องนี้มาถึงอีกด้านของอาคาร ...ก็มีลักษณะสถาปัตยกรรมจีนที่ชวนให้กดชัตเตอร์อีก
และแล้วก็เป็นไปอย่างที่คิด ...เรามาถึงเมื่อใกล้เวลาปิดพิพิธภัณฑ์ มัวแต่ละลานตากับพระพุทธรูปงามๆ ก็เลยขึ้นไปที่หน้าห้องพิพิธภัณฑ์ทันตอนที่เจ้าหน้าที่ล๊อคกุญแจพอดี ไม่เป็นไร เอาไว้มาใหม่ ขอศึกษาเรื่องราวแนวพุทธมหายานให้เข้าใจกว่าดีก่อน จะได้รู้จักว่า พระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ องค์ไหนมีจุดสังเกตุแบบไหน เพราะเยอะพอๆ กับพระพุทธรูปปางต่างๆ นั่นแหละ แล้วก็ยังมีเทพเจ้าจีนอีกมากมายให้ศึกษาเพิ่มเติมด้วย
ออกมาข้างนอกก็มืดค่ำพอดี ข้าวมันไก่บุนตงกี่ย่อยไปหมดแล้ว ได้เวลาเดินหาอะไรกินกันซะที ซึ่งก็มีร้านขายอาหาร ขายขนม ตั้งแผง ตั้งร้าน เต็มไปหมด เลือกกินไม่ถูกอีก
สนปะ....ขนมปังปี๊บ ... 2 เหรียญเองนะ
เดินย้อนกลับมาโซนร้านอาหารแผงลอย ก่อนจะเลือกว่ากินอะไรกันดี ต้องรีบหาที่นั่งจองทีกันก่อน ...เพราะคนเยอะมาก ทั้งคนสิงคโปร์ ทั้งนักท่องเที่ยวนั่นแหละ พอได้ที่นั่งแล้ว ก็แยกกันไปเดินดูแล้วก็เลือกอาหารกลับมาวางกองกลาง
จานแรกเป็นพะโล้ ทั้งหมู ไข่ เต้าหู แล้วแยกเส้นใหญ่มาอีกต่างหากอีกถ้วย ... อีกจานก็เลือกกินสะเต๊กกันซะหน่อย มีข้าวเหนียวแนมมาด้วย แต่เป็นแบบก้อนแป้งมากกว่านะ
เดินกลับมาที่สถานีรถไฟ ก็ผ่านร้านหมูแผ่น ..ร้านแนะนำในคู่มือท่องเที่ยว โฉบเข้าไปดูแล้ว ก็ถอยออกมา การหอบหมูแผ่นขึ้นเครื่องกลับบ้าน คงเป็นเรื่องยากลำบากเกินไป เอาไว้ไปซื้อที่เยาวราชหรือโคราชแทนละกันนะ
จุดหมายต่อมาของพวกเรา คือ ช้อปของฝาก ...คืนสุดท้ายแล้ว ซื้อซะ จะได้จัดลงกระเป๋าให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง ตกลงว่า แหล่งซื้อหาที่ถูกเงิน น่าจะเป้นห้าง MUSTAFA ย่านคนแขก
ย่านนี้ออกจะน่ากลัวไปนิด เพราะคนแขกมาเลย์นั่น ผิวเข้ม หนวดครึ้ม ถ้าไม่ยิ้มให้ก่อนนะ เราก็รู้สึกหวาดหวั่นเหมือนกันแหละ ไม่ใช่เรากลัวเขาฝ่ายเดียวหรอก เขาก็กลัวเรา เพราะฉะนั้น ก่อนเข้าห้างนี้ ต้องฝากกระเป๋าทุกสิ่งอย่างไว้ทั้งหมด พกเข้าไปได้แต่กระเป๋าสตางค์เท่านั้น
ห้างนี้ขายตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ...เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า สารพัดยี่ห้อ รวมทั้งเหล้า บุหรี่ และสินค้าที่พวกเราต้องการคือ ช๊อคโกแลต สารพัดยี่ห้อ ละลานตาอีกตามเคย ....แนะนำให้อ่านสลากดูกว่า ผลิตที่ไหน หมดอายุเมือไหร่ ....กันพลาด เลือกไป กดเครื่องคิดเลขไป สุดท้ายก็ได้ช็อคโกแลต กาแฟและชา กลับมาฝากคนที่บ้านและเพื่อนร่วมงาน
หอบหิ้วสรรพสินค้ากลับมาแพคลงเป้ ลองชั่งน้ำหนักดูหน่อย ....เกินค่ะ ต้องแยกใหม่อีก เอาบ้างอย่างออกมาใส่ถุงหิ้วแทน เพราะเราไม่ได้โหลดกระเป๋าลงใต้เครื่อง เลยต้องใช้วิธีกระจายน้ำหนัก แบ่งๆ กันถือ เป็นอันเสร็จปฏิบัติการแพคกระเป๋า นอนพักผ่อน เอาแรงกันได้ พรุ่งนี้จะเดินทางกลับบ้านกันแล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไป
Create Date : 22 กรกฎาคม 2556 |
Last Update : 22 กรกฎาคม 2556 9:06:16 น. |
|
3 comments
|
Counter : 4108 Pageviews. |
|
|
|
เคยได้ทุนรัฐบาลเขา
มาฝึกงานด้าน Social welfare @ Ministry of Community Development อยู่หลังห้างฝั่งตรงข้ามนี้ 1 เดือนค่ะ
กลางวันเดินมากิน Chicken Rice ย่านนี้ได้เกือบทุกบ่าย
ไม่แพงมากเพราะได้เบี้ยเลี้ยงน้อย หักค่าบ้าน ค่าเดินทาง ค่าอาหาร
ไม่เหลือ Shopping..