.....มองต่ำเราเหลือ มองเหนือเราขาด.....
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2562
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
8 กรกฏาคม 2562
 
All Blogs
 
ประสบการณ์ผ่าตัดกระดูกนิ้วหัวแม่เท้าเอียง / นิ้วหัวแม่เท้าเก (Hallux Valgus)









(รูปเท้านี้หยิบมาจากกูเกิ้ลค่ะ)




เรามีอาการภาวะนิ้วหัวแม่เท้าเอียง (Hallux Valgus) เป็นมาตั้งแต่กำเนิด ตอนเด็กและวัยรุ่นไม่มีปัญหาอะไร พอถึงวัยทำงาน เริ่มมีปัญหาบ้างเวลาสวมรองเท้าหน้าแคบจะมีอาการเจ็บปวด พอเปลี่ยนมาใส่รองเท้าหน้ากว้าง อาการเจ็บปวดก็หายไป ถ้าดูสภาพแล้ว กระดูกที่โปนออกมาถือว่าไม่เยอะ เราเห็นหลายคนเป็นเยอะกว่าเราเขายังไม่มีปัญหาเลย แต่ของเรา(คิดเอาเองว่่า)คงเป็นเพราะกระดูกที่ผิดรูปไปกดทับเส้นประสาทเส้นเอ็นอะไรประมาณนั้น เลยทำให้ปวดกว่าชาวบ้านเขา



พออายุมากขึ้น ก็มีอาการปวดบ่อยขึ้น บางครั้งนอนหลับอยู่ มีอาการปวดแปล๊บจนตื่นมากลางดึก มันจะปวดบริเวณกระดูกที่นูนออกมา และปวดรั้งไปส่วนอื่นของเท้า ปวดหนึบ ๆ บริเวณอุ้งเท้า บางครั้งปวดรั้งขึ้นมาถึงข้อเท้า เท้าซ้ายจะปวดมากปวดบ่อยกว่าข้างขวา และหลัง ๆ มานี้ปวดเกือบตลอดเวลา ปวดมากด้วย เลยตัดสินใจที่จะผ่าตัด



หมอนัดผ่าตัดวันพุธที่ 3 กรกฎาคม 2562 แต่คืนวันอังคารที่ 2 กรกฎาคม หลังสองทุ่ม เราต้องงดน้ำงดอาหาร เพื่อเจาะเลือดดูน้ำตาลเช้าวันผ่าตัด


พอวันพุธที่ 3 เราไป รพ.แต่เช้า เจาะเลือด ตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า เอกซเรย์ปอด พบหมอแผนกโรคหัวใจ เสร็จขั้นตอนทุกอย่าง แต่ยังไม่มีห้องว่าง นั่งรอห้องจนถึงบ่ายโมงกว่าถึงมีห้องว่าง


เข้าห้องแล้วบ่ายสองโมง นางพยาบาลบอกให้งดน้ำ อาหาร เพื่อเตรียมตัวผ่าตัดเวลาสองทุ่ม


นางพยาบาลบอกว่า อาจใช้วิธีดมยาสลบ หรือบล็อกหลัง แล้วแต่ว่าทีมผ่าตัดเห็นสมควรว่าจะทำวิธีใด แต่วิธีบล็อกหลังอาจมีอาการข้างเคียงคือคนไข้จะปัสสาวะไม่ออก คือรู้สึกตัวว่าปวดปัสสาวะ แต่ปัสสาวะไม่ออก


หกโมง นางพยาบาลบอกให้อาบน้ำ แล้วเติมน้ำเกลือ
ทุ่มกว่านิดหน่อยเจ้าหน้าที่เอาล้อเข็นมารับไปห้องผ่าตัด


ถึงห้องผ่าตัด ก็เอาอะไรมาแปะ ๆ ที่หน้าอก เอาที่วัดความดันมารัดแขนไว้ เอาที่ช่วยหายใจแบบที่คีบรูจมูกมาใส่ให้ (ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร) แล้วบอกให้เรานอนตะแคงขวา ฉีดยาบางอย่างเข้าที่สายน้้ำเกลือ และก็หมดสติไป
(ถึงตอนนี้เรานึกถึงเคยอ่านรีวิวของคนที่บล็อกหลัง เขาจะให้นอนตัวงอ ๆ แล้วบล็อกหลัง แต่ของเราแค่นอนตะแคงเฉย ๆ)


