แหล่งซ่องสุมสิ่งชั่วร้าย ^O^
|
||||
ลุ้นรักชุลมุน - บทที่ 2 เจ้าบ่าวผิดฝา...เจ้าสาวผิดตัว! (2) โดย รุ่งรัตนา(วินุตตา)
ทำไมผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย ในเมื่อทั้งนายวินและคุณกานต์กมลก็ไม่มีใครอยู่แล้ว ผมว่าพ่อกับแม่แล้วก็น้าฝนน่าจะยกเลิกงานแต่งนี้ไปซะดีกว่านะครับ เทวาพูดขึ้นทันทีเมื่อตอนนี้เขาและครอบครัวได้อยู่ตามลำพัง หลังจากที่เมื่อทั้งเขาและเจ้าสาวตัวปลอมตะโกนขึ้นมาพร้อมๆกัน ท่ามกลางอาการที่แทบจะเรียกว่าตาถลนของบรรดาผู้ใหญ่ไม่เว้นแม้แต่ตัวเขาและเจ้าสาวของงานก็ตาม ไม่ได้! วารีร้องค้านออกมาเสียงดังทันทีทำเอาเทวาถึงกับอยากจะทึ้งผมตัวเอง ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากบางราวกับผู้หญิงของตนเองแน่น แล้วปรายตามองใบหน้าของมารดาแล้วถามกลับว่า ทำไมจะไม่ได้ครับ... แล้วต่อด้วยประโยคที่ถ้าไม่ใช่เวลาที่ต้องมากล่อมพ่อตัวดีให้ยอมตกลงแต่งงานต่อ วารีอยากจะหาอะไรมาอุดปากลูกชายตัวเองนัก พ่อกับแม่ก็มัวแต่จะห่วงหน้าตาตัวเอง แกไม่ต้องมาพูดอย่างนี้เลยตาวา...ที่พ่อกับแม่ต้องจับแกแต่งงานนี่ไม่ใช่เพราะความไม่รอบคอบของแกเหรอ? วารีเถียงกลับเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆ นี่อะไร! เซ็นใบทะเบียนสมรสทั้งๆที่ไม่ดูให้ดีซะก่อน เทวาถึงกับทำหน้าเมื่อยออกมาโดยไม่คิดจะปิดบัง พร้อมกับถอนหายใจออกมา...สรุปนี่มันผิดที่เขางั้นสิ ผมต้องโทษแม่มากกว่า ผมพยายามบอกแม่แล้วว่ายายนั่นไม่ใช่เจ้าสาว แต่แม่เองไม่ใช่เหรอที่ผลักผมให้ไปเป็นสามียายนั่น! ขอเถียงกลับหน่อยเหอะ แค่เขายอมสับเปลี่ยนตัวเข้าพิธีช่วงเช้าแทนนายวิน เพื่อรักษาหน้าพ่อแม่นี่มันก็มากพอแล้ว...นี่ยังมาโทษว่าเป็นความผิดของเขาอีกเหรอ? ไม่รู้แหละ วารีบอกปัดอย่างหน้าตาเฉย แต่แกกับหนูไก่จดทะเบียนกันไปแล้วก็แต่งๆกันไปเหอะ ท้ายประโยคอดที่จะโน้มน้าวคนเป็นลูกต่อไม่ได้ แล้วความคิดของวารีก็นึกไปถึงใบหน้าเรียวหวานของ หนูไก่ หรือกัตติกา ถึงวันนี้มันจะผิดพลาดไปบ้าง แต่แผนการที่วาดหวังมาเป็นสิบๆปีของหล่อนก็ยังไม่ถือว่าล่มซะทีเดียว ผิดตัวไปหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไรนี่นา คนที่วางแผนอยากดองเป็นญาติกับเพื่อนสนิทตัวเองมาเป็นสิบปีจึงได้โน้มน้าวลูกชายต่อไป ท่ามกลางอาการลุ้นใจหายใจคว่ำของวารินน้องสาว และเทวัญที่ออกตัวก่อนแล้วว่าจะไม่ช่วยกล่อมหรือโน้มน้าวใจของเทวา แม่ครับ...แม่พูดง่ายนี่ครับ เทวาอดที่จะโอดคราญออกมาไม่ได้ ผมกับยายกุ๊กไก่นั่นไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยนะครับ จะอยู่ด้วยกันได้ยังไง ตอนนี้แกก็รู้จักแล้วนี่ตาวา ทำไมจะอยู่ด้วยไม่ได้ วารีพูดออกมาหน้าตาเฉย แต่คนฟังแทบจะตาเหลือกด้วยความอัดอั้นตันใจ รู้จักกันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงนี่นะ? นี่แม่เขาบอกว่ารู้จักกันแล้ว! แล้วหนูไก่ก็เป็นหลานของป้าเมษาเพื่อนสนิทแม่ ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน แม่ว่าหนูไก่น่ารักออก น่ารักอย่างนั้นเหรอ? เทวาคิดถึงใบหน้าหวานๆของเจ้าตัวแล้ว...ยอมรับก็ได้ว่าเจ้าหล่อนสวย...อย่างไรล่ะ สวยมันกินได้ที่ไหน? แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีเต็มใจจะแต่งงานด้วยเสียหน่อย และที่สำคัญเขานี่แหละที่ยังไม่อยากแต่งงาน! แม่ครับ... ไม่มีแต่ตาวา...แต่งเถอะนะลูก อย่างน้อยก็ถือว่ารักษาหน้าตาชื่อเสียงของพ่อกับแม่และทางฝ่ายโน้นก็ได้... ใครจะคิดยังไงถ้าข่าวมันออกไปว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวหนีงานแต่งงานของตัวเอง แกอาจไม่อาย...