วันนี้คุณ"รู้สึกตัว"แล้วหรือยัง...
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
26 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

ทำไมเมื่อปฎิบัติธรรมแล้วผู้ปฎิบัติธรรมจึงไม่ต้องการมีคู่ครอง

จากหน้า 115-117 หนังสือ "ถาม-ตอบ ปัญหาธรรมะ"
พระอาจารย์เปลี่ยน ปญญาปทีโป
วัดอรัญญวิเวก (บ้านปง)
ตำบล อินทขิล อำเภอ แม่แตง จังหวัด เชียงใหม่




ถาม - ทำไมเมื่อปฎิบัติธรรมแล้วผู้ปฎิบัติธรรมจึงไม่ต้องการมีคู่ครอง


ตอบ - แค่ตนเองก็ทุกข์แล้ว เขาเลยไม่ต้องการคนที่มาเพิ่มทุกข์ให้ มันทำให้มีภาระ มีขันธ์ 5 แล้วไม่ต้องเอามาเป็นขันธ์ 10 จะต้องมาแบกอีก แบกภาระอีกมันจะลำบากมันจะทุกข์ เขาก็เลยไม่ต้องการ


ถ้าเรามีนาฬิกาเรือนหนึ่งแล้ว เอามาใส่แขนอีกข้างเดียว 2 เรือน เขาจะว่าอย่างไร มันก็หนักแขน ทุกสิ่งทุกอย่างถ้ามันเพิ่มเข้ามาจะเกิดทุกข์หมด เหมือนเรามีเสื้อนี่แหล่ะ ถ้าเรามีหลายตัว จะซักทำความสะอาดก็ชักไม่ไหวแล้ว มันเกิดทุกข์แล้วก็ต้องเอาไปตากแดดอีก ตากแดดมาแล้วก็ต้องมารีดอีก ทุกข์อีกแหล่ะ รีดเสร็จแล้วก็ต้องหาตู้ใส่ ต้องไปหาซื้อตู้อีก ทุกข์อีก
นี่แค่เสื้อผ้านะนี่ ของใช้ทุกอย่างถ้ามีมากมันจะเกิดทุกข์หมด ต้องมีภาระดูแล เหมือนมีรถคันหนึ่งก็ทุกข์กับรถอีก มี 2 คันก็ทุกข์สอง มี 3 ก็ทุกข์สาม ทุกข์เข้าไปเรื่อย


ทีนี้ถ้ามีคนมาอยู่กับเราอีกคนหนึ่ง ก็ต้องดูแลเขา มีภาระอีก เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็ยุ่งอีก เขาไม่มีข้าวกินก็ยุ่งกับเขาอีก มันเป็นภาระอย่างนี้ ผู้ปฎิบัติธรรมจึงไม่ต้องการ เขาอยากอยู่เป็นพรหมจรรย์ ลองดูซิ ลองมีสักคน จะเกิดเป็นภาระขึ้นมาทันที ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยยิ่งยุ่งขึ้น ต้องพาไปหาหมอ แล้วต้องไปเฝ้าโรงพยาบาลอีก ไปไหนก็ไม่ได้ เกิดทุกข์ขึ้นมาอีก ตั้งแต่ยังไม่ได้เฝ้ามันก็ทุกข์อยู่แล้ว แค่เป็นแฟนกันเฉยๆ ก็คิดถึงกันเป็นห่วงกัน ก็เป็นทุกข์เหมือนตกนรกแล้ว เมื่อมาอยู่ด้วยกันก็ยิ่งจะทุกข์มากขึ้น เป็นภาระมาขึ้น เกิดเขาไม่ฟังคำสั่งสอนของเรา เดี๋ยวจะตีกันละทีนี้ เราก็ว่าเป็นของเรา แต่ที่จริงไม่ใช่บัดนี้เขามารักเรา เขาก็ว่าเราเป็นของเขาอีก นี่มันจะฆ่ากันตรงนี้ มองเห็นคนอื่นคุยกับเราเฉยๆ เขาก็จะฆ่าเราแล้วถ้าเกิดหึงหวงขึ้นมา ถ้าอยู่คนเดียวก็ไม่ต้องไปหวงใคร มันจะได้สบายหน่อย อันนี้ประพฤติพรหมจรรย์ เขานอนคนเดียว ถ้านอนสองคน เขาหนาวก็ต้องห่มผ้าให้เขา ถ้าอยู่คนเดียวก็ห่มแต่เจ้าของไม่ต้องห่มให้ใคร นั่นแหล่ะเขาเรียกพรหมจรรย์ อันนี้เป็นการฝืนธรรมชาติของโลก ฝืนกิเลสของโลก ไม่ได้ไปตามกิเลส เขาหักล้างกิเลส
เขาหนีจากสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์


