BeeJang
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Group Blog
 
 
มิถุนายน 2548
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
22 มิถุนายน 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BeeJang's blog to your web]
Links
 

 
Dragonlance : The Legacy, Chapter 2

Language : Thai
Title : Dragonlance : Second Generation
Author : Weis & Hickman
Translator : BeeJang : piratcha@yahoo.com
Disclaimer : All characters belong to Margaret Weis & Tracy Hickman.
ห้ามคัดลอกเผยแพร่ที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
Warning : Spoiler for Choronicle Trilogy & Legend Trilogy

***************************

The Legacy
Chapter 2


“ที่นี่ทำให้ข้าสั่นไปหมด!” ทานินพึมพำ เหลือบสายตาไปยังน้องชายคนเล็ก

ค่อย ๆ จิบชาทาร์บีน พาลินจ้องไปยังเปลวไฟ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำของทานิน ซึ่งเขารู้ดีว่าพูดถึงเขา

“โอ ในนามของเอบิส เจ้าช่วยนั่งลงได้ไหม!” สเติร์มกล่าว โยนเศษขนมปังใส่พี่ชาย “เจ้าก็ทะลุผ่านพื้นห้องไป พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าอะไรอยู่ใต้เรา”

ทานินหน้านิ่ว ส่ายศีรษะ และก็เดินวนไปมาต่อ



Create Date : 22 มิถุนายน 2548
Last Update : 22 มิถุนายน 2548 19:03:53 น. 5 comments
Counter : 398 Pageviews.

 
“เคราของเรออกซ์ พี่ชาย!” สเติร์มกล่าวต่อเกือบจะไม่รู้เรื่อง ในปากเต็มไปด้วยชีส “แทนที่เจ้าจะคิดว่าเราอยู่ในเขาวงกตของดราโคเนียน เจ้าควรคิดว่ามันเป็นห้องในโรงแรมที่ดีที่สุดในพาลันธาส! อาหารรสเลิศ เหล้าเอลชั้นเยี่ยม – “ เขาดื่มอึกใหญ่เพื่อล้างชีส – “และก็มีสหายอันวิเศษหากเจ้าไม่ทำตัวราวกับลูกบิดประตู!”

“แล้วไง เราไม่ได้อยู่ในห้องที่ดีที่สุดในพาลันธาส” ทานินกล่าวอย่างถากถาง หยุดเดินเพื่อคว้าขนมปังก้อนโตที่ถูกปามา บิมันเป็นชิ้นด้วยมือ เขาโยนมันทิ้งที่พื้น “เราอยู่ในหอคอยมนตราสูงสุดในเวย์เรท เราถูกพามาในห้องนี้ ประตูบ้านี่ก็ถูกล็อก และเราก็ออกไปไม่ได้ เราไม่รู้อะไรเลยว่าพวกพ่อมดนั่นทำอะไรกับพ่อเรา และสิ่งที่เจ้าคิดถึงก็คือชีสและเหล้าเอล!”

“ไม่ได้คิดแค่นั้นเสียหน่อย” สเติร์มพยักหน้าและเหลือบสายตาเป็นกังวลไปยังน้องเล็กที่เอาแต่จ้องเปลวไฟ

“ใช่” ทานินตะคอกกลับ สายตามองตามสเติร์ม “ข้าคิดถึงเขาด้วย! มันเป็นความผิดเขา เราจึงต้องมาที่นี่!” ทานินเผลอเดินเตะขาโต๊ะด้วยอารมณ์บูด แต่ก็ยังคงฝีเท้า เมื่อเห็นน้องเล็กสะดุ้งกับคำของพี่ชายคนโต สเติร์มถอนใจและกลับมายังเกมส์กีฬาในการพยายามขว้างขนมปังให้โดนไหล่ของทานิน