แต่ผู้ใหญ่อย่างพ่อกับแม่แล้วก็ป้าเมษาอายนะลูก สุดท้ายอดที่จะเอาเรื่องนี้มาพูดโน้มน้าวใจลูกชายไม่ได้ วารีเอื้อมมือไปจับท่อนแขนของเทวาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน แล้วรีบส่งสายตาไปให้น้องสาวของตัวเองที่ยืนนิ่งมองมานานให้ช่วยด้วยอีกแรง ใช่แล้วค่ะหลานวา... วารินรีบปรี่มาเกาะแขนอีกข้างของคนเป็นหลานชายทันทีก่อนจะปล่อยหมัดเด็ดออกมา น้าว่านะคะให้หลานวาไปเข้าพิธีต่อให้จบกันคนครหาดีกว่า แล้วถ้าหลานวาจะเอายังไงค่อยพูดกันอีกที เทวาถอนหายใจเฮือกออกมาทันที...สรุปแล้วเขาก็ไม่มีทางเลือกสินะ... ถ้าทางป้าเมษายอม...ผมก็ยอมล่ะครับ เทวาตอบแต่ก็ไม่วายทิ้งท้ายให้แม่และน้าใจหาย...เมื่อเขาโยนการตัดสินใจไปให้อีกฝ่าย วารีและวารินสบตากันก่อนจะแย้มริมฝีปากออกมาเป็นรอยยิ้มด้วยความสมใจโดยที่เทวาที่ได้แต่คร่ำครวญถึงชะตากรรมอันเลวร้ายของตนเองลืมสังเกตกริยาของแม่และน้าไปเสียสนิท...เพราะถ้าเขาเห็นสักนิดเทวาจะรู้ได้ทันทีว่าความหวังว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธการจับคู่บ้าๆนี่จะมีค่าเป็นศูนย์ในทันที ******************************************** ตายๆ ตาย! ทำไมคุณป้าไม่บอกไก่ก่อนคะว่ามีจดทะเบียน ตั้งแต่ผละออกมาจากครอบครัวของฝ่ายโน้นได้ กัตติกาก็ได้แต่บ่นอย่างนี้มาตลอดทาง จนตอนนี้เหลือเพียงหล่อนและคนเป็นป้าเท่านั้น เมษามองใบหน้าที่บ่งบอกว่า ตาย ของหลานสาวแล้วก็ได้แต่ตอบออกไปเสียงอ่อยๆ ก็...ป้าลืม ลืม! ลืมนี่นะคะ เสียงของกัตติกาดังจนแทบจะกลายเป็นตะโกน แล้วไก่จะทำยังไงดีต่อไปล่ะคะ? พูดจบหญิงสาวก็เดินวนไปวนมาภายในห้องที่จัดให้เป็นห้องแต่งตัวของเจ้าสาว หญิงสาวยังอยู่ในชุดแต่งงานในพิธีช่วงเช้าครบเซท ทางฝ่ายเมษาที่ได้แต่นั่งมองหลานสาวคนเดียวเดินวนไปวนมาก็ชักจะตาลาย ใจเย็นๆลูก...ยายไก่ จะให้เย็นยังไงล่ะคะ? หญิงสาวตอบกลับโดยที่ยังไม่หยุดเดิน จนเมษาที่มองตามชักปวดหัวขึ้นมาตุบๆ แต่กัตติกาก็ไม่ได้สนใจแล้ว ทว่าจู่ๆหญิงสาวก็หยุดเดินแล้วกันมาทางป้าของตนเองด้วยสายตามีความหวังเต็มเปี่ยม แล้วความแตกออกมาทั้งสองฝ่ายอย่างนี้คุณป้าจะยกเลิกงานแต่งเลยไหมคะ? คงจะเลิกไม่ได้แหละลูก... เมษาตอบหลานสาว ทำเอาใบหน้าที่กำลังบานด้วยความหวังนั้นเหี่ยวลงทันตา กัตติกาเริ่มเดินวนไปวนมาอีกครั้งในขณะที่ปากก็ถามว่า ทำไมล่ะคะ ในเมื่อยายกานต์ก็หนีไปแล้ว แถมทางโน้นก็หนีไปเหมือนกัน ก็พวกป้าตกลงกันแล้ว งานวันนี้เปลี่ยนจากแต่งยายกานต์เป็นแต่งไก่แทนน่ะลูก ท้ายประโยคนั้นเมษาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่ว...แต่มันก็ดังพอที่จะให้หญิงสาวได้ยินและพร้อมๆกับที่ประโยคนั้นจบลงเสียงอุทานดังลั่นของกัตติกาก็ดังขึ้น หา! ในเมื่อไก่กับตาเทวาก็จดทะเบียนสมรสกันไปแล้ว จะให้ถอนเลยมันก็เสียหายไก่นะลูก แล้วแค่ช่วงเช้าที่ผ่านมาใครๆก็เห็นแล้วว่าเป็นไก่เข้าพิธีแทนกานต์ เมษาพูดขึ้นในขณะที่ผละตัวเองจากเก้าอี้ที่นั่งมาจับแขนกลมกลึงของหลานสาวเพียงคนเดียวของหล่อนให้หยุดเดินและเพื่อกล่อมอีกฝ่ายให้ยอมจำนนในสิ่งที่หล่อนกำลังพูด และเมื่อเห็นหลานสาวตั้งท่าที่จะเถียงเมษาจึงรีบเอ่ยต่อไปอย่างรวดเร็ว แล้วกระทำการชักแม่น้ำทุกๆสายที่หล่อนรู้จักมาหว่านล้อมให้หลานสาวยอมจำนน อย่า..อย่าเพิ่งเถียงป้าว่าคงไม่มีใครจับได้ ถึงแม้ไก่กับกานต์จะมีหน้าตาคล้ายกัน แต่ไก่ไม่คิดเหรอลูกว่าคนที่รู้จักทั้งไก่และกานต์จะคิดยังไง? ... กัตติกาที่พูดไม่ออกเถียงไม่ทันได้แต่นิ่งเงียบ...คนที่จู่ๆก็มีสามีโดยประมาทได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เมื่อชักเริ่มคล้อยตามในสิ่งที่ป้าของตัวเองกำลังชักจูง...ไม่ใช่ในแง่ที่ว่าหล่อนจะเสียหายหากแต่งแล้วหย่าเดี๋ยวนั้น หากเป็นเพราะแขกเหรื่อบางคนที่รู้จักหล่อนและกานต์กมลดีต่างหาก ทว่าอีกใจก็คิดว่าในเมื่อเขาและหล่อนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจะให้แต่งงานกันเข้าไปได้ยังไง เชื่อป้านะลูก...แล้วอีกอย่างตาเทวาก็ไม่ใช่ว่าจะเลวร้าย เขาเป็นเด็กดีนะเท่าที่ป้ารู้จักมา เมษาพูดเสียงอ่อย...