ME MY MIND : เรื่องราวธรรมดาของมนุษย์โลก สิ่งที่อยากบ่น ข้อความที่อยากระบาย บทความที่เคยเขียน เรื่องที่เกิดขึ้นจริง คำถาม ข้อคิด มุมมองการใช้ชีวิต การกิน การเที่ยว เมนูอาหาร การทำกับข้าว หมา แมว เรื่องที่กำลังสนใจ อะไรก็แล้วแต่ที่วนเวียนอยู่รอบตัวผู้หญิงคนหนึ่ง คือเนื้อหาในบล็อกๆนี้ :)
|
|||
ยอมแพ้หรือไปต่อ
เคยเป็นไหม หลายครั้งที่เราท้อแท้ เบื่อหน่ายกับสิ่งที่ทำอยู่ หลายครั้งเราจึงยอมแพ้ บางครั้งก็ยอมแพ้ไปก่อนที่จะได้เริ่มหรือได้ลองทำด้วยซ้ำ อาจจะเป็นเพราะความกลัว แต่ถึงเราจะยอมแพ้สักกี่ครั้ง คนที่อยู่ข้างหลัง คนที่คอย support เรา พ่อ.. แม่.. น้อง.. เพื่อน.. กลับไม่เคยยอมแพ้ สู้มากกว่าเราเสียด้วยซ้ำ เชื่อมั่นในตัวเราทั้งๆที่เราอาจสูญเสียมันไปจนหมดแล้ว "ความมั่นใจ" จะยอมแพ้ต่อไป อยู่ในพื้นที่ที่สบายใจต่อไป หรือจะลุกขึ้นมาสู้ ก้าวให้พ้น comfort zone ให้สมกับที่ทุกคนเชื่อมั่นในตัวเรา ก็เลือกเอานะ... ถ้าเหนื่อยมากก็พักได้... หายเหนื่อยเมื่อไหร่ก็สู้ต่อ... อย่าสูญเสียความหวัง... ใช้ชีวิตแบบที่จะไม่เสียใจทีหลัง... ...สู้สู้... 27.01.59 สับสนอลหม่าน
เราว่าทุกคนก็เคยเป็นเจ้าอาการสับสนเนี่ย! บางครั้งเราต้องเลือกระหว่างสิ่งสองสิ่ง หรืออาจจะมากกว่าสองด้วยซ้ำ หลายครั้งที่เราเองก็ไม่รู้เลยว่าชอบอันไหนกันแน่ ทำอันไหนแล้วจะมีความสุขกันแน่ เพราะฉะนั้นอาการสับสนนี่จึงเกิดขึ้นบ่อยมากสำหรับเรา ถึงจะเลยช่วงวัยรุ่นที่ฮอร์โมนส์เปลี่ยนแปลงพลุ่งพล่านมาแล้ว อาการสับสนก็ยังมีอยู่ตลอดไม่หายไป ==' แต่เราก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องผิดนะที่จะสับสน บางครั้งเราต้องอาศัยประสบการณ์หรือความรู้บางอย่างมาช่วยในการตัดสินใจ แต่ส่วนใหญ่เราจะยังไม่มีเจ้าสิ่งเหล่านี้น่ะสิ เพราะฉะนั้นการตัดสินใจก็เลยจะยาก โดยเฉพาะกับเรื่องที่เคยเจอครั้งแรกหรือทำครั้งแรก อย่างไรก็ตามก็อย่ามัวแต่กลัวจนไม่ตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง สิ่งสำคัญอยู่ตรงนี่แหละ คือไม่ว่าจะสับสนอย่างไรเราก็ต้อง "ตัดสินใจ" ไม่ต้องกลัว "ผิด" เพราะถึงว่าเราจะตัดสินใจผิด เรื่องเหล่านั้นก็จะกลายเป็น "บทเรียน" ให้เราใช้ในการตัดสินใจในอนาคตได้ ใช้ใจกับสมองไปพร้อมๆกันนะ :) แชร์ประสบการณ์ การเดินทางและการเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
