ยอดเขาฟูจิ มีไว้ให้พิชิต: เตรียมตัว
หลังจากปีนป่าย ตะกายขุนเขาในฮ่องกงมาเกือบ 1 ปี ก็ถึงเวลากันละ ที่จะเปลี่ยนบรรยากาศไปตะกายเขาอื่นบ้าง เพราะฮ่องกงไม่มีเขาจะให้ปีนแล้ว (เฮ้ย! พูดเล่น ยังเหลืออีกเยอะ!!) จริงๆ แล้วก็คงเหมือนคนวิ่ง/ปั่นจักรยานนั่นแล เมื่ออยู่ที่เดิมนานๆ ก็อยากเปลี่ยนไปวิ่ง/ปั่น ในบรรยาศอื่นบ้าง แถมหาโอกาสไปเที่ยวด้วยในตัว สารภาพว่าตอนแรกที่เราเริ่มเดินเขาเนี่ย ไม่ชอบ...ถึงขั้นเกลียดเลยนะ เพราะดันไปเริ่มหัดเดือนสิงหา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฮ่องกง โคตะระจะร้อนผะผ่าวด่าวดิ้น เดินไปซับเหงื่อไป ขนลุกขนพองจะเป็นลมเป็นแล้งกลางดอยก็หลายหน แต่พอเริ่มเข้าหน้าหนาวเดือนพย....เฮ้ย! ถึงเข้าใจว่าการเดินเขาเป็นอะไรที่สนุก ได้ใกล้ชิดขุนเขาธรรมชาติ ได้ปลีกตัวออกจากเมืองที่แน่นจนคนแทบต้องซ้อนกันยืน มาสูดอากาศบริสุทธิ์ เห็นน้ำตก เห็นทะเล เห็นหมู่บ้านที่ยังปลูกผักกินกันเอง (ในฮ่องกงยังมี๊!!) เห็นขอบฟ้ากว้างไกลสุดสายตา โดยใช้เวลาเดินทางแค่ไม่ถึงชม....ฟินสุดอะบอกเลย โดยเฉพาะการ Trail running หรือการวิ่งเขาเนี่ยเด็ดสุด เพราะดินมันนุ่มวิ่งไม่เจ็บเท้า ไม่ปวดเข่า แถมมีทางขึ้น-ลง ให้เรากระโดดหย็องแหยงสนุกไป เหมือนอยู่ในเกมมาริโอไม่มีผิด อ่ะ...กลับมาที่การปีนฟูจิกันต่อ เดี๋ยวจะยาวไป ฟิตแค่ไหนถึงจะโอเค? คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเป็นอย่างน้อยถือว่าโอเคมาก ไม่ว่าจะวิ่ง เข้ายิม ปั่นจักรยาน หรืออะไรก็ตามที่ให้ร่างกายได้ออกแรงเนี่ย เราว่าโอเคละ ถ้าจะให้ตรงจุดหน่อยก็ลองเดินขึ้นลงบันไดออฟฟิศหลังเลิกงานดู เป็นการซ้อมเดินขึ้นที่สูงไง เดินสัก 20-30 ชั้นนะ เอาให้ต้นขามันชิน หรือจะฝึกท่า Squat ที่บ้านก็ได้ ทรมานร่างกายดี เราก็ได้ squat นี่แหละช่วยเยอะ ทำให้เดินเสร็จแล้วไม่ปวดต้นขา (แต่น่องนี่...ร้าวรานเลยนะ) ตัวเราออกกำลังกายแบบแอโรบิก/โยคะ สัปดาห์ละ 2 หน (30 - 45 นาที/หน) และเดินป่า/วิ่ง สัปดาห์ละหน ไม่มากกว่านั้น เดินป่าใช้เวลาราว 3 ชม.(หน้าร้อน) และ 6 ชม.(หน้าหนาว) ขณะที่สามีออกกำลังสัปดาห์ละ 3-4 หน เดินป่า 1 หน อุปกรณ์ เดชะบุญที่อุปกรณ์พอมีบ้าง ตอนแรกเห็นลิสต์ที่คุณบูเธอบอกให้เอาไปด้วยนี่อิฉันเกือบหน้ามืด คิดว่าเธอเผื่อเยอะไปหรือเปล่า แต่ปรากฎได้ใช้ทุกอย่าง! (ตอนหลังนางมาเอาหน้า ชิชะ) ยกเว้น First Aid Kit (ซึ่งไม่ได้ใช้ก็ดีแล้วมะ??!) ในรูปนี่ของไม่ครบนะคะ 1.