2553 พฤศจิกายน
------------------------------------------------------------------------------------------ 3 พฤศจิกายน 2553 ** มีงานรออยู่ แต่ขี้เกียจอีกแล้ว เป็นวัฒนธรรมปนสันดอนส่วนตัวไปแล้ว ตอนนี้ใจมันเตลิดไปกับการถ่ายรูป ถ่ายด้วย ipod กำลังเห่อสุดๆ จะไม่เห่อขนาดนี้หรอก ถ้ามันทำได้แค่ดูหนังฟังเพลงเล่นเน็ต แล้วจบ แต่มันถ่ายรูปได้ แถมไปโหลด app (application) เกี่ยวกับกล้อง เกี่ยวกับการถ่ายภาพแบบต่างๆมาใช้ ที่ชอบมากๆ คือถ่ายแล้วออกมา เหมือนกล้องโลโม่ก็มี เหมือนแบบโพราลอยด์ก็มี มีหมดเลย ทั้งแบบพาโนราม่า แบบตาปลา แบบสี่เลนส์ สะใจ ถ่ายรูปทุกอย่างที่คิดว่าน่าจะสวยอย่างเมาส์มันส์ แถมแบบโพลารอยด์ยังทำเก๋ด้วยการคงอารมณ์แบบดั้งเดิมไว้ คือ พอถ่ายเสร็จ ต้องรอให้ภาพค่อยๆขึ้นมาแบบฟิล์มจริง สนุกซู๊ดๆไปเลย ที่ว่ามาทั้งหมดเป็น app ที่โหลดฟรี 555 ยิ่งสะใจคนสุดงกอย่างเราเข้าไปอีก แต่ความละเอียดรูปมันก็ได้แค่ประมาณ 100-150 kb ต่อรูปเท่านั้นเอง ยกเว้นถ่ายแบบโพราลอยด์ความละเอียดจะอยู่ที่ประมาณ 500 kb ต่อรูป สำหรับคนที่ชอบฟิล์มจริง ถ่ายจริง ไม่รู้ว่าจะคิดยังไงกับ app นี้------------------------------------------------------------------------------------------ 4 พฤศจิกายน 2553 ** โพราลอยด์ฟีเวอร์อย่างต่อเนื่อง ความเห่อยังคงสถิตอยู่ ไม่รู้ว่าจะหายเห่อเมื่อไหร่ ตอนนี้ก็เลยเดินไปทางนั้นที ทางโน้นที สอดส่ายสายตาถ่ายโพราลอยด์ เก็บภาพอย่างสนุกสนาน มันดีก็ตรงที่ไม่ต้องใช้ฟิล์มจริงนี่แหละ แถม ณ ปัจจุบันนี้ ฟิล์มโพราลอยด์เขาก็เลิกผลิตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ราคาฟิล์มสำหรับโพราลอยด์ก็เลยยิ่งแพงขึ้นไปอีก จะเหลือก็แต่โพราลอยด์แบบ instax ของฟูจิที่ยังผลิตอยู่ เท่าที่อ่านๆในเน็ตคนรักโพราลอยด์เขาทำเว็บไซต์ในการอนุรักษ์โพราลอยด์กันเลย สู้ต่อไปโพราลอยด์------------------------------------------------------------------------------------------ 5 พฤศจิกายน 2553 ** กินแต่ก๋วยเตี๋ยว ก๋วยเตี๋ยวเยอะแยะไปหมด ทั้งก๋วยเตี๋ยวหมู ก๋วยเตี๋ยวรวมมิตร ก๋วยเตี๋ยวเรือ เกาเหลา ชอบพวงเครื่องปรุง ถ่ายรูปออกมาแล้วสีสวยมากๆ เคยได้ยินว่าแม้แต่ก๋วยเตี๋ยวเมืองจีนยังอร่อยสู้ก๋วยเตี๋ยวบ้านเราไม่ได้ บ้านเราเป็นพวกลิ้นรับรสดี ดูจากเครื่องปรุง หรือเวลาปรุงก๋วยเตี๋ยวสิ ครบเครื่องทุกรส เค็ม หวาน เปรี้ยว เผ็ด บ้านเรา เมืองเรา คงเป็นครัวของโลกจริงๆ------------------------------------------------------------------------------------------ 7 พฤศจิกายน 2553 ** ไปเที่ยวตลาดดอนหวาย นครปฐม โชคดีน้ำเกือบๆท่วม น้ำเยอะกว่าปรกติ เลยได้เที่ยวแบบไม่ทุลักทุเลมาก ทริปนี้นั่งล่องเรือ ชมวิว กินกิน ถ่ายรูป เม้าท์ระเบิด กินไวน์(เพื่อนเอามาด้วยหนึ่งขวด) สนุกสนานเป็นยิ่งนัก เพื่อนบางคนไม่ได้เจอหน้ากันมาน่าจะห้าปี บางคนเจอกันเป็นระยะ แม้อากาศจะมัวๆ ไม่มีแดด แต่การถ่ายรูปก็ดำเนินไปอย่างคึกคักมากกก แถมยังได้นิทานเล่มโตที่ฝากเพื่อนซื้อจากเมืองนอก นึกว่าเล่มเล็กๆ ปรากฏว่าเล่มขนาด a3 ถึงว่าทำไมแพงนัก------------------------------------------------------------------------------------------ 9 พฤศจิกายน 2553 ** ตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์แปลกๆตอนสาย เราก็ดันพูดคุยโต้ตอบไปเรื่อย ไม่ได้นึกว่ากำลังโดนหลอกอยู่ ยังดีที่ไม่ได้บอกเลขบัตรประชาชนกับเลขบัญชีธนาคารไป สองหนก่อนเราตัดสายทิ้งเลย เพราะรู้ว่ามาแนวหลอกต้มตุ๋นแน่นอน แต่แปลกคราวนี้เราคุยด้วยจนจบกระบวนการหลอกลวง เหลือแค่ขั้นตอนที่เราต้องไปเบิกตังค์ออกจากบัญชี แต่ยังดีที่เรายังมีบุญอยู่บ้างเลยมีสติไม่ได้เบิกเงินออกมา คิดทวนไปทวนมา โดนหลอกนี่หว่า ได้แต่คิดว่าสงสัยจะเพิ่งตื่นนอน ไม่พร้อมกับการจะนึกว่าโดนหลอกอยู่ เย็นวันนี้พอเราโดนหลอก ก็มีข่าวว่าแก็งค์ที่ต้มตุ๋นในลักษณะนี้โดนจับ เป็นแก็งค์จากไต้หวัน โดยอาศัยคนไทยเป็นคนโทรมาหลอกอีกที เย็นนี้เลยฉลองความปวดเศียรเวียนเกล้าในยามสาย ด้วยการเล่นเฟซบุ๊คอย่างเมามันส์เป็นเวลาหลายชั่วโมง------------------------------------------------------------------------------------------ 10 พฤศจิกายน 2553 ** ออกไปตลาด เพื่อไปตัดผม โดยมากเราจะตัดผมเดือนละครั้ง ร้านที่ตัดประจำกำลังย้ายร้านไปอยู่ทำเลใหม่ สมัยยังละอ่อน การหาร้านตัดผมที่ตัดผมได้ถูกใจ ช่างลำบากลำบน เป็นเวลาทดสอบหาร้านที่ถูกใจไปเรื่อย สุดท้ายก็ได้ร้านนี้นี่แหละ ที่ตัดผมเสร็จแล้วไม่รู้สึกว่าหน้าตาเราเด๋อๆด๋าๆจากทรงผมที่เราเลือกเอง ก่อนและหลังตัดผม เดินเล่นไปรอบๆเพื่อถ่ายรูปเล่นเป็นที่เพลิดเพลิน ไปตรงตลาดร่มหุบ ไปวัดเพชร (วัดเพชรสมุทรวรวิหาร) พอได้เวลาก็กลับบ้าน ไปตัดขนน้ำหวาน ขนยาวได้ที่ แต่ตัดไม่เยอะมาก ตัดออกประมาณนึง เพราะช่วงนี้อากาศเดี๋ยวเย็นเดี๋ยวร้อน เอาแน่เอานอนไม่ได้ เลยตัดขนเผื่อไว้สำหรับวันที่หนาวๆด้วย หลานเตยมาบ้าน ได้เล่นกันราวๆชั่วโมงนึง วิ่งไปวิ่งมา เจ้าเตยเล่นเป็นเกษตรกร ผลิตปุ๋ย หาปลา หาหอยในอ่างบัว ขุดดิน พรวนดิน แถมยังเจอเต่าตัวนึงในบ่อน้ำข้างบ้าน สุดท้ายก็เหมือนเดิมเปิดศึกเขวี้ยงฝักต้นคูนใส่กัน วิ่งหนีกันไปมาอย่างสนุกสนาน