เมื่อวันอาทิตน์ที่ 30 ตุลาคม 2559 เราและครอบครัวได้เดินทางไปสนามหลวงเพื่อเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตามที่มีพระราชทานพระราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป เราเดินทางจากสุพรรณบุรี และเนื่องจากไม่ชำนาญเส้นทางมากนักจึงตัดสินใจจอดรถยนต์ส่วนตัวไว้ที่ห้าง Central Westgate และต่อรถ Shuttle Bus ที่รัฐจัดไว้รับส่งฟรีไปยังสนามหลวง เราออกจากบ้านไม่เช้ามาก ถึง Central ก็เป็นเวลา 7 โมงเศษๆ และถึงแม้จะยังไม่ใช่เวลาเปิดห้าง แต่ทางห้างก็บริการเปิดที่จอดรถให้สำหรับประชาชนที่ต้องการเดินทางไปสนามหลวง ทั้งยังมีรถบริการรับส่งจากที่จอดรถของห้างไปยังจุดจอดรถ Shuttle Bus อีกด้วย ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ จึงขอแนะนำ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง และอาจช่วยลดปัญหาการจราจรที่อาจติดขัดมากให้น้อยลงได้ สำหรับคนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดโดยเฉพาะเส้นทางเหนือหรือทางตะวันตก ทั้งที่ชำนาญเส้นทางก็ดีหรือไม่ชำนาญเส้นทางก็ดี สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวไปจอดไว้ที่ ห้าง Central Westgate และต่อรถ Shuttle Bus ไปยังสนามหลวงจะดีกว่า ประชาชนที่มาจากเส้นทางอื่นก็ควรตรวจสอบจุดบริการจอดรถรวมถึงรถรับส่งที่รัฐจัดไว้บริการ ทั้งนี้รัฐจะจัดไว้ตามหัวเมืองหลักของ กทม. เพื่่อความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทางเข้าถวายสักการะพระบรมศพ หรือการเดินทางไปสนามหลวง เราถึงบริเวณสนามหลวงประมาณ 8.00 น. เวลานั้นคนค่อนข้างเยอะแล้ว ท้ายแถวที่ต่อคิวเข้าไปถวายสักการะ อยู่ใจกลางท้องสนามหลวง ระบุได้จากบอลลูนบอกตำแหน่งหางแถว หรือคอยฟังจากเสียงประชาสัมพันธ์ หรืออาจจะถามได้จากเจ้าหน้าที่ที่คอยให้บริการช่วยเหลืออยู่ เรายืนต่อแถวอยู่กลางสนามท่ามกลางแสงแดดสักพัก จึงได้เริ่มเดินเข้าไปในร่มตามทางเดินรอบสนามหลวงฝั่งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ฉะนั้นควรเตรียมร่มกันแดดไปด้วยจะดีที่สุด เพราะได้ใช้ตลอดทั้งวัน ด้วยจำนวนประชาชนที่เดินทางมานับหมื่นคนทำให้ต้องต่อแถวเพื่อเข้าวังเป็นเวลานานมาก จึงแนะนำให้ใส่รองเท้าที่สบายเท้า ที่เหมาะกับการยืนรอเป็นเวลานาน แต่ต้องเหมาะสมและถูกระเบียบตามที่สำนักพระราชวังได้ประกาศไว้ (ใส่รองเท้าสีดำหุ้มส้น) การแต่งกายก็ควรถูกต้องเหมาะสมตามประกาศของสำนักพระราชวังเช่นกัน แต่งกายชุดดำและสุภาพ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องสวมกระโปรงเลยเข่าเท่านั้นห้ามใส่กางเกง ถึงแม้สำนักพระราชวังจะเตรียมชุดที่เหมาะสมไว้ให้บางส่วนสำหรับคนที่แต่งกายผิดระเบียบ แต่นั่นก็ทำให้เสียเวลามากขึ้นไปอีก ลองคิดดูว่ายืนรอมานานหลายชั่วโมงแต่ไม่สามารถเข้าได้เพราะแต่งกายไม่ถูกต้อง ดังนั้นเราควรเตรียมตัวเองให้พร้อม แต่งกายให้ถูกต้องเหมาะสมเพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง และเผื่อเกิดเหตุสุดวิสัยเราก็ควรเตรียมบัตรประชาชนไว้ด้วย (ในการเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้ต้องใช้บัตรประชาชนค่ะ) ระหว่างรอเราได้มีโอกาสคุยกับคุณยายคนหนึ่งที่นั่งพักอยู่ข้างเต๊นท์ ยายเล่าว่ายายเข้าไปถวายสักการะตั้งแต่ 8 โมงเช้า เพราะยายไปต่อแถวตั้งแต่ตีสามตีสี่ ยายเลยออกมาเร็ว ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 4-5 ชั่วโมง ผิดกับเราซึ่งมาต่อแถวประมาณ 8 โมงเช้า ได้เข้าถวายสักการะตอนเกือบ 6 โมงเย็น รวมแล้วยืนต่อคิวเกือบ 10 ชั่วโมงได้ อาจเป็นเพราะเป็นวันแรกๆที่เปิดให้เข้าไปเบื้องหน้าพระบรมโกศ ด้วยคนที่มาเยอะมากๆ ด้วยการจัดการที่อาจมีติดขัดบางส่วน มีความสับสนในบางช่วง แต่ถึงอย่างไรก็เห็นใจและอยากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่ทำงานกันอย่างเข้มแข็ง รวมถึงบุคคลทั่วไป จิตอาสาที่คอยมาช่วยเหลือประชานชนทั่วไป ทั้งที่นำน้ำและอาหารมาแจก ช่วยเก็บขยะ หรือบริการด้านสุขภาพต่างๆ และอีกมากมาย อยากจะบอกว่ามันต้องใช้ความอดทนมากจริงๆในการต่อแถวเพื่อเข้าถวายสักการะ ตลอดเวลาเกือบสิบชั่วโมง เราได้นั่งน้อยมาก เพราะแถวขยับเกือบตลอดในช่วงครึ่งวันแรก ถึงแม้จะขยับแค่เพียงนิดหน่อยก็ตาม บวกกับการที่พื้นเปียกจึงกลัวกระโปรงจะเปื้อน ดังนั้นข้อแนะนำอีกข้อก็คือ ควรเตรียมผ้ารองนั่งผืนเล็กๆ หรือเก้าอี้พับเก็บได้ตัวเล็กๆจะดีกว่า โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่ควรยืนนานๆ ยอมรับว่ามีหลายครั้งที่เราอยากยอมแพ้ อากาศก็ร้อน แถมยืนนานจนปวดฝ่าเท้าไปหมด มันเกินกว่าคำว่าเมื่อยไปอีก และถึงแม้จะมีอาหารและน้ำคอยแจกจ่ายตลอดเวลาที่ยืนในแถว ความเหนื่อยล้าก็ทำให้อยากอาหารน้อยมาก มีบางช่วงที่อาการไม่ค่อยดีก็รีบขอแอมโมเนีย หรือยาดมจากจิตอาสา ทำให้บรรเทาไปได้บ้าง แต่ถึงอย่างไรเราก็ไม่ได้ยอมแพ้ถึงแม้จะต้องสู้กับใจตัวเองอย่างมาก อย่างไรก็ดีสำหรับคนที่รู้สึกว่าไม่ไหวจริงๆก็ไม่ควรฝืน เพราะหากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นมาคงจะไม่ดี ต้องยอมรับว่าการไปต่อแถวนั้นมีน้ำท่าอาหารอุดมสมบูรณ์มาก เพเพราะบุคคลและหน่วยงานต่างๆมาแจกมากมาย แต่ระหว่างต่อแถวไม่ควรดื่มน้ำเยอะหรือทานอาหารมากเกินไป เพราะห้องน้ำอาจอยู่ไกลจากแถว และอาจต้องต่อคิวเข้าห้องน้ำนาน ทำให้อาจพลัดหลงกับเพื่อนหรือญาติได้ จึงไม่ควรออกจากแถวบ่อยนัก จริงๆในการรับของควรคิดก่อนรับ รับเท่าที่จำเป็น บางคนรับมาแล้วก็กินไม่หมด สุดท้ายก็กลายเป็นขยะ ถ้าทุกคนช่วยกันจำนวนขยะก็คงจะน้อยลง บางคนอาจมาคนเดียว ซึ่งเราไม่แนะนำนะเพราะว่ามากันหลายคน หรืออย่างน้อยมีเพื่อนสักคนก็จะดีกว่า จะได้มีคนคอยดูแลกัน หรือจองคิวให้หากจำเป็นต้องออกจากแถวเช่นไปเข้าห้องน้ำ ในส่วนของการกลับบ้าน