ครึ่งปีแรกในสวิสเซอร์แลนด์
ฝ้นนักฝันหนาว่าอยากจะมาใช้ชีวิตในสวิสเซอร์แลนด์ หลังจากสี่ปีในเมืองจีน ในที่สุดฉันก็ได้กลับมาใช้ชีวิตในประเทศสวิสเซอร์แลนด์สมใจนึกบางลำพูสะที แต่ก็แปลกใจตัวเองนะ บางวันบางขณะ ฉันกลับคิดถึงชีวิตในปักกิ่งสะงั้น ไหงเป็นงั้นไปได้ฟระ ถึงขนาดที่บางครั้งฉันเกือบร้องไห้ออกมา เพราะความคิดถึงปักกิ่ง พูดแล้วเหมือนตอแหล แต่มันคิดถึงเจง ๆ การมาอยู่สวิสเซอร์แลนด์ครั้งนี้ของฉันเป็นการมาอยู่แบบจริง ๆ จัง ๆ เป็นเรื่องเป็นราวสะที หลังจากที่เคยมาอยู่แว๊บบบนึง 3 เดือน เมื่อปี 2551 แล้วหลังจากนั้นทุกปีในหน้าหนาว ฉันก็ได้กลับมาเที่ยวช่วงสั้น ๆ ที่นี่ทุกปี ปลายเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ฉันมาอยู่สวิสเซอร์แลนด์แบบเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง คราวนี้ด้วยว่าต้องอยู่ยาว ทำให้ต้องจดทะเบียนพาร์ทเนอร์กับคุณฝรั่ง ทั้ง ๆ ที่ในใจฉันมันไม่อยากจดเลยนะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ไม่ตื่นเต้น ไม่รู้สึกว่ามันพิเศษตรงไหน ในใจฉันเหมือนมันต่อต้านการแต่งงาน การจดทะเบียนไปสะงั้น ไม่ได้เชื่อเลยว่า แค่การจดทะเบียนมันจะทำให้ฉันและคุณฝรั่งอยู่กันได้ยืนยาว คือทุกวันที่ได้อยู่ด้วยกันฉันก็พอใจแล้วว่างั้นเถอะ แต่ด้วยเหตุผลของการอยู่อาศัยในประเทศของเค้า ทำให้ฉันต้องจดทะเบียน เพื่อได้รับเพอร์มิตในการอยู่อาศัย ช่วงเริ่มต้นของการอยู่ที่นี่ เพื่อนฝูงก็ยังไม่มี ได้แต่คอยเช็กว่าเมื่อไรชั้นเรียนภาษาฝรั่งเศสจะเริ่มเปิดเรียน ซึ่งก็ไม่นานนะ เปิดเรียนเดือนสิงหาคม เรียนได้สองสามครั้ง ด้วยความบังเอิญทำให้รู้จักน้องคนไทยที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน (ที่ว่าบังเอิญคือน้องเค้าเรียนคนละห้องกะฉัน แต่วันที่เจอกัน เป็นเพราะฉันคิดว่าไปเรียนสาย ถึงโรงเรียนปุบ รีบเปิดประตูเข้าไป แต่ดั๊นนนน เป็นคนละห้องกะที่ฉันเรียนสะงั้น แล้วน้องเค้าเรียนอยู่ห้องนี้ เลยได้มีโอกาสทำความรู็จักกัน)เมืองที่ฉันอยู่ชื่อเมือง เบียน เป็นเมืองที่มีโรงงานทำนาฬิกายี่ห้อดัง ๆ อยู่เยอะ เมืองนี้คนต่างชาติเยอะ อพยพมาบ้าง แต่งงานกะคนสวิสบ้าง มีทั้งผิวดำ ผิวขาว ผิวเหลือง เยอะแยะไปหมด