BeeJang
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Group Blog
 
 
มิถุนายน 2548
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
16 มิถุนายน 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BeeJang's blog to your web]
Links
 

 
Dragonlance : Second Generation : The Legacy


Language : Thai
Title : Dragonlance : Second Generation
Author : Weis & Hickman
Translator : BeeJang


Disclaimer : All characters belong to Margaret Weis & Tracy Hickman. ห้ามคัดลอกเผยแพร่ที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต

Warning : Spoiler for Choronicle Trilogy & Legend Trilogy

***************************

The Legacy
Chapter 1


คารามอนยืนอยู่ในห้องโถงกว้างที่มีหินสลัก มันกว้างมากจนผนังห้องหายไปในความมืด เพดานก็สูงจนลางเลือนในเงาดำ ไม่มีเสาใดรองรับ ไม่มีคบเพลิงใด แต่กลับมีแสง แม้ไม่อาจระบุที่มาได้ มันเป็นแสงซีดจาง สีขาว – มิใช่เหลือง เย็นเยือกและเศร้าซึม ปราศจากความอบอุ่น

แม้เขาไม่เห็นใครเลยในห้องนี้ หรือไม่ได้ยินใดที่รบกวนความเงียบสงัดที่คงอยู่นานนับศตวรรษ คารามอนรู้ดีว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เขาสัมผัสสายตาที่จับจ้องเขาดังที่พวกเขาเคยจ้องนานมาแล้ว เขาจึงยืนอย่างมั่นคง รอคอยอย่างอดทนจนพวกนั้นเห็นควรว่าถึงเวลาที่จะมา

เขาพยายามเดาว่าพวกนั้นกำลังทำอะไร และเขาก็ยิ้ม แต่เพียงในใจ กับสายตาที่จับจ้อง ใบหน้าของชายร่างใหญ่ยังคงเรียบเฉย นิ่งงัน พวกเขาจะไม่เห็นความอ่อนแอ ความเศร้าโศก ความขมขื่น แม้ความทรงจำยังคงตามรังควานเขา อุ้งมือมันอบอุ่น สัมผัสมันอ่อนโยน เขารู้สึกสงบ และเป็นเช่นนั้นตลอดยี่สิบห้าปี

ราวกับอ่านความคิดเขาได้ – ซึ่งคารามอนเดาเอาว่าพวกเขาเคยทำ – ผู้ที่อยู่ในห้องกว้างก็ปรากฏกายขึ้นโดยพลัน มันไม่ใช่ว่าแสงสว่างขึ้น หรือม่านหมอกจางลง หรือความมืดลาลับ หรือสิ่งใดเหล่านี้ได้เกิดขึ้น คารามอนรู้สึกว่าเขาต่างหากที่เพิ่งได้เข้ามา แม้ว่าเขาได้ยืนนิ่งตรงนั้นสิบห้านาที สองร่างในเสื้อคลุมที่ปรากฏกายเบื้องหน้าเขาคือส่วนหนึ่งในสถานที่ราวกับแสงสีขาวแห่งมนตรา ความเงียบงันเก่าแก่ เขาไม่ใช่เช่นนั้น – เขาเป็นคนนอกและจะเป็นเช่นนั้นตลอดกาล

“ยินดีต้อนรับอีกครั้งสู่หอคอยของเรา คารามอน มาเจเร” เสียงนั้นเอ่ยขึ้น

คารามอนค้อมรับ ไม่เอ่ยสิ่งใด เขาไม่อาจ – ตลอดช่วงชีวิตของเขา – จำชื่อของบุรุษผู้นี้ได้

“จัสทาเรียส” ชายผู้นั้นเอ่ย ยิ้มอย่างพอใจ “ใช่แล้ว หลายปีผ่านไปตั้งแต่เราพบกันครั้งสุดท้าย และมันเป็นช่วงเวลาอันเลวร้าย ข้าแปลกใจน้อยนักที่ท่านจะลืมข้า นั่งลงเถิด” เก้าอี้ไม้โอ๊กสลักปรากฏขึ้นข้างกายคารามอน “ท่านเดินทางมาไกลนักและคงเหน็ดเหนื่อย”

