~* DAY 2 *~
Singapore : Tanah Merah Ferry Terminal -
Catamaran : Wan Sendari -
Indonesia : Bandar Bentan Telani - Banyan Tree Bintan -
Ocean View Villa # 120 - Tree Tops


หมายเหตุ : blog ยาวหน่อยนะคะ
เพราะตอนหาข้อมูล เกี่ยวกับ Banyan Tree Bintan แทบจะไม่มีเลย
เลยอยากถือโอกาสใช้พื้นที่ตรงนี้ รวบรวมข้อมูลไว้ให้มากที่สุดค่ะ
.
.
.


@ SINGAPORE

Fragrance Selegie - เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเลย
เสียงท่อน้ำจากแอร์ดังมากๆ
T.T

หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อย
พอจะมีเวลาว่างอยู่บ้าง

เลยออกไปเดินเล่นแถว Little India ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม
เนื่องจากยังเช้าอยู่ ร้านค้าเลยยังไม่ค่อยเปิดกัน


++ Little India @ Singapore ++

แต่เท่าที่เห็น ...
ของขายเป็นพวกถุงผ้าปักลายช้าง กับพวกธูป-เทียนหอม
เหมือนจตุจักรบ้านเราเลย

เสื้อผ้าบางชุดก็เหมือน แต่ขายกันราคา SGD 20.- ขึ้นไป
ไม่รู้ใครลอกเลียนแบบใคร
^^”

กลับมาเก็บข้าวของ
Check-out กันตอน 1030 น.

ลากกระเป๋าเดินทางคู่ใจ เดินขึ้นรถไฟ MRT
ปลายทางอยู่ที่ “สถานี Tanah Merah (EW4)”

จริงๆแล้ว ... ท่าเรือ “Tanah Merah Ferry Terminal”
อยู่ใกล้สนามบิน Changi มาก เรียก taxi ได้เลย

แต่เราเดินทางมาจากในเมือง
ก็เลยลองแวะต่อรถที่สถานีนี้ดู เดี๋ยวขากลับค่อยลองนั่ง taxi
จะได้ลองเปรียบเทียบราคาค่าใช้จ่ายกันดู
^^

ถ้าเริ่มต้นจากสถานี MRT - Tanah Merah ให้ใช้ Exit B ค่ะ
เดินไปต่อรถเมล์สาย 35

ตอนเรามาถึงสถานีนี้ ฝนกำลังตกเลยค่ะ
แต่ป้ายรถเมล์เขาดีมาก มีหลังคาคลุมยาวเหนือทางเดิน
จนไปถึงป้ายรถเมล์

รอรถเมล์สาย 35
ถ้ามีบัตร EZ-Link ก็แค่แปะๆ ค่าโดยสารจะถูกกว่า
แต่เราไม่ได้ซื้อเก็บไว้ เพราะค่าบัตรแพงอยู่ ประมาณ SGD 7.-
เป็นส่วนที่ไม่สามารถ refund คืนได้

ไม่ได้ใช้บ่อยๆ
ซื้อตั๋วแบบ single way ticket น่าจะดีกว่า

เมื่อไม่ได้ใช้บัตร ... ค่ารถจะมี 2 ราคา คือ
คนละ SGD 1.40 สำหรับรถแอร์ และ SGD 1.10 สำหรับรถธรรมดา

ค่ารถเมล์ที่นี่ จะต้องเตรียมเหรีญให้พอดีนะคะ
เขาจะไม่มีการทอนเงินให้

ปลายทางที่จะลง ก็ดูง่ายมาก
เพราะรถพาวนเข้าไปส่งถึงในตัว Ferry Terminal เลย
เห็นป้ายบอกชัดเจน ไม่มีหลงแน่

มาถึง ... ฝนก็หยุดตกพอดี
โห !! จังหวะดีจริงๆค่ะ
^^


++ Tanah Merah Ferry Terminal ++

เดินไปฝั่ง Departure Hall
พอเข้าไปปุ๊ป แบบว่าท่าเรือเขา hi-so มากค่ะ

ดูดีกว่าที่คิดไว้มาก ...
ระบบการจัดการทุกอย่าง เหมือนสนามบินเลย

มีทั้ง check-in counter / ช่อง load กระเป๋า / ตม.
รวมถึงบริษัททัวร์ต่างๆ
ฯลฯ

เราจองตั๋วเรือมาล่วงหน้าไว้แล้ว
ผ่านทางเว๊บไซต์ “Bintan Resort Ferries”
https://www.brf.com.sg


