Economy class syndrome โรคฮิตของนักเดินทางไกล
มีข่าวพาดหัวการเสียชีวิตจากลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดที่ปอด สำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัดบนเครื่องบิน ซึ่งเรียกโรคนี้ว่า Economy class syndrome จริงๆ ชื่อโรคนี้อาจตั้งไม่เหมาะนัก เนื่องจากภาวะนี้สามารถเกิดในผู้ที่โดยสารชั้นหนึ่งหรือชั้นธุรกิจได้ด้วย และยังเกิดในผู้ที่เดินทางโดยยานพาหนะอื่นๆ ที่ต้องนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน ดังนั้นชื่อเรียกที่เหมาะสมน่าจะเป็น โรคลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดในนักเดินทาง(travelers thrombosis)เข้าใจที่มา
การที่มีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในหลอดเลือดดำที่ขา เกิดจากการที่ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายเป็นเวลานาน ร่างกายขาดสารน้ำ ใช้ยานอนหลับ ดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ความชื้นในห้องโดยสารต่ำ ขาดออกซิเจนและความดันในห้องโดยสารต่ำ โดยความเสี่ยงมักเกิดเมื่อเดินทางเกิน 4 - 6 ชั่วโมง หรือระยะทางไกลกว่า 5,000 กิโลเมตร จนกระทั่งลิ่มเลือดนั้นหลุดจากหลอดเลือดดำไปอุดหลอดเลือดที่ปอด เกิดอาการเหนื่อยอย่างเฉียบพลัน และอาจเสียชีวิตในที่สุด
อีกภาวะหนึ่งที่อาจเกิดร่วมด้วยคือ travelers stroke พบว่า ร้อยละ 6 ของผู้ป่วยที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดที่ปอด อาจหลุดไปถึงหลอดเลือดแดงในสมองด้วย โดยผ่านทางช่องเปิดที่ผนังกั้นห้องหัวใจ (persistent foramen ovale หรือ PFO) ซึ่งโดยทั่วไปผนังนี้จะปิดตั้งแต่วัยทารกแรกเกิด แต่ร้อยละ 17 - 27 ของคนทั่วไปกลับไม่ปิด ทำให้ลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำเล็ดลอดไปห้องหัวใจด้านซ้ายโดยไม่ผ่านปอดและหลุดไปอุดหลอดเลือดแดงในสมอง ส่งผลให้เกิดอัมพฤกษ์ได้ เช่น มีอาการใบหน้าเบี้ยว พูดลิ้นแข็ง หรือเสียภาษาพูด แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก เป็นต้น
ส่วนคำถามที่หลายคนสงสัยว่า กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นและพบบ่อยแค่ไหน มีรายงานการศึกษา พบว่า ร้อยละ 4.5 -10 มีผู้โดยสารเที่ยวบินระยะยาวที่ไม่มีอาการเกิดโรคลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดดำ และร้อยละ 0.39 ต่อผู้โดยสารหนึ่งล้านคน จะเกิดโรคลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดที่ปอด ซึ่งการเดินทางจะเพิ่มความเสี่ยงโดยเฉลี่ยเกือบ 3 เท่า และจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 ในแต่ละช่วงการเดินทางที่นานกว่า 2 ชั่วโมง โรคนี้พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า และมักพบในวัย 50 ปี ขึ้นไป ซึ่งระยะเวลาเดินทางโดยเฉลี่ย 10 ชั่วโมง หรือบินไกล 9,000 กิโลเมตร
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรคนี้มีหลายประการ ตั้งแต่ภาวะอ้วน,มีภาวะการแข็งตัวของเลือดง่ายกว่าปกติ,เพิ่งได้รับการผ่าตัดใหญ่หรือผ่าตัดกระดูกชิ้นยาวๆ ภายใน 2 สัปดาห์,มีประวัติเป็นลิ่มเลือดดำอุดตันมาก่อน, การไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดดำไม่ดี เช่น มีเส้นเลือดขอด,มีประวัติเป็นเนื้องอกภายใน 2 ปี,รับประทานยาคุมกำเนิด,มีภาวะบางอย่างที่จำกัดการเคลื่อนไหว รวมถึงวัยก็มีส่วนคือผู้ที่มีอายุ50ปีขึ้นไปก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นเช่นกัน
ป้องกันก่อนสาย
อย่างไรก็ตาม โรคนี้อาจป้องกันได้ด้วยการปฏิบัติดังนี้
1.หลีกเลี่ยงการนั่งไขว้ขา หรือการนั่งงอสะโพกและเข่าอย่างมากเป็นเวลาติดต่อกันนานๆ 2.ออกกำลังกายบริหารขาทั้งสองข้าง ลุกยืนและเดินบ่อยๆ 3.ดื่มน้ำให้มาก หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ 4.หลีกเลี่ยงการรับประทานยานอนหลับ 5.ในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดสูง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาเพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันไว้ก่อนเดินทาง นอกจากนั้นมีการศึกษาในผู้ที่แข็งแรงดีพบว่าการใช้ถุงเท้าที่ใช้พันรอบขา สามารถลดโอกาสการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน โดยถุงเท้าจะออกแรงบีบกล้ามเนื้อขาเพื่อช่วยไล่เลือดจากขากลับไปยังหัวใจ
ใครที่เข้าข่ายนี้ ทำเถอะครับ ผลดีจะเกิดกับสุขภาพคุณเอง
https://www.youtube.com/watch?v=lspJmjGiHUQ
ที่มา //www.healthcorners.com/new_read_article.php?category=generalhealth&id=3289
ขอขอบคุณ ผศ.นพ.วีรศักดิ์ เมืองไพศาล ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม
Create Date : 06 พฤศจิกายน 2553 |
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2553 15:40:20 น. |
|
0 comments
|
Counter : 594 Pageviews. |
|
|
|
|
|