คารามอนเกือบจะกล่าวว่าเขาสบายดี การเดินทางเช่นนี้เล็กน้อยนักกับชายเช่นเขาที่เคยเดินทางเกือบจะทั้งทวีปอันซาลอนในช่วงวัยหนุ่ม แต่ภาพเก้าอี้นวมนุ่ม ๆ อันเชิญชวน ทำให้คารามอนตระหนักได้ว่าการเดินทางนั้นช่างยาวไกลนัก – ไกลกว่าที่เขาเคยระลึกได้ เขาปวดหลัง เกราะก็หนักกว่าเดิม และมันดูราวกับขาของเขาไม่อาจทนจนทุกสิ่งจะจบได้อีกแล้ว

ไงล่ะ เจ้าหวังอะไรเล่า คารามอนถามตัวเองและยักไหล่ ข้าเป็นเจ้าของโรงแรม ข้ามีภาระรับผิดชอบ ใครสักคนต้องการให้ชิมอาหาร ... เขาถอนหายใจอย่างเศร้าสลดและนั่งลง ขยับร่างใหญ่โตจนเขานั่งอย่างสบาย

“สงสัยจะแก่แล้ว ข้าคิดว่านะ” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“มันจะมาเยือนเราทุกคน” จัสทาเรียสตอบ พยักหน้า “เอ่อ เราเกือบทุกคน” เขาแก้ เหลือบไปยังร่างที่นั่งข้างกาย มองตามสายตาไป คารามอนเห็นร่างนั้นดึงฮู้ดที่มีอักขระโบราณออก เผยใบหน้าคุ้นตา - ใบหน้าเอล์ฟ



Create Date : 16 มิถุนายน 2548
Last Update : 16 มิถุนายน 2548 21:54:42 น. 6 comments
Counter : 401 Pageviews.

 
“สวัสดี คารามอน มาเจเร”

“ดาลามาร์” คารามอนตอบนิ่ง ๆ และค้อมศีรษะแม้ว่าอุ้งมือแห่งความทรงจำจะบีบรัดเน้นขึ้นกับภาพของพ่อมดเสื้อคลุมดำตรงหน้า ดาลามาร์ดูไม่ต่างจากที่เขาเป็นหลายปีก่อน – บางที สุขุมขึ้น ใจเย็นขึ้น เย็นชาขึ้น ตอนอายุเก้าสิบ เขาเป็นเพียงพ่อมดฝึกหัด อาจเป็นมากกว่าหนุ่มเลือดร้อนเท่าที่พวกเอล์ฟเป็น ยี่สิบห้าปีไม่ส่งผลใด ๆ กับชีวิตยืนยาวของเอล์ฟมากไปกว่าหนึ่งวันและหนึ่งราตรีได้ผ่านไป ตอนนี้ กับอายุมากกว่าร้อยปี ใบหน้าหล่อเหลา เย็นชาดูไม่แก่กว่าชายอายุสามสิบ

“วันปีที่ผ่านไปท่านมีความสุขนัก คารามอน” จัสทาเรียสกล่าวต่อ “โรงแรมลาสต์โฮม ที่ท่านเป็นเจ้าของ เป็นที่หนึ่งที่มั่งคั่งที่สุดในครินน์ ท่านเป็นวีรบุรุษ – ท่านและท่านหญิงภริยาของท่านทั้งคู่ ทิคา มาเจเรยังคงมุ่งมั่นและงดงามมากอย่างไม่ต้องสงสัย?”