ตื่นมาอีกครั้ง หมอกำลังผ่าตัดอยู่ เห็นมีผ้าสีเขียวมาทำเป็นฉากกั้นไว้ที่หน้าอก สูงเกือบเมตรมั้ง บังไว้เพื่อไม่ให้เราเห็นหมอและทีมงานที่กำลังผ่าตัดอยู่ เราไม่รู้สึกเจ็บอะไร ชาไปหมด จะคลำขาดูว่ารู้สึกหรือเปล่า ก็พบว่าเราโดนผูกข้อมือไว้กับราวข้างเตียง เคลื่อนไหวมือไม่ได้ เรารู้สึกตัวตื่นหลายครั้ง ระหว่างผ่าตัด แล้วก็หลับต่อ จนผ่าตัดเสร็จเราก็ตื่นจริง ๆ ผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยก็เอาผ้ากั้นสีเขียวลง


หมอบอกว่าการผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี ด้วยวิธีบล็อกหลังและบล็อกเส้นประสาท และเอารูปฟิล์มเอกซเรย์เท้าให้ดู(ดูจากโทรศัพท์ของคุณหมอ) ว่ามีการจัดกระดูกให้เข้ารูป และใส่น็อตเพื่อช่วยยึดกระดูก 3 ตัว ขนาดกว้าง 3 มิล ยาว 3 เซ็น ลองคลำขาดู พบว่ารู้สึกชาตั้งแต่ต้นขาลงไปถึงปลายเท้า ชาทั้งสองข้าง ไม่รู้สึกอะไรเลย


หมอเอาเศษกระดูกที่หมอเฉือนออกใส่หลอดพลาสติคเล็ก เอาให้เราเก็บไว้ดู เป็นเศษกระดูกชิ้นเล็ก ๆ อยู่ไม่กี่ชิ้นเอง เพราะเท้าเราไม่ได้เกออกมามากเท่าไร

เราบอกขอบคุณทีมผ่าตัดทุกคนที่ผ่าตัดเราครั้งนี้


แล้วเจ้าหน้าที่ก็เข็นไปห้องพักฟื้น เราดูนาฬิกา ตอนนั้นเวลาสามทุ่มครึ่ง


นอนรอที่ห้องพักฟื้น พอร่างกายปลอดภัยดีแล้ว ไปเอกซเรย์เท้าที่ห้องเอกซเรย์ต่อ ตอนออกจากห้องพักฟื้นต้องเปลี่ยนเปลนอน ด้วยความที่ท่อนล่างเรารู้สึกชาไปหมด ขยับตัวไม่ได้ ทีมเจ้าหน้าที่ต้องใช้แผ่นสไลด์สำหรับย้ายผู้ป่วย ย้ายเราไปเปลอันใหม่ ทุลักทุเลพอสมควร พอถึงห้องเอกซเรย์ก็ยกตัวเราไปที่แท่นเอกซเรย์อีก พอกลับห้องก็ยกตัวเราย้ายไปที่เตียงอีกครั้ง


กลับห้องพัก เมื่อเวลาห้าทุ่มกว่า เราอยากอาเจียน และขอนอนหัวสูง แต่นางพยาบาลบอกว่าคนไข้บล็อกหลังต้องนอนราบ แต่เท้าข้างที่ผ่าตัดยกสูงนิดหน่อย (เอาหมอนรองไว้) ถ้าอยากอาเจียนให้อาเจียนในท่านอนอย่างนั้นแหละ และเตรียมชามรูปไตมาวางเตรียมพร้อมไว้ให้ตรงซอกคอ แต่สุดท้ายเราไม่อาเจียน (นางพยาบาลแซวว่าที่เราอยากอาเจียน คงเป็นเพราะตอนนอนเปลกลับห้อง พนักงานเปลคงซิ่งมากไปหน่อย)


อาการต่อไปคือเรื่องปัสสาวะ นางพยาบาลคลำท้อง กดท้องเรารู้สึกปวดปัสสาวะ แต่ปัสสาวะไม่ออก นางพยาบาลต้องมาสวนปัสสาวะให้ แล้วใส่แพมเพิร์สไว้ให้ ถ้าอยากปัสสาวะก็ปัสสาวะใส่แพมเพิร์สเลย


เราเตรียมน้ำเต้าหู้ไว้ก่อนแล้ว เพราะต้องอดอาหารหลายชั่วโมง นางพยาบาลบอกกินได้ ก็กินโดยใช้หลอดดูดค่อย ๆ ดูดกินทั้งที่นอนอยู่อย่างนั้น


หลังจากนั้นก็หลับ ๆ ตื่น ๆ ไม่รู้สึกปวดแผลเพราะชาตลอด พอตีสอง ขยับขาข้างขวาได้ กระดิกนิ้วเท้าได้ แต่ข้างซ้ายยังชาเหมือนเดิม