แล้วช้อนตามองใบหน้าเรียวหวานของหลานสาว สาวใหญ่รู้ดีว่าหากทำแบบนี้ไม่มีสักครั้งที่หลานสาวคนนี้จะขัดใจหล่อนได้ สุดท้ายกัตติกาจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วถามกลับ...แต่เป็นคำถามที่เมษาฟังแล้วรับรู้ได้ทันทีว่ามันคือคำตอบของคนเป็นหลาน สรุปว่ายังไงไก่ก็ต้องแต่งงานกับอีตาเทวดานี่ใช่ไหมคะ? อย่างนี้จะสามารถเรียกว่ามีสามีโดยประมาทจะได้ไหมนะ...กัตติกาคิดในใจอย่างแสนเซ็ง ******************************** แล้วสรุปหลังจากนั้นทั้งเทวาและกัตติกาก็ต้องตกกระไดพลอยโจนแต่งงานกันจนได้ด้วยฝีปากของบรรดาผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ที่ทั้งกล่อมทั้งขู่ให้ลูกและหลานของตนเองยอมแต่งงานกัน ท่ามกลางความดีใจจนแทบจะออกนอกหน้าของวารีและเมษาที่เป็นเพื่อนสนิทกันมานานแม้จะจับคู่ผิดไปบ้างแต่ไหนๆผลลัพธ์ที่ออกมามันก็ไม่ต่างกันนั่นก็คือการที่หล่อนและเพื่อนสนิทได้กลายมาเป็นญาติกันจริงๆเสียทีก็สัมฤทธิผล แล้วจะกังวลไปทำไมให้เสียเวลา... ตลอดเวลาของพิธีที่เหลือ...ใครๆต่างก็สังเกตเห็นถึงใบหน้าที่เรียบเฉยของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ดีนะที่งานนี้ทั้งเทวินทร์และกานต์กมลไม่ได้ส่งข่าวบอกเพื่อนฝูง มิฉะนั้นงานแต่งตบตาแขกคนอื่นๆนั้นคงจะล้มเหลวตั้งแต่ก้าวแรกเสียแล้วก็เป็นได้ และแล้วเวลาของความทรมานก็สิ้นสุด...ในตอนนี้ทั้งเทวาและกัตติกาต่างก็มาอยู่ในห้องที่เมื่อไม่กี่วันมันคือห้องที่เตรียมเป็นห้องหอให้เทวินทร์ หากบัดนี้คนที่ได้ใช้ห้องนั้นคือเขาเองเสียนี่! รู้อย่างนี้เขาไม่น่าหัวเราะเยาะไอ้วินมันเลยตอนที่แม่บอกว่าจะให้มันแต่งงาน เทวาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาตัวนุ่มที่ตั้งอยู่มุมห้อง ทิ้งให้เจ้าสาวของเขาต้องยืนเคว้งอยู่กลางห้องโดยไม่สนใจ หลังจากที่บรรดาผู้ใหญ่นั้นเพิ่งออกจากห้องไปไม่ถึงห้านาทีดีหลังจากให้พรก่อนเข้าหอเสร็จ ทั้งที่ตอนนั่งฟังเทวาอยากจะตะโกนออกมาให้ได้รับรู้กันว่าเขาไม่ได้ต้องการ ไม่ได้อยากแต่งงานโว้ย! กัตติกาปรายตามองใบหน้าคมคายของเจ้าบ่าวเห็นท่าทางเฉยชาของเขาก็ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น...แล้วตัดสินใจหันไปมองทางตู้เสื้อผ้า เปิดตู้ออกมาแล้วพบว่าข้าวของส่วนหนึ่งของหล่อนอยู่ในตู้เรียบร้อยอารมณ์ก็ยิ่งขุ่นมัวมากยิ่งขึ้น จัดการหยิบเอาผ้าเช็ดตัวและชุดนอนออกมา นี่ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ป้าหล่อนจัดการได้อย่างรวดเร็วเหลือเกิน...สงสัยอยากจะขับไล่ไสส่งหลานสาวคนนี้เต็มแก่ล่ะสิ! หญิงสาวคิดแล้วทำท่าจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันได้เหยียบย่างเข้าไปจู่ๆร่างของคนเป็นเจ้าบ่าวก็วิ่งแซงหน้าหล่อนขึ้นมาแล้วชิงเข้าห้องน้ำตัดหน้าหล่อน!...และอะไรก็ไม่ร้ายเท่ากับร่างสูงที่อยู่ในชุดสูทสีขาวเต็มยศของเจ้าบ่าวของหล่อนนั้นฉวยเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่หล่อนถืออยู่ไปเสียดื้อๆ! ไอ้บ้า...ไอ้คนทุเรศ! นี่เหรอเด็กดีของป้าเม...โกหก! โกหกชัดๆ... กัตติกาได้แต่อ้าปากค้างกับการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อหล่อนตั้งสติได้ศึกชิงห้องน้ำจึงบังเกิดขึ้น... ปังๆ ปัง! ออกมาเดี๋ยวนี้นะคุณเทวา... กัตติกาทุบประตูห้องน้ำอย่างแรง โดยไม่กลัวว่าเสียงโครมครามจะดังออกไปถึงข้างนอก ออกมา! แล้วประตูก็เปิดแง้มออกมาตามคำเรียกของหญิงสาว แต่ที่น่าเจ็บใจคือร่างสูงนั้นดันอยู่ในสภาพที่เสื้อนั้นกระดุมถูกปลดออกมาแล้วทุกเม็ดเผยให้เห็นอกกว้างและหน้าท้องแบนราบ...กรี๊ด นั่นมันซิกแพคชัดๆ! กัตติกาตาโตจ้องมองชายหนุ่ม ก่อนจะรู้สึกตัวว่าตัวเองเผลอจ้อง(ซิกแพค)ก็เมื่อเขาทำท่าบีบเนื้อบีบตัวแล้วรีบคว้าสาปเสื้อที่เปิดอ้าให้มันกระชับเข้ามาเมื่อเห็นว่าหญิงสาวจ้องเขาตาค้าง บ้าเอ้ย...