“มากกว่านั้น” คารามอนตอบเสียงห้าว

จัสทาเรียสยิ้ม “ท่านมีบุตรธิดาห้าคน บุตรีสองและบุตรสาม – “

ความกลัวสีเงินทิ่มแทงความรื่นเริงของคารามอน ไม่ เขากล่าวกับตัวเองในใจ พวกเขาไม่มีอำนาจเหนือข้า เขานั่งตัวแข็งบนเก้าอี้ ราวกับทหารที่กำลังโจนทะยานสู่สมรภูมิ

“บุตรคนโตทั้งสอง ทานินและสเติร์ม เป็นทหารหาญลือชื่อ” – จัสทาเรียสกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ ราวกับกำลังสนทนากับเพื่อนบ้านข้างรั้ว อย่างไรก็ตาม คารามอนไม่ใช่คนโง่ และจับสายตาไปยังพ่อมดอย่างระแวดระวัง – “กล่าวได้ว่าเก่งกาจกว่าบิดามารดาผู้มีชื่อเสียงในด้านความกล้าหาญในสนามรบ แต่คนที่สาม เด็กคนกลาง ที่มีนามว่า – “ จัสทาเรียสลังเล

“พาลิน” คารามอนกล่าว หน้าผากย่นจนใบหน้าบึ้งตึง เหลือบมองดาลามาร์ ชายร่างยักษ์เห็นว่าดาร์คเอล์ฟกำลังจ้องเขาด้วยดวงตานิ่งเรียบ

“พาลิน ใช่แล้ว” จัสทาเรียสหยุด จากนั้นก็เอ่ยเงียบ ๆ “ดูเหมือนว่าเขาจะเดินทางตามรอยท่านอาของเขา”

นั่นไง ว่าแล้ว แน่นอน นี่ล่ะเหตุผลที่พวกเขาถูกสั่งให้มาที่นี่ เขาคาดคิดไว้ หรืออะไรประมาณนั้นนานแล้ว ระยำ! ทำไมพวกนั้นไม่เลิกยุ่งกับเขา! เขาจะไม่มีวันมาที่นี่หากพาลินไม่ยืนกราน คารามอนหายใจแรง ๆ จ้องจัสทาเรียส พยายามอ่านสีหน้า มันราวกับเขาพยายามจะอ่านตำราเวทมนตร์ของบุตรชาย

จัสทาเรียส ประมุขแห่งสภาผู้วิเศษ พ่อมดผู้ทรงอำนาจที่สุดในครินน์ ผู้ใช้เวทเสื้อคลุมแดงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ศิลากึ่งกลางเก้าอี้ยี่สิบเอ็ดตัวที่จัดเป็นครึ่งวงกลม ชายชรามีผมสีเทาและริ้วรอยบนใบหน้าซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่บ่งบอกถึงอายุขัย แววตาฉลาดเฉลียว ร่างกายดูแข็งแรง – เว้นเพียงขาซ้ายพิการ – เหมือนตอนที่คารามอนได้พบพ่อมดผู้นี้เป็นครั้งแรกเมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้ว

สายตาของคารามอนเลื่อนไปจับที่ขาซ้ายของผู้วิเศษ มันถูกหลบซ่อนภายใต้เสื้อคลุมแดง อาการบาดเจ็บจะปรากฏให้เห็นเมื่อเขาเดินเท่านั้น

เมื่อรู้สึกถึงสายตาพินิจพิเคราะห์ของคารามอน มือของจัสทาเรียสเลื่อนไปบีบนวดขาของตนเองอย่างไม่รู้ตัว แล้วเขาก็หยุดพร้อมกับรอยยิ้มบูดเบี้ยว จัสทาเรียสอาจพิการ แต่ก็เพียงแค่ร่างกาย มิใช่ความคิดหรือความทะเยอทะยาน คารามอนคิด สั่นสะท้าน ยี่สิบห้าปีก่อน จัสทาเรียสเป็นเพียงผู้นำภาคีของตนเองเท่านั้น ผู้วิเศษเสื้อคลุมแดง พ่อมดแห่งครินน์ที่หันหลังให้ทั้งความชั่วร้ายและความดีงามเพื่อก้าวเดินไปตามหนทางของตนเอง นั่นคือสายกลาง ตอนนี้เขาปกครองพ่อมดผู้วิเศษ สันนิษฐานว่าทั้งหมดในโลก – เสื้อคลุมขาว เสื้อคลุมแดงและดำ ด้วยว่ามนตราเป็นขุมอำนาจทรงพลังที่สุดในชีวิตของพ่อมด เขาสาบานความภักดีต่อสภา ไม่ว่าจะมีความทะเยอทะยานส่วนตัวหรือความปรารถนาใด ๆ เขาจะถนอมมันไว้ในหัวใจ