เมื่อเดินออกจากวังก็จะมีบริการมอเตอร์ไซค์จิตอาสารับส่งฟรี แต่หลายคนก็เลือกที่จะเดินเพราะไม่ต้องการรอคิว การเดินทางกลับนั้นถ้าไม่แน่ใจว่าต้องกลับไปขึ้นรถที่จุดไหนก็สามารถถามเจ้าหน้าที่ได้ แต่ทางที่ดีก็ควรศึกษาเส้นทางไปหรือกลับไว้ก่อน ในส่วนของรถกลับ Central Wesgate ก็จะอยู่บริเวณหน้ากองสลาก รถบางคันอาจจะจอดส่งรายทางด้วย แต่บางคันจอดแค่ปลายทางอย่างเดียวเพราะฉะนั้นก่อนขึ้นก็ควรถามให้ดี รวมถึงบางคันอาจจะวนไปจอดหน้า Central Wesgateให้เลย แต่ก็มีบางคันที่ไม่วน เราอาจจะต้องลงฝั่งตรงข้ามแล้วเดินข้ามสะพานลอยไป ทางที่ดีก็ควรถามคนขับรถก่อนขึ้นจะดีกว่า การเอื้อเฟื้อต่อกัน มีน้ำใจให้กันในเวลาเช่นนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ยิ่งไม่ควรเห็นแก่ตัวเอารัดเอาเปรียบกัน มีจังหวะที่ชุลมุล แอบมีคนเข้ามาแทรกในแถว มีคนแซงคิวกันซึ่งเป็นสิ่งไม่ดีเลย จริงๆแล้วดีหรือไม่ดีเรารู้อยู่แก่ใจ ลองนึกว่าบางคนรอเป็นสิบชั่วโมงอาจจะไม่ได้เข้าด้วยซ้ำ เรามาถึงก็มาแทรกแล้วได้เข้าการกระทำที่เบียดเบียนคนอื่นจะเป็นสิ่งที่ดีได้เช่นไร อย่างไรก็ดีเราควรประพฤติตัวให้เหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อเข้าเขตพระราชวังก็ควรอยู่ในความสงบ สำรวมกาย วาจา ใจ ท้ายที่สุดนี้ขอเป็นกำลังใจให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกๆคน ประชาชนทุกๆคนที่ยืนรอเพื่อจะเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพ ความรู้สึกความประทับใจของเราเมื่อได้เข้าไปอยู่เบื้องหน้าพระบรมโกศของพระเจ้าอยู่หัวมันไม่อาจบรรยายออกมาได้หมด ทั้งตื้นตัน ปลื้มใจ เศร้าใจ ความรู้สึกหลายอย่างประดังประเดเข้ามา ยิ่งเมื่อนึกถึงสิ่งที่ท่านทำให้ปวงชนชาวไทย เราทำอย่างไรก็คงตอบแทนท่านไม่หมด แต่เราก็จะทำ หากรู้ตัวว่ามีประโยชน์ต่อคนอื่นแค่เพียงน้อยนิด เราก็จะทำให้เต็มหน้าที่เต็มความสามารถของเรา ขออภัยหากเขียนผิดพลาดประการใด ตั้งใจจะเขียนเล่าประสบการณ์ของตัวเอง และสิ่งที่คิดว่าอาจจะมีประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศ สิ่งใดดี สิ่งใดประเสริฐ ขอให้สิ่งนั้นประสบผลสำเร็จ อาทิตย์ละมุน
สวัสดีวันอาทิตย์ที่เริ่มต้นด้วยฝนตกตอนตี 2 ซึ่งเสียงของน้ำที่หยดจากรอยรั่วหลังคาก็ทำให้เราสะดุ้งตื่นขึ้นมาหากระป๋องมารองเพื่อป้องกันน้ำที่อาจจะสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นห้องและเตียงนอน นับว่าเป็นวันอาทิตย์ที่งัวเงียมากทีเดียว ถึงแม้เวลาที่เราลุกจากเตียงจะเลยเวลาที่นกกาออกหากินร่าเริงแจ่มใสไปนานแล้วเนื่องจากเราทดเวลาบาดเจ็บให้ตัวเองเพื่อนอนให้เต็มอิ่ม แต่เราก็ได้ยินเสียงจอบกระทบกับดินอันนุ่มชุ่มชื่น