ดินสอทำไมมีตัว H กับตัว B
หลายคนคงจะรู้กันอยู่แล้วว่าไส้ของดินสอนั้นทำมาจากแกรไฟต์ แต่ถ้าลงลึกไปในรายละเอียดแล้วแกรไฟต์ไม่ใช่ส่วนผสมเดียวของไส้ดินสอ แต่ยังมีผงดินเหนียวและน้ำรวมอยู่ด้วย
หรือถ้าเป็นดินสอสีก็จะมีเม็ดสีเป็นอีกส่วนผสมหนึ่ง ซึ่งส่วนของแกรไฟต์และดินเหนียวที่ใช้มีความสำคัญกับคุณภาพของดินสอที่ได้ กล่าวคือ ยิ่งผสมดินเหนียวมากขึ้นเท่าไร ไส้ดินสอที่ได้ ก็จะแข็งขึ้นและสีอ่อนลงเท่านั้น
ส่วนสัญลักษณ์ 2B ที่พวกเราคุ้นเคยกันนั้น เป็นตัวบ่งชี้คุณภาพของดินสอตามระบบแบบยุโรป ซึ่งจะวัดระดับของไส้ดินสอตาม H (Hardness) คือ ความแข็ง และ B (Blackness) คือ ความดำ รวมทั้ง F (Fine point) คือ ความละเอียดของเนื้อ
มาตรฐานดินสอที่ใช้เขียนกันทั่วไปอยู่ในระดับ HB ส่วนดินสอสำหรับระบายกระดาษคอมพิวเตอร์ ต้องใช้ความเข้มระดับ 2B ขึ้นไป
ทั้งนี้ ดินสอที่ผลิตอยู่ในท้องตลาด มีตั้งแต่ 9H ซึ่งมีไส้ดินสอที่แข็งที่สุดแต่ให้สีอ่อนที่สุด ไล่ไปที่ 8H, 7H, 6H, 5H, 4H, 3H, 2H, H, F และ HB ซึ่งเป็นดินสอระดับมาตรฐานสำหรับงานเขียน ไปจนถึงระดับ B, 2B, 3B, 4B, 5B, 6B, 7B, 8B และ 9B ซึ่งเป็นดินสอที่มีไส้อ่อนที่สุดแต่ก็สีดำที่สุด
สรุปได้ว่า ดินสอที่มีตัว H มากจะยิ่งให้สีอ่อนลงเรื่อยๆ ในทางตรงข้าม ดินสอที่มีตัว B มากจะยิ่งมีสีเข้มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยดินสอที่มีความเข้มมากจะใช้ในการแรเงา ส่วนดินสอที่มีความเข้มน้อยจะใช้ในการร่างภาพ
นอกจากเกณฑ์การวัดระดับไส้ดินสอตามระบบยุโรปแล้ว ยังมีระบบตัวเลขที่ใช้กันในอเมริกา โดยดินสอเบอร์ 1= B, ดินสอเบอร์ 2 = HB, ดินสอเบอร์ 2 1/2 = F, ดินสอเบอร์ 3 = H และดินสอเบอร์ 4 = 2H
ส่วนตัวเลขที่เราคุ้นเคยอีกแบบคือตัวเลขกำกับขนาดของ ไส้ดินสอที่ใช้กับดินสอกด ได้แก่ 0.3, 0.5, 0.7, 0.9, 1.0 และ 1.5 ทั้งหมดมีหน่วยเป็นมิลลิเมตรและเป็นตัวระบุความหนาของไส้ดินสอ
ที่มาจาก teenee นะคะ
-------------------------------------------------------------------------- ขออนุญาต เพิ่มเติม ประวัติของดินสอ นะคะ
ดินสอมีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ยุคโรมัน โดยในสมัยนั้นจะเป็นแท่งโลหะ เช่น ตะกั่ว ขูดขีดลงบนกระดาษ
ดินสอผลิต โดยการใส่แกรไฟต์กับผงถ่าน เติมน้ำลงไป ผสมแล้วทำให้เป็นแท่งยาวคล้ายสปาเกตตี้ เผาในเตาให้แข็ง จากนั้นจุ่มในน้ำมันหรือขี้ผึ้ง เพื่อให้เขียนได้ง่ายขึ้น จากนั้นประกอบเข้ากับไม้ที่เจาะรูไว้ให้เป็นแท่งดินสอ
ดินสอส่วน ใหญ่ โดยเฉพาะดินสอที่ใช้ในงานศิลปะ ะระบุความเข้มของดินสอเอาไว้ด้วยตามระบบยุโรป โดยใช้อักษร H (hardness - ความแข็ง) B (blackness - ความดำ) และ F (fine point - เนื้อละเอียด)
ดินสอสำหรับศิลปะจะมีความเข้มหลายขนาดให้เลือกใช้ เพื่อให้มีความเข้ม ความสวย งาม และให้ความรู้สึก ที่แตกต่างกัน มีตั้งแต่ดินสอที่แข็งและสีอ่อน ไปจนถึงสีเข้มมาก โดยมักเรียงตามลำดับต่อไปนี้
9H 8H 7H 6H 5H 4H 3H 2H H F HB B 2B 3B 4B 5B 6B 7B/EB 8B/EE 9B แข็งที่สุด → ปานกลาง → อ่อนที่สุด
ในคริสต์ศักราช 1970 ,STAEDTLER ด้กำหนดใช้สัญลักษณ์ตัวอักษร EB และ EE ในผลิตภัณฑ์ของตน
ในปัจจุบันนี้ได้ยกเลิกการใช้สัญลักษณ์ตัวอักษร EB และ EE แต่ถูกแทนที่ด้วย 7B และ 8B
อย่างไรก็ตามสัญลักษณ์ตัวอักษร EE ยังคงปรากฏในผลิตภัณฑ์ชื่อ STAEDTLER Mars Lumograph ของ STAEDTLER ในประเทศไทย
นอกจากนี้แล้วยังมีระบบอเมริกันที่ใช้ตัวเลขเพียงอย่างเดียว โดยสามารถเทียบประมาณกับระบบยุโรปได้ดังนี้
ดินสอส่วนใหญ่จะมีหน้าตัดเป็นรูปหกเหลี่ยม เนื่องจากสามารถจับได้ถนัด สบายมือ และเมื่อกลิ้งจะสามารถหยุดได้ (หากกลมจะมีโอกาสกลิ้งตกโต๊ะไปมากกว่า) ดินสอสำหรับช่างไม้จะเป็นรูปร่างแบน ซึ่งไม่กลิ้งเช่นกัน และสามารถกะระยะของเส้นได้เที่ยงตรงกว่า
จาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อ้าง อิง
* Petroski, Henry (1990). The Pencil: A History of Design and Circumstance. New York: Alfred A. Knopf. ISBN 0394574222; ISBN 0679734155. * Petroski, Henry. H. D. Thoreau, Engineer. American Heritage of Invention and Technology, Vol. 5, No. 2, pp. 8-16.
และเวป //www.tlcthai.com/webboard/view_topic.php?table_id=1&cate_id=121&post_id=74067&tltle=%BB%C3%D0%C7%D1%B5%D4%B4%D4%B9%CA%CD-2-B
Create Date : 10 กันยายน 2553 |
|
7 comments |
Last Update : 10 กันยายน 2553 21:16:28 น. |
Counter : 12978 Pageviews. |
|
|
|