|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ไปดูโขนมาค่ะ
เมื่อวันอาทิตย์ไปดูการแสดงโขนชุดพรหมาศมาค่ะ
จริง ๆ บีจังเห็นโฆษณาโขนครั้งแรกที่สยามพารากอนค่ะ เผอิญเป็นคนชอบดูป้ายโฆษณาตรงบันไดเลื่อน (คือจะดูว่ามีร้านไหนลดราคาบ้าง~) แล้วไปเห็นโฆษณาโขนอลังการเข้า เออ น่าไปดูนะ ก็ไม่ได้คิดอะไร เดี๋ยวกลับบ้านมาหาข้อมูลดีกว่า
ปกติเป็นคนชอบดูการแสดงของไทยอยู่แล้ว เคยไปดูหุ่นละครเล็กนาฏยศาลา (โจหลุยส์) ตอนโหมโรงมาครั้งหนึ่ง ตอนนั้นตั้งใจจะไปดูเลย เพราะชอบหนังเรื่องโหมโรงเป็นพิเศษ และรอบที่ไปดูคือรอบพิเศษที อ. ณรงค์ฤทธิ์ โตสง่า (ขุนอินในหนัง) มาเล่นระนาด ก็เลยไปดูค่ะ แล้วก็ชอบมาก ก็เลยชมชอบการแสดงของไทยมาโดยตลอด (แต่ถึงกระนั้นก็ไปดูคอนเสิร์ต Dream Theater ทั้งสองรอบ และฟังแต่เพลงเมทัลหนวกหู~)
นั่นล่ะค่ะ ก็เลยลองเปรย ๆ ชวนคุณแม่ว่าไปดูโขนกัน คุณแม่บีจังเป็นประเภทที่ว่าไปไหนไปด้วย ไม่่ค่อยเกี่ยง ยิ่งเป็นการแสดงแบบนี้ก็ไม่ปฏิเสธค่ะ (คราวไปดูหุ่นละครเล็ก ก็ไปกับแม่นี่ล่ะ) ก็เลยไปหาข้อมูลในเวปไทยทิกเก็ตมาสเตอร์ ปรากฏว่า ...
บัตรถูกมาก~
ถูกจริง ๆ ค่ะ มีราคา 800, 600, 400 กับ 200 ถ้าเป็นนักเรียนจะลดบัตร 200 เหลือแค่ 100 เดียว แม่นาคบัตรราคา 2800 - 500 ทำไมราคามันต่างกันแบบนี้หนอ เหลือบมองชื่อผู้จัด ก็เข้าใจค่ะ จัดโดยมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระราชินี มิน่าบัตรถูกมาก ไม่ใช่จัดโดนบริษัทจำกัดหากำไรนี่นาเนอะ (แต่โขนตอนหนุมานชาญสมร จัดโดนมูลนิธิเกศอัมรินทร์กับสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมน่ะ บัตรแพงเป็นพันอะคุณ)
เข้าไปดูที่นั่งในเวป โหย ว่างโล่งสุด ๆ อย่างที่คาดการณ์ไว้ ก็เลยนิ่งนอนใจ ไว้ใกล้ ๆ ไปห้าง ค่อยไปซื้อบัตรก็ได้
แล้วรายการคุณพระช่วยก็เอาโขนชุดนี้มาออก ... ดูแล้ว ก็รู้สึกแน่ใจว่าแบบนี้ต้องไปดูให้ได้ค่ะ อลังการจริง ๆ คืนนั้นก็ยังเฉย ๆ เข้าไปดูเวป ที่นั่งก็ยังโล่ง ๆ โอเค ๆ อยู่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปจองบัตรละกัน
ก็ไปซื้อที่เคาน์เตอร์ ... อึ้งค่ะ ... ที่นั่งที่มอง ๆ เอาไว้หายไปเยอะทีเดียว ที่นั่งแถวที่เล็งไว้ก็มีคนจองทางเวปบุ๊คเอาไว้หมด จนต้องร่นไปสามสี่แถวแน่ะ ฮือ ๆ แต่ก็ซื้อค่ะ ได้แถว I มา โอเค ๆ ...
