สัมภาษณ์ โรเบิร์ต รอดริเกซ (ผู้กำกับ)



Machete เกิดขึ้นจากตัวอย่างที่ถูกฉายก่อน Planet Terror คุณเคยคิดไหมว่ามันจะกลายเป็นหนังใหญ่แบบนี้

ต้นกำเนิดของ Machete ไม่ได้เกิดขึ้นตอนที่ผมทำตัวอย่าง แต่นั้นเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นมัน แต่จริงๆแล้วโปรเจ็คนี้เกิดขึ้นเมื่อ 16 ปีก่อน ตอนที่ผมสร้าง Desperado และได้พูดคุยกับ แดนนี่ เทรโฮ จากนั้นพวกเราก็ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด และทุกครั้งก็ได้มาคุยกันถึงเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นกับ มาเชเต้ จนในที่สุดก็มีโอกาสในการถ่ายทำขึ้นมาเป็นตัวอย่างเล่นๆ แต่กลับกลายเป็นว่ากระแสตอบรับของแฟนๆมีมากยิ่งกว่า Sin City 2 เสียอีก นี่เป็นสัญญาณว่าผมควรต้องทำอะไรกับมันสักอย่าง


อะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณสร้างตัวละครนี้ขึ้นมา

ความจริง มาเชเต้ อยู่ในความคิดของผมมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่ผมจะรู้จัก แดนนี่ เสียอีก โดยเขาจะเป็นเหมือนกับซุปเปอร์ฮีโร่ของชาวลาตินอเมริกา ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในโลกภาพยนตร์มาก่อน ตอนแรกมันเป็นแค่ไอเดียสนุกๆ แต่เมื่อผมได้เจอกับ แดนนี่ ผมก็รู้ทันทีว่านี่คือ มาเชเต้ ตอนที่พวกเราถ่ายทำเรื่อง Desperado ในเม็กซิโก ไม่มีใครรู้ว่าพวกเรากำลังถ่ายหนังเรื่องอะไร เมื่อผู้คนเห็น แดนนี่ ในชุดที่เต็มไปด้วยมีดและใบหน้าอันดุดัน พวกเขาก็คิดว่านี่คือนักแสดงนำของหนัง มันเป็นปฏิกิริยาเดียวกับผมเวลาเห็นเขาในมาดนักฆ่าปามีดเป็นครั้งแรก แดนนี่ เป็นคนที่จะตรึงความสนใจของคุณได้


แสดงว่าคุณรู้อยู่แล้วว่าใครจะมารับบทเป็นพระเอกใน Machete

ใช่ครับ ผมรู้ว่า แดนนี่ คือ มาเชเต้ จากปฏิกิริยาของผู้คนรอบข้าง และตั้งแต่ที่ตัวเองเริ่มกำกับหนัง เมื่อไรก็ตามที่ผมต้องการนักแสดงที่สร้างอิมแพ็คให้กับคนดู แดนนี่ ก็จะผุดขึ้นมาในหัวทันที ผมจำได้ว่าระหว่างถ่ายทำเรื่อง From Dusk Til Dawn ผมเห็นเขาอุ้มลูกสาวตัวเล็กวางไว้บนตัก โดยถึงแม้ว่าใบหน้าจะดูผ่านโลกมามากแล้ว แต่ดวงตาของเขาก็ยังมีความอบอุ่นและอ่อนโยนอยู่ นี่คือสิ่งที่ผมชื่นชอบในตัวของ แดนนี่ และทำให้ผมร่วมงานกับเขามาแล้ว 7-8 เรื่อง


Machete เป็นการรวมตัวของนักแสดงในแถวหน้า ตั้งแต่ โรเบิร์ต เดอนิโร, สตีเว่น ซีกัล, เจสสิก้า อัลบ้า, มิเชล รอดริเกซ, ลินซี่ย์ โลฮาน และพระเอก แดนนี่ เทรโฮ ทำไมมันถึงเกิดขึ้นได้

ผมคิดว่านี่เป็นหนังที่มีทีมนักแสดงประหลาดที่สุดในโลก (หัวเราะ) คือแค่ โรเบิร์ต เดอนิโร อยู่ในหนังเรื่องเดียวกับ สตีเว่น ซีกัล ก็ฟังดูแปลกแล้ว แต่เมื่อคุณได้ดูหนัง คุณก็จะรู้ว่าทุกคนมีบทบาทที่ชัดเจน และแสดงเป็นตัวละครตัวนั้นได้อย่างเหมาะสม ส่วนผสมของนักแสดงมีความลงตัว ผมจำได้ว่า โรเบิร์ต เดอนิโร พูดกับผมว่า “ตั้งแต่ผมเป็นนักแสดง ผมไม่เคยแสดงหนังแบบนี้มาก่อน" ในขณะที่ ซีกัล ที่เคยฆ่า แดนนี่ ในหนังแอ็คชั่นหลายเรื่อง ตอนนี้ถึงเวลาเอาคืนแล้ว (หัวเราะ)