อีตานี่ทำท่าเหมือนหล่อนจ้องจะข่มขืนเขาชัดๆ! นี่คุณ ไม่ต้องมาทำท่าเหมือนฉันจะข่มขืนคุณเลยนะ! กัตติกาแหวออกมาอย่างอดไม่ไหว ใบหน้าสวยแดงก่ำ...ด้วยแผงอกตรงหน้าหรือท่าทางกวนโทสะของผู้ชายตรงหน้าก็สุดรู้... มารยาทคุณทรามมากกก... หญิงสาวเน้นคำว่า มาก เป็นพิเศษ ...คุณเทวา ทั้งๆที่ก็เห็นอยู่ว่าฉันกำลังจะเข้าห้องน้ำ แต่คุณวิ่งมาตัดหน้าฉันก่อนนี่นะ แล้วไง? เทวายกแขนข้างหนึ่งขึ้นค้ำกรอบประตูห้องน้ำแล้วตอบหญิงสาวด้วยสีหน้าเฉยเมย...แต่เป็นสีหน้าที่กัตติกาเห็นแล้วอยากจะหาอะไรมาทุ่มใส่หัวเขาเหลือเกิน แล้วไงอย่างนั้นเหรอคุณเทวา...คุณแย่งฉันเข้าห้องน้ำแล้วมาถามว่าแล้วไงนี่นะ? แล้วที่สำคัญอีตานี่ยังฉวยผ้าเช็ดตัวหล่อนไปใช้ด้วย! ทุเรศที่สุด! อืม... ฮึ่ย กัตติการ้องออกมาอย่างทนไม่ไหว วันนี้หล่อนเหนื่อยมามากพอแล้ว ทำไมหล่อนต้องมาทะเลาะกับอีตาบ้านี่ด้วยนะ! ก็มันทุเรศมากๆยังไงล่ะ คุณนี่นอกจากจะมารยาทแย่แล้วนิสัยยังแย่อีก! หล่อนตะโกนใส่หน้าเขา แต่สิ่งที่เทวาทำกลับมีเพียงยกมือขึ้นปิดหูด้วยสีหน้าเฉยๆเช่นเดิม ดวงตาคมดำจัดเป็นประกายขบขันยามเมื่อมองภาพใบหน้าสวยที่แดงก่ำด้วยความโมโหของหญิงสาวตรงหน้า ริมฝีปากบางสีสดของเขากระตุกเป็นรอยยิ้มเหยียดตรงมุมปากก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นหญิงสาวจ้องมองเขาตาขวาง งั้นเหรอ... เทวาตอบกลับ แล้วชายหนุ่มก็รีบถอยเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็วหลังจากที่พูดประโยคที่ทำให้กัตติกาแทบอยากจะโดดเข้าไปทึ้งผมเขาให้หมดหัวหากเทวาไม่ปิดประตูห้องน้ำใส่หน้าหล่อนเสียก่อน แต่ที่นี่มันบ้านผม...ให้เจ้าของบ้านเข้าห้องน้ำก่อนมันก็ถูกต้องแล้วนะครับ...คุณผู้อาศัย อ๊าย! นายเทวา...ไอ้คนบ้า...คนทุเรศ...ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ...ออกมา! *********************************** จบตอนที่ 2 ลุ้นรักชุลมุน - บทที่ 1 เจ้าบ่าวผิดฝา...เจ้าสาวผิดตัว! โดย รุ่งรัตนา(วินุตตา)
บทที่ 1 เจ้าบ่าวผิดฝา...เจ้าสาวผิดตัว!
เสียงเปียโนที่บรรเลงเพลง Bridal chorus ดังคลอในทุกจังหวะการเดินของหญิงสาว มือบางของหล่อนที่คล้องแขนกับญาติผู้ใหญ่ซึ่งในวันนี้ทำหน้าที่ส่งตัวเจ้าสาวแทนพ่อกับแม่ซึ่งจากไปนานแล้วเย็นเฉียบ ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เจ้าบ่าวที่กำลังยืนรอยู่ตรงหน้าเท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งวิตกกังวลและรู้สึกเหมือนกับจะสั่นได้ทุกเมื่ออย่างเห็นได้ชัด ฝ่ามือถูกส่งต่อให้กับเจ้าบ่าว แล้วพิธีก็เริ่มต่อไปเรื่อยๆตามที่มันควรจะเป็น หากหญิงสาวกลับไม่ได้ใส่ใจมากนัก จนเวลาผ่านไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายซึ่งเป็นขั้นตอนที่หล่อนกังวลมากที่สุด “บัดนี้พ่อขอประกาศว่าคนทั้งคู่ต่างเป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์ เจ้าบ่าวเชิญจุมพิตเจ้าสาวได้” สิ้นเสียงประกาศของบาทหลวงทำเอาหญิงสาวสะดุ้ง ไม่นะ! เปิดผ้าคลุมหน้านี้ขึ้นมาเมื่อไหร่...เรื่องทุกอย่างจบเห่ที่ตรงนี้แน่ๆ! หญิงสาวผงะถอยเมื่อมือหนาของเจ้าบ่าวยื่นมาตรงหน้า หญิงสาวเห็นเจ้าบ่าวของเธอขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นกริยาของเขาเธอก็ยิ่งรู้สึกใจเต้นแรง หญิงสาวรู้ดีว่าไม่ใช่เพราะเธออายหรือตื่นเต้น หากแต่เป็นเพราะเธอกลัวมากกว่า ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อมือหนาพยายามจะเปิดผ้าคลุมหน้าของเธอขึ้น เมื่อเห็นว่าเจ้าสาวนั้นเอาแต่เบี่ยงศีรษะหลบตลอด เจ้าบ่าวของงานรู้สึกแปลกใจว่าทำไมเจ้าสาวของเขาถึงได้เอาแต่เล่นเจ้าล่อเจ้าเถิดกับเขาแบบนี้ ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจคว้ามือของหล่อนแล้วออกแรงดึงเจ้าสาวให้เข้ามาใกล้ หญิงสาวที่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีนี้ถึงกับเซถลาปะทะกับอก แล้วชายหนุ่มก็ฉวยโอกาสนี้เปิดผ้าคลุมหน้าสีขาวขึ้นในที่สุด ดวงตาคมเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าสาวชัดถนัดตา...