ไปดูวันอาทิตย์ รอบบ่ายสองค่ะ ก็ไปที่ศูนย์วัฒนธรรมค่ะ เดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน เดินจากสถานีไปศูนย์พอเหงื่อออกค่ะ

สิ่งที่ชอบของศูนย์วัฒนธรรมคือแอร์เย็นค่ะ (คิดถึงโรงหนังที่ไม่ค่อยเปิดแอร์สิคะ มันทรมานนะ) แต่ที่ไม่ชอบคือเก้าอี้เล็ก เก้าอี้ที่นั่งรอประตูเปิดน้อยไปนิด ห้องน้ำก็น้อยไปหน่อยค่ะ
ระหว่างรอประตูเปิด ก็ดูนิทรรศการ ดูหัวโขน (สวยมาก ๆ ) แล้วก็ดูคนค่ะ~ .. ส่วนใหญ่เป็นวัย Ex-Teen ค่ะ เอิ๊กกก ๆ ก็ Ex-Teen จริง ๆ นี่นา วัยคุณแม่ทั้งนั้น ซึ่งก็ไม่แปลกใจเลย วัยคุณย่าคุณยายก็เยอะค่ะ รองมาก็เป็นวัยบีจังค่ะ เอิ๊กก ๆ ก็เป็นพวกพาวัย Ex-Teen มาดูนี่ล่ะ มีเด็กจิ๋ว ๆ ด้วยนะคะ เหมือนประมาณผู้ใหญ่พาลูกหลานมาดูค่ะ แล้วก็มีเด็กนักเรียนมัธยมเหมือนโรงเรียนพามาดูค่ะ
พล่ามมานาน เข้าถึงการแสดงดีกว่าค่ะ
รอบของวันอาทิตย์ จะบรรเลงโดยวงโยธวาธิต กองดุริยางค์ทหารบก วันอื่น ๆ จะเป็นวง ปี่พาทย์สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ที่เลือกวันอาทิตย์เพราะที่นั่งตอนจองบัตรดีกว่า แล้วก็เป็นวงโยของทหาร มันน่าจะเร้าใจกว่า (ไม่ใช่แล้ว~) พอเหล่านักขับร้องเดินขึ้นมาที่ด้านข้างเวที ผู้ชมก็ปรบมือค่ะ (เย้ มาแล้ว ๆ) ผู้ขับร้องผู้หญิง 7 คนค่อนข้างเป็นวัยผู้ใหญ่แล้วค่ะ ส่วนนักร้องชาย 5 คน เป็นหนุ่ม ๆ ค่ะ ตรงนี้ก็แอบแปลกใจ เพราะมองแล้วนักร้องชายดูวัยรุ่นมาก ๆ คือดูจากทรงผมของนักร้องชายคนหนึ่ง โอ~
แล้วไม่นาน เสียงดนตรีก็บรรเลง วงโยก็ค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากทางด้านหน้าของเวที ผู้คนหลายคนลุกขึ้น เพราะตามปกติ ก่อนการแสดงทุกประเภทของบ้านเรา จะต้องเป็นเพลงสรรเสริญพระบารมี บีจังกับแม่ก็เกือบจะลุก แต่ฟังดี ๆ มันไม่ใช่นี่นา ก็บอกกับแม่ว่า เอ๊ะ มันไม่ใช่เพลงสรรเสริญนะ แล้วคนในฮอลล์ก็หัวเราะกันเองขำ ๆ
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาสาบสิบวินาที
มันคือการแสดงโหมโรงค่ะ เป็นการบรรเลงดนตรีแล้วขับร้อง บทพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ซึ่งทรงพระนิพนธ์ไว้ในบทละครดึกดำบรรพ์เรื่องคาวี เป็นการแสดงถวายพระพรในหลวงและสมเด็จค่ะ
เสร็จแล้ว วงโยก็บรรเลงเพลงสรรเสริญค่ะ อิอิ อันนี้ของจริง~

การแสดงแรกคือรำประเลงค่ะ รำประเลงคือการแสดงเบิกโรง เพื่อขออำนาจบารมีเทพเจ้าให้พรมงคลให้การแสดงประสบผลสำเร็จค่ะ