พร้อมกับการเก็บภาพยามเย็นไปด้วย------------------------------------------------------------------------------------------ 11 พฤศจิกายน 2553 ไปตลาดอีกวัน วันนี้ตั้งใจจะเดินถ่ายรูปรอบๆแม่กลองแบบสบายๆ เริ่มต้นด้วยการไปไหว้พระในวัดเพชร หรือวัดบ้านแหลมที่เรียกกันติดปาก เหมือนทุกครั้ง หลังอธิษฐานไหว้พระให้เกิดสิ่งดีๆกับเรา ครอบครัวและโลกแล้ว (ฟังดูเป็นคนดีที่เดียว) ก็เดินปิดทอง แล้วเก็เสี่ยงเซียมซี วันนี้ได้เลขหก อ่านดูแล้วดีไปหมดทุกสิ่งอย่าง รู้สึกดีทีเดียว แม้ว่า ชีวิตจริงอาจจะไม่สามารถตรงกับคำทำนายทายทัก แต่ก็ถือว่าได้อ่านว่าชีวิตจะดีก็นับว่าดีแก่ตัวเราไปก็แล้วกัน จากนั้นก็เดินออกมาตรงลานวัด เห็นรถกระบะคันนึงจอดอยู่ มีน้องหมาถูกผูกไว้ที่กระบะหลังสองตัว เลยเข้าไปทำความคุ้นเคย แล้วก็ถ่ายรูปไว้ ซักพักเจ้าของหมาก็เดินมาคุยด้วย เลยได้ความว่า ชื่อน้ำหวานกะน้ำตาล เลี้ยงน้ำหวานไว้ก่อน เอามาเลี้ยงเพราะโดนรถชนมา สะบักสบอมมาก แต่ตอนนี้สภาพดูไม่ออกว่าเคยโดนรถชน ส่วนน้ำตาลเจ้าของอุ้มมาขาย ผอมโกรก แถมเจ้าของเวลากินเหล้าก็ชอบเอาเหล้าให้เจ้าน้ำหวานกิน พอสองตัวนี้มาเจอกัน มันก็ดูแลกันเหมือนพี่น้อง (เป็นตัวเมียทั้งคู่) เวลาเห็นอะไรท่าทางไม่น่าไว้ใจ หรือมีหมาเดินผ่านบ้าน เจ้าน้ำตาล (ที่เห็นในรูป) จะรีบงับหูเจ้าน้ำหวานแล้วลากเข้าบ้าน ทำให้เรานึกถึงข่าว ข่าวนึงเมื่อหลายปีก่อน ประเทศอะไรจำไม่ได้แล้ว เป็นปลาทองในตู้มีหลายตัว มีปลาทองตัวนึงมันป่วย ว่ายขึ้นมากินอาหารเม็ดเองไม่ค่อยได้ เจ้าเพื่อนปลาทองในตู้ตัวนึง มันก็จะคอยดันเจ้าปลาทองป่วยตัวนี้ให้ขึ้นไปกินอาหาร ทั้งเรื่องหมาและปลาทองเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจมากๆสำหรับวันนี้ เดินไปทางตลาดร่มหุบ คุณยายที่ขายผลไม้อยู่เรียกให้ช่วยซื้อผลไม้ เราเลยอุดหนุนกล้วยหอมมาหวีนึง คุณยายเล่าว่าไม่นานนี้มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น มาเที่ยวและถ่ายรูปยายไว้ ไม่นานนักในวันเดียวกันนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นก็กลับมา พร้อมกับเอารูปที่ถ่ายยายมาให้ ได้ความว่าไปอัดรูปจากร้านแถวๆนี้มาให้ยาย ช่างใส่ใจ และคิดถึงใจคนอื่นจริงๆ ประทับใจอีกเรื่องนึงแล้ว ตกเย็นกลับมาทำงานต่อวาดลายเส้น และสแกนเสร็จสรรพ แต่จู่ๆคอมก็ดับเดี้ยงไปเฉยๆ เปิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ขึ้น จนเราแน่ใจว่าเจ๊ง เลยไม่พยายามเปิดมันต่อ ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน------------------------------------------------------------------------------------------ 