Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
21 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
เข็มทิศชีวิต.....ภาคที่ 5

ภาคที่ 5 ใช้ชีวิตให้ตรงเป้าหมาย

กำหนดเป้าหมายผิด พาชีวิตดิ่งเหว ในขณะที่เป้าหมายถูกต้องแต่เดินเป๋ผิดทิศก็พาชีวิตดิ่งลงเหวเช่นกัน เราจึงต้องมีเข็มทิศไว้คอยตรวจสอบสิ่งที่เราเลือกซื้อ เลือกใช้ เลือกทำ ว่าสอดคล้องกับเป้าหมายชีวิต และไม่ได้กำลังพาเราไปทิศทางตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราต้องการ





O เพชรเม็ดโต

การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง มีความสำคัญมากต่อความเจริญงอกงามภายใน เพื่อนคนหนึ่งซึ่งดิฉันให้ความนับถือเธอมากเล่าให้ฟังว่า เธอได้ของขวัญจากคนในครอบครัวเป็นเพชรเม็ดใหญ่เท่าหัวแม่มือ มีราคาแพงชนิดที่ดิฉันนับตัวเลขไม่ทัน ตั้งแต่เธอเฝ้าดูใจ เธอเห็นภาระทั้งทางใจ ทางกาย จะออกจากบ้านไปวัดก็ต้องเอาเพชรไปฝากไว้ที่ธนาคาร จะใส่ตัวเรือนทำเป็นแหวน ก็ต้องจ้างบอดี้การ์ดหอบหิ้วเอาไปส่งให้บริษัทเพชรยักษ์ใหญ่ที่ฮ่องกง เวลาของชีวิตสูญเสียไปเพราะสิ่งๆ นี้ ทำให้เธอเห็นความทุกข์ เห็นภาระของข้าวของที่ให้แค่ค่านิยมหรูๆ เป็นประโยชน์เทียมแก่ตัวเธอ


ถ้าไม่ต้องไปงานสังคม เราก็ไม่ต้องใช้ของพวกนี้ ไม่ต้องดิ้นรนหาเสื้อผ้า ไม่ต้องขัดตัวนวดหน้าดูแลตนเอง ไม่ต้องทำเล็บ ไม่ต้องแต่งหน้าทำผม ไม่ต้องเสียเวลามากๆ ทั้งระหว่างเตรียมตัวจนถึงวันไปจริงๆ ที่จะต้องไปเจอใครก็ไม่รู้ ที่ไม่มีความหมายในชีวิตเรา และปล่อยพลังด้านลบออกมา ให้เราต้องมาล้างอีกเท่าไหร่ ลองนึกดูว่า ในงานแบบนั้นงานหนึ่งจะมีสักกี่คนที่อิ่มเต็มพอเพียง มีพลังในชีวิต มีคุณค่าพอที่จะชุบชูใจ ลับปัญญาให้เราเรียนรู้ เพราะคนที่รู้สึกอย่างนั้น ก็คงเอาพลังชีวิต เอาเวลาไปอยู่กับครอบครัว กับคนที่รัก แล้วก็ทำอะไรที่มีความหมายกับตนเองจริงๆ มากกว่าที่จะออกไปให้คนอื่นช่วยตีตราประทับให้เรา ว่าเราประสบความสำเร็จ ว่าเราดูมั่งมี ทั้งๆ ที่เราอาจจะไม่ได้มั่งมีจริงๆ มีภาระหนี้สินมากมาย มีปัญหากับสามี ลูก เพื่อน สับสนกับตัวเอง มีความทุกข์จนหาทางออกไม่ได้ เลยหนีความทุกข์โดยการทำตัวเองให้วุ่นวายกับเรื่องของคนอื่น


เราอาจจะแปลกใจที่ได้รู้ว่า คนจำนวนมากหลอกตัวเอง ยอมเป็นหนี้มากมาย เพื่อสร้างภาพให้ตนเองดูมั่งมี ด้วยบ้สน รถยนต์ ข้าวของอุปกรณ์อื่นๆ แต่จิตใจเหี่ยวแห้งลงไปทุกวันกับภาระหนี้สินที่ทับถมทวีคูณ และการหาตัวเองไม่เจอ


วันนี้ เพื่อนของดิฉันคนนี้วางมือจากงานที่เคยทำรายได้ให้เธอมากมาย แต่ทำให้เธอต้องไปงานสังคมที่ดูดพลังชีวิต และไม่เอื้อต่อการพัฒนาของเธอ เธอให้สัมภาษณ์ไว้อย่างน่าฟัง ตอนที่เป็นข่าวครึกโครมหลังการลาออกจากงานของเธอว่า


"ดิฉันพบว่า ยิ่งดิฉันหาเงินได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งใช้เงินมากเท่านั้น หลุมในใจก็โตขึ้นเรื่อยๆ ความสำเร็จในหน้าที่การงานและวัตถุ ไม่สามารถเติมให้เต็มได้ ดิฉันจึงตัดสินใจเลือกแนวทางชีวิตที่เดินช้าลง เพื่อให้สิ่งที่มีความหมายต่อชีวิตดิฉันจริงๆ"





O รถเบนซ์ของฉัน

มีผู้ชายคนหนึ่งขับรถเบนซ์สปอร์ตคันใหม่ ฉวัดเฉวียนไปบนถนนสุขุมวิทด้วยความเร็วสูง ทันใดนั้น รถของเขาเสียหลัก พุ่งเข้าชนเกาะกลางถนนอย่างแรง ตัวของเขาหลุดกระเด็นออกมานอกรถ ทันทีที่เขาฟื้นคืนสติ แล้วหันไปพบซากรถที่พังยับเยิน


เขาก็ร้องครวญครางว่า "เบนซ์สปอร์ตของฉัน เบนซ์สปอร์ตของฉัน"


คุณลุงขายผลไม้ข้างถนนก็รีบตะโนบอกเขาว่า "คุณ มัวร้องไห้เสียดายรถอยู่ได้ยังไง ดูโน่นสิแขนของคุณกระเด็นไปอยู่ฟากโน้นแน่ะ"


ทันทีที่เขาหันไปเห็นแขนของตนเองที่ฉีกขาดยับเยิน เขาก็กรีดร้องเสียงดังโหยหวนว่า "โธ่ นาฬิกาโรเล็กซ์ของฉัน โรเล็กซ์ของฉัน"....จบ


* เข็มทิศ

วันนี้เราทุ่มเทให้กับสิ่งนอกตัว จนลืมมีชีวิตไปหรือเปล่า ลองสำรวจสิ่งที่เราเลือกมาใส่ในชีวิตว่า เป็นภาระมากกว่าความสุขหรือเปล่า