เสียงนั้นดูหนืดๆแต่ทว่าให้ความรู้สึกหนักแน่น เสียงนั้นดึงเราลุกขึ้นจากเตียงเพราะรู้ได้ว่าเป็นเสียงของการเตรียมดินปลูกต้นมะนาวของแม่ เมื่อเดินออกจากห้องมาที่ระเบียงบ้านด้วยความสะลึมสะลือก็เห็นแม่เตรียมดินอยู่จริงๆ ไวกว่าความคิดสองเท้าก็พาร่างที่เต็มไปด้วยก้อนขี้เกียจเดินเข้าไปหาแม่ หัวสมองยังชาๆไม่ทันได้คิดอะไรด้วยซ้ำ แม่ก็ใช้ให้ไปโกยปุ๋ยขี้วัวที่ซื้อมาหลายกระสอบจากบ้านเก่าของแม่แถบชานเมือง โชคดีที่ครึ่งเช้าของวันนี้มีเมฆมากเป็นพิเศษ แสงจากดวงอาทิตย์จึงแทบจะเล็ดลอดมาไม่ถึงบ้านเรา การปลูกต้นมะนาวจึงไม่สร้างความลำบากให้เรามากนัก ยกเว้นการที่ต้องเดินไปโกยปุ๋ยคอกมาให้แม่มากกว่าสิบครั้งบนพื้นดินที่ชุ่มน้ำและดูดรองเท้าซะจนเกือบจะทำให้เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นโรคเท้าช้าง การฟังเสียงหอบหายใจของแม่และตัวเราเองถือเป็นการคุยกันในอีกรูปแบบหนึ่ง การได้ใช้เวลาทำกิจกรรมอะไรบางอย่างร่วมกับครอบครัวก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจได้จริงๆสินะ เข้าใจได้ลึกซึ้งก็ในวันที่ได้ลองสัมผัสเองนี่ล่ะ วันอาทิตย์ที่มีความอบอุ่นเบาๆในหัวใจก็ผ่านไปเช่นนี้แล การเริ่มต้นนั้นยากเสมอ??
การเริ่มต้นนั้นยากเสมอ?? จริงมั้ยนะกับประโยคนี้ สำหรับเราบางครั้งก็จริง บางครั้งก็ไม่จริงนะ เราพบว่าหลายครั้งเราก็เริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆไปโดยที่เราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ พอเราไม่ได้โฟกัสว่ามันเป็นสิ่งแปลกใหม่ เรากลับทำมันได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำไปโดยไม่สะดุด ทำไปประหนึ่งว่าเคยทำมาแล้วเป็นร้อยเป็นพันรอบ เราว่ามนุษย์ก็คงมี"ต่อมมั่ว" มีการเรียนรู้อยู่ในพันธุกรรมในมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้วล่ะมั้ง ไม่งั้นเราก็คงไม่อยู่รอด ออกลูกออกหลานกันมาจนจะล้นโลกอยู่แล้วแบบนี้หรอกเนอะ แล้วก็คงไม่ใช่แต่มนุษย์หรอก สัตว์โลกตาดำๆน่าสงสารชนิดอื่นที่ไม่มีหนังสือ สารคดี หรือรายการสอนอะไรต่างๆมาให้ดูก็คงต้องใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ใช้การเรียนรู้ถูกผิด ใช้สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดไปในแต่ละวัน ดังนั้นการที่บางครั้งเราบอกว่ามันยากมันก็อาจจะมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาเกี่ยว อย่างเช่น ความกลัว ความขี้เกียจ หรือไม่มันก็อาจจะยากจริงๆก็ได้ การเริ่มต้นนั้นยากเสมอสำหรับเราในเรื่องการออกกำลังกาย บางครั้งมีแรงบันดาลใจนะ แต่ไอ้ความผลัดวันประกันพรุ่ง ความขี้เกียจมักจะเข้ามาก่อกวนเสมอ เป็นอุปสรรคสำคัญเลยทีเดียวเชียวล่ะ มันทำให้การเริ่มต้น