++ Bintan Resort Ferries ++

ตัดเงินผ่านบัตรเครดิต ...
แล้ว print เอกสารมายื่น แค่นี้ก็เรียบร้อย

กระเป๋าที่เราเอามา เป็น cabin-sized ก็เลยไม่จำเป็นต้อง load
อีกอย่าง การเดินทางทางเรือไม่มีกฎเรื่องของเหลว เหมือนเครื่องบิน
เลยสบายไป
^^

Boarding Pass ที่นี่ เป็นบัตรแถบแม่เหล็ก
ดีกว่าบนเครื่องบินซะอีก
(แต่เสียดาย ต้องส่งคืนเขา เก็บมาเป็นที่ระลึกไม่ได้)

มีเวลาว่างชั่วโมงกว่า ... เลยไปหามื้อกลางวันทานกัน

สอบถามเจ้าหน้าที่
เขาบอกว่าใน Terminal มีร้านอาหาร Indian กับ Malaysia
เลยเลือกแบบหลังดีกว่า

ไปหม่ำๆ Nasi Lemak กันที่ “Killiney Kopitiam”
ขอบอกว่า หน้าตาน่ากินมาก ห่ออยู่ในใบตอง
น้ำพริกก็หวานอร่อย ไม่เผ็ดจนเกินไป

และแล้วก็มีเบิ้ลอีกห่อ ... แฮ่
^^”

Note : Nasi Lemak ถ้าแปลเป็นไทย
คือ “ข้าวอบใบเตย” ค่ะ

ใช้เวลาว่าง
กรอกเอกสารตรวจคนเข้าเมืองให้เรียบร้อย
จากนั้นผ่าน x-ray แล้วตม. เข้าไปรอที่หน้า boarding gate

เรือที่จะนำเราสู่ Bintan วันนี้
เป็นเรือ Catamaran ชื่อว่า “Wan Sendari”
(ต้องระบุชื่อเรือในใบตม.ด้วยค่ะ) ... ทั้งหมด 300 ที่นั่ง


++ Wan Sendari : Cabin ++

ถ้าดูภายนอก จะเหมือนเรือ”ลมพระยา” ฝั่งอ่าวไทย
ที่พาไปเกาะเต่า-เกาะนางยวน-เกาะสมุย
แบบนั้นเลยค่ะ

แต่ภายในหรูกว่ามาก แถมกว้างกว่า
เข้าไปด้านในปุ๊ป เขาจะมีชั้นวางกระเป๋าให้เรียบร้อย
จากนั้น ก็เลือกที่นั่งตามอัธยาศัย

บนเรือมี counter ขายขนม-เครื่องดื่ม
ราคาถือว่ารับได้ ไม่แพงเลย
อย่างน้ำอัดลม กระป๋องละ SGD 2.- เท่านั้นเอง

ใช้เวลาประมาณ 55 นาที ผ่านร่องน้ำสากล
มุ่งหน้าลงทางตะวันออกเฉียงใต้ ของประเทศสิงคโปร์



@ BINTAN, INDONESIA

และแล้ว ...
เราก็เดินทางมาถึง “ท่าเรือ Bandar Bentan Telani”
ณ เกาะ Bintan ประเทศอินโดนีเซีย ในเวลา 1355 น.
(เวลาเท่าเมืองไทยค่ะ)



~* Selamat Datang di Bintan *~
(Welcome to Bintan)

เกาะนี้ นับว่าใหญ่กว่าสิงคโปร์มากค่ะ
แต่รีสอร์ทต่างๆ จะมากระจุกตัวอยู่ทางตอนเหนือของเกาะ

คนสิงคโปร์นิยมมาพักผ่อน เที่ยวทะเลที่นี่
เพราะบ้านเขา ... ไม่มีหาดทรายธรรมชาติสวยๆ

ผ่านตม. และ custom อีกรอบ
รถ limousine ก็มารอรับ พาไปยังรีสอร์ทที่จองไว้
โดยใช้เวลานั่งรถต่อ เพียงแค่ 15 นาที