O บ้าน นกน้อยทำรังแต่พอตัว

คนส่วนใหญ่เสียโอกาสมีความสุขในชีวิต เพราะเข้าใจผิดว่า บ้านอย่างที่เห็นในฝันจะทำให้เรามีความสุข ถ้าเราต้องขับรถแสนไกลจากบ้านในฝัน ลูกต้องกินข้าวในรถ ต้องทำงานจนค่ำเพื่อหาเงินผ่อนบ้าน จนไม่มีโอกาสได้อยู่บ้านจริงๆ หรือเวลาอยู่บ้าน ชีวิตเราก็ต้องวุ่นวายกับการดูแลทำความสะอาด หาแม่บ้าน ทำสวน กลัวขโมย บ้านใหญ่เกินกำลัง ยังถูกเพิ่มปัญหาด้วยของแต่งบ้าน อุปกรณ์เครื่องใช้ราคาแพงตามความแพงของบ้าน ยิ่งบ้านยิ่งขยายใหญ่ ค่าใช้จ่ายในชีวิตเราก็ยิ่งโตทวีคูณตามไปด้วย


อะไรจะสำคัญกว่ากัน การมีอิสระทางใจ มีจิตใจที่ปลอดโปร่ง ในบ้านหลังเล็กพอตัว ควบคุมชีวิต ควบคุมการเงินของตนเองได้ มีเงินเหลือ มีทางเลือกเปิดกว้าง มีสมองเปิดกว้าง เพื่อตนเอง เพื่อคนอื่น ด้วยใจที่ไม่เครียด ด้วยเงินที่ไม่ต้องจับจ่ายไปกับข้าวของเสริมฐานะ ชีวิตเรายังต้องเดินทางอีกไกล วางภาระ ไม่แบกของหนัก ชีวิตเบาสบาย





O รถยนต์....ลดเงิน

มีคนมากมายที่ยอมอยู่บ้านรกสกปรก แต่ขับรถโก้หรู ต้องผ่อนตัวเป็นเกลียว ถ้าเราเห็นประโยชน์ของรถจริงๆ ว่าเป็นเพียงพาหนะที่พาเราไปยังจุดหมายต่างๆ เท่านั้น เราจะไม่ตกหลุมพรางเลย


ดิฉันเคยซื้อรถยุโรปยี่ห้อดัง ตอนเริ่มทำงานมีเงินใหม่ๆ แต่ยิ่งรู้จักตัวเองมากขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น จำได้ว่าไปยืนเลือกรถโดยดูจากความคุ้มค่า และค่าใช้งาน(คือเงินที่หายไปเวลาขายต่อ) มากกว่า มีเพื่อนดิฉันคนหนึ่งซื้อรถยุโรปหรูมาคันหนึ่งแล้วพบว่า หลังจากที่ทนกับปัญหาบางอย่างไม่ไหว ขายไปในเวลา 2 ปี ราคาขายต่อเท่ากับเธอจ่ายค่าใช้งานรถคันนั้น เป็นเงิน 2 ล้านกว่าบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 1 แสนบาท เราอาจจะลองคำนวณดูว่า รถคันที่เราจะซื้อ เราพร้อมที่จะจ่ายค่าใช้งานในราคาเท่านั้นจริงหรือเปล่า



(ราคารถใหม่ - ราคาขายต่อหลังเราใช้) = ค่าใช้งานต่อเดือน
_____________________________
จำนวนปีที่ใช้ x 12 เดือน



เราพร้อมที่จะใช้พลังชีวิตของเรา ค่าตัวของเรา จำนวนกี่ชั่วโมงใน 1 วัน เพื่อแลกกับค่าใช้รถในวันนั้น เราอาจจะคิดทบทวนรอบคอบมากขึ้น ถ้าเราได้ลองคำนวณค่าพลังชีวิต


ค่าพลังชีวิตต่อชั่วโมง คือ ค่าแรงที่เราได้รับจริงๆ ต่อชั่วโมง เวลาเราอยากซื้ออะไร ลองคำนวณว่า เราต้องใช้พลังชีวิตมากแค่ไหน เพื่อแลกสิ่งนั้นมา



ค่าพลังชีวิต = ค่าแรงหลังหักภาษี - ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน*
(ต่อชั่วโมง) (ต่อวัน) (ต่อวัน)
________________________________________
จำนวนชั่วโมงที่ใช้ไปกับงาน*
(ต่อวัน)



ถ้าเราระมัดระวังความอยากของเรามากขึ้น เราอาจจะไม่ต้องทนทำงานหนักขนาดนี้ หรือทำในสิ่งที่บั่นทอนตนเอง แต่สามารถมีอิสรภาพที่จะเลือกทำในสิ่งที่ดีต่อคุณภาพชีวิตเราจริงๆ


* เข็มทิศ

วิถีชีวิตที่เราเลือก อยู่บนทางที่พาเราไปสู่เป้าหมายที่แท้จริงของเราหรือเปล่า



* ค่าใช้จ่ายที่ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน รวมถึง การเดินทาง เสื้อผ้า ซักแห้ง โทรศัพท์ ค่าอาหาร ค่าจ้างคนมาดูแลลูก ทำงานบ้านแทนเรา ฯลฯ
จำนวนชั่วโมงที่ใช้ไปกับงาน นับรวม ชั่วโมงทำงาน ชั่วโมงเดินทาง ชั่วโมงซื้ออุปกรณ์เพื่อทำงาน และชั่วโมงสังสรรค์เพื่องาน





O หนี้หายนะ

หลายคนต้องเป็นหนี้ธนาคาร บัตรเครดิต เพื่อซื้อบ้าน ซื้อของตกแต่งบ้าน อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ การไปกู้คือยืมเงินซึ่งเราไม่มีในขณะนี้ แต่จะเอารายได้ในอนาคตมาผ่อนชำระ การชำระขึ้นอยู่กับอนาคตซึ่งไม่แน่นอน ทำให้ชีวิตเราต้องกล้าเสี่ยงมากขึ้น การตัดสินใจของเราก็ต้องเร่งรีบ เสี่ยงเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่หวังว่าจะได้สูงขึ้น ยอมทนทำงานที่ไม่อยากทำ โกง เบียดเบียน หลอกลวงคนอื่น เพื่อความจำเป็นที่จะต้องหาเงินมาใช้หนี้ เพิ่มความเครียดให้ตัวเองและคนรอบตัว และที่สำคัญ เราไม่รู้ต้นทุนที่แท้จริงของหนี้


เสือน้อยและเสือใหญ่เริ่มทำงานเมื่ออายุ 17 ปี พ่อแม่ให้เงินเท่ากันคือ 80,000 บาท เสือน้อยเอาเงินไปซื้อรถมือสองคันเล็กๆ ขับไปทำงาน


ในขณะที่เสือใหญ่เอาเงินไปดาว์นรถ ราคา 3000,000 บาท โดยกู้เงิน 220,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อปี ผ่อน 5 ปี เสือใหญ่ผ่อนรถเดือนละ 4,675 บาท เป็นเวลา 5 ปี เป็นเงิน 280,500 บาท


