|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
Dragonlance : The Legacy, Chapter 3
Language : Thai Title : Dragonlance : Second Generation Author : Weis & Hickman Translator : BeeJang Disclaimer : All characters belong to Margaret Weis & Tracy Hickman. ห้ามคัดลอกเผยแพร่ที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต Warning : Spoiler for Choronicle Trilogy & Legend Trilogy
***************************
The Legacy Chapter 3
ท่านผิดไปแล้ว คารามอนกล่าวอย่างใจเย็น น้องชายข้าตายไปแล้ว
จัสทาเรียสเลิกคิ้ว เหลือบไปยังดาลามาร์ที่ยักไหล่ ในทุกท่าทีที่พวกเขาคิดเอาไว้ ความใจเย็นดังกล่าวไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น สีหน้าบึ้งตึง ดูราวไม่แน่ใจว่าจะเอ่ยสิ่งใด จัสทาเรียสมองไปยังคารามอน
ท่านกล่าวราวกับท่านมีข้อพิสูจน์
ข้ามี คารามอนกล่าว
ขอถามได้ไหม? ดาลามาร์ถามอย่างหยามเหยียด ทวาราสู่อเวจีเอบิสปิดลงแล้ว ปิดด้วยความช่วยเหลือของน้องชายท่าน ปล่อยให้เขาถูกขังอยู่อีกด้าน น้ำเสียงของดาร์คเอล์ฟอ่อนลง ราชินีแห่งความมืดจะไม่สังหารเขา เรสท์ลินกั้นไม่ให้นางมาสู่โลก โทสะของนางไร้ขอบเขต นางจะเพลินไปกับการทรมานเขาชั่วนิรันดร์ ความตายจะเป็นสิ่งที่เรสท์ลินโหยหา
แล้วไงล่ะ คารามอนถามอย่างแผ่วเบา
รำพันไร้สาระ ดาลามาร์เริ่มหมดความอดทน แต่จัสทาเรียสวางมือบนท่อนแขนของดาร์คเอล์ฟอีกครั้ง และผู้วิเศษเสื้อคลุมดำก็ถอยกลับสู่ความเงียบงันไม่พอใจ
ข้าได้ยินความแน่ใจในน้ำเสียงของท่าน คารามอน จัสทาเรียสกล่าวอย่างจริงจัง ท่านรู้เรื่องในสิ่งที่เราไม่รู้ แบ่งปันให้เรา ข้ารู้ว่ามันเจ็บปวดนักสำหรับท่าน แต่เราเผชิญกับการต้องตัดสินใจในสิ่งสำคัญยิ่ง และมันจะมีผลต่อเรานัก
คารามอนลังเล สีหน้าเคร่งเครียด มันเกี่ยวกับบุตรชายข้าด้วยใช่ไหม?
ใช่ จัสทาเรียสตอบ
สีหน้าของคารามอนมืดคล้ำลง สายตาเลื่อนไปยังด้ามดาบ หรี่ลงอย่างครุ่นคิด มือลูบด้ามดาบอย่างเฉื่อยชา งั้นข้าจะบอกท่าน เขากล่าวอย่างลังเล แต่น้ำเสียงทุ้มต่ำหนักแน่น ในสิ่งที่ข้าไม่เคยบอกใคร แม้แต่ภริยา ทานิส หรือใครก็ตาม เขานิ่งไปพักหนึ่ง รวบรวมความคิด จากนั้นก็กลืนน้ำลาย ขยี้ตา จับสายตาไปยังด้ามดาบและก็เริ่มกล่าว ข้าด้านชาไปหลังจาก
หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในหอคอยแห่งพาลันธาส ข้าไม่อาจคิดได้ ข้าต้องไม่คิดถึงมัน มันง่ายกว่าที่จะใช้ชีวิตไปวัน ๆ เหมือนกับคนละเมอ ข้าไปไหนมาไหน ข้าพูดคุย แต่ข้าไร้ความรู้สึก มันง่ายนัก เขายักไหล่ มันมีเรื่องที่ทำให้ข้ายุ่งเสมอ เมืองถูกทำลาย ส่วนดาลามาร์ เขาเหลือบมองไปยังดาร์คเอล์ฟ ก็เกือบตาย ท่านหญิงคริสซาเนียบาดเจ็บสาหัส แล้วก็แทส ขโมยป้อมปราการลอยฟ้า คารามอนยิ้มกับตัวเองเมื่อระลึกถึงวีรกรรมผาดโผนของเคนเดอร์ผู้ร่าเริง แต่รอยยิ้มหายไปเร็วนัก เขาส่ายศีรษะและเล่าต่อ
ข้ารู้ว่าสักวัน ข้าต้องคิดถึงเรสท์ลิน ข้าต้องเรียบเรียงความคิด เขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองจัสทาเรียสตรง ๆ ข้าต้องทำให้ตัวเองเข้าใจว่าเรสท์ลินเป็นเช่นไร เขาทำอะไรลงไป ข้าต้องรับความจริงว่าเขาชั่วร้าย ชั่วร้ายอย่างยิ่งยวด เขายอมแลกโลกทั้งโลกในความกระหายต่ออำนาจ ผู้คนบริสุทธิ์ต้องทุกข์ทรมานและสูญสิ้นเพราะเขา
และเพื่อสิ่งนี้ แน่นอน เขาได้รับอนุญาตให้มีชีวิตรอด ดาลามาร์เย้ย
เดี๋ยว! คารามอนยกมือ ใบหน้าเข้มขึ้น ข้าก็ตระหนักบางสิ่งได้ ข้ารักเรสท์ลิน เขาเป็นน้องชายข้า ฝาแฝดข้า เราสนิทกัน ไม่มีใครรู้ว่าสนิทกันแค่ไหน ชายร่างยักษ์ไม่อาจกล่าวต่อได้ แต่ก้มมองด้ามดาบของตนเอง เคร่งเครียด จนกระทั่งถอนหายใจสั่นสะท้าน เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เรสท์ลินทำความดีในช่วงชีวิต หากปราศจากเขา เราคงไม่อาจมีชัยเหนือกองทัพมังกร เขาดูแลคนที่
คนที่บาดเจ็บ
ป่วย
ดั่งตัวเขา แต่มันก็ ข้ารู้ ไม่ได้ช่วยเขาในช่วงเวลาสุดท้าย ริมฝีปากของคารามอนเม้มแน่นราวกับกั้นน้ำตา ตอนข้าพบเขาในนรกเอบิส เขาเกือบจะมีชัยดั่งที่พวกท่านได้ทราบ เขาเพียงแต่ลอดผ่านทวารา พาราชินีแห่งความมืดมาด้วย จากนั้น เขาก็จะโค่นล้มนางและขึ้นแทนที่ เขาจะได้เติมเต็มความฝันในการเป็นพระเจ้า แต่เขาจะได้ปกครองโลกแห่งความตาย เขารู้ว่าหันกลับไปไม่ได้อีกแล้ว เขานำหายนะมาสู่ตัวเอง เขารู้ความเสี่ยงที่เผชิญอยู่เมื่อเขาเข้าไปในเอบิส
ใช่ จัสทาเรียสกล่าวเงียบ ๆ และในความทะเยอทะยานนี้เอง เขาเลือกที่จะเสี่ยง ท่านกำลังจะบอกอะไร?
