|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ถึงจะรอนานนานที่โรงพยาบาลรัฐ แต่ก็ประทับใจนะ
เรามีอาการกรดไหลย้อนมาประมาณสองปีแล้ว อาการครั้งแรกเลยคือรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอ (แต่หลัง ๆ มานี้มีอาการแสบคอร้อนคออย่างเดียว) ก็ไปหาหมอ ได้ยามากิน กินยาไปสักหลาย ๆ เดือน อาการก็หายไป อีกประมาณสองเดือนอาการก็กลับมาอีก ก็ต้องกลับไปหาหมอ เอายามากินอีก
ตอนนั้นเราเป็นคนไข้ของศูนย์ศรีพัฒน์ ซึ่งเป็นคลีนิคพิเศษของ รพ.มหาราชเชียงใหม่ บริการแบบเอกชน (แต่คนไข้เยอะกว่า รพ.เอกชน ยิ่งวันเสาร์ อาทิตย์นี่คนเยอะพอ ๆ กับ รพ.รัฐบาลเลยแหละ) แพทย์ที่ออกตรวจเป็นอาจารย์หมอ คนไข้ที่เป็นข้าราชการเบิกได้เฉพาะค่ายาอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนค่าบริการ ค่าแพทย์ ค่าเอกซเรย์ ฯลฯ ต้องจ่ายเอง
ถึงแม้จะเป็นคนไข้นอน ก็ต้องจ่ายค่าห้องและอื่น ๆ เอง เบิกได้เฉพาะค่ายาเท่านั้น
เรารักษาอาการกรดไหลย้อนที่ศูนย์ศรีพัฒน์ประมาณปีครึ่ง อาการก็เป็น ๆ หาย ๆ หมอที่รักษาบอกว่า มันก็จะเป็นอย่างนี้แหละ และสั่งยาเดิมให้เราตลอดเวลาตั้งแต่แรกเริ่มรักษามา จนหลัง ๆ นี้หมอสั่งยาให้ไว้ครั้งละ 3 เดือน เวลามีอาการก็กินยาไป ถ้าอาการดีขึ้นก็ลดยา ถ้าอาการหายไปก็งดยา พอมีเริ่มมีอาการใหม่ก็เริ่มต้นกินยาเองเลย ถ้ายาหมดก็กลับไปหาหมอ หมอก็สั่งยาให้อีก กินยาวนไปตามอาการ
ตอนนั้นหมอเจ้าของไข้เราออกตรวจในวันทำการทุกวัน และเราก็ชอบไปหาหมอวันทำการ เพราะคนไข้ไม่เยอะ รอไม่นาน จนทางศูนย์ศรีพัฒน์ปรับเปลี่ยนระบบออกตรวจใหม่ วันทำการไม่มีหมอระบบทางเดินอาหารออกตรวจที่ศูนย์ศรีพัฒน์เลย แต่ไปออกตรวจที่ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์แทน มาออกตรวจที่ศูนย์ศรีพัฒน์เฉพาะวันเสาร์ และอาทิตย์ หมอเจ้าของไข้เราออกตรวจวันเดียว อีกวันก็เป็นอาจารย์หมอท่านอื่น
ซึ่งที่ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ เป็น รพ.เอกชนเต็มตัว คนไข้ที่ใช้สิทธิ์ข้าราชการ เบิกอะไรไม่ได้เลย และค่ายากรดไหลย้อนเราราคาสูงพอสมควรสำหรับเรา เราตามไปไม่ได้ ไม่มีปัญญาจ่ายค่ายา และถ้าจะไปที่ศูนย์ศรีพัฒน์ คนไข้ก็เยอะ เพราะจากที่เคยออกตรวจ 6 วันในสัปดาห์ เหลือแค่ 1 วัน คนไข้บางส่วนตามไปที่ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ แต่คนไข้ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ที่ศูนย์ศรีพัฒน์อยู่ดี ถ้าไปหาหมอก็ต้องรอนาน และหมอคงจะไม่มีเวลาให้คนไข้นานเท่าไร