ส่วนเสือน้อยไม่ต้องผ่อนรถ เอาเงินที่จะต้องผ่อนรถไปฝากธนาคารทิ้งไว้ทุกเดือนได้ดอกเบี้ย 10% ต่อปี ครบ 5 ปี เงินฝากเดือนละ 4,675 บาท รวมดอกเบี้ยทบต้นเป็นเงิน 365,024 บาท


เสือน้อยทิ้งเงินฝากไว้อย่างนั้น โดยไม่ฝากเพิ่มและไม่ถอน ปล่อยให้ดอกเบี้ยทบต้นทำงานของมัน วันที่เสือน้อยเกษียณอายุตอนอายุ 60 ปี 2 เดือน เงินจำนวนนั้นทบต้นเป็นเงิน 23,361,536 บาท


ส่วนรถขอองเสือใหญ่ กลายเป็นเศษเหล็กในเวลาไม่นาน


นี่คือเหตุผลที่เราต้องออมเงินตั้งแต่อายุยังน้อย หักห้ามใจต่อแรงยั่วยุของสิ่งต่างๆ เสือน้อยออมเงินทุกเดือนเพียง 5 ปี แล้วหลังจากนั้นก็ใช้เงินเดือนของตัวเองได้เต็มทุกบาททุกสตางค์ ด้วยเงินต้นเพียง 365,024 บาท ในอัตราดอกเบี้ย 10% ต่อปี เงินต้นและดอกเบี้ยกลายเป็น 23,361,536 บาท ภายในเวลา 40.2 ปี


(สูตรการคำนวณว่าเงินจะเพิ่มเป็นเท่าตัวเมื่อไหร่คือ 72 หาร อัตราผลตอบแทน เช่น อัตราผลตอบแทน 10% คือ 72 หาร 10 = 7.2 ดังนั้นดอกเบี้ย 10 % เวลา 7.2 ปี เงินก็จะเพิ่มเท่าตัว)


เช่น ถ้าดิฉันฝากเงินให้ลูก 5 ล้านบาท ที่ดอกเบี้ย 10% ต่อปี ทุกๆ 7.2 ปี เงิน+ฝากจะโตเป็น 10 ล้านบาทและ 20 ล้านบาท 40 ล้านบาทและ 80 ล้านบาทตามลำดับ รวมเวลา 28.8 ปี เงิน 5 ล้านบาท โตเป็น 80 ล้านบาท


ถึงแม้เวลานี้ ดอกเบี้ยเงินฝากของเราจะต่ำมาก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะหยุดออม ก่อนจะซื้ออะไร ลองหยุดคิดสักนิดว่า ค่าเสียโอกาสในชีวิตเป็นเท่าไหร่ รวมถึงโอกาสอื่นๆ ที่สูญเสียไปนอกจากเงิน


การสร้างหนี้เป็นการสร้างความหายนะให้ชีวิตได้อย่างง่ายดาย การมีหนี้เป็นทุกข์ เป็นภาระทางใจอย่างยิ่ง แล้วมันคุ้มหรือเปล่ากับการเป็นหนี้ เพื่อสิ่งของที่มีหรือไม่มีก็ไม่แตกต่างกัน เราอาจจะเป็นหนี้ได้อย่างรอบคอบเพื่อการศึกษา หรือเพื่อการลงทุนเล็กๆ น้อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรรู้ก็คือ การเริ่มลงทุนไม่จำเป็นต้องมองทุนที่เป็นเม็ดเงินอย่างเดียว มันสมองความคิด แปลงกระแสความนิยมให้เป็นประโยชน์ มีสิ่งมากมายที่ใช้แทนกันได้ ถ้าเราเป็นหนี้จากบ้าน รถ ค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย การซื้อของ ซึ่งไม่ได้ให้ผลตอบแทนเป็นดอกผลมาช่วยใช้หนี้ก็ยิ่งแย่ใหญ่ อาจจะต้องถึงเวลาทบทวนว่าเมืองนี้ บ้านนี้ รถคันนี้ โรงเรียนนี้ อาจจะไม่เหมาะกับชีวิตเราจริงๆ ลองปล่อยถั่ว ปล่อยความยึดมั่นในชีวิตบางอย่างดู เราอาจจะรู้ว่า ชีวิตมีทางเลือกอีกมากมาย





O ทำงานอย่างมีความสุขได้อย่างไร

ตอนที่ดิฉันประสบกับเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต จำได้ว่า ตอนนั้นใจมันห่วงกังวลกับงาน บริษัทเพิ่งเปิดใหม่ยังไม่ถึง 1 เดือน เราจำเป็นที่จะต้องมีรายได้มาดูแลลูก มาจัดการกับภาระที่เราต้องรับผิดชอบ ตอนที่ไปเจริญสติอยู่กับตัวเอง ใจก็กังวลว่างานจะเป็นอย่างไร ลูกน้องจะเป็นยังไง เราหมดเงินไม่มีทุนแล้ว เราจะทำยังไงต่อ


แต่ทันทีที่ก้าวเท้าออกมาจากการปฏิบัติธรรม จำได้ว่า วันนั้นใจมันรู้เลยว่า ทุนของชีวิตไม่ใช่มีแค่เงินอย่างเดียว สติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ ศรัทธา ความเชื่อมั่นในตัวเอง ความอดทน พยายาม ความเป็นอยู่ที่พอเพียง ไม่ฟุ้งเฟ้อ ความคิดที่พอเหมาะ ยอมงอบ้าง ยอมถอยบ้าง ประนีประนอมบ้าง ยอมได้บ้าง เสียบ้างก็สามารถเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เราก้าวหน้าได้


สิ่งที่สำคัญที่สุดในตัวมนุษย์คือ ใจ Samuel Smiles กล่าวว่า ความคิดกำหนดการกระทำ การกระทำกำหนดนิสัย นิสัยกำหนดความเคยชิน ความเคยชินกำหนดชะตากรรม ในการฝึกตัวเอง เราสามารถเริ่มต้นได้ที่ต้นตอของชะตากรรม คือที่ใจ ที่ความรู้สึกนึกคิด ตรวจความคิด ก่อนที่จะเป็นการกระทำในแต่ละขณะ จนเป็นนิสัย เป็นความเคยชินที่ดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เมื่อเราพัฒนาความรู้สึกตัวรู้เท่าทันใจ เราสามารถอยู่เหนือนิสัย อยู่เหนือความเคยชิน เมื่อเรารู้ทันจิตใจของเรา เราใช้ปัญญาเป็นตัวนำทาง นำการกระทำของเรา กำหนดเส้นทางชีวิตที่เราเลือกเองได้ตลอดเส้นทาง