ผู้วิเศษส่วนใหญ่ นั่นล่ะ แน่นอน มันต้องมีเรสท์ลิน

ยี่สิบห้าปีที่แล้ว

พาร์-ซาเลียนแห่งเสื้อคลุมขาวเคยเป็นประมุขสภาผู้วิเศษ คารามอนรู้สึกถึงอุ้งมือแห่งความทรงจำบีบเค้นเขาแน่นขึ้น


โดย: BeeJang วันที่: 16 มิถุนายน 2548 เวลา:21:36:38 น.  

 
“ข้าไม่เห็นว่าลูกข้าเกี่ยวอะไรด้วย” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “หากท่านต้องการจะพบลูกข้า พวกเขาอยู่ในห้องที่พวกท่านใช้เวทส่งเราไปตอนเรามาถึง ข้าแน่ใจว่าท่านสามารถใช้เวทนำพวกเขามาที่นี่ได้ทุกเวลาที่ต้องการ เอาล่ะ เราคงจบเรื่องมารยาทสังคมได้แล้ว – อ้อ พาร์-ซาเลียนอยู่ที่ใดเล่า?” คารามอนถาม สายตามองรอบ ๆ ห้องโถงในเงามืด จ้องไปยังเก้าอี้ว่างข้างจัสทาเรียส

“เขาปลดเกษียณจากตำแหน่งประมุขสภาเมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้ว” จัสทาเรียสกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ตั้งแต่ ... เหตุการณ์ที่ท่านเกี่ยวข้องด้วย”

คารามอนหน้าแดง แต่ก็ไม่กล่าวสิ่งใด ข้าคิดว่าเขาเห็นรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้างดงามของเอล์ฟหนุ่ม

“ข้าขึ้นเป็นประมุขสภา และดาลามาร์ก็ถูกเลือกรับช่วงต่อจากลาดอนน่าในฐานะผู้นำภาคีแห่งเสื้อคลุมดำ ตอบแทนในการกระทำอันแสนอันตรายและกล้าหาญใน ... “

“เหตุนั้น” คารามอนคำราม “ยินดีด้วย” เขากล่าว

ริมฝีปากของดาลามาร์ขยับเป็นรอยยิ้มเหยียดเย้ย จัสทาเรียสพยักหน้า แต่บ่งบอกเด่นชัดว่าเขาไม่วอกแวกจากหัวข้อสนทนาเมื่อครู่

“ข้าเป็นเกียรติยิ่งที่จะได้พบบุตรชายท่าน” จัสทาเรียสเอ่ยเรียบ ๆ “โดยเฉพาะพาลิน ข้าเข้าใจว่าหนุ่มน้อยมีความปรารถนาจะเป็นผู้วิเศษสักวัน”

“ข้าศึกษามนตรา หากนี่คือความหมายของท่าน” คารามอนกล่าวน้ำเสียงกระด้าง “ข้าไม่รู้ว่าเขาจริงจังแค่ไหน หรือว่าเขาวางแผนจะใช้ชีวิตเช่นนั้นดั่งที่ท่านว่าไว้ เขากับข้าไม่เคยคุยกัน – “

ดาลามาร์ทำเสียงเย้ยหยัน จนจัสทาเรียสต้องวางมือบนแขนของของดาร์คเอล์ฟ

“บางทีเราอาจเข้าใจผิดเรื่องที่เราได้ยินเกี่ยวกับความทะเยอทะยานของบุตรชายท่าน?”