ไม่ใช่ว่าเจ้าหล่อนไม่สวย เจ้าสาวของงานในวันนี้สวยมากในสายตาของเขา ใบหน้าเรียวสวย ดวงตากลมโตคู่นั้นที่บัดนี้กำลังมองเขาอย่างตื่นตระหนก จมูกโด่งพองาม และริมฝีปากที่ตอนนี้กำลังเผยอค้าง ชายหนุ่มรีบดึงสติของตนเองกลับมาโดยเร็ว งานแต่งในวันนี้ผิดพลาด! ผิดพลาดทั้งหมด! หัวใจของเขาคิดอย่างลิงโลดและเบิกบาน ริมฝีปากหยักสวยของชายหนุ่มขยับเปล่งเสียงพูดออกมา หากเป็นคำพูดที่ทำให้เจ้าสาวถึงกับตาเหลือก “เธอ! ไม่ใช่...อุ๊บ!” คำพูดสุดท้ายกลืนหายไปในลำคอทันทีเมื่อเจ้าสาวผู้อาจหาญนั้นตัดสินใจกระโดด ‘จูบปิดปาก’ เจ้าบ่าวของงาน แถมมือทั้งสองข้างของหล่อนยังกดศีรษะของเจ้าบ่าวที่พยายามขยับศีรษะหนีตรึงไว้แน่น ท่ามกลางสายตาของแขกเหรื่อที่จ้องมองการกระทำที่สลับกันของคู่บ่าวสาวด้วยอาการตาค้าง อู๊ววว! ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ หลังจากนั้นทั้งเธอและเจ้าบ่าวก็แยกจากกัน หากก็ตรงมายังเป้าหมายเดียวกันคือโรงแรมที่ใช้สำหรับจัดงานแต่งในช่วงเย็น ในขณะนี้หญิงสาวก็อยู่คนเดียวภายในห้องพักของโรงแรมที่เปิดเอาไว้ให้เธอใช้แต่งตัว เพื่อรองานเลี้ยงฉลองแต่งงานตอนเย็นอีกที ในระหว่างนั้นเจ้าสาวผู้เพิ่งขโมยจูบเจ้าบ่าวมาหมาดๆก็ได้แต่นั่งบิดมือของตนเองไปมา ตอนนี้หล่อนกำลังหวั่นวิตกและกำลังกลัว หญิงสาวคิดถึงหน้าตาและคำพูดของเจ้าบ่าวที่แสดงออกมาทำให้เธอหวั่น...เขากำลังจะพูดอะไรออกมา? หรือเขารู้? เป็นไปไม่ได้ ยัยกานต์ไม่เคยไปเจอเขาเลยสักครั้ง เหมือนๆกับที่เธอไม่เคยเจอเขา แต่...ก็ไม่แน่ บางทีเขาอาจจะเห็นหน้ายัยกานต์จากรูปเหมือนที่เธอเห็นเขาจากรูปก็เป็นได้ โอ๊ย! ปวดหัว! หญิงสาวยกมือกุมหัวตัวเอง เมื่อไหร่งานบ้าๆนี่จะผ่านไป แล้วเธอจะได้สารภาพความจริงทั้งหมดเสียที! หากหญิงสาวก็ต้องเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นร่างอวบของคุณป้าที่เคารพรักมาหยุดยืนตรงหน้าพร้อมกับทำหน้าเหยเก “ยัยไก่...ตอนนี้ได้ฤกษ์จดทะเบียนสมรสแล้วลูก...” คุณเมษาพูดในขณะที่หญิงสาวที่ได้ฟังรู้สึกเหมือนกับจะเป็นลม ++++++++++++++++++ ในเวลาเดียวกัน...สถานที่เดียวกัน...หากต่างกันเพียงห้องพักเท่านั้น ชายหนุ่มที่ยังคงอยู่ในชุดทักซิโดสีขาวแม้จะผ่านพิธีภายในโบสถ์มาแล้วกำลังครุ่นคิดหนัก ภาพใบหน้าของเจ้าสาวที่เขาเห็นเต็มๆตาทำให้เขารู้ว่า ผู้หญิงที่เขาเข้าพิธีด้วยในวันนี้ไม่ใช่เจ้าสาวของงาน! เขาต้องรีบไปบอกพวกผู้ใหญ่...ให้ยกเลิกการฉลองงานแต่งในตอนเย็นไปซะ! ส่วนพิธีช่วงเช้าที่ผ่านมานั้นช่างมัน...เพราะแขกเหรื่อที่มาส่วนใหญ่ต่างก็เป็นคนสนิทของครอบครัวแต่ละฝ่าย แล้วคนก็ไม่เยอะมากเหมือนงานฉลองตอนเย็นที่เป็นข้ออ้างให้แม่บังคับเขาด้วย สงสัยทางฝ่ายเจ้าสาวคงใช่วิธีเดียวกันในการแก้ปัญหาเป็นแน่...เขาคิด ในเมื่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาวของงานต่างก็ไม่อยู่ทั้งคู่...งานก็สมควรยกเลิกได้แล้ว! ชายหนุ่มทุบกำปั้นลงบนมืออีกข้างที่แบรับไว้ แล้วคลี่ยิ้มออกมาเมื่อคิดหาทางออกได้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าความฝันของเขากำลังจะสลาย... “ตาวา!” เสียงเรียกชื่อเขาดังออกมาจากลำคอของมารดาที่เดินมาตามเขาพอดี ท่านรีบก้าวเข้ามาคว้าแขนเขาไว้แน่นแล้วลากเขาออกมาทันที “ไปไหนครับแม่?” ตาวาของคุณวารีร้องถามแม้ขาจะก้าวตามแต่โดยดีจนมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องที่อยู่ตรงข้ามกับห้องของเขา คุณวารียกมือขึ้นทำท่าจะผลักประตูเปิดเข้าไปยังห้องพักที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “จดทะเบียนสมรส” คุณวารีตอบด้วยน้ำเสียงร้อนรน