สิ่งที่ดิฉันค้นพบคือ คนเราเมื่อจิตใจเปลี่ยน ความคิดเปลี่ยน ชีวิตก็เปลี่ยน หลังจากออกจากการฝึกเจริญสติ ทุกคนเห็นความเปลี่ยนแปลงของเราในวิถีการดำเนินชีวิต การตัดสินใจ การทำงาน ตอนนั้นจำได้ว่าทุกคนรอบตัว พ่อแม่ น้อง คนขับรถ แม่บ้าน ลูกน้องในบริษัท เพื่อน คนรู้จักตามไปเข้าปฏิบัติธรรมกันหมด คนที่เข้าใจตัวเองมากขึ้น ก็เข้าใจเห็นใจคนอื่นมากขึ้น เบียดเบียนคนอื่นน้อยลง ครอบครัวก็มีความสุข บริษัทก็สงบราบรื่น ทุกคนช่วยกันทำงาน


จากเดิมที่บริษัทของเรา เป็นร้านเพชรเล็กๆ มีสาขาอยู่ในห้างสรรพสินค้าต่างๆ 3 สาขา ภายในเวลาไม่กี่เดือน ร้านของเราก็ขยายเป็น 6 ร้าน และ 9 ร้านอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่เดือนจนเราหยุด พอ เพื่อให้ทุกคนสามารถหยุดงานไปลับคมมีด ลับสติปัญญาของตนเองได้โดยไม่ต้องลางาน


จำได้ว่า ตอนนั้นคนมักจะถามว่า ทำได้ยังไงในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ สิ่งที่ดิฉันมักจะตอบก็คือ ถ้าวันนั้นไม่ได้เข้าไปศึกษาเรียนรู้เข้าไปในใจตัวเอง วันนี้อย่าว่าแต่จะได้ทำประโยชน์มากมาย ครอบครัวมีความสุข บริษัทตนเองยังไม่รู้ว่าจะสามารถรักษาไว้ได้หรือไม่ ทุกวันนี้ดิฉันเป็นหนี้พระพุทธเจ้า เป็นหนี้ครูบาอาจารย์ที่สอนให้เราได้เรียนรู้วิธีดำเนินชีวิต สอนให้รู้ว่าใจสำคัญที่สุด เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างที่เราไม่เคยรู้เท่าทัน





O เป้าหมายของงาน

ใจที่ได้รับการฝึกมาดีแล้วจะมองจนทะลุไปถึงเนื้อแท้ของงาน จากที่เมื่อก่อนเราแค่ทำงานตามหน้าที่ เพื่อผลตอบแทนตอนสิ้นเดือน เพื่อเงิน ตำแหน่ง วัตถุ และชื่อเสียงที่ทำให้ตัวเองมีความสุข เรามักจะหลงลืมไปว่า งานหน้าที่ของแต่ละคนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อประโยชน์ตนเองและเพื่อนมนุษย์ เมื่อเราลืมประโยชน์ที่แท้จริงของงาน ความสุขของเราก็ไปจำกัดอยู่แค่ผลตอบแทน เกียรติ ชื่อเสียง และความก้าวหน้า แล้วเราก็ทำงานอย่างไม่มีความสุข แต่ถ้าเราฝึกใจให้เห็นคุณค่าที่แท้จริงของงานที่เราทำ จดจ่ออยู่กับสิ่งที่กำลังทำ ทุกขณะที่ทำงาน เราก็ทำด้วยความสุข ปล่อยความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ผลของงานก็จะดี ผลตอบแทนก็ดี มีความอิ่มเอมใจ เพราะเห็นผลอยู่ในทุกขณะที่ทำงาน


คนเป็นครู เห็นประโยชน์แท้ของงาน ที่ทำให้นักเรียนมีความรู้ ครูก็เรียนรู้จากนักเรียน จากการศึกษาค้นคว้าความรู้เพิ่มเติม ทุกขณะมีความสุข โดยไม่รอวันเงินเดือนออก หรือวันรับเงินจากการสอนพิเศษ


คนทำบัญชี เห็นคุณค่าของตัวเลข ที่ทำให้การบริหารงานของบริษัทแม่นยำเที่ยงตรง และสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนุก รู้สึกท้าทายกับการวิเคราะห์ตัวเลข พัฒนารูปแบบการเก็บและใช้ข้อมูล นำเสนอข้อมูลใหม่ๆ ท้าทายตนเองด้วยใจรัก


คนกวาดถนน เห็นความสุขในแต่ละขณะที่กวาด ทำหน้าที่ครบถ้วน ถนนสะอาด ใจก็สะอาด


ยามดูแลตึกที่บริษัทดิฉันตั้งอยู่ มีความสุขทุกครั้งที่เห็นรถวิ่งเข้ามา เขาจะวิ่งอย่างเร็วที่สุด โบกให้รถจอดเข้าซองให้เรียบร้อย ในมุมที่แดดไม่ร้อนจัด วันฝนตกก็คอยกางร่มรับส่งคน ทุกครั้งที่เห็นรถจอดเรียบร้อย ยามท่านนั้นก็ยิ้มอย่างสุขใจ


คุณครูตัวจริงของดิฉันคือ แม่ค้าขายกระท้อนลอยแก้วริมถนนคนหนึ่ง หลังจากที่เฝ้าดูเธอทำกระท้อนลอยแก้ว แต่ละขั้นตอนอย่างพิถีพิถันจนถึงขั้นตอนสุดท้าย เธอใช้สำลีกรองน้ำลอยแก้ว ให้สิ่งเจือปนต่างๆ ถูกกรองออกไปหมด เธอบอกว่าน้ำจะได้ใสเป็นสีสวย ไม่มีสิ่งเจือปน รสหวานเค็มพอดี มีเสียงน้ำแข็งทุบกระทบกันกรุ๊กกริ๊ก คนรับประทายก็ชื่นใจ คนทำก็ชื่นใจทุกขณะทุกขั้นตอน เธอบอกดิฉันก่อนจากกันวันนั้นว่า “เราต้องซื่อสัตย์ ให้เกียรติงานของเรา”


คนที่เป็นแม่บ้านดูแลลูก ดูแลครอบครัว ก็ต้องเห็นประโยชน์ของสิ่งที่เราทำว่าเราโชคดีได้ทำหน้าที่แม่ ด้วยสองมือของเราเอง เป็นแม่ที่เป็นเพื่อนเล่น เป็นคุณครู เป็นที่พักพิงให้ลูก คนที่มีความหมายต่อเราจริงๆ เป็นภรรยาที่ได้มีโอกาสดูแลสามี ดูแลบ้าน การสร้างครอบครัวที่ดีมีความสุข จำเป็นต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ของแม่ที่จะประคับประคอง วันที่ลูกของเราเติบโตขึ้น เราก็ภูมิใจที่สองมือแม่นี้แหล่ะที่ส่งลูกมาจนถึงฝั่ง