“บางทีอาจจะใช่” คารามอนตอบอย่างเย็นชา “พาลินกับข้าสนิทกัน” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “ข้าแน่ใจว่าเขาจะต้องบอกข้า”

“น่าชื่นใจนักที่ได้เห็นชายผู้หนึ่งในยามนี้ซื่อสัตย์และเปิดเผยความรักที่มีต่อบุตรชาย คารามอน มาเจเร” จัสทาเรียสเอ่ยอย่างอ่อนโยน

“ฮึ!” ดาลามาร์ขัดขึ้น “ท่านควรกล่าวว่าน่าชื่นใจนักที่เห็นชายผู้หนึ่งที่ดวงตาถูกควัก!” เขาดึงแขนออกจากอุ้งมือของพ่อมดชรา แล้วพยักเพยิดไปทางคารามอน “เจ้าตาบอดกับความทะเยอทะยานชั่วร้ายของน้องชายตลอดมา จนมันเกือบจะสายเกินไป ตอนนี้ เจ้ามองบุตรชายตนเองด้วยความมืดบอด – “

“ลูกข้าเป็นเด็กดี ต่างจากเรสท์ลิน ดั่งจันทราสีเงินกับสีดำ! เขาไม่มีความคิดเช่นนั้น! เจ้ารู้อะไรเกี่ยวตัวเขางั้นหรือ เจ้า ... เจ้า ผู้ถูกเนรเทศ?” คารามอนตะโกนก้อง ลุกยืนด้วยโทสะ แม้จะอายุเกินห้าสิบ ชายร่างใหญ่รักษาตัวเองให้มีสุขภาพดีเสมอจากการทำงานหนักและฝึกฝนบุตรชายในศาสตร์แห่งการต่อสู้ มือของเขาเลื่อนไปยังดาบอย่างลืมตัว อย่างไงซะ ในหอคอยมนตราสูงสุดแห่งนี้ เขาไม่มีทางสู้เหมือนกับคนแคระหุบเขาเผชิญหน้ากับมังกร “พูดถึงความทะเยอทะยานชั่วร้าย เจ้ารับใช้นายเจ้าดีนี่ ใช่หรือเปล่า ดาลามาร์? เรสท์ลินสอนเจ้าเยอะนี่ บางทีมากกว่าที่เราได้รู้ – “

“และข้าก็ยังคงแบกตราหัตถ์ของเขาบนผิวกายข้าเช่นเดิม!” ดาลามาร์ตะโกนตอบ ยืนขึ้นเช่นกัน แล้วก็กระชากเสื้อคลุมดำออกตั้งแต่ลำคอ เปิดเปล่าแผ่นอก บาดแผลทั้งห้า ราวกับรอยของนิ้วมือห้านิ้ว เห็นได้ชัดบนผิวกายราบเรียบของดาร์คเอล์ฟ รอยเลือดจาง ๆ ไหลเป็นทางตามรอย ส่องสว่างในแสงอันเย็นชาแห่งห้องโถงผู้วิเศษ “ตลอดยี่สิบห้าปี ข้ามีชีวิตอยู่กับแผลนี่ ... “

“แล้วแผลของข้าเล่า?” คารามอนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง สัมผัสนิ้วมือของความทรงจำกดจิกลงในจิตวิญญาณ “ไยเจ้าพาข้ามาที่นี่? เพื่อเปิดบาดแผลและกรีดบาดให้เหมือนเจ้าหรือไง!”