แต่ชายหนุ่มแทบตากลับเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ไม่! ไม่จด!” เขาร้องออกมาทำให้คุณวารีชะงักมือ หญิงสูงวัยหันขวับมามองลูกชายตนเองทันที แต่ชายหนุ่มมาสนใจ “จดไม่ได้! แม่ไม่รู้เหรอว่ายัยนั่น...! ” ไม่ใช่เจ้าสาวตัวจริง “จดๆไปก่อนนะตาวา เดี๋ยวค่อยแก้ปัญหากันทีหลัง!” คุณวารีเอ่ยขัดขึ้นก่อนที่เขาจะทันพูดจบแล้วผลักประตูเปิดเข้าไปในทันที ++++++++++++++++ ในตอนนี้หญิงชายคู่หนึ่งกำลังนั่งเคียงคู่กัน เบื้องหน้าของทั้งคู่คือใบทะเบียนสมรสที่เพิ่งวางลงต่อหน้าพวกเขาเมื่อนาทีที่แล้ว เจ้าสาวจ้องมองใบทะเบียนสมรสตาแทบถลนด้วยไม่คิดว่าเธอจะต้องมาอยู่ในสถานการณ์นี้... จดทะเบียนสมรส! ตายๆๆ เธอมีแต่ตายลูกเดียวหากใครจับได้...ตายแน่ๆ... หญิงสาวคร่ำครวญในอก มือเล็กชื้นเหงื่อจนเธอรู้สึกได้ หญิงสาวหันไปมองใบหน้าซีดขาวของคนเป็นป้าด้วยสายตาอ้อนวอน...อ้อนวอนขอให้ท่านเลิกล้มความคิดที่จะให้เธอแต่งงานแทนยัยกานต์ลงเสียที... แกกลับมาเมื่อไหร่นะยัยกานต์...แกตาย! หญิงสาวคิด โดยที่เธอไม่ทันสังเกตว่าเจ้าบ่าวที่นั่งอยู่ข้างๆเธอก็หันไปมองใบหน้าของบิดามารดาที่ทำหน้าหนักใจ ชายหนุ่มก็ได้แต่หันกลับมามองทะเบียนสมรสที่อยู่ตรงหน้าตามเดิม บรรยากาศภายในห้องเงียบกริบ ตรงหน้าพวกเขาคือเจ้าหน้าที่ซึ่งพ่อกับแม่ของฝ่ายเจ้าบ่าวนั้นติดต่อมา แล้วพลันคู่บ่าวสาวก็ถอนหายใจเฮือกออกมาพร้อมกัน...ตั้งแต่ก้าวเข้ามาภายในห้อง ทั้งสองคนต่างไม่มองหน้ากันสักนิด ผิดปกติวิสัยของคนที่กำลังจะแต่งงานกัน แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา...ด้วยรู้ดีถึงชนักที่ติดหลังของแต่ละคน ชายหนุ่มตัดสินใจดึงใบทะเบียนสมรสมาเซ็นปราดๆให้มันจบๆลงไป เช่นเดียวกับเจ้าสาวที่นั่งข้างกายที่ดึงใบทะเบียนสมรสมาเซ็นโดยที่ไม่มองมันด้วยซ้ำเช่นเดียวกัน ริมฝีปากของคนเป็นเจ้าสาวขบเม้มแน่นยามเมื่อผลักกระดาษตรงหน้าของเธอไปให้คนที่นั่งข้างๆ เช่นเดียวกับเจ้าบ่าวที่ทำอย่างเดียวกัน แล้วทั้งคู่ก็รับมาเซ็นปราดๆพร้อมๆกัน และเมื่อเซ็นเสร็จถึงได้ก้มลงมองไอ้สิ่งที่ตัวเองเขียนชื่อลงไป ในขณะที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังก้มหน้ามองทะเบียนสมรสของตนเองนั้น บรรยากาศที่เงียบกริบเพราะบรรดาผู้ใหญ่อีกสี่คนที่อยู่ในห้อง ก็ทำหน้าต่างอยากจะกลั้นใจตายไปพร้อมๆกัน เว้นเสียแต่คุณเทวัญที่ตอนแรกอยากจะห้ามและบอกความจริงกับคุณเมษาไป เสียแต่คุณวารีผู้เป็นภรรยาถลึงตามองปรามเลยทำให้เขาได้แต่เก็บปากเงียบ ทางด้านคุณเมษาก็เช่นกัน เธอลืมคิดไปเสียสนิทเลยว่าวันนี้กานต์กมลต้องจดทะเบียนสมรสด้วย จะเอ่ยปากบอกความจริงให้คุณวารีกับคุณเทวัญฟังก็ไม่กล้า เลยจำต้องปล่อยให้หลานสาวของเธอทำหน้าที่นั้นไปก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยหาทางรอดทีหลัง แล้วในขณะที่ทางผู้ใหญ่กำลังคิดหนักกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า คนสองคนที่กลายเป็นสามีภรรยากันโดยทางนิตินัยแล้วต่างทำตาโตแทบจะถลนออกมานอกเบ้าเสียได้ โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่แทบอยากจะเอาหน้าไปแนบดูกับทะเบียนสมรสให้มันเห็นชัดๆตาไปเสียเลย! ถ้าเธอแกะลายมือนั้นอ่านไม่ผิด มันเขียนว่า... เทวา วิริยะสกุล เทวาอย่างนั้นเหรอ? ทำไมไม่ใช่เทวินทร์ล่ะ และในระหว่างที่หญิงสาวกำลังครุ่นคิดอยู่นั่นเอง คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าบ่าวก็จ้องมองลายเซ็นของเจ้าสาวนิ่งเช่นกัน “เทวา...วิริยะสกุล” “กัตติกา...ดารารัตน์” เสียงของทั้งคู่ดังขึ้นพร้อมๆกัน แล้วต่างฝ่ายต่างก็ลุกพรวดขึ้นมาทันที หญิงสาวและชายหนุ่มชี้หน้ากันและกันแล้วตะโกนออกมาดังลั่น...พร้อมกัน “เธอไม่ใช่เจ้าสาวนี่!” “นายไม่ใช่เจ้าบ่าวนี่!” ++++++++++++++++++ จบตอนที่ 1 ลุ้นรักชุลมุน - บทนำ