คนเขียนหนังสือเล่มนี้ ตั้งใจเขียนทุกวันอย่างมีความสุข เขียนไป อ่านจิตอ่านใจตัวเองไป ตัวเองก็ได้ประโยชน์ทันที แล้วหากคนที่อ่านอยู่ ใจยึดมาเกาะที่ตัวหนังสือก็รู้ทัน ตื่น เบิกบาน เอาสิ่งที่ได้อ่านไปใช้ทดลองกับชีวิตก็มีความสุขเพิ่มขึ้นอีก


ไม่ว่าเราจะเป็นพนักงานบริษัท ผู้บริหาร หรือเจ้าของกิจการ ที่ต้องขายสินค้า หรือให้บริการกับคนทั่วไป หากเรามองว่าเราเป็นคนขายของ คนให้บริการ ชีวิตมันอาจคับแคบ จืดชืดลง แต่ถ้าเราเปิดมุมมองใหม่ว่า งานของเรามีเพื่อพัฒนาจิตใจชีวิตของตนเอง และทุกคนรอบข้าง ให้สามารถมีใจที่มีคุณภาพ มีเป้าหมายชีวิตที่ดี เลือกใช้ชีวิตอย่างสอดคล้องกับเป้าหมาย และมีความสุข งานของเรามีหน้าที่ทำให้บริษัทส่งมอบสินค้าและบริการที่ดีแก่ลูกค้า สินค้าเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ของความสุข ความรู้สึกดีๆ ที่เรามีโอกาสมอบ ให้คนอื่นที่ลูกค้ามีให้ต่อตนเอง หรือต่อคนที่เขามอบให้ คิดอย่างนี้ใจเราก็จะให้เกียรติสิ่งที่เราทำ เหมือนแม่ค้ากระท้อนลอยแก้ว ทุกขณะที่เราทำงาน คุยกับเพื่อนร่วมงาน ให้กำลังใจ ช่วยชี้แนะแนวทางดำเนินชีวิตให้แก่กัน ให้พัฒนาความสามารถในการเพิ่มน้ำในแก้วไปพร้อมๆ กับการพัฒนาความสามารถ ในการปรับขนาดแก้วให้พอดีกับสิ่งที่มี คนที่มีชีวิตพอเพียง มีความสุข ความพอใจในงาน ไม่มีหนี้ให้ต้องแบกชำระใจก็มีความสุข ทำหน้าที่ของตนเองได้ดี มีประสิทธิภาพ ก็ทำให้องค์กรเจริญ ตัวเองก็เจริญก้าวหน้า


ในแง่บริษัท ความศรัทธา ความไว้วางใจที่มีต่อกันทั้งภายในองค์กร ต่อลูกค้าและคนนอกองค์กรนั้น ก็ลดขั้นตอนการทำงาน ประหยัดค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบดำเนินการ หัวใจสำคัญคือ การพัฒนาต้องเริ่มจากการพัฒนาข้างในตนเองเสียก่อน ที่เรามักจะเห็นคนทำงานที่ไม่ตั้งใจ ไม่รับผิดชอบ ไม่พร้อมให้บริการ เพราะไม่มีใครช่วยแนะนำให้เขาเห็นคุณค่าที่แท้จริงของงานที่ทำ เมื่อไม่เห็นคุณค่าใจก็ไม่อยู่ที่งาน ในทางกลับกัน เมื่อเราได้ทำในสิ่งที่เราเห็นคุณค่า ทุกขณะที่ทำเห็นการพัฒนาของคน ก็มีความสุข โดยไม่ต้องรอผลตอบแทนเป็นเงิน งานเราก็ดีมีคุณภาพ


หลังจากที่ดิฉันเริ่มทำงานอย่างเข้าใจคุณค่าของงาน ผลตอบแทนเป็นเงินก็ตามมาปัญหาหนี้สินก็หมด แล้วยังเหลือเงินพอให้ชีวิตเราเป็นอิสระ ที่จะเลือกทำงานแบบได้เงิน หรือทำงานแบบไม่ได้เงินก็ได้ ในขณะที่คนหลายคนที่พูดถึงแต่เงิน บูชาเงิน มีแนวทางว่ากำไรเท่านั้นคือเป้าหมายสูงสุด แต่นับวันก็ยังวิ่งเป็นหนูถีบจักรห่างไกลเป้าหมาย จากกำไรกลายเป็นหนี้สินเพิ่มขึ้นทุกที


The last thing you do the best is what you have the most joy doing.
- Malcolm Forbes -



* เข็มทิศ

คุณค่าที่แท้จริงของงานที่เราทำคืออะไร





O โลภ...ไม่เหมือนเดิม

หลายคนมักจะสงสัยว่า การฝึกมีสติรู้เท่าทันใจตัวเองจะช่วยเราทำงานทำธุรกิจได้อย่างไร หรือพอทำแล้วจะหาเงินสู้คนอื่นไม่ได้หรือเปล่า ความจริงก็คือ เรายังมีความสามารถในการหาเงินเหมือนเดิม ยังโลภ ยังโกรธเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ต่างจากเมื่อก่อนก็คือ พอโกรธขึ้นมา แทนที่จะพุ่งไปที่คนอื่น มันจะมีสติมารู้ที่ไฟในใจตัวเองก่อน บางครั้งก็มีกำลังใจที่จะยั้งไว้ทัน บ่อยครั้งก็ยังพุ่งออกไปเหมือนเดิม แต่ด้วยมีความรู้สึกตัว มันจะเหมือนเราเป็นคนอื่นที่ยืนดูตัวเอง ถูกความโกรธนำไปพูด หรือทำสิ่งที่น่าเกลียด พอเห็นความน่าเกลียดเข้า มันก็ปล่อย หยุดเอง ไม่ต้องให้มีใครมาบอก ก็บรรเทาความเสียหายไปได้พอสมควร พอเจ็บตัวก็ได้เรียนรู้ คราวหน้าก็รู้ทันเร็วขึ้นอีก


แล้วเราก็ยังหาเงิน มีเงินเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ต่างก็คือ เมื่อก่อนเวลาคิดโลภอยากได้มากๆ จะทำมาค้าขายอะไร มองเห็นแต่ทางได้ ไม่ค่อยเห็นทางเสีย แต่ตอนนี้พอจะทำอะไรขึ้นมา สติมันจะเฉลียวรู้ทันใจ คอยเตือนว่า ถ้าพลาดจะกระเทือนถึงครอบครัว กระเทือนถึงทุกอย่างที่มีหรือเปล่า คอยเป็นพี่เลี้ยงประคับประคอง ความคิดเห็น ความมากไป น้อยไป ไม่ปล่อยให้ใจเห็นแต่ทางได้ สติปัญญาก็จะทำงานหยิบความคิดมาตรวจสอบ พิจารณารอบด้านแล้วตัดสินใจด้วยความรู้สึกตัว