คนขับรถน่ารักมากค่ะ
ขึ้นรถปุ๊ปก็บอกยินดีต้อนรับ
พร้อมทั้งบอกเล่าเรื่องราวของ Bintan ให้ฟังคร่าวๆ

เขาบอกเกาะนี้ ไม่มีสนามบิน
(แต่เราแอบเห็นในแผนที่ของเกาะ เลยแอบงงเล็กน้อย)

ถ้าเดินทางไปต่างประเทศ จะใช้สนามบิน Changi ของสิงคโปร์
แต่ถ้าเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ จะใช้สนามบินBatam
ซึ่งนั่งเรือไปอีกประมาณ 35 นาที

รถสีเขียวเข้ม นำพาเราผ่านสนามกอล์ฟ และ Angsana Bintan
ก่อนจะพาเลี้ยวขึ้นเนินเล็กๆ สู่ Lobby ของ
~* BANYAN TREE, BINTAN *~

รีสอร์ทหรู ... ที่พำนักของเราในคืนนี้ค่ะ
^^


++ Welcome Drink : Ginger & Lime ++

ทันที่ที่ลงจากรถ พนักงานประมาณ 3-4 คน
รีบเดินออกมารอรับด้านหน้า
1 ในนั้น ตีฆ้องต้อนรับ ... ตามธรรมเนียมของที่นี่

ก่อนจะเชิญเราไปนั่งที่โซฟา ใน lobby เพื่อทำการ check-in
เอกสารการจองทุกอย่าง ถูกเตรียมไว้พร้อม

ข้อมูลมากมายที่เจ้าหน้าที่อธิบายให้ฟัง
จนจำได้ไม่หมด
^^”

แต่เรายังไม่สามารถเข้าห้องพักได้ค่ะ
เพราะ policy ที่นี่ จะเข้าพักได้ตอน 1500 น.
และ check-out 1200 น.

เลยต้องไปนั่งเล่น ที่ Library
เขามีหนังสือ บริการยืมแผ่น DVD และ internet ให้ใช้ฟรี
(ส่วน wireless internet ในห้องพัก ก็ฟรีเช่นกันค่ะ)

รีสอร์ทนี้ ไม่ใหญ่มาก ... แต่เขาเน้น concept แบบ “Luxury”
ห้องพักมีทั้งหมด 64 ห้อง เป็นแบบ Villa ทั้งหมด
แต่ละหลัง ก็จะมีชื่อกำกับด้วยค่ะ


++ Ocean View Villa ++

ห้องพักของเราเป็นแบบ “Ocean View Villa” # 120
ชื่อว่า “Kera” (พนักงานบอกว่า แปลว่า ลิง ค่ะ)
^^”

ค่อนข้างเป็น private ส่วนตัวมาก
เพราะอยู่ด้านในสุดของถนน

การเดินทางภายในรีสอร์ท
ไม่สามารถเดินไปไหน-มาไหนเองได้ เพราะไกลมาก

เขาจะมีรถกอล์ฟคอยรับ-ส่ง เรียกใช้ได้ตลอดเวลา
(ที่นี่ เขาเรียกรถนี้ว่า Buggy Service ค่ะ)

ตอนที่นั่งรถไปที่ห้องพัก
พนักงานที่เดินอยู่ข้างทาง หันมายกมือไหว้แบบคนไทย
เจอแบบนี้หลายคน ... เลยแอบสงสัย

สอบถาม buggy driver เลยเพิ่งรู้ว่า
คนอินโดฯ เขามีวัฒนธรรม ยกมือไหว้เป็นการทักทาย
เหมือนคนไทยเลยค่ะ
^^

แถมภาษาพูด ยังคล้ายคลึงกับภาษา Bahasa Malaysia มาก
มีเพียงแค่บางคำ ที่ใช้ไม่เหมือนกัน

เราลองพูดศัพท์ภาษามาเลย์บางคำ ที่พอจะรู้อยู่บ้าง
เขาก็เข้าใจหมดเลย
^^"

อ่ะนะ ... เริ่มจะนอกเรื่องอีกล่ะ
ยังไปไม่ถึงห้องพักเลยนิ
.
.
.