แล้วคุณรวบรวมนักแสดงเหล่านี้ได้ยังไง

พวกเราส่งบทภาพยนตร์ไปให้นักแสดงทั่วฮอลลิวู้ด โดยเริ่มจากนักแสดงในฝัน ผมส่งไปให้ โรเบิร์ต เดอนิโร และเขาก็มีเพื่อนในวงการมากมาย เขาเคยแสดงในหนังของ เควนติน และรู้จักกับ จอร์จ คลูนี่ย์ เมื่อได้อ่านบทเขาก็รู้สึกสนใจและตอบตกลงเข้ามาแสดง และเมื่อคุณได้ เดอนิโร มันก็กลายเป็นเรื่องง่าย เพราะนักแสดงทุกคนต่างก็อยากร่วมงานกับเขา แม้กระทั่งบทที่ผมคิดว่าจะใช้นักแสดงทั่วไปก็ยังได้ เจสสิก้า อัลบ้า และ มิเชล รอดริเกซ เข้ามาแสดง มันเป็นประสบการณ์ที่ดีในการได้ร่วมงานกับทีมนักแสดงนี้ และเราก็โชคดีที่ทุกคนมีช่วงเวลาว่างที่ตรงกันพอดี


ได้ยินว่านี่คือการถ่ายทำที่รวดเร็วมาก โดยคุณจะถ่ายแค่เทคหรือสองเทค จากนั้นก็จะถ่ายทำฉากต่อไป มันทำให้คุณนึกถึงสมัยที่ทำ El Mariachi หรือเปล่า มันมีความแตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องนั้นตรงไหน

Machete แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆของผมในหลายทาง แต่มันก็มีความคล้ายกับ El Mariachi หนังเรื่องแรกของผม เพราะว่าพวกเราถ่ายทำกันด้วยความรวดเร็ว เพื่อที่จะได้จับเอาพลังงานและบรรยากาศที่เกิดขึ้นในหนัง อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีความพิเศษก็คือ ผมต้องปรับโครงสร้างจากตัวอย่างที่ผมถ่ายให้กับ Planet Terror ดังนั้นจินตนาการจึงเข้ามามีบทบาท เช่นฉากที่ มาเชเต้ ยืนอยู่ใต้น้ำตกกับสาวๆ คุณต้องหาเหตุผลว่าเขามาลงเอยที่นี่ได้ยังไง พวกเราทำงานกันแบบย้อนหลัง มันถือเป็นสิ่งที่ท้าทายในการทำงานถ่ายทำ


คุณคิดว่าแฟนหนังจะชอบ Machete ที่สุดตรงไหน

ผมคิดว่าพวกเขาจะสนุกไปกับการได้เห็น แดนนี่ รับบทเป็นพระเอกเป็นครั้งแรก เพราะว่าแฟนหนังของผมก็จะเป็นแฟนหนังที่ติดตามผลงานของเขาด้วย เขาคือ คลินท์ อีสต์วู้ด ของชาวลาตินอเมริกา พวกเขาจะไม่เคยเห็นหนังแบบนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าเรื่องราวในหนังจะเคยเกิดขึ้นแล้ว แต่รสชาติและความสดจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างแน่นอน


เราจะมีโอกาสได้เห็นการผจญภัยของ มาเชเต้ อีกไหม

ตั้งแต่ก่อนถ่ายทำผมและ แดนนี่ ก็พูดถึงภาคต่อของ Machete แล้ว มันจะถูกเรียกว่า Machete Kills และ Machete Kills Again ซึ่งถือเป็นภาคสองและภาคสาม และปิดฉากด้วย Machete in Space เพราะการเดินทางของเขาต้องไปสิ้นสุดที่นอกโลก โดยเราจะส่งเขาขึ้นไปด้วยกระสวยอวกาศ (หัวเราะ) อันสุดท้ายนี้ผมล้อเล่น แต่ผมก็อยากเห็น มาเชเต้ ในภาคสองและภาคสามจริงๆ