พอรำเสร็จ การแสดงเริ่มแล้ว ม่านเปิดปุ๊บ คนดูครางฮือทันที เพราะฉากมันสวยมาก แต่พื้นหลังจะเป็นสีแดงสดและสว่างกว่าในภาพเยอะค่ะ
เป็นฉากท้องพระโรงในกรุงลงกาของทศกัณฐ์ มีทหารเข้ามาทูลว่าแสงอาทิตย์และมังกรกรรฐ์ซึ่งเป็นหลานของทศกัณฐ์เสียทีแก่ กองทัพพระราม ทศกัณฐ์โกรธมาก สั่งเสนากาลสูรไปทูลอินทรชิตให้เร่งชุบศรพรหมาศ
แล้วเค้าก็เข้าใจว่าทำไมถึงต้องใช้นักร้องหนุ่ม ๆ~ ... ฮ่าฮ่า คือว่าระหว่างบทเจรจา มันจะมีเสียงกลองดังเป็นจังหวะตึง แล้วก็ตึงตึง แล้วก็มีเสียงร้อง 'เฮ้ย' .. ก็ไอ้เฮ้ยเนี่ยล่ะ ถึงต้องใช้เสียงหนุ่ม ๆ มันเฮ้ยได้ใจไงคะ เอิ๊กก ๆ มีขำอีกนะ พอเฮ้ยบ่อยเข้า ก็เริ่มมีเสียงขำิคิก ๆ (มันขำจริง ๆ อะ) แล้วเจ้าเด็กจิ๋ว ๆ ที่คุณย่าคุณยายพามาเนี่ยอะ พอได้ยินเสียงกลองตึง น้องเค้าก็เฮ้ยเล่น แต่เค้าดันไม่เฮ้ยน่ะสิ ฮากันทั้งโรง~
พอทศกัณฐ์สั่งกาลสูร แล้วกาลสูรก็จะออกไป ม่านปิดแต่กาลสูรก็ยังรำอยู่ค่ะ รำอยู่พักใหญ่ ๆ ก็กระโดดเข้าข้างเวที แล้วก็ลอยออกมาค่ะ คนดูครางฮือ โอ เหาะข้ามไปอีกด้านเลยค่ะ เสียงปรบมือเกรียว

แล้วก็เปลี่ยนฉาก เป็นองก์ 2 ค่ะ ม่านเปิดปุ๊บ ครางฮืออีกรอบ~ โอ คุณพระ .. สวยกว่าฉากเมื่อกี้อีก เป็นฉากในป่า ทำสวยมาก ๆ ดูมีมิติดีค่ะ เป็นฉากประรำพิธีของอินทรชิตที่กำลังทำพิธีชุบศร พอกาลสูรแจ้งข่าวร้าย อินทรชิตก็โกรธมาก กระทืบเท้าดังปึง (มันดังจริง ๆ นะคุณ) โกรธที่กาลสูรมาขัดพิธีสำคัญและแจ้งข่าวอัปมงคล ไล่ให้กาลสูรออกไป แล้วอินทรชิตก็ออกจากพิธี รับสั่งว่าจะแปลงกายตนเองเป็นโกสีย์ (พระอินทร์) แล้วให้การุณราชแปลงเป็นช้างเอราวัณ กองทัพทั้งหลายแปลงเป็นเทวดานางสวรรค์เพื่อขับร้องรำฟ้อนหลอกล่อกองทัพของ พระราม
แล้วอินทรชิตก็ขึ้นแท่นเพื่อจำแลงกายเป็นพระอินทร์ มีเอฟเฟ็คไอควันเล็กน้อย ก็พ่น ๆ ออกมาใหญ่เลยค่ะ แสงไฟก็มืดหมด มีสปอร์ตไลท์ส่องไปที่อินทรชิต จังหวะหนึ่งก็มีนักแสดงอีกคนขึ้นมายืนด้านหลัง แล้วก็ค่อย ๆ สับเท้าหมุนตัวค่ะ
พอเห็นหน้าคนที่แสดงเป็นพระอินทร์แปลง แอบหลงรักเลยค่ะ สวยมาก~ ... หน้าหวานมาก
แล้วก็จบองก์ 2 พักสิบห้านาที .. ก็คุยกับคุณแม่ว่าคนที่เล่นเป็นพระอินทร์แปลงสวยเนอะ ก็คิดว่าเป็นผู้หญิงเพราะหน้าหวานและดูเหมือนมีหน้าอก ตอนหลังถึงทราบจากสูจิบัตรว่าเป็นผู้ชาย โอ้~ ระหว่างจะเริ่มการแสดงต่อ มีผู้บรรเลงวงเครื่องประโคม-เครื่องสูงออกมายังข้างเวทีอีกด้านค่ะ
