www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

เป็นหวัด ไม่ใช่ "เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย" แต่เพราะ "An Inconvenient Truth"



... ตอนที่กำลังพิมพ์อยู่นี่ ผมกำลังไอค่อกไอแค่ก เจ็บคอแบบคอแห้งๆ ซดน้ำหมดไปเป็นลิตรๆ และ หงุดหงิดตัวเองที่เป็นหวัดอีกแล้ว ตอนแรกที่เป็นก็คิดโทษ ป้อม , ดาว กับ อ้อม ว่า เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย แน่ๆ แต่คิดไปคิดมา ไม่น่าจะใช่ เพราะต้นตอของอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ก็เพราะ โลกที่มันร้อนขึ้น จนอากาศวิปริตแปรปรวนต่างหาก

...เพื่อนผู้อ่านบอกไว้ในหน้าแรกของ blog ว่าอยากให้ผมเขียนรีวิวถึงหนังเรื่องนี้หรือช่วยๆเชียร์กันหน่อย ผมตอบบ่ายเบี่ยงไปว่าไม่ค่อยมีเวลา แต่ความจริงอีกส่วนมีอยู่ว่า

ผมเป็นโรคแพ้สาร ที่ชื่อว่า -คดี

อาการแพ้คือมันจะไปกดสมองส่วนกลางที่ควบคุมการตื่นให้ต้องง่วงโดยอัตโนมัติ เมื่อประจันกับ สารคดี ตรงหน้า

เพราะเจอสารคดีทีไร เรื่องไหนที่เขาว่าดีนักดีหนา ก็ยังไม่เคยรอดพ้นการนอนหลับของผมไปได้

สารคดีที่เขาว่าดีว่าสนุก ผมก็ยังหลับ ดังนั้นหลักการเลือกดูหนังสารคดีของผมง่ายมาก ตอบอย่างตรงไปตรงมา ผมเลือกตามกระแส เรื่องไหนเขาว่าดี ก็เฮตามไปอย่างไม่ลังเล

An Inconvenient Truth ก็ไม่พ้นหลักเกณฑ์นี้ ผมเลือกไปดูเพราะตัวอย่างที่ดึงดูดชวนติดตาม ไปพร้อมๆกับเสียงร่ำลือที่เขาว่ากันว่า ดีเป็นอย่างยิ่ง

...แล้วผมก็พบว่า เรื่องราวทั้งหลายที่หนังบรรยายมาช่างเหมือนกับการจับผมไปนั่งเรียนวิชา สปช.เหลือเกิน

ศัพท์ทั้งหลายในหนังไม่ว่าจะเป็น กรีนเฮ้าส์เอฟเฟคต์ ปรากฏการณ์เรือนกระจก น้ำแข็งขั้วโลก บลาๆๆ ฯลฯ คำศัพท์มากมายที่คุ้นหูแต่ไม่รู้จริงเหล่านี้ดังก้องมาอีกครั้ง

แต่ ครั้งนี้ ต่างจากสมัยก่อนที่ผมนั่งฟังครูพูดพร้อมตัวหนังสือในตำราเล่มหนาๆ เพราะ คราวนี้ มีของจริงมาให้เห็นกันจะๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพเปรียบเทียบน้ำแข็งที่หายไป ภาพโลกที่มองจากอวกาศ ภาพภัยธรรมชาติที่คืบคลานเข้ามายึดครองวิถีชีวิตสงบสุขมากขึ้นทุกปี ฯลฯ

และการได้เห็นของจริงนี้เป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นยิ่งนัก เพราะมันทำให้ผมอินกับบทเรียนที่อยู่ตรงหน้า มากกว่าสมัยที่ท่องเอาไว้ในหัวใช้สอบ หรือ ไว้ตอบรุ่นน้องๆ

เฮ้ย น้ำแข็งมันละลายจริงๆนี่หว่า - เฮ้ย น้ำแข็งมันหายไปตั้งเยอะ คือ ความจริงที่ดังก้องในหัวขณะดู

...อัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา พระเอกของหนังสารคดีเรื่องนี้ บรรยายอย่างเรียบเฉยเหมือนครูสปช.ที่นุ่มๆแต่อุดมไปด้วยลูกเล่นในการนำเสนอ จนทำให้ไอ้เรื่องที่ยากๆ ตัวเลขเยอะๆ กราฟยุ่บยับ ดูน่าสนใจขึ้นมาทันตาเห็น