เป้ และถุงกันฝนให้เป้ (ถุงกันฝนคือห่อสีเหลืองนีออน) ให้ดีควรใช้เป้ขนาด 20-30 ปอนด์ คือใส่ของได้เยอะหน่อย ความจุที่ว่าดูได้จากตัวเลขบนตัวเป้เวลาซื้อเลยนะคะ ยิ่งเป้จุได้เยอะ เค้าจะมีสายรัดเอวที่หนาขึ้นเพื่อแบ่งน้ำหนักลงไปที่เอว ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าไหล่จะพัง (แต่ก็เกือบ) เป้เราเป็นแบบ one day trip มันเลยเล็ก ขนาดแค่ 16 ปอนด์ แต่ฉันไม่ซื้อใหม่ละเปลือง ยัดได้แค่ไหนเอาแค่นั้น (ที่เหลือยัดเป้บู โฮ่ๆ) ที่ต้องมีถุงกันฝน ก็เพราะบางทีฝนจะตกบนฟูจิ เราคงไม่อยากให้ข้าวของในเป้ชุ่มโชก ดังนั้นมีกันไว้ก่อนเป็นการดีที่สุด จะใช้ถุงพลาสติกใบใหญ่ๆ คลุมเอาก็ได้ ลองซ้อมคลุมที่บ้านดูก่อนว่าพอดีเป้ไหม 2.รองเท้า ถ้าจะให้ดีที่สุด ควรเป็น รองเท้าเดินป่าแบบหุ้มข้อ เพราะเทอร์เรนของฟูจิ โดยเฉพาะขาลงเนี่ย ชวนให้ข้อเท้าพลิกกันทุก 3 วินาทีเลย มันเป็นหินภูเขาไฟที่เหยียบแล้วเท้าจมลงไปอ่ะค่ะ เหยียบพลาดก็ลื่นไถลเข้าไปอีก ยิ่งจังหวะที่เราเดินจนล้า เข่าขาเริ่มอ่อนเนี่ย...อิฉันลื่นปื้ดๆ ป้าดๆ ติดกันหลายหน (เสียงลื่นนะ ไม่ใช่เสียงตด!) แต่อนิจจา...เราไม่มีหรอกนะรองเท้าเดินป่าหุ้มข้อ ก็มันไม่ค่อยได้ใช้จะซื้อทำไมอะเนาะ แถม...อิฉันไม่มีรองเท้าเดินป่าจริงจังด้วย มีแต่ Trail Running คือเป็นรองเท้าน้ำหนักเบาแต่พื้นรองเท้าบ๊างบาง เหมาะสำหรับใส่วิ่งพื้นดินนุ่มๆ มากกว่า ถ้าใส่เดินบนหินภูเขาไฟที่ฟูจิ ฝ่าเท้าต้องพังแน่ๆ เลยตัดสินใจเอารองเท้าวิ่งธรรมดาไปเพราะพื้นหนากว่า.... เดชะบุญเหมือนฟ้าฝนเป็นใจ ก่อนเดิน 1 วัน เราแวะไปร้านขายของ outdoor กันในโตเกียว และเจอรองเท้าเดินป่าที่ใส่แล้วโอเคเข้าให้ เลยตัดสินใจซื้อตรงนั้น และใส่จากร้านเลยเพื่อเบรกมันให้นุ่ม ถ้ากัดจะได้ไม่ต้องใส่ต่อ อันเนื่องว่ารองเท้าเดินป่ามันแข็งกว่ารองเท้ากีฬาปกติ เพื่อปกป้องเท้าเราเวลาปะทะหิน ไม่ให้หัวแม่โป้งบวมอะไรแบบนี้ แต่โชคดีๆๆๆ มากที่ไม่กัด! (หายากมากบอกเลย) เราจึงรอดชีวิตจากการเท้าแหกเท้าพัง มาเพราะรองเท้าคู่นี้นั่นเอง แต่เท่าที่สังเกต 95% ของคนไปใส่รองเท้าเดินป่า ครึ่งนึงในนั้นใส่แบบหุ้มข้อ ส่วนอีก 5% เป็นเด็กวัยละอ่อน ที่เอารองเท้ากีฬามาใส่ คนโตๆ แก่ๆ อย่างเราไม่มีใครคิดจะปลิดชีพตัวเองด้วยการทำแบบนั้นเลยสักคน
เชลฟ์นี้ อุทิศแด่อุปกรณ์สำหรับปีนเขาฟูจิโดยเฉพาะ อ่านบล็อกจนจบได้ที่ //wp.me/p48pnX-Ue หรือ www.adaytripdiary.com : )
Create Date : 30 สิงหาคม 2558 |
|
0 comments |
Last Update : 30 สิงหาคม 2558 9:56:06 น. |
Counter : 793 Pageviews. |
|
|
|