จุดอ่อนจากการที่ Whiteใจ.....
"ไว้ใจ - อำพล ม้าเหล็ก"
จุดอ่อนจากการที่ไว้ใจ...คือโดนทำร้ายแทบเสียคน... ..... ย้อนไปซัก 10 กว่าปีก่อน เชื่อว่าหลายคนคงร้องเพลงนี้ได้ติดปาก ด้วยทำนองและเนื้อหาที่เชือดเฉือนขั้วหัวใจช้ำๆ กับความเท่ของ พี่หนุ่ย อำพล บางคนฟังแล้วอาจเหมือนโดนพลังมือขวาเข้ามาทุบจนจุกอก และต้องเสียน้ำตาก็เป็นได้ 5555 ...........................แต่ไม่ใช่ผม เพราะตอนนั้นผมยังละอ่อนเกินว่าจะ เข้าใจมหันตภัยลึกลับแห่ง สิ่งมีชีวิตเพศตรงข้าม!!....
เมื่อเช้านี่มีข้อถกเถียงอันเนื่องมาจากความ ไว้ใจ เกิดขึ้นระหว่างผมกับคุณแม่นิดหน่อยครับ .... มีช่างมาล้างแอร์ที่บ้านแต่เช้าตรู่ หลังจากเคลียร์พิ้นที่ในห้องนอนเสร็จแล้ว ผมก็ลงมากินข้าว ทำอะไรเรื่อยเปื่อยข้างล่าง โดยไม่ได้เข้าไปเกะกะวุ่นวายพี่ๆช่าง แต่คุณแม่กำชับให้ผมเข้าไปนั่งเฝ้า คอยดูอยู่ในห้อง ด้วยเหตุผลหลายๆอย่างเช่น ให้ศึกษาเอาไว้จะได้ทำเองได้ .. คอยดูอย่าให้ข้าวของอื่นเสียหาย ...และอื่นๆ แต่ที่สำคัญคือ แกกลัวของในห้องหาย ครับ ไอ้ผมก็ดื้อเหลือหลาย ไม่ยอมทำตามแกบอก ก็เลยเป็นเรื่องขึ้นมา หลังช่างกลับไปแล้ว ก็มีการถกเถียงกันนิดหน่อย ไม่ได้รุนแรงอะไร แต่ก็น่าเก็บมาคิดเล่นๆต่อเหมือนกัน......
ปัญหาทำนองนี้ระหว่างผมกับคุณแม่ เกิดขึ้นหลายครั้งแล้วครับ ตอนที่ช่างมาซ่อมทีวี , เอารถไปซ่อมที่อู่ หรือจ้างใครสักคนมาทำอะไรที่บ้าน อย่างมากผมก็อยู่ใกล้ๆแถวนั้น แต่ไม่เคยถึงกับต้องเข้าไปนั่งเฝ้าในห้อง ซึ่งก็เป็นเรื่องให้ถกเถียง งัดข้อทางความคิดกันมาทุกครั้งเช่นกัน ส่วนตัว ผมคิดว่าเราไม่น่าจะจำเป็นต้องจ้องจับผิดขนาดนั้น การจับตามอง ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ ผมว่าคนเราน่าจะพอรู้สึกได้ครับ จะเป็นการสร้างความอึดอัดซะเปล่าๆ นึกง่ายๆอย่างตอนเราไปเดินห้าง หรือซื้อของสักอย่างที่ร้าน แล้วมียามคอยตามดูเราตลอดเวลา ผมว่ามันก็น่าอึดอัด และพาลจะโมโหไปซื้อร้านอื่นด้วยซ้ำ ซึ่งพี่ๆช่างที่มาทำงานก็คงรู้สึกเหมือนกัน
ผมคิดว่า เก็บของมีค่าให้เรียบร้อยมิดชิด อย่าวางล่อตาล่อใจและล่อมือ หลังจากนั้นอย่างมากก็เข้าไปคุย หรือซักถามเล็กๆน้อยๆก็น่าจะเพียงพอ แต่ถ้าคุยถูกคอจะจ้อยาวก็ยิ่งดี การที่เราพยายามศึกษาเปลี่ยนความไม่รู้ ให้เป็นความรู้ ติดตัวไว้บ้างเป็นเรื่องดี แต่ถ้าถึงขนาดจะมาลงมือทำเองแล้ว ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าดีกว่ามั้งครับ เรื่องบางเรื่องเป็นงานของมืออาชีพ ส่วนพวก มืออาชีพอื่น อย่างเรา ฝืนทำอาจจะทำให้ยิ่งเสียหายหนักขึ้นไปอีกรึเปล่า?