แต่เราก็ยังมีทางเลือกอีกทาง เราไปรักษาที่ รพ.มหาราชเชียงใหม่ ไหน ๆ ก็ต้องรอหมอแล้วไปรอที่ รพ.มหาราชเลย ใช้สิทธิ์จ่ายตรงด้วย (ที่ศรีพัฒน์ต้องจ่ายค่าบริการ และค่าแพทย์)
ครั้งแรกที่เราไป รพ.มหาราช เราลองใช้บริการจองคิวออนไลน์ กลับกลายเป็นว่า ทางศูนย์คัดกรองให้เราไปยื่นบัตรเวลา 11.00 น. คือเขาคงให้คนไข้ที่มีใบนัด และ walk in ตรวจก่อน ของเราไว้ทีหลัง
ยื่นบัตรแล้ว พยาบาลถามข้อมูลอาการป่วย เราบอกว่าเราเคยรักษาที่ศูนย์ศรีพัฒน์มาก่อนแล้ว พยาบาลให้เราไปขอประวัติการรักษาที่ศูนย์ศรีพัฒน์ แล้วรอพบหมอตอนบ่าย เราก็ไปขอประวัติการรักษาที่ศูนย์ศรีพัฒน์ เขาไม่ได้ให้แฟ้มประวัติที่เป็นเอกสาร แต่ให้รหัสผ่านสำหรับดูข้อมูลจากระบบดิจิตอล เพราะเป็นโรงพยาบาลในเครือเดียวกัน
ตอนบ่ายเราได้พบหมอ แต่ไม่ใช่หมอเฉพาะทางระบบทางเดินอาหาร เพราะหมอเฉพาะทางระบบทางเดินอาหารออกตรวจเฉพาะช่วงเช้า แต่หมอคนนี้ดูข้อมูลเดิม แล้วถามประวัติการเจ็บป่วยของเราและตรวจอย่างละเอียด แล้วก็จดบันทึกสรุปไว้ แล้วสั่งยาเดิมที่เราเคยกิน นัดครั้งต่อไปอีก 2 เดือน
อีก 2 เดือนเราไปหาหมอตามนัด คราวนี้เรามีใบนัดแล้ว ก็ไปยื่นที่ห้องตรวจได้เลย และในใบนัดระบุคิวตรวจไว้ให้แล้ว คุณจะไปก่อนเวลานัด ก็ไม่ได้ตรวจก่อน มันต้องเรียงตามคิวอยู่ดี ไม่จำเป็นต้องไปตั้งแต่ตีห้า เพื่อแย่งกันจองคิวตรวจ เราว่าแบบนี้ดีมากเลย
คราวนี้เรา ต้องไปเจอนักศึกษาแพทย์ก่อน ประมาณว่าเป็น case study สอบถามประวัติการเจ็บป่วยอย่างละเอียดอีกครั้ง สำหรับเราการให้ข้อมูลกับนักศึกษาแพทย์ เราเต็มใจและให้ความร่วมมืออย่างดี ไม่เคยรู้สึกว่ารำคาญหรือน่าเบื่อแต่อย่างใด รู้สึกดีใจว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่ง (ถึงแม้จะเป็นส่วนเล็ก ๆ)ในกระบวนการเรียนรู้เพื่อที่จะเป็นแพทย์ต่อไป
แล้วนักศึกษาแพทย์พาเข้าพบอาจารย์หมอระบบทางเดินอาหาร แล้วรายงานสรุปอาการเจ็บป่วย ประวัติการรักษาของเรา แล้วอาจารย์หมอกับนักศึกษาแพทย์ก็คุยกันด้วยภาษาแพทย์ คุยกันนานพอสมควร อาจารย์บอกว่าอาการกรดไหลย้อน มีสาเหตุจากกล้ามเนื้อหูรูดที่หลอดอาหารเสื่อม ทำให้กรดไหลย้อนขึ้นคอ ทำให้แสบคอร้อนคอ รักษายังไงก็ไม่หายขาด ได้แต่รักษากันไปเป็นครั้ง ๆ ถึงแม้เราจะเปลี่ยนหมอที่รักษา ก็ไม่ทำให้เราหายขาดจากอาการนี้ และยาที่กินอยู่ เป็นยากลุ่มที่ดีที่สุดแล้ว