คิดว่าเพราะอะไรที่คุณมีสาวกที่ติดตามผลงานของคุณอย่างใกล้ชิด

ผมคิดว่าเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าผมเหมือนพวกเขา ผมชอบในสิ่งที่พวกเขาชอบ ผมโตมากับสิ่งที่พวกเขาโตมา เวลาผมเดินไปตามท้องถนนก็จะมีคนเดินเข้ามาหาแล้วให้ช่วยเซ็นของจาก Dusk Till Dawn, Desperado, Sin City และ Spy Kids พวกเขามีทุกอย่างที่เกี่ยวกับหนังของผม มันทำให้ตัวเองรู้สึกภูมิใจ ผมคิดว่าพวกเขาเข้าใจในแนวหนัง และเพราะผมสามารถหาทุนสร้างเองได้ ผมจึงสามารถสร้างสิ่งที่ตัวเองต้องการ และโชคดีที่ว่ามันกลายเป็นหนังฮิตขึ้นมา


หลังจาก Machete คุณคิดว่าตัวเองอยากจะสร้างหนังแบบไหนอีก

ผมชอบสร้างหนังแนว Grindhouse โดยเพิ่งมารู้ตัวหลังจากสร้าง Planet Terror ว่าคุณสามารถสร้างโลกของตัวเองขึ้นมาและทำอะไรกับมันก็ได้ มันเป็นความสนุกอย่างที่สุดและเปิดโอกาสให้คุณจินตนาการได้อย่างไร้ขอบเขต ผมอยากให้คนดูรู้สึกว่า "คิดได้ยังไง" คุณจะเข้าใจถึงความเป็นไปไม่ได้ของฉากนั้น แต่คุณก็จะยอมรับมันอย่างเต็มใจ นี่คือหนังแนวที่เปิดโอกาสให้คุณทำแบบนั้น มันคือความรู้สึกที่เป็นอิสระ Machete คือการเล่นสนุกระหว่างการสร้างหนังที่จริงจัง มันคือหนังเรื่อง El Mariachi ที่ผสมกับ Grindhouse และผมก็มีความสุขที่สุดกับการสร้างมัน


Create Date : 09 สิงหาคม 2553
Last Update : 9 สิงหาคม 2553 23:45:51 น. 0 comments
Counter : 1054 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BloodyMonday
Location :
Imaginationland, Valley of Bliss China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






-= M & M in Nutshell =-


Gentlemen Broncos (2009)


You could have brain tumor by watching this contaminated turd. Nothing in Gentlemen Broncos pays off, it’s incoherent mess, and chock-full of incredibly annoying characters. You will not only loath this movie, but it also makes you want to punch someone who responsible for this abomination in the face.

BloodyMonday Rating:



Fantastic Mr. Fox (2009)


Imagine if Akira got Live-Action treatment by... say Alfonso Cuarón, you know how awesome it might be? That’s what happened to "Fantastic Mr. Fox". Wes Anderson's auteur perfectly captured the quirkiness and blissful tone of the material. Its stop-motion technique might be a little crude and... somewhat unsophisticated, but that's the charm of it. You’ll feel like pop-up book unveiled before your eyes. This is an exceptional animation of the year.

BloodyMonday Rating:



Planet 51 (2009)


ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็โอเค ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shrek มุขที่อ้างอิงวัฒนธรรมป็อป ตัวละครสมทบที่น่าสนใจกว่าตัวเอก กราฟฟิคที่สอบผ่านฉลุย (ถ้าไม่ไปวัดกับพิกซาร์) แต่ถ้าถามว่าต้องดูไหม? ..... เอาเป็นว่าเวลาชั่วโมงครึ่ง ทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ได้เยอะแยะ

BloodyMonday Rating:



It's Complicated (2009)


รู้สึกสนุกกับการได้เห็นป้าเมอรีล เข้าโหมดแอ๊บเด็ก (อีกแล้ว) ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บอลด์วิน และ จอห์น ครากินสกี้ ก็ขโมยซีนได้ตลอด แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังยาว 2 ชั่วโมงมีเรื่องให้เล่าแค่ 15 นาที... It's Complicated อาจเหมือนคนกินไวอากร้าแล้วเข้านอน คึกตลอดคืนแต่มันจะมีประโยชน์อะไร?

BloodyMonday Rating:



Up in the Air (2009)


Up in the Air is a blockbuster movie for people who think blockbuster movies are dumb, as it chock full of brilliantly written dialogue, and acting showcase for three talented actors (especially star-making turn by Anna Kendrick). But in the end, there's little to love, not so much story to chew on (plus disappointing third act), and no real connection to the meaning of human interaction as it intended to be.

BloodyMonday Rating:



I Love You, Beth Cooper (2009)


Cliché-ridden plot about a bunch of annoying characters get together in one idiotic circumstance, "I Love You, Beth Cooper" is shameless exploitation & biggest insult to 80s teen flicks. It's like memorizing magic trick from internet, hoping to perform like David Copperfield. Neither sense of wonder nor magic flare happens here. Only good thing is, it makes me wanna cleanse my soul with genuine 80s teen movie night marathon.