รอก่อน คารามอนกล่าว เรสท์ลินทำผิด ความผิดร้ายแรงและน่าเศร้า แต่เขาก็ทำในสิ่งที่คนน้อยนักทำ เขากล้าที่จะรับและพยายามจะแก้ไข แม้มันจะหมายถึงการยอมสละตนเอง
ท่านรอบรู้มากขึ้น คารามอน มาเจเร สิ่งที่ท่านกล่าวน่าเชื่อถือนัก จัสทาเรียสมองคารามอนด้วยความนับถือ แม้ว่าเขาจะส่ายหน้าอย่างเสียใจ แต่ยังไง มันคือคำถามสำหรับนักปรัชญาที่ต้องถกกัน มันไร้ข้อยืนยัน อภัยข้าที่จำต้องกดดันท่าน คารามอน แต่
ข้าหลบไปอยู่บ้านของทานิสหนึ่งเดือนก่อนจะกลับบ้าน คารามอนเล่าต่อราวกับไม่ได้ยินคำกล่าวแทรก มันเป็นบ้านอันเงียบสงบที่ข้าฝันถึง ทำให้ข้าคิดถึงเรื่องราวทั้งหมด ที่นั้น ข้ารู้สึกได้เป็นครั้งแรกว่าน้องชายข้า สหายตั้งแต่ถือกำเนิด บุคคลที่ข้ารักยิ่งกว่าผู้ใดในโลก ได้จากไปแล้ว สูญสิ้น เท่าที่ข้ารู้ ถูกขังในความทรมานแสนเลวร้าย ข้า
ข้าคิด มากกว่าหนึ่งครั้ง ในการใช้เมรัยของคนแคระช่วยลดความเจ็บปวด คารามอนหลับตา ตัวสั่น วันหนึ่ง เมื่อข้าคิดว่าข้าไม่อาจทนมีชีวิตต่อไหวอีกแล้วโดยไม่เป็นบ้าไปเสียก่อน ข้ากลับไปที่ห้อง ลงกลอนประตู ชักดาบออกมา ข้ามองดาบ คิดว่ามันคงง่ายนักที่จะ
หนีจากมัน ข้าล้มตัวลงนอน ตั้งใจจะปลิดชีวิตตนเอง แต่แล้ว ข้ากลับผล็อยหลับอย่างอ่อนล้า ข้าไม่รู้ว่าหลับไปนานเพียงใด แต่เมื่อข้าตื่น มันเป็นยามราตรี ทุกสิ่งเงียบงัน แสงสีเงินของโซลินารี่ส่องสว่างผ่านหน้าต่าง ข้าสัมผัสถึงความสงบที่ไม่อาจอธิบายได้ ข้าประหลาดใจนัก
แล้ว ข้าก็เห็นเขา
เห็นใคร? จัสทาเรียสถาม เหลือบมองดาลามาร์แวบหนึ่ง เรสท์ลินหรือ?
ใช่
ใบหน้าของพ่อมดทั้งสองเครียดขึ้นโดยพลัน
Create Date : 26 กรกฎาคม 2548 |
|
3 comments |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2548 22:41:14 น. |
Counter : 923 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
โดย: BeeJang 26 กรกฎาคม 2548 22:39:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: BeeJang 26 กรกฎาคม 2548 22:39:36 น. |
|
|
|
|
|
|
ความฝัน ดาลามาร์เย้ย
ไม่ คารามอนส่ายศีรษะ มันเหมือนจริงนัก ข้าเห็นเขาเหมือนที่ข้าเห็นเจ้า ข้าเห็นใบหน้าเขาเช่นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็น ในเอบิส เพียงแต่ริ้วรอยแห่งบาดแผลอันน่าสะพรึงกลัว ความบิดเบี้ยวแห่งความกระหายและสิ่งชั่วร้ายมลายสิ้น เหลือเพียงความราบเรียบและ สุขสงบ ดั่งที่ท่านหญิงคริสซาเนียกล่าวไว้ มันเป็นใบหน้าของน้องชายข้า ฝาแฝดของข้า มิใช่คนแปลกหน้าที่เขาเคยเป็น คารามอนปาดน้ำตาอีกครั้ง วันต่อมา ข้ากลับบ้านได้ รู้ว่าทุกสิ่งจะเรียบร้อย เป็นครั้งแรกของชีวิต ข้าเชื่อในพาลาดิน ข้ารู้ว่าเขาเข้าใจเรสท์ลิน และตัดสินเขาอย่างกรุณา ยอมรับการเสียสละของเขา
เขาชนะเจ้าแล้ว จัสทาเรียส เสียงดังมาจากความมืด เจ้าจะว่าอย่างไงกับศรัทธาเช่นนี้?
คารามอนมองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว และเห็นร่างสี่ร่างปรากฏกายออกมาจากความมืด สามคนเขาจำได้ดีด้วยความทรงจำเต็มเปี่ยมแม้ในสถานที่อันมืดมนเช่นนี้ ดวงตาเขาเปียกชื้นอีกครั้ง แต่มันเป็นน้ำตาแห่งความภาคภูมิยามที่เขามองไปยังบุตรชาย บุตรชายคนโตทั้งสอง เสียงเกราะกระทบฝักดาบ ดูสงบเสงี่ยมแปลกประหลาด เขาสังเกต ไม่แปลก เขาคิด เมื่อต้องคิดถึงสิ่งที่พวกเขาได้ยินเรื่องหอคอยนี้ ทั้งในตำนานและเรื่องเล่าของครอบครัว แล้วก็อีก พวกเขามองเรื่องมนตราแบบเดียวกับที่เขามอง ไม่ชมชอบและไม่เชื่อถือ ทั้งสองยืนอย่างปกป้อง ตามปกติ ขนาบสองข้างของบุตรชายคนที่สามของคารามอน น้องชายคนเล็ก
และเป็นบุตรชายคนนี้ที่คารามอนเฝ้ามองอย่างหวาดหวั่นตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามา สวมใส่ด้วยเสื้อคลุมสีขาว พาลินเดินตรงมายังผู้นำแห่งสภาด้วยศีรษะค้อมต่ำ ตามองอยู่ตรงพื้น เหมาะสมแล้วกับเขาผู้ต่ำต้อยไร้ตำแหน่ง อายุเพียงยี่สิบ เขายังไม่ได้เป็นผู้ฝึกหัดและอาจจะไม่จนกว่าเขาอายุยี่สิบห้าเป็นอย่างน้อย มันเป็นอายุที่ผู้ใช้เวทย์แห่งครินน์เข้าสอบ - การสอบอันน่าสะพรึงกลัวของศาสตร์และศิลป์แห่งเวทย์ ซึ่งพวกเขาต้องผ่านก่อนจะได้เรียนรู้เวทย์ที่ยากและอันตรายขึ้น ด้วยว่าพ่อมดมีพลังมากนัก การสอบจึงเป็นการคัดผู้ที่ไร้ความสามารถหรือไม่จริงจังในศาสตร์นี้ออก ซึ่งมันได้ผลมาก ๆ การล้มเหลวคือความตาย ไม่มีการหันหลังกลับ ครั้งหนึ่งเมื่อบุรุษหรือสตรีทุกเชื้อสาย เอล์ฟ มนุษย์ ออร์ค ตกลงใจเดินหน้าสู่หอคอยมนตราสูงสุดด้วยความตั้งใจเข้าสอบ พวกเขาสละกายและดวงวิญญาณให้กับมนตรา
พาลินดูว้าวุ่นใจมากกว่าปกติและก็จริงจังตั้งแต่ออกเดินทางมายังหอคอย จนราวกับว่าเขากำลังจะเข้าสอบจริง ๆ แต่มันตลกนัก คารามอนบอกตัวเองอย่างหนักแน่น ลูกชายเขายังเล็กนัก แม้ว่าเรสท์ลินจะเข้าสอบอายุเท่านี้ก็ตาม แต่นั่นเป็นเพราะภาคีต้องการเขา เรสท์ลินมีพลังเวทย์อันแข็งแกร่ง เชี่ยวชาญในศาสตร์นี้ แต่กระนั้น การสอบเกือบจะสังหารเขา คารามอนยังคงระลึกภาพฝาแฝดของตนนอนจมกองเลือดบนพื้นของหอคอยได้ เขากำหมัดแน่น ไม่! พาลินฉลาด เขาเก่ง แต่ยังไม่พร้อม เขายังเด็กเกินไป
แล้วก็ คารามอนพึมพำใต้ลมหายใจ ให้เวลาเขาอีกสองสามปี เขาอาจจะเลิกศาสตร์นี้
ราวกับรู้สึกถึงความพินิจพิเคราะห์อันหวาดหวั่นของบิดา พาลินเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและส่งยิ้มยืนยันให้ คารามอนยิ้มตอบ รู้สึกดีขึ้น บางทีสถานที่บ้า ๆ แห่งนี้ทำให้บุตรชายเขาตาสว่าง