คนอื่น ๆ ที่เคยเห็นสองหนุ่มพี่น้อง (ดั่งใครบางคนในตอนนี้) จะคิดเสมอว่าพวกเขาเป็นฝาแฝด แม้ว่าพวกเขา – ในความจริง – อายุต่างกันหนึ่งปี ยี่สิบสี่และยี่สิบสามตามลำดับ ทานินและสเติร์ม (ถูกตั้งนามตามสหายรักของคารามอน ทานิส ครึ่งเอล์ฟและวีรบุรุษนักรบแห่งโซแลมเนีย สเติร์ม ไบร์ทเบลด) ใบหน้า ท่าทางหรือแม้แต่ความคิดคล้ายกันนัก จริง ๆ แล้ว พวกเขาชอบเล่นเป็นฝาแฝดและไม่มีสิ่งใดสนุกเกินกว่าเห็นคนอื่น ๆ จำอีกคนเป็นอีกคน

สูงใหญ่และล่ำสัน หนุ่มน้อยได้รูปกายอันงดงามของคารามอนและใบหน้าอ่อนโยน จริงใจ แต่เส้นผมเป็นลอนสีแดงสดและดวงตาสีเขียวเป็นประกายที่สร้างความวุ่นวายใจให้หญิงสาวที่พวกเขาได้พบ ได้มาจากมารดาโดยตรง นางผู้ซึ่งแบ่งหัวใจในวัยเยาว์ให้พวกเขา หนึ่งในความงดงามแห่งครินน์เช่นเดียวกับนักรบผู้โด่งดัง ทิคา เวย์แลนมีเนื้อหนังมากขึ้นนับจากวันที่นางฟาดศีรษะเหล่าดราโคเนียนด้วยกระทะ แต่ทุกศีรษะยังคงหันมองเมื่อทิคาเสิร์ฟอาหารตามโต๊ะในชุดกระโปรงคอต่ำสีขาวอ่อนนุ่ม บุรุษน้อยคนนักที่จะเดินออกจากโรงแรมลาสต์โฮมโดยไม่ส่ายศีรษะและสบถว่าคารามอนช่างเป็นชายที่โชคดีนัก

ตอนนี้ ดวงตาสีเขียวของสเติร์มหนุ่มไม่เปล่งประกาย แต่พวกมันส่องแสงแห่งความซุกซน ขยิบตาให้น้องเล็ก – ที่ไม่ได้มองมา – สเติร์มลุกยืนเงียบ ๆ และแอบเดินไปข้างหลังทานินที่กำลังหมกมุ่น ค่อย ๆ ดึงดาบออกมา เมื่อทานินหันมา สเติร์มก็ฟาดด้ามดาบไปที่ขาของพี่ชาย เกี่ยวเขาจนล้มกับพื้นดังสนั่นจนเหมือนว่ามันจะสั่นฐานของหอคอยเลยทีเดียว

“เจ้าบ้าสมองคนแคระหุบเขา!” ทานินคำราม ตะกายลุก เขากระโจนไปยังน้องชายที่กำลังจะหลบหนี ทานินจับเขาได้ คว้าคอเสื้อของสเติร์มที่ยิ้มกว้าง โยนไปยังโต๊ะจนมันคว่ำพังกับพื้น ทานินกระโดดไปหาน้องชาย และทั้งคู่ก็วุ่นวายกับการละเล่นยุ่งเหยิงเอะอะ ที่ทำให้ร้านเหล้าหลายร้านในอันซาลอนวุ่นวายโกลาหลไปหมด จนเสียงเงียบ ๆ บอกให้หยุด

“หยุดเถอะ” พาลินกล่าวอย่างจริงจัง ยืนขึ้นจากเก้าอี้ริมเตาผิง “หยุดได้แล้ว ทั้งสองคน! รู้ไหมว่าพวกเจ้าอยู่ที่ไหนกัน!”

“ข้ารู้ว่าข้าอยู่ไหน” ทานินกล่าวอย่างอารมณ์เสีย เงยหน้ามองน้องเล็ก


โดย: BeeJang วันที่: 22 มิถุนายน 2548 เวลา:18:57:23 น.  

 
สูงเกือบเท่าบุรุษหนุ่มทั้งสอง พาลินรูปร่างสมส่วน เหมาะกับการศึกษามากกว่าถือดาบ อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดดั่งนักรบทั้งสอง เขาได้เส้นผมสีแดงของมารดา แต่มันก็ไม่ใช่สีแดงเพลิง เกือบจะเป็นสีแดงปนน้ำตาลเข้ม ยาวสวย มันยาวเลยไหล่เป็นคลื่นน้อย ๆ จากส่วนกลางหน้าผาก รูปหน้าของหนุ่มน้อย – ใบหน้าและแขน – ที่บางครั้งหลอกหลอนความฝันของบิดามารดา โครงหน้า กับดวงตาล้ำลึกฉลาดเฉลียวที่เหมือนจะมองตรงเข้าถึงใจ ดวงหน้าของพาลินคล้ายท่านอาของเขา หากมิใช่รูปร่าง มือของพาลินเหมือนเรสท์ลิน เรียว บอบบาง นิ้วยาวรวดเร็วและคล่องแคล่ว หนุ่มน้อยจับต้องส่วนประกอบอันละเอียดอ่อนที่ใช้ร่ายเวทย์ได้อย่างช่ำชอง จนบิดารู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกระหว่างเฝ้ามองด้วยความภาคภูมิใจและเบือนหนีด้วยความเศร้าโศก

เพียงตอนนี้ มือนั้นกำเป็นหมัดระหว่างที่พาลินจ้องไปยังพี่ชายทั้งสองที่นอนบนพื้นท่ามกลางเหล้าเอล เศษขนมปัง ถ้วยชาม ชีทที่กินไปครึ่งเดียวและเศษไม้จากโต๊ะที่หักพัง

“งั้นช่วยทำตัวให้มีเกียรติหน่อย อย่างน้อยนะ!” พาลินตะคอก

“ข้าจำได้ว่าข้าอยู่ไหน” ทานินกล่าวอีกครั้งด้วยอารมณ์แรง เขาลุกยืน เดินไปยืนหน้าพาลิน จ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย “และข้าจำได้ดีว่าใครพาเรามาที่นี่! ขี่ม้าผ่านป่าต้องสาปที่เกือบสังหารพวกเราหมด – “

“ไม่มีสิ่งใดในป่าเวย์เรทจะทำร้ายเจ้า” พาลินตอบกลับ มองไปยังพื้นห้องที่เละเทะด้วยความรังเกียจ “ดั่งที่ข้าบอกพวกเจ้าหากเจ้าจะยอมฟังสักนิด ป่านี้ถูกควบคุมด้วยเหล่าผู้วิเศษในหอคอย มันจะปกป้องพวกเขาจากผู้บุกรุกไม่ได้รับเชิญ เราถูกเชิญมาที่นี่ พฤกษายอมให้เราผ่านมาโดยไม่ทำอะไร เสียงที่เจ้าได้ยินมันเป็นเพียงเสียงแห่งความกลัวในหัวใจของเจ้าเอง มันคือมนตรา – “

“เจ้าฟังนะ พาลิน” ทานินขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สเติร์มบอกเสมอว่าเป็นเป็นเสียงแห่งพี่ใหญ่ “ทำไมเจ้าไม่เลิกเรื่องเวทมนตร์พวกนี้? เจ้ากำลังทำร้ายท่านพ่อท่านแม่ – ท่านพ่อมากที่สุด เจ้าเห็นสีหน้าเขาไหมตอนที่เราขี่ม้ามาที่นี่! พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาต้องเจ็บแค่ไหนที่จะกลับมาที่นี่”

หน้าแดงก่ำ พาลินเบือนหนี กัดริมฝีปาก

“โอ ปล่อยน้องเถอะ ได้ไหมทานิน?” สเติร์มกล่าว เห็นความเจ็บปวดบนใบหน้าของน้องชาย เขาเช็ดคราบเอลจากกางเกง พยายามจับโต๊ะให้เข้าที่ดังเดิมด้วยความละอายใจ – งานที่ไม่มีวันสำเร็จ ด้วยว่าพวกมันกลายเป็นเศษไม้ไปแล้ว

“เจ้าเคยเป็นนักดาบฝีมือดีครั้งหนึ่ง น้องเล็ก” ทานินชักชวน ไม่สนใจสเติร์ม วางมือบนไหล่ของพาลิน “มาเถิด เด็กน้อย บอกใครก็ตามข้างนอกนั่น” – ทานินโบกมือในอากาศ – “ว่าเจ้าเปลี่ยนใจแล้ว เราจะได้ไปจากสถานที่ต้องสาปนี้ แล้วก็กลับบ้าน – “