โดย...รุ่งรัตนา บทนำ ในห้องแต่งตัวของเจ้าบ่าว... ใบหน้าของคนสามคนที่อยู่ภายในห้องต่างซีดเผือดลงโดยพร้อมเพรียงกัน โดยเฉพาะหญิงวัยกลางคนที่อยู่ในอาภรณ์หรูหราที่เป็นคนถือจดหมายหรือจะเรียกให้ถูกคือแผ่นกระดาษที่มีข้อความเพียงบรรทัดเดียว แต่เป็นบรรทัดเดียวที่ทำให้คนถือนั้นถึงกับรู้สึกจะเป็นลม คุณแม่ครับ ขอโทษด้วยที่ผมไม่สามารถฝืนใจแต่งงานกับคนที่ผมไม่ได้รักได้ หวังว่าคุณแม่จะให้อภัยในสิ่งที่ผมตัดสินใจทำ เทวินทร์ ตายๆ ตาย! โอ๊ย! น้องล่ะอยากจะเป็นลมจริงๆนะคะคุณพี่! นายวินมันทำแบบนี้ได้ยังไงกั๊น!! คุณวารีกรีดเสียงร้องถามคนเป็นสามี แล้วยกมืออวบอูมของเธอทาบอก ร่างอวบทำท่าโงนเงนราวกับจะเป็นลมดังที่ปากพูดทำให้คุณเทวัญ ที่ยืนอยู่ข้างๆคุณวารีรีบเข้าไปประคองร่างของภรรยาอย่างรวดเร็ว ใจเย็นๆก่อนน้ำ คุณพี่คะ! คุณพี่จะให้น้องใจเย็นได้ยังไงกัน นายวิน...นายวิน มันทำ...มัน...โฮ... จบคำพูดคุณวารีก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมาดังลั่นพลางตบลงบนอกของตนเองพลางร้องคร่ำครวญถึงชื่อเสียงที่กำลังจะป่นปี้หากว่าแขกเหรื่อที่กำลังรออยู่ภายนอกรับรู้ว่าเจ้าบ่าวของงานในคืนนี้...หนีไปแล้ว โฮ...เธอล่ะอยากจะกลั้นใจตายเสียจริงๆ! ลูกหนอลูก...ทำแบบนี้กับเธอได้อย่างไรกัน... แล้วอย่างนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะคะพี่น้ำ ตาวินเล่นหนีไปดื้อๆแบบนี้น่าตีจริงๆเชียว คุณวารินพูดขึ้นในขณะที่มือก็โบกเจ้ากระดาษที่พ่อหลานชายตัวดีของเธอทิ้งข้อความบอกทุกๆคนไว้นั่นแหละโบกพัดให้กับพี่สาวที่ตอนนี้ยืนทำตาปรือทำท่าจะเป็นลมแหล่มิเป็นลมแหล่ภายในอ้อมแขนของคุณเทวัญ แล้วนี่อะไรกัน! ถ้าไม่รักไม่ชอบหนูกานต์ทำไมไม่บอกเสียตั้งแต่แรกๆ...นี่อาร๊าย! ทำท่ายอมมาตลอดแล้วจู่ๆเล่นหนีไปเฉยเลยแบบนี้ แล้วทีนี้พี่น้ำจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันล่ะคะ! โฮ! ยิ่งได้ฟังคำพูดของน้องสาวคุณวารียิ่งร้องเสียงดังมากยิ่งขึ้นร้อนถึงคุณเทวัญที่ทำหน้าที่ปลอบคนเป็นภรรยาให้ใจเย็นลง ในขณะที่ปรายตาไปมองคุณวารินที่ยืนข้างๆกัน คิ้วเรียวที่กันอย่างดีของเธอขมวดเป็นปมในขณะที่มือก็พัดเจ้ากระดาษให้กับภรรยาของเขาด้วยสายตาไม่ชอบใจนักที่พูดให้คุณวารีคร่ำครวญมากขึ้นกว่าเดิม พี่ว่าน้ำหยุดร้องไห้ก่อนดีกว่าแล้วรีบมาช่วยกันคิดแก้ปัญหาก่อน เอ๊ะ! นี่คุณพี่ว่าน้องเหรอคะ? คุณวารีที่ทำท่าจะเป็นลมถามสามีเสียงเขียว หมดสภาพคนเป็นลมในทันที พี่ก็บอกให้เธอเลิกร้องคร่ำครวญแล้วมาช่วยกันแก้ปัญหากันดีกว่าน่ะสิ ดู๊! ดูนะฝน ดูพี่เขยของเธอมาหาว่าพี่เป็นตัวถ่วงปัญหา... คุณวารีหันไปพูดเป็นเชิงฟ้องกับน้องสาวทำให้คุณเทวัญได้แต่ถอนหายใจเฮือกออกมาอย่างไม่ปิดบังและนั่นยิ่งทำให้คุณวารีรู้สึกเหมือนถูกว่าทางอ้อม นั่นๆ ถอนหายใจด้วย...พี่เขยเธอถอนหายใจด้วยนะยัยฝน! หยุดโวยได้แล้วน่าน้ำ คุณเทวัญพูดในขณะที่ดึงตัวคุณวารีที่กำลังเกาะแขนคนเป็นน้องสาวแล้วฟ้องออกมา แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้เอ่ยอะไรออกมาต่อ ประตูของห้องพักที่พวกเขาจองเอาไว้ให้เป็นห้องแต่งตัวของเจ้าบ่าวก็เปิดออก ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทสีดำสนิทแนบไปกับลำตัวขับให้คนใส่ดูดีถึงดีมาก แล้วยิ่งประกอบกับใบหน้าหล่อเหลาดั่งพระเจ้าบรรจงสร้างไม่ว่าจะเป็น จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบเหมือนริมฝีปากของผู้หญิง คิ้วเข้มพาดเหนือดวงตาคมสีดำสนิททำให้บุคคลทั้งสามในห้องต่างหยุดถกเถียงกันทันทีแล้วจ้องผู้มาใหม่เป็นตาเดียว คุณพ่อ...คุณแม่...