สภาพเท้าหลังออกจากห้องผ่าตัด





วันพฤหัสที่ 4 กรกฎาคม 2562
ตอนเช้า นางพยาบาลอนุญาตให้นอนหัวสูงได้ เรานั่งแปรงฟันบนเตียงได้ ปัสสาวะเองได้ (ใส่แพมเพิร์ส) กินข้าวก็นั่งกินบนเตียง ตอนสายมีปัญหาปัสสาวะไม่ออกอีก ต้องสวนปัสสาวะอีกครั้ง นางพยาบาลเอาปัสสาวะไปตรวจว่าติดเชื้อหรือเปล่า (ผลคือปรกติ) และหลังจากนี้ก็ปัสสาวะเองได้เป็นปรกติ

วันนี้มีหมอวิสัญญีกับหมอหัวใจและหมอที่ผ่าตัดมาเยี่ยม


นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บนเตียงตลอดวันอย่างน่าเบื่อหน่าย ขาซ้ายชาไม่รู้สึก แขนขวาเติมน้ำเกลือ ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บนเตียง พอตอนบ่ายแก่ ๆ ถอดสายน้ำเกลือ ก็ขอวอล์กเกอร์มาเดิน เพราะเบื่อที่จะอยู่บนเตียง (ถึงแม้จะรู้สึกชาขา แต่ก็ยกขาได้ ยกเท้าได้ เดินได้ เข้าห้องน้ำเองได้) จนห้าทุ่มของคืนวันพฤหัส ถึงเริ่มกระดิกนิ้วเท้าซ้ายได้ แต่ยังรู้สึกแน่น ๆ ชา ไม่ปวดแผล





วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2562
นั่ง ๆ นอน ๆ เดิน ๆ อยู่ในห้องอีกวัน การใช้วอล์กเกอร์ช่วยเดินนี่ก็ใช้แรงเยอะกว่าที่คิด

มีหมอวิสัญญีกับหมอหัวใจมาเยี่ยมตอนกลางวัน


ตอนเย็นหมอที่ผ่าตัดให้มาเปิดแผล เรามีแผลอยู่ 3 จุด คือมันไม่ได้แค่เฉือนกระดูกที่โปนออกมา แต่เป็นการจัดกระดูกที่ผิดรูปให้เป็นปรกติ หมอให้กลับบ้านได้


หมอถามว่าจะใช้วอล์กเกอร์หรือไม้เท้า สำหรับช่วยเดิน เราขอไม้เท้า นางพยาบาลถามส่วนสูง และเอาไม้เท้ามาให้ฝึกเดินก่อนกลับบ้าน


หมอบอกว่าเราอาจจะต้องใช้ไม้เท้าช่วยเดินเป็นเวลาหนึ่งเดือน เดือนครึ่งหรือสองเดือน ก็ต้องดูไปเป็นสเต็ป ว่ากระดูกติดกันหรือยัง ตอนนี้อาการของเราเหมือนกับคนกระดูกหัก ต้องระวังไม่ใช้เท้าข้างที่ผ่าตัด เพราะถ้าเกิดผิดพลาดก็ต้องผ่าตัดใหม่


หลังจากกลับบ้าน ให้ล้างแผลทุกวันจนครบ 1 สัปดาห์ ให้ไปถอดไหมที่เย็บแผล
เรากลับบ้านพร้อมไม้เท้าและเท้าที่ใช้เฝือกอ่อนประกบเท้าไว้ เอาผ้าพันไว้


การใช้ชีวิตช่วงนี้คือทุลักทุเล เวลาเดินต้องใช้ไม้เท้า อาหารการกินต้องมีคนเตรียมให้ ทำอะไรเองไม่ได้ ได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ เบื่อมาก



วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม 2562
หลังผ่าตัด 1 สัปดาห์ ไปพบหมอ หมอดูแผลแล้ว แต่ยังไม่ตัดไหมให้ นัดอีกครั้งสัปดาห์หน้า









วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2562
หลังผ่าตัด 2 สัปดาห์ หมอนัดให้ไปตัดไหม เท้าบวมนิดหน่อย หมอบอกว่าเป็นเรื่องปรกติ แผลแห้งดี ตัดไหมแล้วพันผ้าไว้เหมือนเดิม อีกสามวันค่อยแกะผ้าออกแล้วโดนน้ำได้


และบอกให้เริ่มฝึกลงน้ำหนักเท้าได้ โดยให้เรากดน้ำหนักเท้าข้างที่ผ่าตัดลงบนที่ชั่งน้ำหนัก จนถึงขีดน้ำหนัก 15 กิโลกรัม บอกว่าให้ฝึกลงน้ำหนักเท้าด้วยน้ำหนักประมาณนี้ ไปจนกว่าหมอจะนัดครั้งต่อไป