12 พฤศจิกายน 2553 ** ยกคอมไปซ่อมที่ทวีกิจ เสียตังค์ไปอีกสามพันเจ็ด เซ็งสุดๆ เปลี่ยนเมนบอร์ดกับแรม ตอนแรกแค่ตั้งใจให้ร้านฟอร์แม็ทเครื่องและลงโปรแกรมให้ใหม่ ที่ร้านบอกสองชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เลยไปเดินเที่ยวรอบๆแม่กลอง ถ่ายรูป กิน เที่ยวหนุกหนานมากๆ เดินไปศุลกากรตรงริมน้ำ มีน้องหมามายืนเคียงเรา ชิดมากๆ ยืนห่างกันสองเซนติเมตร ด้วยความเอ็นดูมันในใจ เลยยกไอติมที่กินค้างอยู่ ให้มันกิน ดูมันดีอกดีใจมากๆ แต่ตอนเราจะเดินออกมาเพื่อไปทางอื่น มันมองตาละห้อยเลย ความผูกพันเล็กๆสงผลต่อความรู้สึกได้เหมือนกัน เดินจากมาด้วยความรู้สึกว่าอยากเอามันกลับมาเลี้ยงที่บ้านจริงๆ ผูกพันกันไปเรียบร้อย คิดในใจว่า วันหลังจะเดินไปหามัน แล้วเอาขนมไปให้มันกินใหม่ จนถึงตอนนี้คอมก็ยังไม่ได้ ไม่เสร็จ ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์บางตัว ประกอบกับเดินไปทั่วจนไม่รู้จะเดินยังไงตรงไหนแล้ว เลยเริ่มเซ็ง ต้องจัดการเซ็ง ที่นึกออกคือหาอะไรกิน เลยไปกินน้ำตกร้านที่เดินผ่านบ่อยๆแต่ยังไม่เคยชิม อิ่ม อร่อยดีแล้วก็ได้เวลาเดินกลับไปที่ร้าน สุดท้ายต้องทิ้งคอมไว้บวกกับจ่ายมัดจำเอาไว้ก่อน แล้วค่อยมารับวันหลัง กลับบ้านมาอาบน้ำ และโรยแป้งไล่หมัดให้น้ำหวาน กวาดและถูห้อง อดดูพิธีเปิดเอเชี่ยนเกมส์ที่กวางโจว ประเทศจีน เซ็งอีกรอบ------------------------------------------------------------------------------------------ 13 พฤศจิกายน 2553 ** จัดการงานที่ค้างอยู่ จนสำเร็จเสร็จสิ้นจนได้ หลังจากมีอุปสรรคหลายประการเกิดขึ้น ช่วงดึกๆไปหาเพลงจากหนัง eat pray love ฟัง หาไปหามาดันไปเจอเพลงของ Jason mraz เลยโหลดเพลง Jason mraz มาฟัง เพราะจัง เพราะจริง ฟังแล้วคุ้นหูมาก เพลงมันคงดังมานานพอดู เราถึงได้คุ้นๆหูทีเดียวเชียว------------------------------------------------------------------------------------------ 15 พฤศจิกายน 2553 ** อ่านอีท เพรย์เลิฟ ชอบตรงที่บอกว่า เบล ฟาร์ นีเอนเต (ภาษาอิตาลี) หมายถึง ความงามของการอยู่ว่าง ความงามของการอยู่ว่าง เป็นเป้าหมายของการงานทั้งปวง ความสำเร็จสุดท้ายที่คุณต้องเฉลิมฉลองให้มากที่สุด ยิ่งการอยู่ว่างของคุณประณีตและน่ายินดีเพียงใด ก็เท่ากับชีวิตคุณประสบความสำเร็จมากเท่านั้น ที่ชอบเพราะมันดูเป็นตัวเรามากๆ ไม่ใช่ว่าจะไม่ทำมาหากินหรืออยู่ไปวันๆแต่อย่างใด เพียงแค่ทำงานตามปกติ แต่เมื่อมีเวลาว่างหลังจากเสร็จงาน ก็ควรจะใช้เวลาเหล่านั้นทำให้เรามีความสุข