แต่ผมเองก็ยังคงเป็นโรค แพ้สารชื่อคดีอยู่ดี เพราะเมื่อถึงกลางเรื่อง สารชนิดนี้ก็แทรกซึมเข้าสู่สมองส่วน reticular formation ซึ่งเป็นส่วนควบคุมการตื่นตัวให้ต้องเคลิ้มหลับไปเป็นช่วงๆ

ประสบการณ์ดูสารคดีผมยังอ่อนด้อยนัก จึงไม่อาจบรรยายได้ว่า สารคดีเรื่องนี้ในแง่ของตัวงาน ดีหรือไม่ดีอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่ผมบอกได้เหมือนกับที่ตอนดู เด็กโต๋ จบลงว่า

ต่อให้นักวิจารณ์รุมกันคว่ำบาตรหนังเรื่องนี้ หรือ ทุกสำนักยกนิ้วหัวแม่มือคว่ำลง แต่ คุณค่าที่ได้จากหนังเรื่องนี้คุ้มค่ามากพอ ควรค่ามากพอกับการเสียเงินเข้าไปรับชม

มีหนังไม่กี่เรื่องที่คนดูดูจบ แล้ว เกิดความรู้สึกนึกคิดว่า อยากจะทำอะไร หรือ ต้องทำอะไร เหมือนหนังเข้าไปกระทุ้งแรงบันดาลใจในตัวคนดู

และ An Inconvenient Truth ก็เข้าไปกระตุกต่อมสามัญสำนึกส่วนที่อยากทำอะไรให้กับ โลกใบนี้

...ทุกวันนี้เรามีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง อยู่เพื่อแฟน อยู่เพื่อพ่อแม่ หรือ อยู่เพื่อลูกหลาน

เราเอาใจใส่คนรัก เอาใจใส่พ่อแม่ เอาใจใส่ตัวเอง

แต่จะมีใครบ้างที่เคยคิดแบ่งเวลาให้เพื่อเอาใจใส่โลกใบนี้ โลกที่มีบุญคุณกับเราในการให้เราได้ใช้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กจนตาย

ไม่เพียงแต่เราอาจจะไม่เคยคิดเอาใจใส่ดูแล แต่ เราเองกลับเป็นคนทำร้ายโลกทุกวันอย่างไม่รู้ตัว และ การทำร้ายโลกของเราก็มีค่าเท่ากับ การทำร้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง

เราโทษธรรมชาติที่ทำร้ายมนุษย์ตั้งแต่น้ำท่วม โคลนถล่ม ไฟไหม้ป่า ฯลฯ โดยไม่ลืมไปว่า ธรรมชาติไม่ได้ตั้งใจทำร้ายมนุษย์ แต่เป็นมนุษย์ต่างหากที่ทำร้ายธรรมชาติจนเขาไม่สามารถจะปกป้องเราได้อีกต่อไป

คน 1 คนทำโลกร้อน 1 นาที หรือ 1 หน่วยต่อวัน อาจดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ คนส่วนใหญ่ในโลกใบนี้ ก็ล้วนคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กเช่นเดียวกัน นั่นจึงทำให้ ในแต่ละวัน โลกไม่ได้ร้อนขึ้นเพียง 1 หน่วย หรือ 1 นาที

....สำหรับผมเอง บอกได้เลยว่า น้อยมาก ที่ผ่านมา น้อยมากจริงๆที่จะคิดมีชีวิตอยู่เพื่อโลกหรือเอาใจใส่โลกใบนี้แต่เมื่อดูหนังจบ เดินออกจากสกาล่า เสียงในหัวผมดังก้องไปมาว่า โลกร้อนๆ โลกร้อนๆ โลกร้อนแล้วโว้ยยย และ ทำให้หวนคิดว่า ต้องหันกลับมาดูชีวิตประจำวันง่ายๆที่ไม่เคยคิด ไม่เคยใส่ใจ อย่างเปิดแอร์ทิ้งไว้ตอนไม่มีคนซักพักคงไม่เป็นไร เปิดทีวีค้างไว้ชั่วคราวตอนไปอาบน้ำคงไม่เป็นไร ฯลฯ คงต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ๆ ไม่ละเลยเรื่องเล็กๆน้อยๆ และ หันกลับมาดูแลเอาใจใส่ โลกใบนี้ ให้มากกว่าเดิม