พอได้ฝึกเดินลงน้ำหนักเท้าแบบนี้ รู้สึกเดินสะดวกสบายขึ้นเยอะ




วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2562
หลังจากผ่าตัดครบหนึ่งเดือน กลับไปพบหมออีกครั้ง หมอบอกให้เดินลงน้ำหนักได้ตามปรกติ ไม่ต้องใช้ไม้เท้าช่วยแล้ว เราถามหมอว่าบางครั้งมักจะมีอาการเจ็บแปล๊บที่เท้า จากในเท้าบริเวณที่ผ่าตัด หมอบอกว่าเป็นเรื่องปรกติ ไม่ต้องกังวล

และอีกสองสัปดาห์สั่งให้ไปเอกซเรย์เท้าอีกครั้ง


รู้สึกโล่ง สบายใจ ที่จะได้กลับมาเดินได้ตามปรกติ ใช้ชีวิตได้ตามเดิม ทำอะไรคล่องตัว




วันอังคารที่ 20 สิงหาคม 2562
หมอนัด เอกซเรย์เท้าก่อนพบหมอ หมอบอกว่ากระดูกเชื่อมติดกันดี ไม่มีปัญหา ใช้ชีวิตตามปรกติได้ ยังต้องเซฟเท้าไว้ก่อน อย่าเพิ่งหักโหม ถ้าครบสามเดือนคือหายเป็นปรกติเหมือนก่อนผ่าตัด

เราถามหมอว่าเราไปปั่นจักรยานได้หรือยัง โดยจะปั่นไม่เน้นความเร็ว ไม่กดเท้าข้างที่ผ่าตัดแรงเกินไป หมอบอกว่าได้ รู้สึกดีใจที่จะได้กลับไปปั่นจักรยานอีกครั้ง















Create Date : 08 กรกฎาคม 2562
Last Update : 4 ตุลาคม 2562 14:32:33 น. 6 comments
Counter : 7529 Pageviews.

 
อยากปรึกษาจังค่ะ พอจะมีช่องทางให้ติดต่อมั้ยคะ สะดวกมั้ยคะ 🥺 เราเป็นเหมือนกันค่ะ กำลังคิดอยากผ่าตัด


โดย: Looknam IP: 125.25.246.17 วันที่: 3 สิงหาคม 2564 เวลา:18:16:08 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณลูกน้ำ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมบล็อกนะคะ
อยากถามอะไร ถามได้ที่นี่เลยค่ะ




โดย: aicm วันที่: 7 สิงหาคม 2564 เวลา:20:11:07 น.  

 
รบกวนถามค่ะ​ หลังจากผ่าแล้ว​ มีอาการเจ็บมั้ยคะ​ จะได้ผ่าเหมือนกันตอนนี้ปล​งเลค่ะเท้าไม่มีอาการเจ็บแต่ถ้าผ่าต้องใส่น้อตเหมือนกัน


โดย: TT IP: 1.2.239.32 วันที่: 19 มิถุนายน 2566 เวลา:12:49:41 น.  

 
หลังจากผ่าตัดแล้ว หายปวดค่ะ เป็นปรกติดีงามมากค่ะ

ตอนนี้เท้าข้างขวาก็ผ่าตัดเรียบร้อยแล้วค่ะ ผ่าตัด ตุลาคม 2564


โดย: aicm วันที่: 20 มิถุนายน 2566 เวลา:16:08:06 น.  

 
ขอบคุณสำหรับรีวิวมากมากค่ะ เป็นประโยชนจริงๆ เราจะผ่า พย นี้ เสียว และกลัวมาก


โดย: วิว IP: 49.228.104.29 วันที่: 4 ตุลาคม 2566 เวลา:22:06:04 น.  

 

ไม่ต้องกลัวเลยค่ะ ทุกขั้นตอนของการผ่าตัดและหลังจากการผ่าตัด ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใด ๆ เลย หลังผ่าตัดจะรู้สึกขาชา พอหายชาก็ไม่ปวด

ตอนที่เราผ่าตัดเท้าข้างขวา หมอก็ผ่าตัดเอาสกรูที่เท้าข้างซ้ายออกให้ด้วย แผลเล็กนี้ดเดียวเองค่ะ

ที่เป็นปัญหาคือ ช่วงที่เราต้องใช้ไม้เท้าค้ำยัน เราต้องมีคนมาจัดเตรียมอาหารให้

นี่คือรูปตอนผ่าตัดเท้าขวาค่ะ












โดย: aicm วันที่: 5 ตุลาคม 2566 เวลา:13:34:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aicm
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




Friends' blogs
[Add aicm's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.