BloodyMonday Rating:



Everybody's Fine (2009)


Meh. The movie serious lack of originality & characters development. Only Robert De Niro comes out fine in this schmaltzy, "Lifetime" movie-of-the-week plot.

BloodyMonday Rating:



Paper Heart (2009)


Twee delight... That's only two words I can think of right now.

BloodyMonday Rating:



Adam (2009)


A perfect companion to Mary & Max (one of the best animation of 2009), Adam is star-crossed love story (pun intended) between Adam, Asperger's Syndrome bearer, and Beth, free spirit woman. The picture wouldn’t be this intimate without stunning performance by Hugh Dancy. On the other hand, the lack of depth on why Beth would love someone like Adam, preventing me from wholeheartedly embraces her choice in the end (which is nice & perfect but requires a leap of faith). Otherwise, this is touching romantic film, which putting its feet firmly on the ground, making the world full of hope and seems nicer place to live.

BloodyMonday Rating:



The Invention of Lying (2009)


Expected to be like “Click” or “Yes Man”, where high-concept plot turned into endless gags, with moral lesson (forcefully) shoving down your throat. But "The Invention of Lying" is thinking man’s film. The whole concept is not seeing how first lying man exploits the ability. But it's about him finding the way not to lie, in order to find genuine happiness. Great stuff.

BloodyMonday Rating:



Give ‘Em Hell Malone (2009)


This is one damn frustrating experience. It’s like watching an infant trying to stand up and walk. They would take a few steps then fall their asses. In fact, kiddie film like “Bugsy Malone” has done better job paying a tribute to film noir than this borefest.

BloodyMonday Rating:



Zombieland (2009)


ถ้าอังกฤษมีหนังซอมบี้ฮาแตกอย่าง Shaun of the Dead แล้ว ทำไมอเมริกาจะมีบ้างไม่ได้... Zombieland คือการผสมผสานระหว่างบรรดาหนังซอมบี้เก่าๆ เข้ากับทัศนคติของคนสร้างที่อาจดูหนังแนวนี้มากเกินความจำเป็น จนสามารถสร้างหนังซอมบี้ที่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น และเล่นสนุกไปกับกฏพื้นฐานของซอมบี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้สี่นักแสดงนำ โดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาเรลสัน (เขาเกิดมาเพื่อบทนี้) ที่ช่วยกันสร้างมนต์เสน่ห์ ให้กับการเดินทางในโลกไร้มนุษย์ได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้พลังงานที่ขับเคลื่อนจะมาหมดเอาดื้อๆในองค์สุดท้าย เมื่อฉากใหญ่ในสวนสนุกถูกทำขึ้นเพื่อแสดงฉากการฆ่าซอมบี้เด็ดๆ (ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นสำหรับเรื่องนี้เลย) แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ที่บรรดาแฟนซอมบี้จะมาพลาดหนังเรื่องนี้... อ้อ แล้วหนังยังมีดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรซ์ ที่สร้างเสียงฮาที่สุดในเรื่องได้จากประโยคสุดท้ายอีกด้วย

BloodyMonday Rating:



Frequently Asked Questions About Time Travel (2009)


เมื่อเพื่อนสามคนก๊งเบียร์กันในผับแล้วเจอสาวฮ็อต (แอนนา ฟาริส) ที่อ้างว่ามาจากอนาคตจนเกิดรอยแยกของเวลา ทำให้ทั้งสามต้องท่องไปทั้งโลกในอนาคตและอดีตจนวุ่นวาย...

หนังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ทำออกมาได้สนุกสนานสไตล์ซิตคอมอังกฤษ โดยเฉพาะการนำกฏเหล็กต่างๆจากหนังที่เกี่ยวกับการท่องเวลา (ดูเหมือนว่า Back to the Future จะเป็นแรงบรรดาลใจหลัก) มาปู้ยี้ปู้ยำอย่างเมามัน ถึงแม้ว่าตลอดเวลาการรับชมจะให้ความรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ แต่มันก็คือตอนที่ฮาที่สุดของซีซั่น แถมเอฟเฟ็คที่ใช้ก็มีคุณภาพจนคาดไม่ถึง

BloodyMonday Rating:



Looking for Eric (2009)


มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินบรรยากาศโดยรวม จริงอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงเอยด้วยดีในตอนสุดท้ายนั้น สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดู แต่จากสถานการณ์ในเรื่องและบริบทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันยากที่จะทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะพล็อตรองเกี่ยวกับปืน ซึ่งถ้าถูกตัดออกไปและหนังยังดำเนินเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ Looking for Eric ก็น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว

BloodyMonday Rating:


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
9 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BloodyMonday's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.