“เราไม่รู้นี่ว่าพวกเขาขอให้เรามาที่นี่ทำไม” พาลินย้อน ปัดมือพี่ชายทิ้ง “บางทีอาจไม่เกี่ยวอะไรกับข้าก็ได้! ทำไมต้องเกี่ยวเล่า?” เขาถามอย่างขมขื่น “ข้ายังเป็นนักเรียนอยู่ ต้องอีกหลายปีกว่าข้าจะพร้อมเข้าสอบ ... ขอบคุณท่านพ่อท่านแม่” เขาพึมพำใต้ลมหายใจ ทานินไม่ได้ยิน แต่ผู้เฝ้ามองที่ไม่ปรากฏกายได้ยิน


โดย: BeeJang วันที่: 22 มิถุนายน 2548 เวลา:18:57:44 น.  

 
“งั้นเหรอ? และข้าก็เป็นครึ่งออร์ค” ทาลินตะคอกอย่างโกรธจัด “มองหน้าข้าตอนที่ข้าพูดกับเจ้า พาลิน – “

“อย่ามายุ่งกับข้า!”

“เฮ้ เจ้าทั้งสอง – “ สเติร์ม ผู้ไกล่เกลี่ย กำลังจะห้ามเมื่อหนุ่มน้อยทั้งสามเพิ่งตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่กันตามลำพังในห้อง

เรื่องทะเลาะเบาะแว้งต่าง ๆ ถูกลืม เหล่าพี่น้องขยับกายโดยทันที สเติร์มกระโดดยืนด้วยความเร็วดั่งแมว มือเลื่อนไปยังด้ามดาบ เขายืนข้างทานิน ที่ขยับมายืนปกป้องข้างหน้าพาลินที่ไร้อาวุธ ดั่งผู้ใช้เวทย์ทั้งหมด หนุ่มน้อยไม่ได้ถือทั้งดาบหรือโล่หรือสวมใส่เกราะ แต่มือเขาเลื่อนไปยังมีดสั้นที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อคลุม ในใจคิดถ้อยคำมนตราป้องกันที่เขาได้รับอนุญาตให้เล่าเรียนได้

“ท่านเป็นใคร?” ทานินถามเสียงห้าว จ้องไปยังบุรุษที่ยืนกลางห้องที่ถูกล็อก “ท่านเข้ามาได้อย่างไง?”

“ข้าเข้ามาได้อย่างไงน่ะหรือ” – ชายแปลกหน้ายิ้มกว้าง – “ไม่มีกำแพงใดในหอคอยมนตราสูงสุดสำหรับผู้ที่ไปไหนมาไหนด้วยมนตรา ส่วนเรื่องข้าเป็นใคร ข้ามีนามว่าดันบาร์ มาสเตอร์เมท จากเออร์กอธเหนือ”

“ท่านต้องการอะไร?” สเติร์มถามเงียบ ๆ

“ต้องการ? ทำไมน่ะหรือ – เพื่อมาดูให้แน่ใจว่าพวกเจ้าอยู่สบายกันไหม เท่านั้นล่ะ” ดันบาร์ตอบ “ข้าเป็นเจ้าบ้าน – “

“ท่านน่ะหรือ? ผู้ใช้มนตรา?” ทานินอ้าปากค้าง แม้แต่พาลินยังดูตกใจ

ในโลกแห่งนี้ พ่อมดถูกกล่าวว่ามีปัญญามากกว่ากำลัง ชายผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นข้อยกเว้น ร่างสูงใหญ่ดั่งทานิน เขามีแผ่นอกเป็นมัดที่คารามอนอาจต้องอิจฉา กล้ามเนื้ออกขยับกระเพื่อมภายใต้ผิวสีดำมัน ท่อนแขนที่ดูเหมือนว่าเขาสามารถยกสเติร์มที่กำยำพอดู และแบกเขาไปรอบห้องได้ง่ายดายราวอุ้มเด็กน้อย เขาไม่ได้สวมเสื้อคลุม แต่ใส่กางเกงสีสดหลวม ๆ สิ่งบอกใบ้อย่างเดียวว่าเขาเป็นพ่อมดคือกระเป๋าที่ห้อยรอบเอว และสายสะพายสีขาวที่คาดข้ามร่างกายกำยำ