จะบอกว่าคุณแม่มองโลกในแง่ร้ายเกินไปก็ไม่ใช่ เพราะเรื่องแบบนี้กันไว้ดีกว่าแก้ และแกก็มีประสบการณ์มาเยอะ ทั้งกับตัวเองและคนอื่น แกว่าต้องคอยระวังไม่ให้มาลักของอะไรเราไป หรืออย่างชิ้นส่วนเครื่องดีๆ ถ้าเกิดแกล้งเอาของเราไปขาย โดยบอกว่าเสีย ก็แย่กันพอดี เวลาเอารถไปทำที่อู่ก็เหมือนกัน แกเคยเห็นมากับตาแล้ว ขนาดช่างศูนย์รถยนต์ใหญ่ๆ เห็นว่าถอดอะไหล่แท้ออกไปขายเลย คนพวกนี้ ไว้ใจไม่ได้หรอก
ผมเข้าใจในความหวังดี และรอบคอบของแก แต่ก็สะดุดกับคำว่า คนพวกนี้ เข้าอย่างจัง พร้อมสร้างสมการคำถามในใจว่า ไอ้ คนพวกนี้ จะเท่ากับ คนพวกไหน? แรกๆก็ลองแทนค่าด้วยตัวแปรต่างๆ คนจน, คนความรู้น้อย, คนขี้เกียจ, คนโง่, คนแปลกหน้า ผมก็ไม่ได้เห็นว่า มันจะต่างสักเท่าไหร่ กับแทนที่ด้วย คนรวย, คนเก่ง , คนฉลาด , คนคุ้นเคย คนพวกแรกซื่อสัตย์ไม่เป็นหรือ และคนจำพวกหลัง ขโมยของไม่เป็นหรือ??? ... มีคนรวยตั้งมากมาย ขโมยที่ดินไปจากตาสีตาสี คนคุ้นเคยมากมาย ขโมยพรหมจรรย์ไปจากเด็กสาวใกล้ชิด บางทีคำตอบของสมการนี้ อาจอยู่ที่คนตั้งคำถาม ว่าจะเอา ความระแวง ไปคูณกับคนจำพวกไหน...
มองโลกในแง่ดีเกินไป อาจเสียใจภายหลังแถมเสียความรู้สึกเป็น 2 เท่า ถ้าคนที่เรา ไว้ใจ ทำร้ายใจ ที่เราเอาไว้กับเขา แต่หากมองโลกในแง่ร้ายบ่อยๆเข้า ก็น่าเศร้าที่ได้แต่เก็บใจ ไว้ในห้องแคบๆส่วนตัว คนเราต้องการเพื่อน หัวใจก็ไม่ต่างกัน.....บางทีการมองโลกในแง่จริง อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ไม่ต้องไปคิดว่าเขาจะมาทำร้าย มาเอาเปรียบ มาขโมย แต่ก็ป้องกันเท่าที่เราพอจะทำได้ พร้อมทำใจเผื่อว่า ถึงเราให้เกียรติเขา ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่ทำให้เราเกลียด ...
ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ ยังเหลือเด็กหัวใจสีขาวสักกี่คนที่เก็บของคนอื่นได้ แล้วส่งครูประจำชั้น แต่คงเหลือไม่ถึงครึ่งเมื่อเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ ก็อายเพราะรวยมีที่ไหน อายเพราะจนเห็นกันอยู่ทั่วไป ส่วนอายเพราะโกงนั้นลืมไปนานแล้วตั้งแต่ไม้เรียวเลิกกระทบก้น........
ในเมื่อเราควบคุมคนอื่นไม่ได้ อย่างน้อย เราลองควบคุมตัวเองให้ได้ก่อนไม่ดีกว่าหรือ ไว้ใจคนอื่นไม่ได้ แต่ทำตัวให้คนอื่น ไว้ใจเราได้ เริ่มต้นง่ายๆที่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง พอเริ่มคล่องแล้ว ก็ขยายไปขั้น Advanceเป็นซื่อสัตย์ต่อคนอื่น เสร็จแล้วก็ฝึกฝนจนเป็น Professional ขนาดปลูกฝังให้คนใกล้ตัวได้....คนเราอาจชำนาญได้แค่บางสาขาอาชีพ แต่ มืออาชีพด้านความซื่อสัตย์ น่าจะเป็นกันได้ทุกคน ..
เฮ้อ............คิดแล้วก็เหนื่อย... ในโลกที่มีแต่คนใจร้ายแบบนี้ ไม่รู้ว่า พอจะเหลือพื้นที่สักกี่มากน้อย ให้ ความเชื่อ กับ .. ไว้ใจ ได้จูงมือกันไปวิ่งเล่นบ้าง เท่าที่เห็นก็น้อยเต็มที .. ..............แถมส่วนมาก จะร้องไห้เพราะสะดุดหกล้มหลังหัก กับก้อนหินชื่อ หักหลัง ที่แอบซุ่มวางโดยเพื่อนสนิทอีกต่างหาก
Create Date : 08 กรกฎาคม 2549 |
|
82 comments |
Last Update : 30 มกราคม 2550 0:39:51 น. |
Counter : 392 Pageviews. |
|
|
|
เพราะคนดี ตกเป็นเหยื่อเยอะค่ะ
ปล เพลงโปรดอีกเพลงของรุ้งเลยน่ะ เพลงนี้