การที่จะลุกขึ้นมาแค่เพียงยกแขนก็ยากแสนยาก ไม่ต้องพูดถึงการออกกำลังกายเป็นชั่วโมงๆเลย แต่ถึงมันจะยากขนาดไหน ถ้าเราตั้งใจ การเริ่มต้นมันเริ่มขึ้นได้อยู่แล้ว ถ้าเราไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนหรือไม่ได้เป็นคนที่มีระเบียบวินัยกับตัวเองมากๆ ก็อาจจะต้องมีตัวช่วยกันบ้าง อาจจะต้องหาอะไรไว้กระตุ้นต่อมอยากเริ่มต้นของตัวเอง อย่างเช่น ลองหาประโยคเด็ดเอาไว้กระตุ้นตัวเอง ไว้บอกตัวเองก็ได้นะ เอาประโยคที่คิดว่าพอตัวเราเองได้ยินได้ฟังแล้วจะมีไฟลุกโชติช่วงชัชวาลย์มีกำลังวังชาดีดตัวลุกขึ้นมาทำอะไรอะไรในทันที สำหรับเรามักจะมีช่วงเวลา "ยื้อ" กับตัวเองเสมอก่อนออกกำลัง ไม่รู้ทำไมแต่มักจะมีเสียงสองเสียงมาไฝว้กันตลอด แต่ฝ่ายขยันมักจะเอาประโยคเด็ดมาฟาดหน้าอยู่เสมอทำให้ต้องลุกขึ้นมาออกกำลังกายทู้กกกที ของเราก็จะเป็นประโยคประมาณว่า "รักตัวเองเหอะ ปล่อยปละละเลยตัวเองมาเป็นสิบๆปีละ ออกกำลังกายแค่นี้ไม่ตายหรอกกก!!" อะไรประมาณนี้ สำหรับคนอื่นมันอาจจะดูเหมือนเป็นประโยคธรรมด๊า ธรรมดา แต่สำหรับเราฟังแล้วมันจี๊ด ฟังแล้วรู้สึกว่า "เอออ!! ไม่ตายหรอก ออกก็ได้ฟระ!!" เราต้องรักตัวเองเพื่อที่เราจะได้มีแรงจะทำอะไรดีๆเพื่อคนที่เรารัก ยังไงก็ลองหาประโยคเด็ดๆเอาไว้บอกกับตัวเองในวันที่ตัวขี้เกียจเข้ามาก่อกวนก็น่าจะดี นอกจากหาประโยคแซ่บๆไว้เตือนตัวเอง เราก็พยายามหาหลายๆวิธีมากระตุ้น เช่นเราอยากออกกำลังเพื่อลดน้ำหนัก ถ้าเราเคยผอม เราก็เอารูปในยุครุ่งโรจน์ของตัวเองมาแปะไว้ในที่ที่เห็นบ่อยๆ เห็นชัดๆ หรืออาจจะตั้งเป็นภาพพื้นหลังหน้าจอมือถืออย่างเราเป็นต้น หรือใครไม่เคยผอมก็อาจจะต้องหาแรงบันดาลใจของเราให้เจอว่าเราผอมไปเพื่ออะไร เพื่อใคร ก็อาจจะเอารูปคนๆนั้นมาดูอยู่เสมอหรือในเวลาที่เราเหนื่อยเพื่อกระตุ้นตัวเราเอง จริงๆแล้ววิธีการกระตุ้นตัวเราเองมีหลายวิธีมากๆ บางวิธีเราใช้ได้ผล แต่คนอื่นก็อาจจะใช้ไม่ได้ผล บางวิธีคนอื่นใช้ได้ผล แต่เราอาจจะใช้ไม่ได้ผล เพราะฉะนั้นทุกคนที่มีปัญหา ก็ควรนั่งหาว่าปัญหาของเราคืออะไร แล้ววิธีแก้ที่เหมาะสมกับเราคืออะไร ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ เชื่อว่าสักวันก็จะต้องเจอวิธีที่เหมาะกับตัวเราอย่างแน่นอน การเริ่มต้นนั้นยากเสมอสำหรับบางเรื่อง อย่างการเริ่มต้นอ่านหนังสือ การเริ่มต้นออกกำลังกาย การเริ่มต้นทำงาน ทำไมเราถึงทำให้การทำเรื่องที่มีประโยชน์กับตัวเองเป็นเรื่องยากอยู่เสมอนะ ถ้าเราทำให้การเริ่มต้นทำเรื่องแย่ๆ เรื่องที่ไม่มีประโยชน์เป็นเรื่องยากเสมอ ชีวิตเราคงจะง่ายกว่านี้เยอะ ว่ามั้ยล่ะ?? |
สมาชิกหมายเลข 3088897
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |