ผจญไต้ฝุ่น @ Hong Kong : Part XII
เว้นช่วงไปนานโข ด้วยมีเรื่องราวในที่ทำงาน ที่ทำให้รู้สึกเนื่อยๆ ไม่มีอารมณ์อยากเขียน blog ตอนนี้เริ่มปล่อยวางลงได้มาขึ้น ก็เลยมาเล่าถึงทริปฮ่องกงกันต่อ แล้วก็ยังมีเรื่องราวจากการท่องเที่ยวครั้งอื่นๆ ที่อยากเล่าอีกหลายเรื่องรออยู่
ความเดิมตอนที่แล้ว
วันสุดท้ายของทริปแล้ว โดยทั่วไปถ้าเป็นวันสุดท้ายอย่างนี้ พวกเราจะแยกย้ายกันเที่ยวตามอัธยาศัย เพราะแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน ไฟลท์เดินทางกลับของพวกเราอยู่ในช่วงค่ำมากๆ แต่พวกเราต้อง check out ก่อนเที่ยง หลังจากจัดการกับตัวเอง เก็บกระเป๋ากับเรียบร้อยแล้ว เพื่อนเราก็ไปคุณกับแม่บ้านที่ดูแลที่พัก สรุปความได้ว่า เราต้อง check out ตามเวลา แต่สามารถฝากกระเป๋ากันไว้ในที่พักได้
โปรแกรมของเราที่ยังไม่บรรลุคือ "พิพิธภัณฑ์" ถ้าต้องย้อนกลับมาอีกในเวลา 11.30 น. ก็อาจจะเก็บรายละเอียดไม่ได้อย่างตั้งใจ เลยขอให้เพื่อนจัดการเรื่องกระเป๋าให้ แล้วนัดหมายพบกันอีกครั้ง ในเวลา 17.00 น. เพื่อเดินทางไปสนามบินพร้อมกัน
ตกลงนัดหมายกันเรียบร้อยแล้ว ...เรากับเพื่อนร่วมทริป ก็ออกมาผจญภัยกันก่อน ก็ไม่มีอะไรมาก แค่หาร้านอาหารกินมื้อเช้าด้วยกัน แล้วค่อยแยกย้าย
เช้าวันนี้อากาศสดใสดี ...บรรยากาศคนเมืองฮ่องกง ก็ยังคงเดินลิ่วๆ ไปตามถนน มีหนังสือพิมพ์แจกฟรีให้อ่าน หลายหัวเลยที่เดียว ...ก็เห็นผู้คนรับๆ มาอ่าน แล้วในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดีน ก็มีจุดกำหนดให้ทิ้งหนังสือพิมพ์อยู่ด้วยนะ
คราวนี้พวกเรา ไม่มีร้านอาหารในใจแต่อย่างใด เพียงแต่เดินข้ามถนนมาอีกฝั่ง เลี้ยงหัวมุมถนนที่ยังไม่เคยเลี้ยว ...มองหาร้านอาหารเช้าตามเส้นทาง
ผ่านห้าง I Suare ...เป็นห้างที่เท่าไหร่ของจิมซาจุ่ย ที่ผ่านตามเราไปแล้วก็ไม่รู้ ที่สังเกตุเห็นได้ก็คือ แต่ละห้าง มักจะจัดมุมโชว์สวยๆ เอาไว้ในนักท่องเที่ยวถ่ายรูป ....
ผ่านร้านขายผลไม้สดและน้ำผลไม้คั้นสด ...ซึ่งคงเป็นอาหารเช้ายอดนิยมพอสมควรสำหรับผู้รักสุขภาพ เพราะเห็นร้านแบบนี้ เปิดเป็นช่วงๆ คั่นกับร้านสินค้าแฟชั่น
หลังจากเดินไปตาม เลี้ยวซ้้าย เลี้ยวขวา ข้ามถนนไปตามเส้นทาง แบบไม่มีจุดหมายชัดเจน สายตาก็มาปะทะกับร้านอาหารแบบห้องแถวเดียว ข้ามถนนดูยืนดูเมนูที่ติดไว้หน้าร้าน เห็นมีเขียนภาษาไทยกำกับไว้ด้วย เป็นอาหารเช้าประเภทข้าว บะหมี่ และขนมปัง ....หันไปหันมา ก็ไม่เห็นมีร้านอื่นในละแวกนั้นอีกแล้ว ก็เลยเดินเข้าร้านนี้กันซะเลย
บรรยากาศในร้านแออัดด้วยผู้คนท้องถิ่น (หรือไม่ก็มีนักท่องเที่ยวชาวจีนปะปน) มีป้าย "ห้ามถ่ายถาพ" ติดไว้ชัดเจน เราก็เลยไม่ยกกล้องขึ้นมาเก็บบรรยากาศ แต่แอบยกมือถือมาถ่ายรูปอาหารที่สั่งเท่านั้นเอง
เท่าที่สังเกตุข้างทางและดูในเมนูมาหลายร้านแล้ว ดูเหมือนคนฮ่องกงนิยมกินเครื่องใน ดังนั้น มื้อนี้ เราก็เลยจ้ิมลงไปในเมนู สั่งบะหมีเครื่องในเนื้อมาลองกิน อีกคนสั่งบะหมีหมูแดงธรรมดา และอีกสั่งลองกินข้าวผัดบ้าง
เสียงผู้คนในร้านอาหารคุยกันจอแจ คราวนี้เราไม่สั่งเครื่องดื่มกันเลย พออาหารยกมาเสริฟ ก็ก้มหน้าก้มตากิน ไม่นานพนักงานในร้าน ก็พาลูกค้าอีก 2 คนมานั่งร่วมโต๊ะกับเรา แล้วคนข้างๆ เราก็ได้กินบะหมี่เครื่องใน...แบบแห้ง ....มองดูบะหมี่แห้งแล้ว นึกอยากพูดภาษาจีนได้ เพราะเราอยากกินแบบนั้น แต่เราสั่งไม่ได้ ในเมนูก็มีแต่ภาษาจีน กับภาพถ่าย ที่ไม่ยักมีแบบแห้งบอกไว้ด้วย ก็เลยได้แต่ก้มหน้าก้มตากินไป ...เครื่องใน เปื่อย นุ่ม และไม่มีกลิ่นคาว ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษ ถือว่าได้ลองของแปลก
อิ่มแล้ว ก็เดินดูร้านค้าข้างทาง แล้วเลี้ยวเข้าไปซื้อเครื่องดื่มใน 7-11 ใช้บัตร Octopus จ่ายค่าน้ำกระป๋อง .....มีคิดภาษีเพิ่มด้วยค่ะ หลังจากนั้น พวกเรา 3 คน ก็แวะร้านขายขนมยี่ห้อดัง ...เลือกซื้อขนมไหว้พระจันทร์มาเป็นคนฝากคนทางบ้าง เพื่อน 2 คนจะเอาของกลับไปเก็บในที่พัก แล้วค่อยไปช้อปปิ้ง เราก็เลยฝากของเราไปด้วย แล้วแยกมาเดินเดี่ยว กางแผนที มุ่งหน้าสู่ "พิพิธภัณฑ์" อย่างที่ตั้งใจไว้
การจะรู้จักบ้านเมืองใดบ้านเมืองหนึ่ง ก็ควรจะทำความรู้จักผ่านพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์นั่นแหละ เราจึงตั้งใจว่า เมื่อไปเที่ยวที่ไหน ก็ควรจะแวะเข้าพิพิธภัณฑ์ของที่นั่นๆ บ้าง ถ้ามีโอกาส เกณฑ์การท่องเที่ยวนี้ เรากำหนดของเราเอง หลังจากที่เริ่มเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในเมืองไทยมากขึ้น ซึ่งที่จริงในฮ่องกง มีพิพิธภัณฑ์ที่น่าเที่ยวเยอะมา แต่ขอดูอะไรแบบเก่าๆ อย่างที่ชอบก่อนละกัน