ดันบาร์หัวเราะ เสียงรื่นเริงดังสนั่นจนจานสะเทือน

“ใช่” เขากล่าว “ข้าเป็นผู้ใช้เวทย์” จากนั้น เขาก็เอ่ยคำสั่ง โต๊ะที่พังทลาย ลอยเข้าหาขาโต๊ะ จัดการตนเองจนเข้าที่ด้วยความเร็ว เหล้าเอลหายไปจากพื้น ถ้วยชามแตกกระจายถูกซ่อมแซมและลอยวางบนโต๊ะ เติมเต็มด้วยเหล้าอีกครั้ง เนื้อกวางย่างปรากฏขึ้น พร้อมกับขนมปังอบแถวโต และของว่างอย่างอื่นที่ทำให้สเติร์มน้ำลายสอ และดับความร้อนใจของทานินได้ แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ลดความคลางแคลนใจ


โดย: BeeJang วันที่: 22 มิถุนายน 2548 เวลา:18:58:08 น.  

 
“นั่งสิ” ดันบาร์กล่าว “และมากินกัน อย่ากังวลเรื่องพ่อเจ้า” เขากล่าว เมื่อทานินกำลังจะกล่าว “เขากำลังสนทนาเรื่องสำคัญกับผู้นำของภาคีอื่น ๆ นั่งลง นั่งลง!” เขายิ้ม ฟันขาวเป็นประกายตัดกับผิวสีดำ “หรือข้าต้องทำให้เจ้านั่ง ... ?”

เท่านี้ ทานินก็ละมือจากด้ามดาบและดึงเก้าอี้มา แม้เขาจะไม่กิน แต่ก็จ้องดันบาร์อย่างระแวดระวัง สเติร์มยอมแพ้กับความน่ากิน เว้นเพียงพาลินที่ยังคงยืนนิ่ง มือประสานใต้เสื้อคลุมขาว

“มาเถิด พาลิน” ดันบาร์กล่าวอย่างอ่อนโยน มองไปยังหนุ่มน้อย “นั่งสิ อีกไม่นาน พวกเจ้าจะได้ไปหาพ่อ เจ้าจะรู้เหตุผลที่เจ้าต้องมาที่นี่ แต่ตอนนี้ ข้าขอให้เจ้ามาร่วมโต๊ะอาหารกับข้า”

“ขอบคุณ มาสเตอร์” พาลินค้อมคำนับอย่างนับถือ

“ดันบาร์ ดันบาร์ … “ เขาโบกมือ “เจ้าเป็นอาคันตุกะ พวกเราจะไม่ถือความเป็นทางการ”

พาลินนั่งลงและเริ่มกิน แต่เขาทำไปตามมารยาทเท่านั้น ดันบาร์กับสเติร์มดูเจริญอาหารพอแล้ว ไม่นานนัก ทานินก็ถูกล่อจากหน้าที่ผู้พิทักษ์ที่เขาแต่งตั้งตัวเองด้วยกลิ่นหอมน่ากินและภาพผู้อื่นที่กำลังเอร็ดอร่อย

“ท่าน ... ท่านกล่าวถึงผู้นำของภาคีอื่น ๆ มาส ... ดันบาร์” พาลินถาม “แล้วท่าน – “

“ผู้นำภาคีเสื้อคลุมขาว ใช่” ดันบาร์กัดขนมปังด้วยฟันอันแข็งแรงและยกเอลดื่มอึกใหญ่ “ข้าขึ้นแทนเมื่อพาร์-ซาเลี่ยนปลดเกษียณ”

“ผู้นำภาคี?” สเติร์มมองชายร่างใหญ่ด้วยความประหลาดใจ “แต่ – ท่านเป็นพ่อมดแบบไหนกัน? ท่านทำอะไรบ้างหรือ?”