* เข็มทิศ

ตอนนี้ คุณกำลังคิดทำอะไรที่ใหญ่เกินไป มากไป น้อยไป เหมาะสม พอดีหรือเปล่า


เวลาที่เรามีความรู้สึกตัว ตื่นหลุดออกมาจากการถูกความคิดครอบงำ มันจะมีความรู้เนื้อรู้ตัว เป็นตัวของตัวเอง รู้ประโยชน์รู้โทษของสิ่งที่กำลังจะทำ ความคิดมันก็จะพอดี พออยู่ พอเพียง เข้ากับวิถีชีวิตของเรา ที่เราปรับไว้ให้ตัวเองใช้น้อยเป็นแก้วใบเล็ก ใช้น้อยก็หาน้อย ไม่รีบเร่งจนพลาด


เวลาที่ใจมันขยับคิดการใหญ่ ไปหุ้นกับคนนั้น กู้คนนี้ จะได้ขยายให้มันใหญ่ๆ ใจมันก็จะคอยยั้งให้ดูดีๆ แค่ใจเราใจเดียวยังสร้างปัญหาไม่รู้จบ แล้วต้องมาบริหารใจคนอื่นด้วย มันไม่ง่ายเลย นอกเสียจากว่าเป็นงานที่เราวางใจ ปล่อยวางจากมัน หรือเราเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ มีส่วนต่างกำไรสูงเหลือเฟือ ก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง แต่สำหรับคนตัวเล็ก ทำไมเราไม่ใช้ประโยชน์ของความเล็กให้เป็นจุดแข็งของเรา


ความเป็นคนตัวเล็ก แก้วความอยากใบเล็ก มีธุรกิจมีงานเล็กๆ ก็มีจุดเด่นที่ความคล่องตัว ดูแลค่าใช้จ่าย ดูแลต้นทุนให้ต่ำ คนน้อย ปัญหาน้อยการดูแลทั่วถึง งานมีประสิทธิภาพ ในตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเราสามารถปรับปรุงตัวเองให้เล็ก แต่แข็งแกร่งภายใน เกิดอะไรขึ้นก็ถอยได้ ถอยเป็น


หรือเป็นพนักงานบริษัทกินเงินเดือน ก็จัดรายรับรายจ่ายของเราให้พอเหมาะ ด้วยการปรับแก้วคือความอยากของเราให้พอดี เลือกใช้ของตามคุณค่า ไม่ใช่ตามค่านิยม ชีวิตก็ลงตัว แถมมีภาระทางใจน้อยกว่าพวกเจ้าของกิจการเสียด้วยซ้ำ พัฒนาความสามารถ ความอดทน มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงาน ให้ทุกวันเป็นวันของการเรียนรู้ ก็จะประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายทุกวัน


ดิฉันมักจะบอกทีมงานเสมอว่า ร้านเรา สาขาเรา เปิดได้ก็ปิดได้ ไม่จำเป็นต้องรักษาหน้าตาภาพพจน์ อะไรที่มันดูดเลือดเรา เราก็สามารถตัดอวัยวะรักษาชีวิตได้เสมอ ของพนักงานก็เหมือนกัน ถ้าบ้านมันผ่อนหนักนักก็ย้ายบ้าน
ค่ามือถือแพงนักก็เลิกใช้ เคล็ดลับง่ายๆ ก็คือ สำรวจดูว่าเราทุกข์ตรงไหน ก็วางตรงนั้น


มีนักธุรกิจวัยหลังเกษียณท่านหนึ่ง ค้ำประกันเงินกู้ให้เพื่อนซึ่งหลบหนีไป ถ้ายอมให้ธนาคารยึดทรัพย์สินซึ่งไม่ใช่ของตัวเอง แล้วเพิ่มเงินตัวเองอีกเล็กน้อยโดยที่ไม่เดือดร้อนนัก เรื่องก็จบ แต่นักธุรกิจท่านนี้ เลือกแก้ปัญหาที่สร้างปัญหาใหญ่กว่าเดิม คือเอาเงินหลายล้านไปวางมัดจำซื้อที่ดินจากธนาคาร หวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะขายที่ได้ ทั้งๆ ที่พยายามนับสิบปี ก็ไม่เคยสำเร็จ สุดท้ายขายไม่ได้ ตัวเองต้องยอมเป็นหนี้ กู้เงินอีกเกือบร้อยล้านมารับที่แปลงนั้นไว้เอง เสียหายมากมายเพราะมัวเสียดายเงินเล็กน้อย บวกกับกลัวเสียหน้า ไม่ยอมปล่อยถั่วที่กำไว้ ก็ต้องมาเสียหายทีหลังอีกมากมาย


สุดท้ายแล้ว ทั้งหมดก็มาลงรวมที่การรู้เท่าทันใจตัวเอง เห็นใจที่มันยึดถืออะไรไว้แน่นหนา ถอยไม่ได้ซึ่งจะทำให้เจ็บตัวทีหลัง หากรู้ทันก็ช่วยตัวเองได้ บ่อยครั้งถ้าเราพิจารณาให้ดี แล้วยอมสละส่วนเล็กน้อย ก็จะช่วยรักษาส่วนใหญ่ไว้ได้ ประกอบกับเราได้จัดสรรวิถีชีวิตเราให้เรียบง่ายพอเพียงอยู่แล้ว ใจที่ไม่มีหนี้บัตรเครดิตที่ใช้ไปช็อปปิ้งมาเป็นชนักปักหลัง เร่งให้ลงทุนแบบเสี่ยงตาย เอาชีวิตเข้าแลก ก็มีทุนเหลือในชีวิต ถึงยามจำเป็นที่ต้องถอย ก็ไม่เจ็บตัวมากมาย





O ทำงาน...ไม่ขายวิญญาณ

หลายคนอาจรู้สึกว่า ในองค์กรที่เราทำงานอยู่มีวิถีการดำเนินธุรกิจที่ไม่สอดคล้องกับจิตสำนึกของเรา เราอาจจะต้องเริ่มตั้งแต่พิจารณาหาเป้าหมายที่แท้จริงในงานที่เราทำ ผลงานของบริษัทเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าหรือสังคม แม้อาจจะมีหลายอย่างที่ไม่ถูกใจ ก็ปรับจิตใจเราให้เข้ากับคนอื่น ได้เห็นประโยชน์ว่าเราสามารถใช้ปัญญา ใช้ความชำนาญ มีความสุขที่ได้เรียนรู้จากทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งดีและร้ายอยู่ที่การวางใจให้ถูกต้อง ความสุขสงบของจิตอยู่ตรงหน้าเราตลอดเวลา ไม่ต้องรออนาคต แต่เป็นที่นี่ เดี๋ยวนี้