... และมันก็ทำให้ผมได้เข้าใจว่า ที่เป็นหวัดอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย แต่เพราะโลกร้อนขึ้นจนฤดูกาลแปรปรวนต่างหาก

... และเมื่อเราหันหน้ามาช่วยโลก ก็เหมือนกับเราได้ช่วยเหลือกันและกันในอีกทาง เช่น หากเพื่อนๆช่วยกันวันละนิดในการดูแลโลกของเรา ส่งผลให้ อากาศแปรปรวนน้อยลง เพื่อนๆก็จะได้ช่วยผมในการลดโอกาสการเป็นหวัดให้น้อยลง และ ผมช่วยโลกวันละนิดก็ลดโอกาสการเป็นหวัดของเพื่อนๆน้อยลงเช่นเดียวกัน

ซึ่งถ้าไม่รู้ว่าจะช่วยโลกอย่างไร ตีตั๋วไปดู An Inconvenient Truth ได้เลยครับ (อ้าว ไหนว่าจะไม่เชียร์ไง แหะๆ) ดูจบอย่าเพิ่งออกจากโรง นั่งอ่าน end title ต่ออีกหน่อย เขาบอกวิธีการง่ายๆไว้แล้วครับ

ป.ล. คิดว่าคงไม่ต้องเชียร์ให้มากมาย เพราะจำได้ว่ารอบที่ไปดูสองอาทิตย์ก่อน คนต่อคิวยาวชนิดแทบจะไม่เคยเห็นคิวแบบนี้ที่โรงหนังสกาล่า


เริ่มต้นอ่าน Blog นี้มีข้อสงสัย + แวะเวียนมาพูดคุยถาม-ตอบ คลิกไปคุยกันที่ --> หน้าแรก


รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง



ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป




 

Create Date : 19 กันยายน 2549
16 comments
Last Update : 22 กันยายน 2549 1:46:53 น.
Counter : 1261 Pageviews.

 

ภายในอาทิตย์นี้คงได้ไปชมหนังสารคดีเรื่องนี้ค่ะ

ตั้งใจมากจริงๆว่าต้องดูในโรง

 

โดย: keyzer 19 กันยายน 2549 0:38:06 น.  

 

เป็นหวัดเหมือนกันคะ
เดี๋ยวตากแดด เดี๋ยวตากฝน
............
ฤดูกาลในโลกเราเริ่มแปรปรวนไปทุกทีแล้ว
...........
ไปดูมาแล้วเหมือนกันคะหนังเรื่องนี้ อยากบอกว่าอยากให้ไปดูกันเยอะๆจะได้รักโลกกลมๆใบนี้กันมากกว่านี้เนอะ
^___^

 

โดย: sommini IP: 58.9.142.203 19 กันยายน 2549 0:40:49 น.  

 

ดูแล้วเหมือนกัน ชอบนะ ถึงแม้ช่วงแรกๆจะง่วงไปหน่อย

55 แอบบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ไปดูคนเดียวล่ะ

 

โดย: Claire_plastic 19 กันยายน 2549 1:10:01 น.  

 

 

โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) 19 กันยายน 2549 7:28:55 น.  

 

เป็นอีกเรื่องที่อยากดูแต่ยังไม่ได้ดู และคงไม่ได้ดู

เพราะกว่าจะว่างก็คงอาทิตย์หน้าโน่น ซึ่งอาจต้องกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอีกค่ะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 19 กันยายน 2549 9:33:20 น.  

 

ผมดูจบ วันรุ่งขึ้นไปซื้อจักรยานทันที
ทุกวันนี้ปั่นจักรยานมาทำงาน เท่ห์ซ้าาาา...

 

โดย: dog mulder IP: 203.144.230.210 19 กันยายน 2549 13:29:21 น.  

 

+ เอ่อ ... โทษนะครับ คุณ จขบ. ช่วยแก้ที่เขียนนิดนึงนะครับ : ปรากฏการณ์โลกร้อน (Global Warming) นั้น มีนักวิทยาศาสตร์ส่วนนึงเชื่อว่าสาเหตุหลักเกิดจาก สิ่งที่เรียกว่า 'Greenhouse Effect' นะครับ ... ม่ายช่าย Greenglass Effect (แหม ... ถ้าหญ้าเขียวเยอะๆ ก็ดีจิครับ อิๆ)
+ สำหรับสารคดีเรื่องนี้ ผมตื่นเต้นตั้งแต่เห็นโปสเตอร์แปะไว้ที่เครือ APEX เมื่อเดือน 2 เดือนก่อนแล้วครับ ... เพราะเคยนึกในใจว่าอยากดู แต่ก็ไม่นึกว่าจะมีโอกาสมาเข้าฉายจริงๆ (ไม่แน่ใจว่ากลุ่มกรีนพีซในไทยมีส่วนช่วยเป็นแรงผลักดันให้มีการซื้อหนังเรื่องนี้เข้ามาฉายบ้านเราด้วยหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ต้องขอบคุณเค้าไว้ด้วยนะครับ)
+ ประเด็นความรู้สึกต่างๆ ผมเขียนถึงเรื่องนี้ไว้ที่ "หน้าแรก" แล้ว ... และสำหรับตัวผมเอง ก็ไม่ถึงกับชอบดูสารคดีซักเท่าไหร่ ดูได้เป็นบางเรื่อง บางแนวเท่านั้น ... กับเรื่องนี้ ผมคิดว่าบางคนอาจเกิดการ 'สำลักข้อมูล' ก็เป็นได้ ... แต่ตัวผม ติดตามข้อมูลพวกนี้มาบ้างพอสมควร ก็เลยทำให้ได้รู้อะไรเยอะขึ้น ตื่นตามากขึ้น ... และอารมณ์ดราม่าของชีวิตทั่นอัล กอร์ ที่แทรกเข้ามาเป็นระยะๆ ก็ทำให้สารคดีเรื่องนี้ 'ชวนง่วง' น้อยลงอ่ะครับ

+ จริงๆ ประเด็นเรื่องที่มนุษย์ในศตวรรษเราแข่งกันทำลายสิ่งแวดล้อมกันขนานใหญ่ ก็คงเริ่มมาจากยุค 'ปฏิวัติอุตสาหกรรม' นั่นแหละครับ ซึ่งถ้าจำไม่ผิด ก็น่าจะราวๆ ปี 1800 - 1900 - 2000 คือ ร้อย หรือ 2 ร้อยกว่าปีมานี่เอง ... แต่สิ่งที่มนุษย์ทำ กลับทำให้ธรรมชาติเกิดอาการเสียสมดุลย์อย่างรุนแรง มีการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองและไม่มีขีดจำกัด ยกตัวอย่างเช่น ...
- การผลิตแบบอุตสาหกรรม ยิ่งทำของขึ้นมามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นเท่านั้น
- ทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป เช่น น้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติหรือแร่ธาตุต่างๆ เราต้องสูบหรือขุดออกมาจากใต้พื้นโลก คิดดูว่าจะทำให้ใต้พื้นโลกเสียสมดุลย์ขนาดไหน
- ฯลฯ ซึ่งเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ เป้นสาเหตุนึงที่ทำให้ผมไม่ชอบใจนักกับ ระบบทุนนิยม และ บริโภคนิยม ที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจและการบริโภคทรัพยากรมันต้องเป็นตัวเลขที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ (ทำให้ต้องทำลายธรรมชาติเพิ่มมากขึ้นไปอีก) .......... แต่ก็ดีใจยิ่งนักที่ในหลวงของเรา ทรงพระราชทานแนวคิดเรื่อง "เศรษฐกิจพอเพียง" ซึ่งสอดคล้องต้องกันกับเรื่อง ความพอเพียงและทางสายกลางในพุทธศาสนาพอดี ... ดังนั้นเพียงคนในยุคเรา ช่วยกันคนละไม้คนละมือที่จะทำลายสิ่งแวดล้อมให้น้อยลง (ลดความคิดประเภทที่ว่า ... ถึงตรูไม่ใช้ คนอื่นเค้าก็ใช้กันอยู่ดี) ... ทรัพยากรธรรมชาติและรวมถึง โลกสีเขียว อันสวยงามใบนี้ ก็น่าจะมีอายุยืนยาวให้ลูกหลานของพวกเราที่จะเกิดมาในอนาคตได้ชื่นชมกันต่อไปนานขึ้นอ่ะครับ

 

โดย: บลูยอชท์ IP: 202.69.140.233 19 กันยายน 2549 13:42:10 น.  

 

รอดูวีซีดีอย่างเดียว
อยู่ตจว.ก็ต้องรอหน่อย

 

โดย: bigwores 19 กันยายน 2549 17:49:06 น.  

 

ว่าจะไปดูเช่นกันเร็ว ๆ นี้
ดีใจที่มีคนดูเยอะค่ะ อยากให้เรื่องแบบนี้เป็นกระแสและอยู่ในกระแสไปเรื่อย ๆ ก่อนที่มันจะสาย

 

โดย: unwell 19 กันยายน 2549 18:08:35 น.  

 

ดูแน่ๆ ค่ะ

 

โดย: The SoVo IP: 124.102.87.139 19 กันยายน 2549 18:21:44 น.  

 

Thank you so much.........
I would like to talk with you.
my E-mail is parametht@hotmail.com

 

โดย: megamount IP: 221.128.81.2 19 กันยายน 2549 21:09:15 น.  

 

เหะๆ ปล่อยไก่ไปซะงั้น เขียนตอนดึกๆเป็นงี้ทุกที ขอบคุณคุณ บลูยอชท์ ครับที่จับไก่ได้ทัน เข้าไปแก้แล้วครับ

ขอบคุณทุกๆความเห็นนะครับ ที่แวะมาคุยกัน

 

โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" 22 กันยายน 2549 1:46:02 น.  

 

อิ อิ สงสัยคุณเจ้าของ blog จะยังประทับใจหนัง United 93 ที่คุณ Paul Greengrass เป็นผู้กำกับฯ นั่นเอง

ยังมีข้อถกเถียงกันมากค่ะ เกี่ยวกับปรากฏการณ์ Greenhouse Effect ที่ทำให้โลกร้อน บ้างก็ว่าหนังเรื่องนี้แฝงการเมืองไปนิดรึเปล่า?? แต่ดิฉันก็ไม่ได้คิดมากอะไรหรอกค่ะ เพราะตระหนักถึงการเอาใจใส่ดูแลโลกมากกว่า กลับมาถึงบ้านต้องรีบตอบคำถามตัวเองเลยทีเดียวว่าจะเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองอย่างไร จึงจะช่วยโลกของเราได้บ้าง

ว่าแล้วก็เป็นห่วงเหตุการณ์น้ำท่วมภาคเหนือจังค่ะ เป็นเพราะคนเราตัดไม้ทำลายป่า เลยไม่มีต้นไม้ไว้ดูดซับน้ำ นี่ก็เป็นตัวอย่างถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เข้าใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกทีค่ะ

 

โดย: Tai-Sarunya 25 กันยายน 2549 13:27:09 น.  

 

ตามมาอ่านแล้วค่ะ ขอบคุณมาก

เห็นมีกระทู้ในพันทิพหลายอันที่ยังเถียงกันอยู่เรื่องสาเหตุที่แท้จริงของภาวะโลกร้อน
ก็มันร้อนไปแล้ว จะเถียงกันอยู่ทำไมน้อ
รีบช่วยกันคนละนิดคนละหน่อยดีกว่าเนอะ

 

โดย: Pat :o) 26 กันยายน 2549 13:51:18 น.  

 

คนบางคนทำสิ่งดี ๆ เพื่อสังคม เพียงเพื่อให้ตัวเองดูดี ให้คนอื่นชื่นชม โดยมีฉากหลังที่เหยียบย่ำ เห็นแก่ตัว สนใจแต่ตัวเอง ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น ไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร อย่าว่าแต่จะทำความดีให้แก่โลกนี้เพื่อตอบแทนเลย แค่อยู่ใน boundary ของตัวเอง ไม่ไปล่วงล้ำเขตแดนของคนอื่นให้เดือดร้อน ก็แทบจะทำไม่ได้เลยสำหรับคนแบบนั้น ...

 

โดย: praewjang IP: 202.28.181.9 5 ตุลาคม 2549 10:04:43 น.  

 

ได้มีโอกาสอ่านที่คุณผมอยู่ข้างหลังคุณเขียนลงใน Food Update
ข้อความที่คุณเขียน พออ่านจบรู้สึกกระตุ้นจิตสำนึกขึ้นมา
หลังจากนั้นเวลาไปไหนจะหมั่นปิดเครื่องไฟฟ้า ทุกครั้ง
เมื่อก่อนรู้สึกไปนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก
ตอนนี้รู้สึกว่าไม่ได้ซะแล้ว

 

โดย: Mr.Bear's dream IP: 58.9.158.179 8 ตุลาคม 2549 16:52:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
19 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.