“ท่านสุภาพบุรุษ ได้โปรด” จัสทาเรียสกล่าวอย่างอ่อนโยน “ดาลามาร์ ควบคุมตัวเองหน่อย คารามอน นั่งลงเถิด ระลึกไว้ ว่าท่านทั้งสองมีหนี้ชีวิตต่อกันและกัน มันสร้างความผูกพันระหว่างท่านที่ควรเคารพ”

น้ำเสียงของชายชราดังผ่านเสียงตะโกนที่ยังก้องอยู่ในห้องโถงใหญ่ มันทรงอำนาจอันเยือกเย็นที่ทำให้คารามอนเงียบและทำให้ดาลามาร์สงบลง เขาดึงเสื้อคลุมเข้าด้วยกัน แล้วดาร์คเอล์ฟก็นั่งลงข้างจัสทาเรียส

คารามอน นั่งลงเช่นกัน อับอายและเสียใจ เขาสาบานไว้ว่าเขาจะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ผู้คนเหล่านี้ไม่มีอำนาจที่จะสั่นคลอนเขาได้ แต่แล้วเขาก็คุมตัวเองไม่อยู่ เขาพยายามจะผ่อนคลาย เอนหลังบนเก้าอี้ แต่มือยังคงจับอยู่ที่ด้ามดาบ


โดย: BeeJang วันที่: 16 มิถุนายน 2548 เวลา:21:37:22 น.  

 
“ยกโทษให้ดาลามาร์” จัสทาเรียสกล่าว วางมือบนแขนดาร์คเอล์ฟอีกครั้ง “เขากล่าวด้วยความใจร้อนและหุนหัน ท่านพูดถูก คารามอน บุตรชายท่าน พาลินเป็นคนดี – ข้าคิดว่าเราควรกล่าวว่าเขาเป็นหนุ่มน้อย มิใช่เด็กน้อย อย่างไงซะ เขาก็อายุยี่สิบ – “

“เพิ่งจะยี่สิบ” คารามอนพึมพำ จ้องจัสทาเรียสอย่างระแวดระวัง

ผู้วิเศษเสื้อคลุมแดงไม่สนใจ “และเขาก็ ดังที่ท่านกล่าว ต่างจากเรสท์ลิน แน่นอนอยู่แล้ว? เขาเป็นตัวของเขาเอง ถือกำเนิดจากบิดามารดาต่างกัน ภายใต้สภาพแวดล้อมอันเป็นสุขกว่าท่านและฝาแฝดท่าน จากที่เราได้ยิน พาลินหล่อเหลา น่ารัก แข็งแรงและเข้มแข็ง เขาไม่ต้องแบกรับปัญหาสุขภาพดั่งเรสท์ลิน เขาทุ่มเทต่อครอบครัวโดยเฉพาะพี่ชายทั้งสอง และพวกเขาก็ทุ่มเทต่อเขาเช่นกัน ใช่ไหม?”

คารามอนพยักหน้า ไม่อาจจะกล่าวผ่านก้อนในลำคอได้

มองดูเขา สายตาอ่อนโยนของจัสทาเรียสเริ่มคบกริบและมองลึก เขาส่ายศีรษะ “แต่ในบางมุม ท่านตาบอด คารามอน โอ ไม่ใช่แบบที่ดาลามาร์กล่าว” – ใบหน้าคารามอนเข้มขึ้นด้วยโทสะ – “ไม่ใช่แบบที่ท่านตาบอดต่อความชั่วร้ายของน้องชาย มันเป็นความมืดบอดที่บังตาพ่อแม่ทุกคน สหายข้า ข้ารู้ดี” จัสทาเรียสยิ้มและยักไหล่อย่างเศร้าสร้อย “ข้าเองก็มีลูกสาว … “

เหลือบมองดาลามาร์ด้วยหางตา ผู้วิเศษถอนใจ ริมฝีปากของเอล์ฟหนุ่มผู้หล่อเหลาขยับเป็นรอยยิ้มนัย ๆ เขาไม่เอ่ยสิ่งใด เพียงนั่งมองในเงามืด

“ใช่ เราพ่อแม่ต่างตาบอดกันทั้งนั้น” จัสทาเรียสพึมพำ “แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม” ผู้วิเศษเอนกายมาข้างหน้า ประสานมือไว้ด้วยกัน “ข้าเห็นว่าท่านเริ่มหมดความอดทน คารามอน ดั่งที่ท่านเดาไว้ เราเรียกท่านมาที่นี่ด้วยเหตุหนึ่ง และข้าเกรงว่ามันมีบางสิ่งเกี่ยวข้องกับบุตรชายท่าน พาลิน”