เมืองนี้อยู่ห่างจากเมืองเบิร์น เมืองหลวงของสวิสเซอร์แลนด์ประมาณ 35 กิโลเมตร ขับรถแปล๊บเดียวถึงว่างั้นเถอะ อพาร์ตเม้นต์ที่อยู่ ก็เป็นที่ถูกอกถูกใจเหลือเกิน ตั้งอยู่บนเนินเขา ข้างหน้าเป็นทะเลสาป มองเห็นภูเขาอยู่ลิบ ๆ วันไหนอากาศดี ๆ ก็จะเห็นยอดภูเขาที่มีหิมะปกคลุมอยู่บนยอดเขา ด้านหลังเป็นภูเขา (คิดไปคิดมา อันไหนควรจะเรียกหน้า อันไหนควรเรียกหลังวะเนี่ย เพราะประตูหลักคือประตูที่อยู่ฝั่งภูเขา แต่ประตูฝั่งทะเลสาปก็เป็นประตูที่ฉันใช้บ่อยกว่า แถมใครไปใครมาก็เข้าประตูฝั่งทะเลสาปได้ด้วยนะ) มีเพื่อนร่วมอพาร์ตเม้นต์เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่คุณฝรั่ง ชื่อลุงปีเตอร์ ด้วยความใจดีของแก แกออกค่าเช่าครึ่งนึงจร้า แต่ได้ห้องเล็กกว่า แต่มีวิวทะเลสาป ได้อย่างเสียอย่างว่างั้นเถอะ แต่ด้วยความที่ฉันเป็นคนว่างงาน เลยมีบริการทำความสะอาด รีดผ้า แถมด้วยทำกับข้าวให้ฟรีจร้า เพื่อความยุติธรรม แฮ็ปปี้กันทั้งสองฝ่าย และโชคดีที่ฉันติดต่อทางเมืองไทยได้สะดวก ทั้งทางเฟสบุค ไลน์ และโทรศัพท์ ทำให้ไม่ได้รู้สึกเหงาเท่าไร ได้โทรหาแม่บ่อย ๆ ติดต่อกับเพื่อนที่เมืองไทยบ่อย ๆ ช่วยคลายเหงาไปได้เยอะ แต่เพื่อนฝูงทางนี้ฉันก็มีแล้วนะ ก็เริ่มจากการที่ได้รู้จักน้องคนไทยนั่นละ น้องเลยแนะนำให้รู้จักเพื่อนคนไทยที่อยู่ที่นี่มาก่อนแล้ว บางคนอยู่นานเป็นสิบปี มีการไปกินข้าวบ้านกันและกันบ้าง สมาคมแม่ลูกอ่อนทั้งน้านนนนน พอเหมาะพอเจาะกันทั้งกลุ่ม มีลูกอายุไล่เลี่ยกันทั้งนั้น เด็ก ๆ อยู่รวมกันแล้ว เอ่ออออออ น่ารักทั้งน้านนนน เรื่องงานเรื่องการ ตอนนี้ยังไม่อยากคิดมาก ตามประสาคนสุขนิยมเช่นฉัน (อีกนัยนึงคือ คนขี้เกียจ ) ด้วยเหตุความอ่อนแอทางด้านภาษา แต่พี่ที่อยู่ก่อน นางเคยทำงานโรงงานนาฬิกา นางชอบมาเม้าท์ให้ฟังว่าเงินดี ชอบทำฉันตาโตตาหลอดดดดด ตอนนี้ก็รอเวลาเปิดเรียนภาษาฝรั่งเศสอีกครั้งอาทิตย์หน้า ถึงแม้จะไม่ได้มีงานการทำเหมือนคนอื่น แต่โดยรวมฉันมีความสุขกับชีวิตนะ ใครจะว่าไงฉันก็ไม่สนนะ ฉันรู้แต่ว่าฉันมีความสุขกับชีวิตแม่บ้านต่างแดนของฉันที่สุด
ป้าเชิญนางฟ้า...มาอวยพรวันเกิดค่ะขอให้พบแต่สิ่งดีๆ คนที่ดีมีจิตใจดีเหตุการณ์ดีๆสุขภาพที่แข็งแรงรวมทั้งความรักที่ดีที่สุดในชีวิตนะคะ