องค์ 3 เป็นการเคลื่อนทัพของอินทรชิตที่แปลงร่างแล้ว พระอินทร์แปลงทรงช้างเอราวัณ มีเทวดานางสวรรค์ร่ายรำ
ช้างในฉากนี้คือช้างที่คนแสดงค่ะ ใส่หัวโขนเป็นช้างเผือกสามเศียร มีพระอินทร์เหยียบขาช้างข้างหนึ่ง (ความหมายคือกำลังทรงช้างนั่นล่ะ)
พอเดินทัพเสร็จ ม่านเปิด องค์ 4 สนามรบ .. แล้วกองทัพลิงก็ออกมา ฮ่าฮ่า หนุมานมาแว้ว~ เสียงปรบมือดังเกรียวอีกรอบ ราชรถของพระลักษณ์สวยมาก ๆ พระลักษณ์นำทัพออกมา ... โอ๊ย คุณขา พระลักษณ์หล่อ (สวย) มาก หน้าหวานสุด ๆ ... แล้วก็มีกองทัพลิงเดินมาเต็มเวทีด้านหน้า
แล้วเสียงบรรยายก็ดังขึ้น ม่านด้านหลังเปิด พวกลิงก็หันไปเห็นด้านหลัง โอ ลิงตกใจสะดุ้งโหยง คนดูครางฮือดังกว่าครั้งไหน ๆ~ ... ฉากนี้อลังการงานสร้างที่สุดของการแสดงครั้งนี้ค่ะ เวทีส่วนหลังคือยกพื้นสูงเป็นลายเมฆและท้องฟ้า สูงสุดคือช้างเอราวัณขาวเผือกสามเศียรขนาดเท่าช้างจริง ๆ พระอินทร์แปลงทรงอยู่บนคอช้าง บนเมฆและท้องฟ้าชั้นแรกมีบรรดาเทวดานางสวรรค์ฟ้อนรำกันเป็นคู่ ๆ เมฆชั้นบน ๆ เป็นบรรดาพราหมณ์และข้าราชทั้งหลายของพระอินทร์

เราก็เข้าใจความหมายของคำว่า 'ซนเป็นลิง' ก็คราวนี้เอง ขบวนทัพแตกกระเจิง เหล่าลิงน้อยใหญ่กระโดดโลดเต้น กวักมือเรียกเทวดานางสวรรคกันยกใหญ่ ส่วนพระลักษณ์ก็หลงกล คิดว่าพระอินทร์ลงมาช่วยรบ เลยเพลินไปกับการฟ้อนรำอันงดงาม
มีขำ ๆ ด้วย คือระหว่างการรำ จะมีเทวดานางฟ้าคู่หนึ่งเหาะข้ามเวที พวกลิงก็จะพากันกระโดดจับ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ลิงตัวใหญ่จับลิงน้อยยกขึ้น มือไปคว้าเอาชายสไบนางฟ้าถึงด้วยล่ะ เอิ๊กก ๆ แต่โชคดีไม่หลุด ฮ่า ๆ สลิงเค้ารีบยกขึ้นเลย แหม ซนจริง ๆ เจ้าลิงน้อย
พออินทรชิตเห็นพระลักษณ์และเหล่าวานรหลงกล ก็แผลงศรใส่ทัพวานร จนทั้งหมดสลบไสล ... เอิ่มมม~ เป็นการแผลงศรที่สนุกมาก คือพอพระอินทร์แปลงยกศรขึ้น ก็มีเหล่าศรพุ่งใส่ทัพวานรค่ะ ไอ้ที่พุ่งนี้คือไม้ที่เหมือนตะเกียบมาก ๆ โยนเฟี้ยว ๆ ๆ ๆ ทั้งซ้ายขวาพุ่งใส่เหล่าลิงน้อยใหญ่ มีเสียงเอฟเฟคด้วย แ้ล้วทั้งกองทัพก็ล้มนิ่ง พระลักษณ์นั่งอยู่บนราชรถ ถือศรปักที่อก นั่งนิ่ง เอิ๊กก ๆ