เมื่อร่างทั้งสี่เดินมายังเก้าอี้ครึ่งวงกลมที่ดาลามาร์และจัสทาเรียสนั่งอยู่ คารามอนจ้องเขาด้วยสายตาคมกริบ เห็นแล้วว่าลูก ๆ เขาวางตัวดีและทำสิ่งที่ควรทำ (บุตรคนโตทั้งสองดูเหมือนจะวางก้ามมากไปนิด) ชายร่างยักษ์ก็ผ่อนคลายและศึกษาร่างที่สี่ ผู้ที่พูดกับจัสทาเรียสเรื่องศรัทธา
เขาเห็นภาพที่แปลกตานัก คารามอนนึกไม่ออกว่าเคยเห็นอะไรแปลกกว่านี้แม้เขาจะเคยเดินทางทั่วอันซาลอน ชายผู้นี้มาจากเออร์กอธเหนือ เท่าที่คารามอนบอกได้จากผิวสีดำ สัญลักษณ์ของผู้คนแห่งท้องทะเล เขาแต่งกายราวกับกะลาสี เว้นเพียงกระเป๋าคาดเข็มขัดและสายสะพายสีขาวรอบเอว น้ำเสียงของเขาเหมือนกับคนที่ต้องตะโกนออกคำสั่งผ่านเสียงเกลี่ยวคลื่นและเสียงลมหวีดหวิว ความรู้สึกนี้แรงนักจนคารามอนต้องมองไปรอบ ๆ อย่างไม่แน่ใจ เขาอาจไม่แปลกใจนักหากแลเห็นเรือเดินสมุทรเต็มฝีพายเคลื่อนผ่านตามหลังเขามา
คารามอน มาเจเร สินะ ชายผู้นั้นกล่าว เดินมาหาคารามอนผู้ซึ่งลุกยืนอย่างเก้อเขิน เขาคว้ามือของคารามอนมาจับแน่นจนชายร่างใหญ่ลืมตากว้าง ชายแปลกหน้ายิ้มกว้างและแนะนำตัว ดันบาร์ มาสเตอร์เมท แห่งเออร์กอธเหนือ ผู้นำภาคีเสื้อคลุมขาว
คารามอนตกใจ ผู้วิเศษหรือ? เขาอย่างประหลาดใจ
ดันบาร์หัวเราะ ท่าทีเหมือนบุตรชายท่านไม่มีผิด ใช่ ข้าไปเยี่ยมบุตรชายท่านแทนที่จะหน้าที่ตรงนี้ พวกเขาเป็นเด็กดีนะ คนโตทั้งสองเคยไปอยู่กับพวกนักรบ ข้าเข้าใจดี ต่อสู้กับพวกมิโนทอร์แถวคาลามาน เราเกือบจะได้เจอกันที่นั่นแล้ว นั่นล่ะทำให้ข้ามาช้า เขาเหลือบสายตาขออภัยไปยังจัสทาเรียส เรือของข้าเทียบท่าอยู่ที่พาลันธาส ซ่อมแซมความเสียหายจากการปะทะกับพวกโจรสลัดนั้น ข้าเป็นผู้วิเศษแห่งท้องทะเล ดันบาร์เพิ่มเติมคำอธิบาย แลเห็นสายตาแห่งความงงงวยของคารามอน ให้ตายเถอะ ลูกท่านเหมือนท่านไม่มีผิด! เขาหัวเราะ เขย่ามือคารามอนอีกครั้ง
คารามอนยิ้มตอบ ทุกอย่างจะเรียบร้อย พ่อมดพวกนี้เข้าใจเรสท์ลิน เขาจะได้พาเด็ก ๆ กลับบ้าน
แล้วคารามอนก็รู้สึกว่าดันบาร์พิจารณาเขาอย่างจริงจัง เหมือนราวกับมองลึกถึงจิตใจได้ ใบหน้าของผู้วิเศษเครียดขึ้น ส่ายศีรษะน้อย ๆ ดันบาร์หันกลับและเดินอ้อมห้องด้วยย่างก้าวเร็ว ๆ สม่ำเสมอ ราวกับเดินอยู่บนดาดฟ้าเรือตนเอง และนั่งลงทางฝั่งขวาของจัสทาเรียส
ว่าไง คารามอนกล่าว คลำฝักดาบ ความเชื่อมั่นเริ่มสั่นไหวด้วยสายตาของเหล่าผู้วิเศษ ทั้งสามกำลังจ้องเขา สีหน้าเคร่งเครียด ใบหน้าของคารามอนเข้มขึ้นด้วยความตกลงใจ ข้าคิดว่ามันก็เท่านั้น ท่านได้ยินสิ่งที่ข้าบอกแล้วเกี่ยวกับ ... เรสท์ลิน ...
ใช่ ดันบาร์กล่าว เราทั้งหมดได้ยิน เราบางคน ข้าเชื่อเช่นนั้น เป็นครั้งแรก พ่อมดแห่งท้องทะเลเหลือบมองพาลินอย่างชั่งใจ ขณะที่อีกฝ่ายเอาแต่มองพื้น
เขากลืนน้ำลายอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ คารามอนกล่าวต่อ ข้าคิดว่าเราไปได้แล้ว