สำราญใจให้มากๆ คงจะตรงกับอุดมคติในใจเรา เลยชอบประโยคนี้ของอิตาลีเขา------------------------------------------------------------------------------------------ 21 พฤศจิกายน 2553 ** มีเรื่องอยากบ่นอยากตำหนิคนอยู่หลายเรื่อง เรื่องเกี่ยวกับความไร้ความคิด ไร้มารยาทของคนที่เราไม่รู้จัก แต่สื่อสารมาถึงเราในรูปแบบที่ไม่คิดว่าจะเจอ พิมพ์เรื่องราวทิ้งไว้ในเวิร์ดเรียบร้อยแล้ว แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าไม่ลงดีกว่า ไม่ใช่เรื่องที่ดีที่ต้องเอามาเผยแพร่ และเป็นเรื่องส่วนตัวเกินกว่าที่จะต้องประจานกัน ** วันนี้เป็นวันดี วันลอยกระทง แม้จะไม่ได้ลอยกระทงมานาน แต่บรรยากาศก็ชวนให้รื่นเริงพอควร ลองนึกย้อนไปว่าเราเลิกลอยกระทงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้ความว่าเลิกไปเมื่อตอนเรียนมัธยมปลายนู่นเลย บางครั้งก็ไปกินบรรยากาศกับคนอื่น กับหลานๆที่บ้านแทน ตอนเย็นๆนั่งสเก็ตช์งานเสนอสำนักพิมพ์ ยังไม่ได้เสนอราคาเลย แต่สเก็ตช์ให้ดูซะแล้ว จริงๆตามขั้นตอนควรเสนอราคาให้ผ่านก่อน แล้วสเก็ตช์ให้ดู แต่ไม่เป็นไร อะไรๆก็มีข้อยกเว้นได้เสมอ------------------------------------------------------------------------------------------ 24 พฤศจิกายน 2553 ** ไปดูแฮร์รี่ พอตเตอร์มา สนุกพอประมาณ ภาคเจ็ดตอนที่หนึ่งแล้ว หนังสือสนุกว่าเยอะ แต่ก็อดตามมาดูหนังไม่ได้ทุกที ซื้อหนังสือ Urbanista guide to town มาอ่าน อ่านแล้วอยากเที่ยวหลายๆที่ตามที่หนังสือแนะนำไว้ เล็งไว้แล้วว่าจะไปที่ไหนบ้าง บางทีการอยู่ในเมือง ก็ไม่ได้หมายความว่าเรารู้จักเมืองที่เราอยู่ดีพอ ฉะนั้น อะไรที่คนอื่นไปซอกแซกหามาให้ก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย------------------------------------------------------------------------------------------ 27 พฤศจิกายน 2553 ** บางทีการอยู่เฉยๆ นั่งนิ่งๆ รออะไรบางอย่าง ทำให้เราได้มีเวลามากพอที่จะนึก คิด ไตร่ตรองในบางเรื่อง ปล่อยสมองไปเรื่อยเปื่อย คิดฟุ้งไปต่างๆนานา เวลาเหลือมากพอ พอที่จะกินกาแฟ ไอติม และเผือกทอดหนึ่งถุง 555 เหมือนจะสุนทรีย์ สุดท้ายก็ไปจบที่เรื่องกินจนได้ สองชั่วโมงผ่านไป การรอคอยก็ผ่านไปเช่นกัน------------------------------------------------------------------------------------------ 29 พฤศจิกายน 2553 ทำงาน ทำงาน ทำงาน ทำงาน อย่างเร่งด่วน ตอนมีเวลาก็ไม่ทำ พอเวลาน้อยๆก็เริ่มจะไฟลนก้น เคยอยากจะแก้นิสัยแบบนี้ให้หมดไป แต่สุดท้ายก็ยอมรับโดยดีว่านี่แหละเรา ถ้าทำอย่างอื่นก็คงไม่ใช่เรา เรียกง่ายๆว่ายอมแพ้ไปโดยปริยาย นับได้ว่าแม้จะทำงานเชื่องช้า แต่ท้ายที่สุดพอเครื่องติด งานก็เดินหน้าแบบเรือด่วนเลยทีเดียว เพ้อเจ้อจริงเลยเรา 5555------------------------------------------------------------------------------------------