มีเพียงหนุมานที่ไ่ม่เป็นอะไร หนุมานโกรธมาก คิดว่าพระอินทร์ไปเข้ากับพวกยักษ์ ชี้หน้าด่า กระทืบเท้า แล้วก็ตีลังกาควับ ๆ ไม่นานก็กระโดดหมุนไปข้างเวที โผล่มาอีกที ขึ้นสลิงเหาะไปหาพระอินทร์แปลงบนคอช้าง (เสียงครางฮือดังมาก~) แล้วก็สู้กันค่ะ หนุมานสังหารควาญช้างได้ (ตรงนี้ช้างหมุนได้ด้วย โอ~) แล้วก็กลับมาสู้กับพระอินทร์แปลงต่อ น่าสงสารหนุมานมาก ๆ โดนพระอินทร์หน้าสวยเอาศรตี ๆ ๆ ผัวะ ๆ ๆ แต่หนุมานก็หักคอช้างได้ จริง ๆ ก็ไม่ได้หักหรอก เค้าทำเป็นช้างค่อย ๆ ต่ำลง พระอินทร์แปลงเหาะลอย แล้วก็ตีหนุมานจนกระเด็นไปสลบอยู่กลางกองทัพวานร อินทรชิตคิดว่ามีชัยแล้ว จึงกลับนครลงกาด้วยความยินดี

ม่านกลางก็ปิด เหลือแต่ราชรถพระลักษณ์และกองทัพลิง แล้วพระรามก็รีบมายังสนามรบพร้อมกับพิเภก ชามพูวราช และนิลนนท์ พอเห็นน้องรักต้องศร พระรามก็รีบขึ้นไปที่ราชรถ ประคองพระน้องพยายามจะดึงศรออก แต่ก็ไม่ได้ จึงร่ำไห้เสียใจ ...
.... ครั้นถึงสนามราวี ... เห็นพลกระบี่ ... พินาศดาษพื้นพสุธา ... .... ทั้งองค์พระลักษมณ์อนุชา ... ศรศักดิ์ปักอุรา ... พระเข้าฉุดชักศรชัย ... .... ไม่เขยี้อนแลเลื่อนหลุด ... เกรงน้องนุชจะบรรลัย ... กรตระกองพระน้องไว้ ... ชลนัยไหลลงทรงโศกา ...
แหม บทสุดท้ายมันโอ้สมชื่อบทพากย์โอ้จริง ๆ สาวกวายอย่างเรา ๆ เห็นแล้ว มันอดหัวเราะคิกคักไม่ได้
โศก ๆ กันสักพัก ก็บรรยายไปว่าเมื่อพระพายพัดมา หนุมานที่เป็นบุตรของพระพาย พอลมต้องกายก็ได้สติ ... เอิ่มมมม ไอ้ได้สติฟื้นคืนเนี่ย มันคือหนุมานนอน ๆ แผ่สองสลึง อยู่ ก็ลุกพรวดขึ้นทันที ... ลุกพรวดค่ะ ย้ำ~ ... ฮาทั้งโรง
แล้วหนุมานก็ทูลเรื่องทั้งหมดว่าเห็นเทวดานางสวรรค์มารำฟ้อน พระอินทร์แผลงศรต้องพระศรีอนุชาและทัพวานร ส่วนหนุมานก็ขึ้นไปสู้กับพระอินทร์และหักคอช้าง แต่ก็เสียท่าถูกฟาดสลบ พระรามก็ถามพิเภกว่าทำไมพระอินทร์ถึงทำเช่นนี้ และมีวิธีแก้ไขหรือเปล่า พิเภกก็ทูลว่าอินทรชิตแปลงกายเป็นพระอินทร์ ศรนั้นคือพรหมาศ ยาแก้อยู่ในภูผาที่ชื่ออาวุธ ให้หนุมานไปเอายาก่อนที่แสงยามเช้าจะมา
ฉากตอนนี้จะเป็นเหมือนกับฉากในองค์ 2 แต่เพิ่มพระจันทร์ดวงเบ้อเร้อมาหนึ่งดวงค่า~
แล้วหนุมานก็เหาะกลับมาพร้อมกับยกภูเขามาทั้งลูก ... มันยกภูเขามาจริง ๆ ค่ะ มาทั้งลูกเลยค่า~ ... เหาะลอยแล้วทูนภูเขาไว้เหนือหัว แล้วก็เคาะยาร่วงกราวใส่ไพร่พลวานร ... เสียงครางฮืออีก~ ... มันสวยมาก ๆ มีกากเพชรเป็นละอองระยิบระยับ ลอยลงมาจากภูเขา ... แล้วเหล่าวานรกับพระลักษณ์ก็ฟื้น ... เย้~
จบแว้วค่ะ
เอิ๊กกก ๆ ตามธรรมเนียม นักแสดงจะต้องออกมาขอบคุณผู้ชม ได้รับเสียงปรบมือดังสนั่นเลย ยิ่งกว่านั้น พวกเขาถอดหัวโขนด้วยค่ะ เสียงเฮดังมาก ๆ แล้วก็ผายมือไปยังทีมนักร้อง นักดนตรีวงเครื่องประโคม-เครื่องสูง แล้วก็วงโยธวาธิต