“ข้าคิดว่าคงมากกว่าดึงปีกค้างคาว” ทานินพึมพำผ่านเนื้อกวางเต็มปาก

พาลินตกใจและทำหน้าเครียดใส่พี่ชายคนโต แต่ดันบาร์เพียงหัวเราะ “เจ้าพูดถูกแล้ว!” เขากล่าวพร้อมกับสบถ “ข้าเป็นพ่อมดแห่งท้องทะเล พ่อข้าเป็นกัปตันเรือ ปู่ข้าก็เป็น ข้าไม่เก่งด้านเดินเรือ ความชำนาญข้าอยู่กับมนตรา แต่หัวใจข้าอยู่กับห้วงสมุทร และข้าจะกลับไปที่นั่น ตอนนี้ข้าเดินเรือผ่านเกลียวคลื่น ใช้ศิลปศาสตร์ของข้าในการเรียกลมและหยุดพายุ ข้าสามารถหยุดลมทางศัตรูเพื่อเราจะได้มีชัย หรือข้าสามารถส่งเพลิงไปบนดาดฟ้าเรือศัตรูตอนที่เราโจมตี หากจำเป็น” – ดันบาร์ยิ้มกว้าง – “ข้าสามารถเปลี่ยนหน้าที่ไปประจำอยู่ตรงถังไม้หรือเครื่องถอนสมอเรือ ทำให้ข้าแข็งแรง” เขาทุบหน้าอกแข็งแกร่ง “ข้าเข้าใจเจ้าทั้งสอง” – เขามองไปยังสเติร์มและทานิน – “เพิ่งกลับมาจากการต่อสู้กับมิโนทอร์ที่บุกรุกชายฝั่งตอนเหนือ ข้าก็เหมือนกัน เคยพยายามหยุดพวกโจรสลัดนี้ บอกข้าหน่อย พวกเจ้า - ?”


โดย: BeeJang วันที่: 22 มิถุนายน 2548 เวลา:18:58:40 น.  

 
ทั้งสามก็จมอยู่กับสนทนาลึกซึ้ง แม้แต่ทานินดูจะเพลินไปด้วย ไม่นานก็สาธยายรายละเอียดเรื่องการโจมตีที่ใช้หยุดมิโนทอร์จากนครคาลามาน ดันบาร์นั่งฟังอย่างตั้งใจ ถามคำถามอย่างชาญฉลาด ออกความเห็นและดูจะเพลิดเพลินนัก

แต่แม้นสายตาอันสุขุมของพ่อมดจะอยู่กับพี่น้องนักรบ ความสนใจเขาจริง ๆ อยู่กับน้องคนเล็ก

เมื่อเห็นทั้งสามหมกมุ่นกับบทสนทนาและตัวเองดูจะถูกลืม พาลินหยุดแสร้งทำเป็นกินอาหารและกลับไปนั่งจ้องเปลวไฟ ไม่ได้สังเกตเลยว่าดันบาร์จับจ้องเขาอยู่

ใบหน้าหนุ่มน้อยขาวซีดและครุ่นคิด มือเรียวพันประสานบนตัก หลงอยู่กับความคิด ริมฝีปากขยับ แต่ว่าเขาจะไม่ได้เอ่ยเสียงดัง แต่คนหนึ่งในห้องได้ยินคำนั้น

“ไยพวกเขาพาข้ามาที่นี่? หรือเขาสามารถอ่านความลับในหัวใจข้าได้? พวกเขาจะบอกท่านพ่อไหม?”

และท้ายที่สุด “ข้าจะทำร้ายเขาได้อย่างไง เขาทนเจ็บมามากแล้ว?”

เขาพยักหน้ากับตนเองราวกับค้นพบคำตอบสำหรับคำถามที่ไม่ได้ถูกถาม ดันบาร์ถอนใจและหันความสนใจทั้งหมดกลับคืนสู่การต่อสู้กับมิโนทอร์

************************************

End of Chapter 2

Note : พาลินน่ารักที่สุด บีจังไม่เคยเห็นแฟนฟิคเรื่องของพาลิน (*cough* กับดาลามาร์ *cought*) เลย แหม ออกจะโจ่งแจ้งเด่นชัด เหอเหอ ไม่เป็นไร ดาลามาร์กับเรสท์ลินก็โอเคค่ะ เหอเหอ


โดย: BeeJang วันที่: 22 มิถุนายน 2548 เวลา:19:00:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.