Create Date : 04 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 17 ธันวาคม 2554 13:38:23 น.
17 comments
Counter : 1106 Pageviews.
โดย: หนูมาลี IP: 125.27.2.171 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา:20:25:32 น.
โดย: หนูมาลี IP: 125.27.31.49 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2553 เวลา:23:19:48 น.
โดย: งิ้ว IP: 110.49.205.177 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2553 เวลา:23:33:43 น.
โดย: Neilnuch_T วันที่: 8 พฤศจิกายน 2553 เวลา:20:30:34 น.
โดย: งิ้ว IP: 110.49.205.106 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2553 เวลา:23:56:40 น.
โดย: ถ่านหินจำศีล วันที่: 19 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:30:24 น.
โดย: หนูมาลี IP: 182.93.243.47 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:43:24 น.
โดย: ถ่านหินจำศีล วันที่: 21 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:01:00 น.
โดย: งิ้ว IP: 110.49.205.11 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:51:42 น.
โดย: งิ้ว IP: 110.49.205.11 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:59:39 น.
โดย: ถ่านหินจำศีล วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:24:42 น.
โดย: nanida วันที่: 4 ธันวาคม 2553 เวลา:21:54:24 น.
Location :
สมุทรสงคราม Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [? ]
/////////////////////////////////////////////// © ถ่านหินจำศีล ผันตัวจากอาชีพอาร์ตไดเร็คเตอร์ มาเป็นนักเขียนและนักวาดภาพประกอบนิทาน เมื่อราวๆเดือนมีนาคม 2545 ทำงานและใช้ชีวิตส่วนใหญ่ที่แม่กลอง บล็อกแห่งนี้ถือกำเนิดเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2550 มี 11 กรุ๊ปบล็อก รวมบล็อกได้ 354 บล็อก มีอายุบล็อกนับถึง 16 ก.พ. 2557 ครบ 7 ปีแล้ว ------------------------------------------------------- https://www.trytobeillustrator.bloggang.com ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายลิขสิทธิ์ปี 2537 © ถ่านหินจำศีล -------------------------------------------------------
อิจฉาคนเคลียงานเสร็จแล้วจริงจิ๊ง