ธรรมชาติของคนที่มีปัญญากับคนไม่มีปัญญามันก็ต่างกัน คนหนึ่งรู้จักทุกข์ อีกคนหนึ่งไม่รู้จักทุกข์ เหมือนกับคนที่วิ่งหาเงินจนเฒ่าจนแก่นี่แหล่ะ ถ้าคนที่รู้จักแล้วก้ไม่ต้องวิ่งมาก ถ้าว่าพอใช้แล้วก็เอาแค่นี้ ตายแล้วไม่ได้หาบหามเอาเงินไปด้วยหรอกนะ ถ้าเขารู้เรื่องอย่างนี้ เขาก็เลยจะหาแต่พอใช้เท่านั้น


บัดนี้ถ้าเราว่าไม่อยากฝืนธรรมชาติ เราก็เอาสิ เมียเอา 10 คนก็ได้ ผัวเอา 10 คนก็ได้ ถ้าอยากได้หลายคนก็ลองดูซิ ถ้าอยากตกนรก แค่เราคนเดียวก็ยังตกนรกแล้ว เห็นไหมที่เขาต่อยตีฆ่ากันอยู่ทุกวันนี้ แค่นั้นแหล่ะ เขาก็ฆ่ากันแล้ว ไม่ต้องมากมายอะไร นั่นแหล่ะคนไม่มีคุณธรรม ทีนี้เขาเห็นความเกิดที่มานอนอยู่ในท้องแม่มันเป็นทุกข์ เขาก็เลยไม่อยากมาเกิดอีก นั่น พวกที่เขาหนี ที่ไม่อยากมาเกิดอีก ออกมาแล้วก็มาทุกข์ ทั้งร้อนทั้งหนาว ทั้งเจ็บทั้งป่วย แล้วยังไปทุกข์กับคนอื่นอีก เจ้าของทุกข์เพราะต้องดูแลเลี้ยงดูเจ้าของก็ยังจะไม่ไหวแล้ว เขาเห็นโทษอย่างนั้น ก็ดูพ่อกับแม่เราเป็นตัวอย่าง หรือคนที่มีครอบครัวว่ามันยุ่งแค่ไหน มันทุกข์แค่ไหน มีความลำบากอย่างไร ถ้าเราไม่พินิจพิจารณาเรื่องอย่างนี้ เราก็ต้องการอยากจะมี เมื่อต้องการมีแล้วเป็นอย่างไร ก็ดูอาจารย์เขาจูงลูกผูกหมามาสอนเราที่มหาวิทยาลัยว่าเป็นอย่างไร ไหนจะจูงลูก ทั้งจะส่งลูกเรียนหนังสือ ทั้งจะมาสอนหนังสือ ทั้งจะไปส่งผัวหรือส่งเมีย วุ่นวายกันอยู่นั้นแหล่ะ กว่าจะได้ไปสอนที่ หาวิทยาลัย เมื่อมีมากเท่าไรก็จะมีความทุกข์มากเท่านั้น มีภาระมากเท่านั้น


คนที่มีปัญญาเขารู้จักว่าเป็นภาระ แต่คนที่ไม่มีปัญญาก็จะไม่รู้จักเรื่องอย่างนี้ เหมือนกับคนที่ลงไปงมปลาอยู่คลองหลอดกรุงเทพ หรือเขาไปมุดเล่นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา มีทั้งขี้ทั้งเยี่ยว คนที่สะอาดให้เอาเท้าไปแตะเขายังไม่แตะเลย นั่นปัญญาของคนมันต่างกัน เห็นไหมคนที่เมาเหล้าทั้งวันทั้งคืน เราไปเห็นก็ว่า โอ้มันเสียศักดิ์ศรีของการเป็นมนุษย์ นี่ปัญญามันคนละขั้นกัน






 

Create Date : 26 มกราคม 2553
0 comments
Last Update : 26 มกราคม 2553 14:03:38 น.
Counter : 1373 Pageviews.


เป่าจิน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"เป็นนักอ่าน...ไม่ใช่นักประพันธ์"
Friends' blogs
[Add เป่าจิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.