รถ buggy พอเรามาจอดหน้า Villa หลังใหญ่
หลังคาสูงโปร่ง มุงใบจาก สไตล์บาหลี

ทันที่เปิดประตู villa เข้าไป ก็ wowwww !!
ถูกใจมากมายค่ะ
^___^

++ Open Air Jet Pool ++

เราเลือกจองห้องนี้ เพราะเห็นจากรูปในเว๊บ
ชอบตรงที่มี อ่าง Jacuzzi ตรงระเบียง (แต่ที่นี่ เขาใช้ศัพท์ว่า Jet Pool)
ซึ่งเป็นแบบ open air ไว้รับลม ชมวิวทะเล

เคยอยากไปพักห้อง Rest Horizon ที่ Rest Details หัวหิน
กับ Jacuzzi Villa ที่ AANA เกาะช้าง

คราวนี้ มาเจอที่นี่ สไตล์คล้ายๆกัน
เล่นเอาหายอยากไปเลย
อิ อิ





ห้องพักกว้างขวาง
เตียงนอน 4 เสา พร้อมมุ้ง
แถมด้วยโซฟา ริมกระจกบานใหญ่ ไว้สำหรับนั่งชมวิว

ได้เวลาสำรวจห้องพักค่ะ
แม้แต่ภายในห้องน้ำ ยังมีกระจกบานใหญ่ ไว้ให้ชมวิว

ถูกอก-ถูกใจมากมาย ...
เสียแต่วิวทะเล โดนต้นไม้บังไปบ้าง


++ Bathroom with Seaview ++

ถ้าเลือกพักห้อง Villa on the Rock จะติดทะเลเลย
ไม่มีหาดทราย ... มี Jet Pool เช่นกัน
แต่พื้นที่ตรงระเบียงจะเล็กกว่า

พนักงานบอกว่า
ห้องพักที่นี่ทุกห้อง จะมี Jet Pool ค่ะ

ถ้ารู้แบบนี้แต่แรก เราคงเลือกพักห้องถูกสุดล่ะ
ดันเลือกห้องระดับกลางอ่ะ
T.T


++ Outdoor กุ๊ดจี่ ++
^__^

ถ่ายรูปเล่นกันสนุกสนาน ไม่ยอมออกจากห้องไปไหนเลย
จนพระอาทิตย์คล้อยต่ำ

เสียดาย ... จากห้องพัก มองเห็นพระอาทิตย์ในมุมเฉียงๆ
แถมวันนี้ เมฆค่อนข้างเยอะด้วย

แช่น้ำเล่น ... แบบเสียอารมณ์เล็กน้อย
ที่ไม่ได้หอบหิ้วไวน์หรือเหล้ามาเลย ขนมทานเล่นก็ไม่มี
แต่บรรยากาศเป็นส่วนตัวมากค่ะ

นอนแช่น้ำอุ่นๆ
ชมพระอาทิตย์ตกดินไปพลาง ... จิบไวน์ไปพลาง


เกือบจะ perfect แล้วเชียว
T^T



พักที่นี่ ... ออกไปไหน-มาไหนลำบาก
เหมาะกับการปลีกวิเวก อยู่แบบส่วนตัวจริงๆ

กิจกรรมทางน้ำ ก็มีบ้าง
แต่บ้านเราราคาถูก และกิจกรรมหลากหลายกว่า

แต่เอาเถอะค่ะ ... ห้องพักราคาขนาดนี้
การพักผ่อนอยู่ในห้องจนเต็มอิ่ม คงจะดีที่สุดล่ะนะ
^^



ตกเย็น ... ต้องทานอาหารภายในรีสอร์ทเท่านั้น
เพราะออกไปไหนไม่ได้เลย

รถเช่าที่นี่ ต้องเช่าพร้อมคนขับเท่านั้น
สนนราคาเริ่มต้นที่ประมาณ SGD 100.- สำหรับ 6 ชม.

งั้นนอนเล่น เกลือกกลิ้งต่อในโรงแรมละกัน
^^”



ห้องอาหารที่นี่ มีอยู่ 3 ห้อง
1) Tree Tops - เป็น International Food
2) Saffron - เป็น Thai & Indonesian Food
3) The Cove - เป็น Mediterranean Food

หรือจะสั่งอาหารมาทานที่ห้องได้
รวมถึงแบบ private BBQ ที่มาทำให้ ถึงภายในห้องพัก
ราคาคนละ USD 60++
(ราคานี้ ถือว่าถูกกว่า The Racha จ.ภูเก็ต ที่เคยไปพักมาค่ะ)