เราถามว่านอกจากกินยาแล้วมีวิธีการรักษาแบบอื่นอีกไหม อาจารย์บอกว่าในกรณีที่อาการเยอะมาก กินยาไม่ได้ผลแล้ว ก็มีวิธีผ่าตัด แต่การผ่าตัดไม่ได้ผลดีทุกราย สำหรับเคสเราถือว่ายังกินยาได้ผล ก็กินยาไปก่อน แล้วหมอก็สั่งยาเดิมให้เราอีก นัดครั้งหน้า อีก 2 เดือน
อีก 2 เดือน เจออาจารย์หมอคนใหม่ ตรวจและถามละเอียดดีมาก หมอบอกว่าคนไข้บางคนกินยากลุ่มที่ดีที่สุดไม่ได้ผล แต่ถูกโฉลกกับยากลุ่มรองลงมา หมอเลยปรับเปลี่ยนยาบางตัวให้เรา ให้ลองกินเดือนครึ่ง แล้วกลับมาพบหมออีกที
เรากินยาชุดนี้ยังไม่หมด อาการแสบคอก็หายไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการปรับยาหรือเป็นเพราะเรากินยามานานมากพอที่จะทำให้อาการหายไป
เราเลยไม่ได้กลับไปตามหมอนัด
งดยาได้ 1 เดือน อาการแสบคอ ร้อนคอกลับมาอีก เลยต้องกลับไปหาหมออีกครั้ง คราวนี้ไม่มีใบนัด ต้องไปเริ่มที่จุดคัดกรอง แต่ก็ใช้เวลาไม่นาน แล้วก็ไปยื่นบัตรที่ห้องตรวจ
คราวนี้เหมือนกับเริ่มใหม่อีกครั้ง ต้องพบนักศึกษาแพทย์ก่อน ซักถามอย่างละเอียด แล้วนักศึกษาแพทย์ก็พาเราไปพบอาจารย์หมอ เป็นอาจารย์หมอคนใหม่ที่ยังไม่เคยตรวจเรา หมอและนักศึกษาก็คุยกันด้วยภาษาแพทย์ที่เราฟังไม่เข้าใจ เกี่ยวกับเคสของเรา คุยกันนานเชียว แล้วหมอก็ถามอาการเราอย่างละเอียดอีกครั้ง สุดท้ายหมอปรับยาให้นิดหน่อย สั่งยาให้ 3 เดือน
ที่เล่ามาทั้งหมด ก็แค่อยากจะบอกว่าประทับใจในการตรวจการรักษาของแพทย์ ของโรงพยาบาลนี้ โรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ หมอใส่ใจคนไข้ดีมาก ตรวจสอบ ซักถามอย่างละเอียด ถึงแม้คนไข้จะรออีกเยอะ หมอก็ไม่ได้รีบ ๆ ตรวจ อย่างที่มักจะเคยได้ยินหลาย ๆ คนบ่นกัน
โรงพยาบาลรัฐที่ดี ๆ ก็มีนะ ที่นี่เลย โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่หรือที่คนเชียงใหม่เรียกว่าโรงพยาบาลสวนดอก
แต่ต้องรอนานหน่อยนะ อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า รพ.รัฐคนไข้เยอะ(มากกกกก)
Create Date : 05 ธันวาคม 2560 |
|
4 comments |
Last Update : 6 ธันวาคม 2560 12:49:41 น. |
Counter : 5894 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: wynd IP: 171.4.234.186 20 มิถุนายน 2563 20:54:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: aicm 21 มิถุนายน 2563 9:07:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: แนน IP: 27.55.90.84 12 สิงหาคม 2563 20:00:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: aicm 14 สิงหาคม 2563 15:30:23 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ให้รายละเอียดดีมากเลยครับ