ระหว่างเดินทางก็ได้เห็นชีวิตคนฮ่องกง อย่างที่เห็นมาหลายวันแล้ว คนที่นี่ เข้าคิว ขึ้นรถเมล์นะ และต้องยืนให้ตรงกับสายที่ตัวเองต้องการด้วย มีป้ายบอกไว้ชัดเจน มีกำหนดขอบเขตให้ยืนรอ ....เชื่อว่า คนจีนที่แซงเราตอนเข้าคิวขึ้นนองปิง คงไม่ใช่คนฮ่องกงหรอก
ครั้งนี้ เราเดินตามแผนที่อย่างตั้งใจ ดูชื่อถนนให้ชัดๆ ก่อนจะเลี้ยวทางซ้าย หรือทางขวา ข้ามสะพานลอยขนาดใหญ่ ...มุ่งหน้าสู่พิพิธภัณฑ์ที่ตังใจไว้
เมื่อมองลงมายังท้องถนนเบื้องล่าง เห็นต้นไทรและไม้ใหญ่ริมถนนแบบนี้ ยิ่งรู้สึกชอบเมืองนี้นะ ...เขารักษาความเขียวในบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี ต้นไม้ใหญ่ขนาดนี้ คงไม่ใช่เพิ่งมาปลูกกันปีสองปี แต่คงอยู่กับพืนที่มานานนมเนแล้ว
แล้วเราก็เดินทางถึงเส้นทางมุ่งหน้าไปยังพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ แน่นอน เราเลือกเรียนรู้ประวัติศาสตร์อย่างที่ชอบซะก่อน ...ถ้ามีเวลาเหลือ ค่อยเข้าไปเรียนวิทยาศาสตร์
บัตรเข้าชมปกติราคา 10 HKD แต่ในเวลานั้นมีนิทรรศการพิเศษเรื่องเครื่องแต่งกายในราชสำนักราชวงศ์ชิง จัดแสดงด้วย ไหนๆ ก็มาแล้ว อย่าพลาดเลย ซื้อบัตร 20 HKD เข้าชมทั้ง 2 ส่วนไปเลยดีกว่า
ก่อนจะเข้าสู่ห้องแสดงนิทรรศการถาวร ก็มีนิทรรศการพิเศษเกี่ยวกับ "อุตุนิยมวิทยา" จัดแสดงอยู่ด้วย ส่วนนี้ ให้ดูฟรี ....งั้นก็ ดูเรื่องนี้ก่อนละกันนะ
นิทรรศการนี้ บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ "วาตะภัย" ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศ เรียงลำดับตามช่วงเวลา และใช้เทคนิคการเล่าเรื่องที่ทันสมัย ทำให้การเล่าเรื่องไม่น่าเบื่อ
ในขณะเดียวกับ ก็บอกเล่าประวัติความเป็นมาของ "การพยากรณ์อากาศ" จัดแสดงเนื้อหาและสิ่งของที่เกี่ยวข้องต่างๆ ทั้งหนังสือ บันทึก อุปกรณ์การวัดความแรงลม อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ที่เราเองก็ไม่ได้รู้จักมากมายนัก นอกจาก ค่อยๆ อ่านคำอธิบายในแต่ละตู้ไปเรื่อยๆ
โมเดลจำลองสถานีวัดความเร็วลม และเรือตรวจการณ์สภาพอากาศ
อุปกรณ์เกี่ยวกับการวัดความแรงลมที่เคยใช้งาน
และในตอนนี้ เราก็รู้แล้วว่า "ไต้ฝุ่นระดับ 8" ที่เราได้เผชิญหน้ามาเมื่อวันก่อน มันคืออะไร อย่างไร
เป็นการเรียนรู้เรื่อง "อุตุนิยมวิทยา" แบบสั้นๆ ย่อๆ ในเวลาจำกัด จากนั้น ก็เข้าสู่ห้องแสดงนิทรรศการถาวร ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้กันซะที
โปรดติดตามตอนต่อไป
Create Date : 27 ตุลาคม 2556 |
Last Update : 27 ตุลาคม 2556 16:37:48 น. |
|
3 comments
|
Counter : 2717 Pageviews. |
|
|
|
ขอบคุณสำหรับข้อมูลและภาพสวยๆค่า