นั่นไง คารามอนกล่าวกับตัวเอง คำรามฮึดฮัด มืออันชุ่มเหงื่อจับและปล่อยรอบด้ามดาบอย่างกระวนกระวาย

“มันไม่มีทางง่าย ๆ ใดที่จะกล่าว ดังนั้นข้าจะกล่าวตรง ๆ “ จัสทาเรียสสูดหายใจเข้าลึก ๆ ใบหน้าเคร่งขรึมและเศร้าสร้อย จับไปด้วยเงาแห่งความกลัว “เรามีเหตุที่จะเชื่อว่าท่านอาของหนุ่มน้อย – ฝาแฝดคนน้องของท่าน เรสท์ลิน – ยังไม่ตาย”

************************************

End of Chapter 1


โดย: BeeJang วันที่: 16 มิถุนายน 2548 เวลา:21:37:52 น.  

 
Note :
Dragonlance : Second Generation เป็น Dragonlance เล่มที่เจ็ด ถ้าอ่านเรียงตาม Original Writers คือ Weis กับ Hickman … Spoiler เล่มก่อน ๆ แน่นอนโดยเฉพาะ Legend Trilogy

คารามอนกับเรสท์ลินเป็นพี่น้องฝาแฝด คารามอนเป็นนักรบ ตัวใหญ่ ใจดี รักและปกป้องน้องชาย แต่ค่อนข้างฉลาดน้อย เรสท์ลินเป็นพ่อมด ลึกลับ มีความทะเยอทะยาน และฉลาดเฉลียวรอบรู้ ในโลกของ Dragonlance พ่อมดแบ่งใหญ่ ๆ ออกเป็นสามสี สีขาวฝ่ายดี สีแดงฝ่ายกลาง สีดำฝ่ายไม่ดี ที่ว่าดีหรือไม่ดี คือพวกเขาบูชาเทพเจ้าแห่งความดีหรือราชินีความมืดเพื่อให้พรเรื่องเวทมนตร์ กว่าจะได้เป็นพ่อมด ก็ต้องฝึกฝน และไปสอบที่ Tower of High Sorcery ถ้าผ่านก็เป็นพ่อมดฝึกหัด ถ้าไม่ผ่านก็ตาย การสอบนี้เพื่อกันไม่ให้คนที่เรียนเวทมนตร์เล่น ๆ เลิกเรียนไปซะ

เรสท์ลินเป็นพ่อมดเสื้อคลุมดำที่ทรงอำนาจมากที่สุดที่เคยมีมา เขาเกือบตายจากการสอบเป็นพ่อมด ซึ่งมันทำให้เขามีร่างกายอ่อนแอ ผิวกลายเป็นสีทองและดวงตาเป็นรูปนาฬิกาทราย เขาเคยทะเยอทะยานคิดจะโค่นล้มราชินีแห่งความมืดเพื่อให้สถาปนาตนเองเป็นเทพเจ้า และครอบครองโลก เรื่องราวนี้อยู่ใน Legend Trilogy

ดาลามาร์เคยเป็นพ่อมดฝึกหัด อยู่ในความดูแลของเรสท์ลิน ดาลามาร์เป็นดาร์คเอล์ฟ กล่าวคือเอล์ฟแห่งความมืดที่ถูกขับไล่ออกจากดินแดนเอล์ฟเพราะเลือกเดินในเส้นทางแห่งความมืดและฝึกฝนมนตราชั่วร้าย

จัสทาเรียสมีลูกสาวหนึ่งคน คือ เจนน่า ผู้วิเศษเสื้อคลุมแดง เธอเป็นคนรักของดาลามาร์