++ Destination Dining @ Banyan Tree, Bintan ++
((ไว้มาเล่าให้ฟังในไดอารี่ตอนหน้านะคะ))

หลังจากลองเลือกเมนูดูคร่าวๆ
ตัดสินใจ เรียกรถ Buggy ออกไปทานที่ร้านอาหารดีกว่า
อยากลองออกไปชมบรยากาศรอบๆรีสอร์ทดูบ้าง

ลงความเห็นว่า ไป “Tree Tops”
เพราะ choice อาหาร น่าจะหลากหลายกว่า

พ่อหมีเลยสั่ง Bintan Style Laksa
ส่วนเรา ขอหม่ำ Assorted Seafood Pizza

วงดนตรี แบบ Live Band ที่นี่ บรรเลงเพลงเพราะจังค่ะ
นั่งฟังเพลินดีจริงๆ


ตอนแรก กะจะเดินเล่นชมบรรยากาศของรีสอร์ทตอนกลางคืน
แต่มันมืดสนิทเลยอ่า
T.T

เลยเรียกรถ buggy ให้ไปส่งที่ห้องพัก
พอเปิดประตู villa เข้าไปเท่านั้น ... ก็พบกับ"ความเปลี่ยนแปลง"

Jet Pool มีคนเอาผ้าใบมาคลุมปิดไว้ให้
แถมจุดยากันยุงหน้าห้องพักให้ด้วย

อืมมม ...
แม่บ้านเขาคงมาทำ turn down service ให้


เอ ... ประตูห้องที่เป็นกระจก กับบานทึบ ก็ปิดสนิทเชียว
พอเปิดออกเท่านั้นแหละ

กรี๊ดดดๆๆๆๆๆๆๆ !!!
อิฉ๊านนน surprise อย่างมากมาย !!!!!
><

ทำไมสร้างบรยากาศซะโรแม๊นซ์ขนาดนี้เนี่ยคุณขา
(ยิ่งกลัวจะเสียตัวอยู่นะ กรั่กๆๆๆๆ)



++ Romantic Night ++

ไฟในห้องพัก ... ดับมืดสนิท
มีเพียงแสงไฟ จากเทียนเล็กๆ ที่วางอยู่ตามมุมห้อง
พร้อมดอกไม้สีเหลือง วางไว้ประดับข้างตะเกียง

ทันทีที่ย่างเท้าก้าวสู่ภายในห้อง
กลิ่นหอมจากตะเกียงน้ำมันหอม-อโรม่า ลอยโชยมาแตะจมูก
เติมเต็มบรรยากาศโรแมนติกมากยิ่งขึ้น



++ ตะเกียงน้ำมันหอม ++
((อยากได้กลับบ้าน แต่ราคาตั้ง 300 กว่าเหรียญสหรัฐอ่ะ))

เปิดไฟดู .... พรึ่บบบบ !!!

โอยยยย !!! เตียงนอน ถูกโรยไปด้วยกลีบดอกไม้
พร้อมผ้าคาดเตียง ที่ถูกพับเป็นรูปหัวใจ


ผ้าเช็ดตัวสองผืน นำมาม้วนเป็นรูปงู ~ จูจุ๊บกันอยู่บนเตียงนอน
(หมีอ้วนบอกว่าป็นรูปหงส์ แต่เราดูยังไง มันก็เป็นงู)
^^”





ที่เราชอบ คือ “ตุ๊กตาเต่า” ที่เขาวางไว้ให้ในห้อง
เราชอบตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง แล้ววางไว้ให้ อยู่บนเตียงแล้ว
เลยหยิบไปวางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ

แต่เขาจับเจ้าเต่าน้อย มาทำท่า “ตะเบ๊”
ยืนรอ อยู่บนเตียงนอน ... ขำดีอ่ะ
(แต่ไม่ได้ถ่ายมา มันล้มไปซะก่อนอ่า)

อ่ะนะ ... เตรียมการณ์ไว้ให้พร้อมซะขนาดนี้
งั้นขออนุญาตจบไดอารี่ตอนนี้ ห้วนๆ ... แต่เพียงเท่านี้ละกัน

ได้เวลา .......... ไป ......... เข้านอนแล้ว


ราตรีนี้ ยังอีกยาวนาน
คริ คริ
^^


++ Our romantic night has just begun ....... ++

- Since August 12, 2005 -