|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
19 กันยายน 2564 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
5 วิธีกำจัดไรฝุ่นในห้องนอน ลดอาการคันยุบยิบและสาเหตุภูมิแพ้
ถึงแม้ว่าไรฝุ่นจะทำให้เกิดภูมิแพ้หรือหอบหืดได้ แถมยังมีขนาดเล็กจนไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่เราก็สามารถกำจัดไรฝุ่นและมูลของไรฝุ่นเหล่านี้ได้ไม่ยาก ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
1. หมั่นซักเครื่องนอน การซักผ้าอาจจะไม่ได้ทำให้ไรฝุ่นตายซะทีเดียว แต่ก็ช่วยกำจัดไรตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ออกจากเส้นใยได้ ทั้งยังช่วยกำจัดมูลของไรฝุ่นได้มากถึง 98% เลยด้วย ดังนั้น คำแนะนำในการกำจัดไรฝุ่นยอดนิยมก็คือการนำไปซักบ่อย ๆ นั่นเอง โดยสามารถแบ่งออกตามประเภท ดังนี้
- ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม : ควรซักผ้าปูที่นอนในน้ำร้อนอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15-30 นาที ทุก ๆ 2 สัปดาห์ ส่วนคนที่เป็นภูมิแพ้หรือหอบหืด ควรซักผ้าปูที่นอนในน้ำร้อนอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส เป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง แต่ถ้าหากซักด้วยน้ำเย็น หลังจากซักเสร็จควรอบผ้าด้วยเครื่องอบร้อนอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาที เพื่อช่วยกำจัดสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ
- ปลอกหมอน : วิธีทำความสะอาดคล้าย ๆ กับผ้าปูที่นอนและผ้าห่ม คือ คนทั่วไปควรซักปลอกหมอนในน้ำร้อนอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15-30 นาที ทุก ๆ 2 สัปดาห์ ทว่าสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้หรือหอบหืด ควรเปลี่ยนปลอกหมอนวันเว้นวันจะดีที่สุด เนื่องจากเป็นสิ่งที่สัมผัสกับใบหน้าโดยตรง
- ที่นอน หมอน และฟูก : ที่นอน หมอน และฟูก ก็ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งสะสมไรฝุ่นชั้นดี ที่สำคัญทำความสะอาดยาก เพราะไม่สามารถถอดซักได้เหมือนกับปลอกหุ้ม จึงต้องเปลี่ยนมาใช้เครื่องกำจัดไรฝุ่น หรือเครื่องดูดฝุ่น ที่มีคุณสมบัติกำจัดไรฝุ่น เพื่อดูดฆ่าไรตัวเล็กและแบคทีเรียออกไปแทน
- ผ้าขนหนู : ใช้งานผ้าขนหนูเสร็จเมื่อไรต้องรีบตากผึ่งไว้ให้แห้งเสมอ และที่สำคัญควรหมั่นนำไปซักหลังจากใช้งาน 2-3 ครั้งด้วย เพื่อช่วยกำจัดและป้องกันการเกิดไรฝุ่นอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
- ตุ๊กตา : ตุ๊กตาต่าง ๆ ของเด็ก ๆ ก็มีไรฝุ่นสะสมอยู่ได้ง่ายเช่นกัน ฉะนั้นผู้ปกครองจึงควรเลือกซื้อชนิดที่ซักได้ ซักง่าย แล้วก็ทำความสะอาดสม่ำเสมอ พร้อมทั้งตากแดดให้แห้งเป็นประจำ เพื่อช่วยลดและฆ่าไรฝุ่นที่สะสมอยู่
- ผ้าคลุมเตียง : สำหรับผ้าคลุมเตียงหรือผ้าคลุมที่นอน ควรเลือกใช้เป็นเนื้อผ้ากันไรฝุ่น เพราะถักทอแน่นเป็นพิเศษ จึงช่วยลดความเสี่ยงลงได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะเลือกใช้ผ้ากันไรฝุ่นแล้วก็ยังต้องซักทำความสะอาดสม่ำเสมอ แต่อย่าให้บ่อยมากนัก ไม่งั้นเส้นใยจะหลวมได้ ทางที่ดีควรซักเป็นประจำทุกเดือนค่ะ - พรม : คนที่เป็นภูมิแพ้และหอบหืดควรหลีกเลี่ยงการใช้พรมจะดีที่สุด ทว่าถ้าหากมีความจำเป็นจริง ๆ ให้ลดความเสี่ยงอันตรายลงด้วยการโรยยาฆ่าไร (acaricide) ทิ้งไว้ 1 คืน แล้วนำเครื่องดูดฝุ่นมาดูดออก หมั่นดูแลและทำแบบนี้เป็นประจำ หรือไม่เช่นนั้น ส่งให้ซักด้วยระบบไอน้ำความร้อนสูงโดยผู้เชี่ยวชาญ
2. การตากแดดป้องกันไรฝุ่น นอกเหนือจากการซักแล้ว การตากแดดก็สามารถกำจัดไรฝุ่นได้เหมือนกัน แต่ในระดับเล็กน้อยหรือบางส่วนเท่านั้น เพราะเมื่อโดนแดด ไรฝุ่นจะหนีไปอยู่อีกฝั่งที่ร้อนน้อยกว่า ทำให้มันไม่ตายทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การตากแดดสามารถลดความชื้นแบบที่ไรฝุ่นชอบอยู่ ถ้าหากตากนานประมาณ 5 ชั่วโมงขึ้นไป ก็จะช่วยลดปริมาณและป้องกันไรฝุ่นได้
3. การดูดฝุ่นลดซากหรือมูล แม้เครื่องกำจัดไรฝุ่นจะดูดฝุ่นออกมาได้บ้าง แต่ก็เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น เพราะไรฝุ่นมีขาแข็งแรงมากถึง 8 ขา จึงยึดเกาะได้ดีและหลุดออกมาได้ยาก ส่วนใหญ่ที่ดูดออกมาได้จะเป็นพวกซากหรือมูลของไรฝุ่น ทว่าต้องเลือกใช้เครื่องกำจัดไรฝุ่นที่ดี มีถุงขยะที่หนามากพอสมควร รวมถึงมีแผ่นกรอง HEPA Filter กันเล็ดลอดและฟุ้งกระจายด้วย ไม่เพียงเท่านั้น แต่ควรใช้ร่วมกับวิธีอื่นเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
4. การเช็ด อีกหนึ่งวิธีกำจัดไรฝุ่นที่ง่ายและดีก็คือ การนำผ้าชุบน้ำเปียกหมาดมาเช็ดทำความสะอาดตามซอกมุมหรือสิ่งของต่าง ๆ เช่น โต๊ะ ตู้ กรอบรูป และดอกไม้ปลอม เป็นประจำ
5. การฉีดยาฆ่าแมลง ไรฝุ่นก็เหมือนกับแมลงชนิดหนึ่ง ฉะนั้นสเปรย์กันยุง สเปรย์ฆ่าแมลง หรือลูกเหม็น สามารถฆ่าและกำจัดไรฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทว่าคนส่วนใหญ่ไม่นิยมสักเท่าไร เพราะไรฝุ่นมักเกาะตามที่นอน หากฉีดลงไปอาจจะเป็นอันตรายกับคนได้
แนะนำโดย : วาไรตี้ https://donneralacmegantic.com
Create Date : 19 กันยายน 2564 |
Last Update : 19 กันยายน 2564 17:17:48 น. |
|
0 comments
|
Counter : 224 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|