The Legacy เป็นตอนโปรดที่สุดที่เคยอ่านมา ไม่ใช่ว่าตอนอื่นไม่สนุกนา สนุกหมดค่ะ แต่ชอบตอนนี้มากที่สุด มีทั้งเรสท์ลิน ดาลามาร์และพาลินน้อยผู้น่ารักใสซื่อ หุหุ ฝึกแปลซะบ้าง เดี๋ยวภาษาจะแข็ง (มีอะไรแปลค้างอีกเพียบ ยังจะหาเรื่องแปลอีก)

Dragonlance ภาคภาษาไทย มี Dragon of Autumn Twilight เล่มแรกของ Trilogy แรก แบ่งขายเป็นสองเล่ม จัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์ที่ชอบออกหนังสือ Fantasy แล้วแปลไม่ค่อยดีนั่นล่ะค่ะ


โดย: BeeJang วันที่: 16 มิถุนายน 2548 เวลา:21:38:16 น.  

 
สวัสดีครับ

ผมน้าหน่อยที่เคยตั้งกระทู้ถามเรื่อง Dragonlance ครับแหะๆ มาเยี่ยมบล็อกครับ หลังจากที่ไปหาหนังสือชุดนี้มาดองไว้นานแล้วไม่ได้เริ่มอ่านซะที พอดีเดือนที่แล้วประสพอุบัติเหตุไปไหนมาไหนไม่ได้ เลยรื้อหนังสือเก่าๆ มาอ่าน ในจำนวนนั้นก็มี Choronicle Trilogy & Legend Trilogy หกเล่มนี้รวมอยู่ด้วย สามเล่มแรกเคยอ่านเมื่อนานมากแล้ว (หามาอ่านเพราะติดเกมนะครับ เกม role playing ยุคแรก ใช้ D&D rulesและเลนบนคอม 40386 อิอิ)

อ่านอีกก็ยังสนุกนะครับ แม้จะขัดใจหลายตอนที่เนื้อเรื่องดันทุรังต่อไป (หนแรกก็นี่เลยครับ ตอนที่มังกรดำโจมตี companion หนแรก โดนRiverwind คนเดียวแถมไม่ตายด้วยแต่คิดว่าตายหมดแล้ว แถมมีหน้าที่เฝ้า blue cristal แท้ๆ แต่ดันไม่รู้ว่าคนถือนะเดินเลยไปแล้ว) แต่โดยรวมแล้วสนุกมากถึงกับวางไม่ลง การวางไม่ลงนี่ทำให้อ่านช้าลงมากนะครับ เพราะอ่านไปง่วงไป อิอิ

แต่ตอนนี้มีปัณหาอีกแล้วครับคุณบีจัง หา the next generation อ่านไม่ได้ เท่าที่อ่านรีวิวดูแล้วเห้นส่วนใหญ่ว่าสนุกแค่แปดเล่มแรกนี่เอง เพราะตอนแรกสองนนี่เขียนไว้เท่านี่ ก่อนจะให้คนอื่นมารับช่วงต่อ ก่อนที่สองคนดั้งเดิมจะกลับมาเขียน War of soul ทีหลัง

ที่จะรบกวนถามคุณบีอีกก็นี่แหละครับ War of soul trilogy นี่สนุกหรือปล่าว และเนื้อเรื่องเป็นSpoiler ของthe next generation หรือปล่าวครับ เพราะสามเล่มนี่เห็นมีขายอยู่ที่อิเซตัน

ส่วนที่เอเชียสยามมีแต่พวกยุคหลังๆ ไอ้เล่มที่ TSR เอาคนอ่านมาเขียน มันแย่อย่างนั้นเลยหรือครับ เห็นคนบ่นกันเพียบ


โดย: น้าหน่อย IP: 58.8.189.152 วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:21:21:04 น.  

 
แฮ่ะ อ่านแล้ว แปลเก่งจัง ทำงานทางด้านนี้เหรอครับ


โดย: น้าหน่อย IP: 58.8.189.152 วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:21:39:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.