แหม เดี้ยนชอบคนในเครื่องแบบจริง ๆ (ไม่ต้องเล่นมุข ร.ป.ภ. นะ~) .. พอดูจบ ก็คิดเสียดายว่าน่าจะดูสองรอบ ดูรอบที่บรรเลงด้วยวงปี่พากย์อีกสักรอบ แต่ไม่เป็นไร แค่นี้ก็รู้สึกอิ่มเอิมและมีความสุขมาก ๆ เลย ของไทยเราเนี่ย มันวิจิตรงดงามจริง ๆ บ้านเรามีอะไรดี ๆ อีกเยอะ~
ได้ซื้อ DVD+CD กับสูจิบัตรกลับมาด้วยค่า~
เรื่องอารมณ์เสียก็มีบ้าง ... มีไอ้ฟายฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง เค้าบอกออกปาว ๆ ว่ากรุณาอย่าใช้แฟลชในการถ่ายภาพ เมิงก็ยังถ่าย ยิ่งฉากอลังการองค์สี่ แม่งรัวแวบ ๆ เชียวนะเมิง ประสาท หูหนวกเหรอไงฟระ~ ... เกลียดคนไทยไร้มารยาทจังค่ะ
แล้วก็ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบค่ะ~ ไม่คิดว่าจะเขียนยาวขนาดนี้
Create Date : 23 มิถุนายน 2552 |
|
11 comments |
Last Update : 23 มิถุนายน 2552 15:43:12 น. |
Counter : 4058 Pageviews. |
|
 |
|
|
| |
โดย: พ ณ.ลำพู IP: 110.169.8.196 24 มิถุนายน 2552 7:55:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ ณ.ลำพู IP: 110.169.8.196 24 มิถุนายน 2552 7:58:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: นัทธ์ 24 มิถุนายน 2552 11:43:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: bookgang 30 กันยายน 2552 0:36:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: YHIGG IP: 58.137.108.194 12 พฤศจิกายน 2552 12:54:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: BeeJang 16 พฤศจิกายน 2552 18:13:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: Narwainwen IP: 58.147.68.162 30 พฤศจิกายน 2552 7:27:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: ด.ช.ไกรวุฒิ IP: 125.25.201.158 6 เมษายน 2553 8:36:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: ไกรวุฒิ IP: 125.25.201.158 6 เมษายน 2553 9:13:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: ช่างศิลปห้องจ.จาน IP: 182.53.25.13 7 ธันวาคม 2553 20:25:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: M. Majid IP: 39.45.13.29 7 พฤษภาคม 2556 19:02:46 น. |
|
|
|
|
|
|
ยังไงก็แวะไปชมทีบล๊อกผมได้นะร๊าบ