แต่ถึงที่สุดแล้ว ถ้าสิ่งที่เรากำลังทำขัดแย้งกับคุณธรรม ทำลายจิตสำนึกด้านดีของเรา เราอาจจะต้องทบทวนใหม่ เพราะงานเป็นกิจกรรมที่เราใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตไปกับมัน ถ้ามันกีดกันเราจากการเจริญงอกงามภายใน ทำลายจิตสำนึกความเป็นตัวตนเราทุกวัน เราคงต้องตั้งหลักทบทวนว่าสิ่งที่เรากำลังทำ สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่เราต้องการหรือไม่





O ติดกับดักหนู

หลายคนอาจจะรู้สึกอึดอัดอยากออกจากงาน อยากเปลี่ยนงานแต่ทำไม่ได้ เพราะดำเนินวิถีชีวิตผิดพลาดสร้างภาระหนี้สินไว้มาก และไม่ได้พยายามพัฒนาความรู้ ความชำนาญของตัวเองมากพอ


ชาญเป็นวิศวกรอยู่ในโรงงาน ชาญไม่มีความสุขในการทำงาน เพราะเกลียดเจ้าของโรงงานที่ทำบ่อบำบัดน้ำเสีย เพียงเพื่อหลอกตาเจ้าหน้าที่ของทางราชการ แอบปล่อยน้ำเสียเจือสารพิษลงในแม่น้ำ ที่ชาวบ้านรวมทั้งพ่อแม่ของชาญใช้อาบ ดื่ม กิน จับปลาในนั้น กินผักผลไม้ที่รดด้วยน้ำเจือสารพิษเหล่านั้น แต่ชาญบอกดิฉันว่า ไม่กล้าลาออกจากงาน เพราะรู้ว่าจะหางานทำใหม่ไม่ได้ แล้วครอบครัวจะทำอย่างไร


ถ้าคิดว่าด้วยศักยภาพที่มีอยู่ เราคงไม่สามารถหางานใหม่ได้ เราอาจจะต้องเริ่มทบทวนการบ้าน ถ้าตลอดเวลาที่ผ่านมา เราไม่ได้พัฒนาตนเอง ทั้งความสามารถภายนอกและภายใน ไม่ได้ใช้งานเป็นเวทีในการสร้างความรู้พัฒนาความชำนาญ ความขยันอดทน ความมีน้ำใจ ลับคมมีดสติปัญญาของตัวเอง เราก็ต้องเริ่มพัฒนาตนเองตั้งแต่วันนี้


ทวีพรเป็นพนักงานในบริษัทระดับแถวหน้าของเมืองไทย ได้เงินเดือนๆ ละ 120,000 บาท วันหนึ่งบริษัทเปลี่ยนเจ้าของและผู้บริหารใหม่ ซึ่งไม่ต้องการทวีพร ทำทุกอย่างเพื่อบีบให้ทวีพรลาออก แต่เธอไม่สามารถไปเริ่มต้นใหม่ ถึงแม้ในใจจะอยากเปิดบริษัทเล็กๆ ของตัวเอง ที่รู้แน่ว่าเพียงยอมลำบากตอนต้นสักพักต่อไปก็จะดี แต่เธอไม่สามารถลาออกได้ เพราะเธอมีภาระหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระมากมาย เงินเดือนสูงๆ นี้ พอแค่ชำระหนี้ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนบัตรเครดิต เดือนต่อเดือนเท่านั้น เธอจึงต้องอดทนทำงานนี้ต่อ ถึงแม้จะมีความทุกข์ และนโยบายการทำงานของบริษัทจะไม่สอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตและจิตสำนึกของตนเอง


เราจะต้องทบทวนปรับแก้วน้ำของเราเสมอว่า ที่ผ่านมาเราปล่อยใจเราไปตามค่านิยมผิดๆ จนเป็นแก้วน้ำใบใหญ่ เติมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม ผูกมัดเราให้อยู่ทน ทนอยู่กับสิ่งที่ขัดแย้งกับวิถีชีวิตที่เราต้องการ การมีวิถีชีวิตที่ผิด แก้ไขได้ด้วยความกล้าหาญของเราเอง





O หาทางออกจากกับดักหนู

วิธีแก้ก็คือเรื่องเดิม คือการกลับไปที่ขั้นตอนที่หนึ่งของเราใหม่


กลับไปที่จุดเริ่มต้นของความสำเร็จ คือ การฝึกใจให้มีคุณภาพ รู้ทันความรู้สึกนึกคิด รู้ว่ากำลังทำอะไร เพื่ออะไร อย่างไร มีผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีของเราอย่างไร


ทบทวนวิถีชีวิตที่เราต้องการ ทำตัวเองให้แข็งแรง เปิดทางเลือกของตัวเอง เปิดมุมมองให้กว้าง ไม่ติดยึดกับบ้านหลังนี้ เมืองนี้ จนต้องแบกกองหนี้ หาตัวเอง หาพรสวรรค์ และพรแสวงของตัวเองให้เจอ





O หาตัวเองให้เจอ

หลายคนอาจจะรู้สึกว่าหาพรสวรรค์ของตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่ารักอะไร ชอบอะไร ทำอะไรได้ดี ดิฉันค้นพบตนเองจากงานอาสาสมัครที่ได้ทำ โดยการเล่าประสบการณ์ ความคิด ให้คนอื่นได้มีกำลังใจ ได้เห็นทางออกของชีวิตตนเอง เป็นงานที่ไม่ได้รับเงิน แต่ช่วยให้เราค้นพบตัวเอง เข้าใจตนเอง และในขณะเดียวกันก็มีความสุขที่ทำให้ผู้อื่นได้ค้นพบตนเองเช่นกัน


เราจำเป็นที่จะค้นให้เจอสิ่งที่เรารัก ที่เราอยากจะทำอย่างแท้จริง จุดเริ่มต้นก็คือ ค้นหาสิ่งที่เรารักในสิ่งที่เรากำลังทำ ทำให้ดีอย่างเต็มที่ ใช้มันเป็นจุดเริ่มต้นในการค้นพบพลังสร้างสรรค์ของตนเองในระดับที่ลึกมากขึ้น ความสุขจะต้องเริ่มต้นจากที่นี่ ตรงนี้ เดี๋ยวนี้ ในสิ่งที่เรากำลังทำ กำลังเป็น ทุกอย่างมีแง่มุมด้านดีอยู่ตรงหน้าเราเสมอ เพียงแต่เราปิดใจตัวเองและมองไม่เห็นมัน อย่างน้อยที่สุดคือได้เรียนรู้ ได้ฝึกฝนตนเอง เพิ่มความชำนาญและความอดทน สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตอยู่ตรงหน้าเรา ขอเพียงเราเปิดใจที่จะรับรู้มัน





O ทำทุกอย่าง...อย่างรู้จริง

ปัจจุบันมีหนังสือหลายเล่มที่พูดถึงการบริหาร รายรับ รายจ่าย ทรัพย์สิน หนี้สิน การลงทุน การออม การดูแลงบการเงินของตัวเอง ที่เราสามารถหาอ่านได้ทั่วไป แต่สิ่งสำคัญก็คือ ไม่ว่าเราจะลงทุนทำอะไร เราจะต้องมั่นใจว่า เรารู้จัก รัก เข้าใจ สิ่งนั้นจริงๆ สามารถมองมันได้ทะลุรอบด้าน เหมือนแก้วน้ำใสๆ ในมือ จะพลิกซ้าย พลิกขวาอย่างไรก็ทำได้ด้วยตัวของเราเอง โดยไม่ได้หวังยืมจมูกคนอื่นหายใจ ลองคิดถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดว่า เรารับมือกับมันอย่างไร เพราะในชีวิตจริง มันสามารถพลิกผันเลวร้ายกว่าที่เราคิดไว้เสมอ คนที่สามารถพลิกมันกลับมาได้ดีเท่านั้น คือคนที่อยู่รอด ความสำเร็จในชีวิต ไม่ได้มาด้วยการจับฉลาก แต่ด้วยความรู้จริง ทำจริง ทำให้ถูก ดี ให้ถึงดีเท่านั้น


ความฝันลมๆ แล้ง เห็นความสำเร็จความร่ำรวยของคนอื่นว่าเป็นโชคดี ได้มาง่ายๆ ไม่เคยช่วยให้ใครถึงจุดหมายปลายทาง






ป.ล. หนังสือ "เข็มทิศชีวิต" เขียนโดยคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง



Create Date : 21 กันยายน 2552
Last Update : 21 กันยายน 2552 9:04:38 น. 14 comments
Counter : 1772 Pageviews.

 
เจิมก่อนจ้า


โดย: Dangjarunun วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:10:03:46 น.  

 
รูปสวย น่ารัก glitter emoticon //www.yenta4.com
"เข็มทิศชีวิต"ที่คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง เขียน ช่วยนำทางให้ผู้อ่านหลายๆคนมีทางออกที่ดีขึ้นในชีวิต...เป็นเรื่องที่อ่านแล้วนำมาใช้กับตัวเราได้เลยค่ะ...คุณบีไม่ต้องกังวลในการตอบนะคะ เข้าใจเสมอ งานเยอะก็ทำงานก่อน...แค่แวะมาเห็นคุณบีมีความสุขก็ดีใจแล้วล่ะ...และฝากความคิดถึงมาให้ด้วยค่ะ


โดย: Dangjarunun วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:10:22:52 น.  

 
ขอบใจนะคะ ที่มาให้กำลังใจเสมอ *-* ตอนนี้พี่ดีขึ้นมาแล้วคะ คงเพราะกำลังใจจากน้องๆ นี้แหละ


โดย: เอื้องผึ้งจันทร์ผา วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:10:53:55 น.  

 
สวัสดียามเที่ยงครับคุณบี







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:11:59:06 น.  

 
ขอบคุณที่ไปอวยพรวันเกิดนะค่ะ ปลื้มๆ


โดย: ออยล์ (panumart228 ) วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:12:01:24 น.  

 
ยุก็งานเข้าเหมือนกันค่ะ คุณบี

อยากจะแอบมาทำงานฝีมือเล็กๆๆน้อยๆบ้างก็ไม่มีเวลาเลย ทำได้แค่เข้ามาแวะบล๊อกเพื่อนๆบ้างนิดหน่อยค่ะ

ขอบคุณนะคะ ขอให้มีความสุขกับงานนะคะ

มีงานเข้า มีงานเข้า า า ๆๆๆๆๆ


โดย: sushiha วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:12:23:06 น.  

 
เข้าได้จิ ทำไมจาเข้าไม่ได้ ลองใหม่จิ


โดย: pafun.p วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:13:06:16 น.  

 
โอ๊ย ขยันจังเลยค่ะน้องบี พี่ตามอ่านไม่ทันเลยค่ะ แปะโป้งไว้ตามระเบียบ เดี๋ยวหาเวลาว่างๆแล้วค่อยมาอ่านย้อนหลังนะคะ

พี่ก็ชอบดูทั้งเดอะสตาร์และก็เอเอฟค่ะ ดีใจเหมือนกันที่ปีนี้ได้ผู้หญิง พี่เองก็เชียร์ซานิตั้งแต่ออดิชั่นแล้ว พี่ว่าเค้าเสียงดีมาก และบุคลิกก็ดูชัดเจน จริงใจดีค่ะ

แต่เหมือนเดาได้ว่าเค้าต้องได้แชมปืเลยไม่ห่วง พี่เลยแอบปันใจไปให้น้องแม็คกะน้องที อิอิ เหมือนตอนเดอะสตาร์พี่ก็รู้ว่าน้องแก้มต้องได้ พี่เลยเชียร์น้องรุจ ตอนแข่งไปดูมาครั้งหนึ่ง คนไรไม่รุ หล๊อหล่อ 5555

เอาบรรยากาศมาฝากค่ะ

Photobucket


โดย: pinkyrose วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:16:32:45 น.  

 
ข้างบนเค้าดีใจจังเลยนะ งานเข้าๆๆๆ


มะไร่งานจะเข้าม่างงงง

คิดถึงเช่นกันจ้ะ จุ๊บๆ



โดย: แซลลี่ (lazypiggy ) วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:18:19:53 น.  

 
พี่บีจ๋ามดมาเยี่ยมคะ
ดีจังเลย
มดตอนนี้ก็เรื่อยๆ

มดจะรอดูผลงานของพี่บีนะคะ
อย่าหักโหมนะคะ


โดย: Gu_modmod วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:0:23:25 น.  

 
แวะมาทักทายยามดึกค่ะ
สบายดีนะคะ
และขอบคุณค่ะสำหรับบทความดีๆ


โดย: Petite Elisa วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:3:44:30 น.  

 


งานเข้าหรือน้อง เจ้ยินดีและดีใจด้วยมาก ๆ เก็บเงินไว้แต่งงานเลยน๊า ฮ่า ๆๆๆๆ

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: colchique วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:4:35:21 น.  

 
ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆแบบนี้เป็นบุญอย่างล้นเหลือที่แชร์ให้ผู้อื่นได้ผ่อนทุกข์หรือพ้นทุกข์



โดย: กร IP: 124.121.140.29 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:10:33:33 น.  

 
อ่านแล้ว รู้ซึ่งเลยค่ะว่าตัวเองทำอะไรอยู่


โดย: พัชรีพร IP: 182.53.22.72 วันที่: 10 เมษายน 2556 เวลา:16:21:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

beebeetoon
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อะไรก็ได้ง่ายๆๆๆ (ยืมคำเฮียนมอุโด๊ส.....โน๊ส อุดมมาใช้)
Google

ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
Friends' blogs
[Add beebeetoon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.