น้าฝน มองผมทำไมเหรอครับ? ... ไม่มีคำตอบหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากของบุคคลที่ถูกเรียก แต่ทุกๆคนต่างก็หันไปสบตากันอย่างมีเลศนัยเว้นแต่ผู้มาใหม่เท่านั้นที่ได้แต่มองคนโน้นทีคนนี้ทีด้วยสายตางุนงง แล้วนี่นายวินมันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนนะ! ตอนนี้ก็ใกล้จะเริ่มงานแล้วด้วย ชายหนุ่มคิดในขณะที่สอดส่ายสายตามองหาคนที่เป็นเจ้าบ่าวของงานในวันนี้ไปด้วย น้องว่าเรารอดตายแล้วนะคะพี่น้ำ...คุณพี่เขย คุณวารินพูดขึ้นมา ในขณะที่พี่น้ำและคุณพี่เขยต่างพนักหน้ารับแล้วทุกๆสายตาก็หันขวับไปมองคนที่อายุน้อยที่สุดโดยพร้อมเพรียง ทำเอาคนถูกมองอดที่จะสะดุ้งไม่ได้ คุณวารีปราดเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว ตามด้วยคุณวารินที่ตามติดมาอย่างกระชั้นชิด สายตาของหญิงวัยกลางคนทั้งสองที่เอาแต่มองเขาอย่างประเมินทำให้ชายหนุ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างไรพิกล เขาหันไปสบตากับผู้เป็นบิดาก็เห็นว่าท่านมองเขาเขม็งด้วยสายตาครุ่นคิดเช่นกัน น้องว่าตาวาขาวกว่าตาวินนะคะพี่น้ำ แต่พี่ว่าแค่ใบหน้าเหมือนกันนี่ก็ใช่ได้แล้วนะฝน งั้นคงพอกล้อมแกล้มไปได้ล่ะค่ะคุณพี่อีกอย่างเขาคงไม่สักเกตหรอกมั้งคะว่านายวินมีผิวขาวมากกว่าปกติ พี่ก็ว่าอย่างนั้น คุณวารีพยักหน้าหงึกในขณะที่มือก็พลิกใบหน้าของชายหนุ่มที่กำลังถูกดูตัวอย่างพินิจพิจารณาไปด้วย ตาวา... คุณวารีเรียกชื่อเขาออกมาในที่สุด อะไรครับแม่ แม่วานอะไรหน่อยสิ อะไรครับ ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกเสียวสันหลังอย่างไรชอบกล... ช่วยเป็นเจ้าบ่าวแทนนายวินที... หา! ++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ในห้องแต่งตัวของเจ้าสาว... คุณแม่คะ... กานต์ขอโทษที่ไม่อาจแต่งงานกับคุณเทวินทร์ได้ กานต์ไม่ได้รักเขา หวังว่าแม่จะให้อภัยกานต์นะคะ กานต์กมล โอย...ฉันจะเป็นลม หลังจากที่อ่านจบคุณเมษาร้องขึ้นแล้วพลันร่างของเธอก็ซวนเซไปมา จนหลานสาวที่ยืนหน้าซีดไม่แพ้กันรีบปรี่เข้ามาประคองอย่างรวดเร็ว ใจเย็นๆนะคะคุณป้า หญิงสาวพูดพลางพยุงร่างที่อวบของคนเป็นป้าให้ไปทรุดนั่งที่เก้าอี้อย่างทุลักทุเล จะให้ป้าใจเย็นได้ยังไงยัยไก่! หมดๆ หมดกัน...ป้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มีลูกสาวกับเขาคนเดียวแล้วมาทำงามหน้านัก! คุณเมษาคร่ำครวญในขณะที่มือข้างหนึ่งที่มีกระดาษจดหมายของกานต์กมล ลูกสาวคนเดียวทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า ก่อนที่เจ้าตัวจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย...ในวันแต่งงานของตัวเอง! ถ้ามันไม่เต็มใจตั้งแต่แรกทำไมมันไม่มาบอกฉัน! เอ่อ...ไก่ว่าเรารีบไปบอกคุณป้าวารีกับคุณลุงเทวัญดีกว่านะคะ คุณเมษาที่ได้ยินคำแนะนำของหลานสาวก็ได้แต่ร้องค้านเสียงดัง ต๊าย! ไม่ได้ๆ ยังไงก็ไม่ได้นะยัยไก่! ถ้าไปบอกอย่างนั้นยัยน้ำต้องเอาป้าตายแน่ๆ แล้วไหนจะแขกเหรื่อที่รออยู่ข้างนอกอีกล่ะ โอย...แค่คิดป้าก็อยากจะตายแล้วยัยไก่ ถ้าไม่บอกคุณลุงเทวัญคุณป้าวารี แล้วคุณป้าจะทำยังไงล่ะคะ เฮ้อ... คุณเมษาถอนหายใจยาวพลางหลับตานิ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาแล้วสปริงตัวนั่งหลังตรงอย่างรวดเร็วหมดคราบคนกำลังจะเป็นลมจนกัตติการู้สึกทึ่ง ยัยไก่! คุณเมษาเรียกชื่อหลานสาวออกมาดังลั่น จนคนถูกเรียกถึงกับสะดุ้ง อะไรคะคุณป้า? เรานั่นแหละ...เราต้องช่วยป้านะ ช่วยอะไรคะ? ช่วยเป็นเจ้าสาวแทนยัยกานต์ที! อะไรนะคะ?!! +++++++++++++++++++ จบบทนำ และเป็นบทนำชุดเดียวกันกับชุลมุนลุ้นรักค่ะ อิอิ เนื่องจากทุกอย่างเริ่มต้นที่นี่ จะไม่ลงก็กลัวจำเนื้อหาไม่ได้ งั้นก็ ลงซะเลย อิอิ |
การิ๋งกิ๋งกิ๋ง
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านหลังน้อยของธีรตี - พิรฏาค่ะ ^^ ผ่านไปผ่านมาแวะทักทายกันได้นะคะ งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม
Group Blog
All Blog |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |