We don't care Bear or Bull! ... ThaiDayTrade.com
Group Blog
 
All Blogs
 

เทคนิคการตั้ง stop condition ในฟิวเจอร์

ก่อนจะเข้าเรื่องเทคนิคการตั้ง stop order อยากเชิญท่านไปอ่านเรื่องแนวคิดและทัศนคติในการตั้ง stop condition โดยคลิ๊กหัวข้อ แนวคิดในการตั้ง stop condition ทางด้านซ้ายมือของ blog ก่อนนะคับ ....... พรุ่งนี้ (2 ธ.ค.) ถ้าฟิวเจอร์เปิดมาที่ระดับราคา 256-260 จะทำยังไง มันก้ำกึ่งตัดสินใจยากไม่ว่าจะ long หรือ short .....

Case Long Opening: คนที่ bet ว่า 256 รับอยู่ และ เป็นคน aggressive อาจ open long ที่ 258 (ชิงทำก่อน signal) ด้วยเกรงว่าจะ long ไม่ทัน กลัวมันดีดกลับก่อนที่จะได้ long ด้วยความกลัวว่าจะไม่ได้ของเลย open long ก่อน buy signal ซะงั้น โดยตั้งใจไว้ว่า หลุด 256 ลงไปจะ limit loss

หลายท่านมักขอลุ้นเมื่อผิดทาง .... พอหลุด 256 ก็คิดว่า เอาน่า รอหน่อย เดี๋ยว 250 มันจะรีบาวน์ ..... พอหลุด 250 ลงไป ก็คิดว่า แหม มันลงมามากแล้ว เดี๋ยวก็คงรีบาวน์ .... พอหลุด 240 ลงไป โอยยยย ไม่ไหวแล้ว ปิดสถานะดีกว่า (ปิดสถานะด้วยอารมณ์) .... พอปิดเสร็จ ลงไปอีกนิ๊ดดด เฮ้ยย เด้งซะงั้น

เอาอารมณ์ออก ตั้งวินัยไว้ แล้วเข้าไปที่หน้าจอซื้อขายแล้วกดปุ่ม stop condition หรือ stop order แล้วคีย์ขายปกติเหมือนๆกับคีย์ปิดสถานะทั่วไป คือ sell closed x สัญญา price 254 โดยกำหนด condition ว่า if bid <= 255.50

คอมพิวเตอร์จะแปลความหมายว่า ถ้า bid น้อยกว่าหรือเท่ากับ 255.50 ให้ปิดสถานะที่ราคาไหนก็ได้ แต่แย่สุดที่รับได้คือ 254

ทำไม 255.50 ..... เวลาที่ทุกคนมองตัวเลขเดียวกัน เช่น ทุกคนมอง 256 ของจริงอาจจะไม่ถึง หรือ อาจจะมีการแกล้งให้หลุดชั่วขณะ เพื่อให้เกิด panic ก็ได้ ดังนั้น หากทนทานสูง อาจกำหนด 254.80 ก็ได้ หรือถ้าทนทานต่ำ อาจจะกำหนด 255.80 ก็ได้

ทำไมให้ทิ้งทุกราคาที่ไม่แย่กว่า 254 ..... เวลารายใหญ่ทิ้ง เขาทิ้ง 30 หรือ 50 หรือ 100 สัญญา เพราะฉนั้น หากเขาตัดสินใจทิ้ง ทุกราคาจะโดนทิ้งลงมาหมดในไม้เดียวจนกว่าจะครบจำนวนสัญญาของรายใหญ่ ด้วยเหตุนี้ หากคีย์ 256 หรือ 255 อาจจะทิ้งไปทัน เพราะรายใหญ่เล่นม้วนเดียวจบ (อุ้ย คุ้นๆ ม้วนเดียวจบ) ..... หากราคาตลาดขณะนั้น เป็น 255 ท่านก็จะได้ราคา 255 แม้จะคีย์ตัวเลข 254 เข้าไปก็ตาม ..... เหมือนกับที่เราคีย์ขาย PTT ราคา 100 บาท เราก็จะได้ราคาตลาด ณ ขณะนั้น (เว้นแต่ว่า ราคาตลาดขณะนั้นต่ำกว่า 100 บาท) ..... ในการคีย์คำสั่งขาย ราคาที่คีย์ขาย คอมพิวเตอร์จะแปลว่า เอาราคาขายที่ดีที่สุดที่ไม่ต่ำกว่าราคานั้น

ทำไมไม่ใช้ condition เช่น last = 255.50 หรือ bid = 255.50 .......... ในบางครั้ง อาจจะมี bid ขาดไปในบางช่วงราคา เช่น bid อาจจะอยู่ที่ 256 และ 255.30 และ 255.00 หากเราสั่งให้ stop เมื่อ  last = 255.50 หรือ bid = 255.50 คอมพิวเตอร์ก็จะไม่ stop ให้ ถ้า last price หรือ bid ไม่เท่ากับ 255.50


Case Short Opening: สมมุติว่าเปิดตลาดที่ 264 แล้วกัน และเราก็ aggressive ว่า new low แน่ๆ เราเลย open short ไว้ โดยตั้งใจไว้ว่า ผ่าน 268 จะ limit loss

หลาย ท่านมักขอลุ้น .... พอผ่าน 268 ก็คิดว่า เอาน่า รอหน่อย เดี๋ยวมันก็ลง มีแต่ข่าวไม่ดี  ..... พอผ่าน 274-276  ก็คิดว่า แหม มันขึ้นมามากแล้ว ยังไงก็ต้องลง .... พอผ่าน 282 ขึ้นไป โอยยยย ไม่ไหวแล้ว ปิดสถานะดีกว่า (ปิดด้วยอารมณ์) .... พอปิดเสร็จ ขึ้นไปอีกนิ๊ดดด เฮ้ยย ลงหน้าคว่ำ ซะงั้น

เอาอารมณ์ออก ตั้งวินัยไว้ แล้วเข้าไปที่หน้าจอซื้อขายแล้วกดปุ่ม stop condition หรือ stop order แล้วคีย์ buy closed x สัญญา price 269.80 โดยกำหนด condition ว่า if ask >= 268.50

คอมพิวเตอร์จะแปลความหมายว่า ถ้า offer มากกว่าหรือเท่ากับ 268.50 ให้ปิดสถานะที่ราคาไหนก็ได้ แต่แย่สุดที่รับได้คือ 269.80

ทำไม 268.50 ..... เพื่อป้องกัน error เช่น แตะๆ 268 แป๊ปนึงแล้วลง ..... หากทนทานสูง อาจกำหนด 268.80 ก็ได้ หรือถ้าทนทานต่ำ อาจจะกำหนด 268.30 ก็ได้

ทำไมให้ปิดทุกราคาที่ไม่สูงไปกว่า 269.80 ..... เวลารายใหญ่กวาดขึ้น เขากวาดทีนึง 30 หรือ 50 หรือ 100 สัญญา เพราะฉนั้น หากรายใหญ่มองขึ้น เขาจะกวาดหมดทุกราคาในไม้เดียวจนกว่าจะครบจำนวนสัญญาของรายใหญ่ ด้วยเหตุนี้ หากคีย์ 268 หรือ 269 อาจจะ stop ไปทัน เพราะรายใหญ่เล่นม้วนเดียวจบ  ..... หากราคาตลาดขณะนั้น เป็น 268.60 ท่านก็จะได้ราคา 268.60 แม้จะคีย์ตัวเลข 269.80 เข้าไปก็ตาม ..... เหมือนกับที่เราคีย์ซื้อ PTT ราคา 180 บาท เราก็จะได้ราคาตลาด ณ ขณะนั้น (เว้นแต่ว่า ราคาตลาดขณะนั้นสูงกว่า 180 บาท) ..... ในการคีย์คำสั่งซื้อ ราคาที่คีย์ซื้อ คอมพิวเตอร์จะแปลว่า เอาราคาซื้อที่ดีที่สุดที่ไม่สูงกว่าราคานั้น


ทำไมไม่ใช้ condition เช่น last = 268.50 หรือ offer = 268.50 .......... ในบางครั้ง อาจจะมี offer ขาดไปในบางช่วงราคา เช่น offer อาจจะอยู่ที่ 268 และ 268.70 และ 269.00 หากเราสั่งให้ stop เมื่อ  last หรือ offer = 268.50 คอมพิวเตอร์ก็จะไม่ stop ให้ ถ้า last price หรือ offer ไม่เท่ากับ 268.50


Note: ขอเสริมเพิ่มเติมนิดนึง ทำไม คีย์เปิดสถานะ คีย์ปิดสถานะ ไม่ค่อยทัน

เวลาที่ breakout ไปในทางใดทางหนึ่ง แล้วเราจะ open หรือ close มักจะคีย์ไม่ทัน กว่าจะทัน ก็เสียราคา?

เหตุผลคล้ายๆกันกับที่เล่าให้ฟังคับ มี order ทะลักเข้ามา มันเลยโดนรวบอย่างรวดเร็ว

ดังนั้น เวลามัน breakout อย่าคีย์ ณ ราคาที่ฝั่ง bid หรือ offer ที่เราเห็น ..... ไม่ทันอ่ะ

เวลา break up บางครั้ง ผมก็คีย์บวกไปเลย 3 จุด (3 จุดนะ ไม่ใช่ 3 ช่องราคา) ซึ่งได้จริง ก็ได้ราคาตลาดนะแหละ เว้นแต่ ราคาตลาดมันสูงกว่านั้น ก็อาจจะต้องตาม ถ้า breakout รุนแรง ...... เวลา break down ก็เหมือนกันคับ บางที ก็จำเป็นต้องคีย์ลบไปเลย 3 จุด ซึ่งก็ได้ราคาตลาดนะแหละ


www.ThaiDayTrade.com






Free TextEditor




 

Create Date : 10 ธันวาคม 2551    
Last Update : 10 ธันวาคม 2551 11:37:34 น.
Counter : 3162 Pageviews.  

แนวคิดในการตั้ง stop condition ในฟิวเจอร์

ลูกค้าที่คีย์คำสั่งซื้อขายฟิวเจอร์ผ่านระบบ internet trading อาจจะประสบปัญหา stop loss ไม่ทัน หรือ ไม่ทราบว่าจะตั้ง condition อย่างไร ก่อนจะยกตัวอย่างงการตั้ง stop condition เราจะเริ่มจาก ทัศนคติที่มีต่อ risk-return กันก่อนนะคับ แล้ว arrticle ถัดไป จะเป็นตัวอย่างการตั้ง condition ในทางปฏิบัติ 


ทัศนคติที่มีต่อ risk-return

คนส่วนใหญ่ เล่นฟิวเจอร์ หวัง maximize profit .... พอหวังกำไรคำใหญ่ เลยคิดไม่ทันเรื่อง stop loss เพราะที่ผ่านมา คิดแต่เรื่อง profit

ถ้าจุดที่เปิดสถานะ เป็นไปตาม technical ตามระบบที่กำหนดไว้ดีแล้ว หากถูก มันจะได้กำไรหลายจุดเอง (ตามระบบ) แต่หากผิด ก็จุดนั้นแหละที่ต้องออกแล้ว ..... ดังนั้น หากจุดเข้าเป็นจุดที่ดีเพียงพอแล้ว เราคิดแค่เรื่องเดียวก็พอคับ เรื่อง minimize loss เพราะถ้าเราเข้าถูกจังหวะแล้ว potential gain พอหวังได้อยู่แล้ว

เมื่อผิดทาง เราจะแก้ปัญหายังไง ..... ไม่มีวิธีการสำเร็จรูปคับ เพราะเงินที่วางเป็น back กับ ความกล้าความกลัวของแต่ละคนแตกต่างกัน

คนที่เอาเงินมาวางเป็น back จำนวน 5 หมื่นกว่าบาท เทรด 1 สัญญา ต้อง limit loss เร็วมาก ใช้กราฟระยะสั้นมากในการควบคุมความเสี่ยง ไม่งั้น ไม่มีโอกาสแก้ไขเมื่อมองถูกทางในเวลาต่อมา เพราะเงินไม่พอเปิดสถานะแล้ว ข้อดี คือ เสียหายน้อยมาก หากในที่สุด ตลาดเฉลยออกมาว่าเราผิดทางอย่างจัง ข้อเสียคือ ไม่ว่าจะ long หรือ จะ short อาจต้อง limit loss อยู่เรืื่อยในช่วงที่ตลาดแกว่งแรง เพราะเดี๋ยวก็กระชากราคา เดี๋ยวก็ทุบลงมา

คนที่เอาเงินมาวางเป็น back จำนวน 2 แสนบาท เทรด 1 สัญญา และ aggressive ทนทานต่อความเสี่ยงได้สูง เขาอาจจะรองรับความเสียหายได้ถึง 10 จุด ดังนั้น เขาอาจจะใช้กราฟที่แสดงภาพกว้างขึ้น ระบบไม่ให้ limit ก็จะยังไม่อออก  ข้อดี คือ ทนความเหวี่ยงของราคาได้ดีกว่า ข้อเสียคือ จะเสียหายมากกว่าผู้ที่เล่นแบบ conservative หากในที่สุด ตลาดเฉลยออกมาว่าเราผิดทางอย่างจัง

คนที่เน้น day trading จะพยายามใช้กราฟใหญ่เพื่อมองภาพใหญ่ แล้วใช้กราฟสั้นเพื่อหา gap ให้จับกินในวัน ขณะเดียวกัน กราฟสั้นจะเป็นตัวควบคุมความเสี่ยง ไม่ให้สูงเกินกว่า gap ที่ควรจะได้ ...... กลุ่มนี้ เน้นปั้มเงินในแต่ละ session โดยคุมความเสี่ยงให้ต่ำกว่า expected gain เช่น หากใช้กราฟ 30-min แล้วเราคาดหวัง 8 จุดจากจุดที่เปิดสถานะ ก็จะต้องคุม loss ไม่ให้เกิน 3-4 จุด ไม่งั้น ก็ไม่บรรลุวัตถุประสงค์ของการจับกินในวัน หลักของการเทรดที่ต้องเคร่งครัด คือ เวลาได้ ต้องได้ให้มาก เวลาเสีย ต้องเสียให้น้อยกว่ากำไรที่หามาได้ หากเป็นเช่นนี้แล้ว ถูกวันนึงผิดวันนึง ก็ยังกำไรมากในแต่ละเดือน ข้อดีของ Day Trading คือ ยิ่งตลาดแกว่งสวิง ยิ่งจับกินได้หลายรอบในแต่ละวัน เพราะกลุ่มนี้ไม่เดาว่ามันจะขึ้นหรือลง หวังเพียงให้มี gap ในแต่ละช่วงเวลา ข้อเสียคือ มีโอกาสขายหมูมากกว่าผู้ที่ถือสถานะ overnight เนื่องจากต้องทำให้สมดุลตลอดเวลาระหว่าง risk กับ return จึงไม่ bet เกินควร นอกจากนี้ กลุ่มนี้ไม่ได้แอ้มกำไรก้อนโตจากการเปิดกระโดดขึ้นหรือกระโดดลงด้วย แต่ก็ไม่เคยเสียคำโตจาก opening gap เช่นกัน

แต่สิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะมีทัศนคติต่อ risk-return อย่างไรก็ตาม ต้องย้ำในใจไว้เสมอนะคับว่า ใจเราและเงินเรา รับความเสียหายได้เต็มที่เท่าไหร่ แล้วอย่าให้เกินนั้น แล้วอย่าให้บานปลายไปมากกว่านั้น หากเสียหายเล็กน้อย แม้จะ cut loss แล้วพลาด (cut แล้ว ปรากฏว่าโดนต้ม) เราก็ต้องทำ เพราะนั่นคือ พอเยียวยาได้ พอแก้ไขได้ ..... หากไม่รักษาวินัย ปล่อยให้เสียหายมากๆ เช่น 15 จุด หรือมากกว่า แก้ไขยากแล้วนะ ไม่เชื่อก็ลองให้ผิด 10 จุด up ดูซิคับ แก้ยากมาก กว่าจะได้คืนมา

ในทางตรงข้าม หาก limit loss แล้วพลาดท่าเสียค่าโง่ เช่น long แล้ว cut loss แล้วในที่สุด มันขึ้น เราก็ยัง follow long ขึ้นไปได้ ซึ่งในที่สุด ก็จะมีกำไรจากการเข้าครั้งใหม่ มาชดเชยขาดทุนที่ limit loss (เพราะ loss ไม่มาก เลยแก้ไขได้)

สรุปอีกที อย่าปล่อยให้ loss เรื้อรังเกินเยียวยา ยิ่ง loss มาก แสดงว่า เรากำลังพนันว่าเดี๋ยวมันก็กลับมา อย่าเล่นพนันนะคับ


www.ThaiDayTrade.com





Free TextEditor




 

Create Date : 10 ธันวาคม 2551    
Last Update : 10 ธันวาคม 2551 8:19:28 น.
Counter : 1148 Pageviews.  

Futures on PTT, PTTEP, ADVANC

ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. 2551 เป็นต้นไป ตลาด TFEX จะเปิดให้เทรดฟิวเจอร์ที่อิงกับหุ้น PTT, PTTEP, และ ADVANC และในปีหน้า จะเพิ่มฟิวเจอร์ที่อิงกับ SCB, KBANK, BANPU, LH, etc.


Stock Futures 1 สัญญา = 1,000 หุ้น กำหนดช่วงราคาซื้อขายขั้นต่ำ = 0.10 บาท (ขยับช่องละ 10 ส.ต.)


ก่อนจะเทรดต้องวางเงินเป็นหลักประกันการเบี้ยวก่อนตามกติกาสากล


คลิ๊กที่นี่เลยคับ เพื่อดู initial and maintenance margin requirements


สำหรับ Commission before vat = 0.10% ของมูลค่าสัญญา + 3.50 บาทต่อสัญญา
หรือถ้าจะคิดให้ง่ายขึ้น ค่าคอมฯ/สัญญา = price + 3.50 (เพราะ 0.10% คูณ price คูณ 1000 หุ้น = price)


ค่าคอมฯนี้ จะใช้ถึง 28 ก.พ.ปีหน้าเท่านั้น แล้วจะเปลี่ยนใหม่ดังนี้
1 มี.ค. - 31 พ.ค. 2552 Commission before vat = 0.10% ของมูลค่าสัญญา + 5.25 บาทต่อสัญญา
1 มิ.ย. - สิ้นปี 2552 Commission before vat = 0.10% ของมูลค่าสัญญา + 7 บาทต่อสัญญา
ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป Commission before vat = 0.10% ของมูลค่าสัญญา + 10 บาทต่อสัญญา


ตัวอย่าง การคำนวณ


Ex1 Open Long on PTTEPz08 จำนวน 3 สัญญา ที่ราคา 81.40 บาท ตกตอนเย็น เห็นท่าไม่ดี ทิ้งหนีไปก่อนที่ราคา 84.70 บ.


เงินที่ต้องนำมาวางก่อนเปิดสถานะ =  3 สัญญาๆละ 22,800 บาท = 68,400 บาท
กำไรขั้นต้น = 3 สัญญาๆละ 1,000 หุ้น (1 สัญญา = 1,000 หุ้น) คูณกำไรหุ้นละ 3.30 บาท = 9,900 บาท
ค่าคอมฯ = 3 สัญญา คูณ (81.40 + 3.50 + 84.70 + 3.50) =  519.30 บาท


Ex2 Open Short on ADVANCz08 จำนวน 4 สัญญา ที่ราคา 78.80 แล้วปิดสถานะทำกำไรที่ 73.20


เงินที่ต้องนำมาวางก่อนเปิดสถานะ =  4 สัญญาๆละ 11,400 บาท = 45,600 บาท
กำไรขั้นต้น = 4 สัญญาๆละ 1,000 หุ้น (1 สัญญา = 1,000 หุ้น) คูณกำไรหุ้นละ 5.60 บาท = 22,400 บาท
ค่าคอมฯ = 4 สัญญา คูณ (78.80 + 3.50 + 73.20 + 3.50) =  636 บาท


Ex3 Open long หรือ short PTTz08 1 สัญญาที่ราคา 140 แล้วบังเอิญมือไปโดนคีย์บอร์ด เลยปิดสถานะอัตโนมัติเลยที่ 140


เงินที่ต้องนำมาวางก่อนเปิดสถานะ =  1 สัญญาๆละ 45,600 บาท = 45,600 บาท
กำไรขาดทุนจากส่วนต่างราคา ไม่มี
ค่าคอมฯ = 1 สัญญา คูณ (140 + 3.50 + 140 + 3.50) =  287 บาท


Ex4 Open long PTTz08 2 สัญญาที่ราคา 141.20 บาท แล้วมั่นใจว่า ยังไงก็ต้องขึ้น ปรากฏว่า ตกตอนเย็น รอยเตอร์รายงานข่าวมาว่า มีการวางระเบิดที่สถานีรถไฟพระตะบอง (Battambang Station, ประเทศกัมพูชา) หุ้นไทยตกใจ เป็น panic sell เราทนไม่ไหว เลยตัดใจขายไปที่ราคา 132.45 แต่ก็คีย์ไม่ได้ เพราะเขากำหนดให้แต่ละช่องห่างกันเพียง 0.10 บาทเท่านั้น จึงคีย์ใหม่ ปิดสถานะสำเร็จที่ราคา 129.80


เงินที่ต้องนำมาวางก่อนเปิดสถานะ =  2 สัญญาๆละ 45,600 บาท = 91,200 บาท
ขาดทุนขั้นต้น 2 สัญญาๆละ 1,000 หุ้น (1 สัญญา = 1,000 หุ้น) คูณขาดทุนหุ้นละ 11.40 บาท = 22,800 บาท
ค่าคอมฯ = 2 สัญญา คูณ (141.20 + 3.50 + 129.80 + 3.50) =  556 บาท


ส่วน Trading Hour ของ Stock Futures เป็นเวลาเดียวกันกับ Trading Hour ของ Index Futures คับ
Pre Open 09:15 –09:45
Morning Session 09:45 – 12:30
Pre-open 14:00 – 14:30
Afternoon Session 14:30 – 16:55


Price Limit ใช้เกณฑ์เดียวกับตลาดหุ้น คือ ขึ้นหรือลง ได้ไม่เกิน 30% จาก previous day settlement price


ในการเทรด ..... ท่านที่มี TFEX Account ID หรือ เคยเทรดฟิวเจอร์/ออพชั่นมาแล้ว ก็บัญชีนั้นแหละคับ เงินก้อนเดียวกันนั่นแหละคับ ใช้เทรดได้เลยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม อย่าลืมนำเงินมาวางประกันขั้นต้น (Initial Margin) ก่อนนะคับ ตามกติกาที่ตลาด TFEX กำหนด


ก่อนเทรด เราไปดู logic เบื้องต้นในการเทรดก่อนดีไหมคับ คลิ๊กที่นี่เลยคับ เพื่ออ่าน Stock Futures: Introduction


ข้อผิดพลาดสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นกับคนที่เทรด stock futures


1. มองกระดานหุ้นเพื่อเทรดฟิวเจอร์ (ไม่ควรทำ)
ไป อบรมมา เขาบอกว่า PTT futures มี PTT เป็นสินทรัพย์อ้างอิง พอเราเห็น PTT วิ่ง เราก็กระโดด long futures แบบนี้ อันตราย อาจเจอตอ (เว้นแต่ stock futures นั้น breakup สำเร็จ)> ไปอ่านเรื่อง Front Run ก่อนคับ คลิ๊กที่นี่เลยเพื่ออ่าน .... ที่ควรทำคือ ใช้ technical เป็นเกณฑ์ในการเข้าออกฟิวเจอร์ อย่าไปวิตกวิจารณ์ bid-offer ในราคาหุ้นมากนัก คิดเองเออเองทั้งนั้น


2 "ลงทุน" ใน stock futures (ไม่ควรทำ)
ฟิวเจอร์ มีไว้เพื่อ hedge หรือ เพื่อ bet ไม่ได้มีไว้เพื่อลงทุน และ ไม่มีสิทธิรับปันผลด้วยนะ แถมอายุสั้นอีก ....... ผู้เล่นส่วนใหญ่ มักจะคุ้นเคยกับการซื้อหุ้น มากกว่าการ short หุ้น พอเห็น PTTEP ลงมาลึกมากแล้ว ทั้งๆที่กำไรในอดีตออกจะเลิศหรู ก็เลย bet ว่า ถือไปสักพัก มันต้องขึ้นแน่ๆ ..... พอไปปักธงไว้แบบนั้น ก็จะลังเลที่จะตัดความเสียหาย ..... พอขาดทุนก็จะปลอบตัวเองว่า หุ้นพื้นฐานดี เดี๋ยวมันก็กลับมา .... กว่าจะรู้ตัวอีกที โดนเรียกให้เติมเงิน margin ซะแล้ว ..... นี่ฟิวเจอร์นะคับ ไม่ใช่หุ้น .... ที่ควรทำคือ ใช้ technical และความมีวินัยใน trailing condition สำหรับการรักษากำไร อย่่าปล่อยให้กำไรกลายมาเป็นขาดทุน และ ใช้ stop conditions สำหรับการตัดก่อนตาย อย่าปล่อยให้วอดวายไปมากกว่าที่จะเยียวยาได้ อย่าไปวิตกวิจารณ์เรื่องราคาเป้าหมายมากนัก คิดเองเออเองทั้งนั้น


3. ไม่ตรวจข่าว XD, XR (ไม่ควรทำ)
พอ เล่นฟิวเจอร์ ก็ดูแต่ฟิวเจอร์ จนละเลย XD, XR ของ PTT, PTTEP, ADVANC .......... เมื่อหุ้นขึ้นเครื่องหมาย XD, XR ราคาหุ้น "มักจะ" dilute ลง ดังนั้น เมื่อเข้าใกล้ XD, XR ราคาของ stock futures ก็ "มักจะ" ลงมาล่วงหน้าก่อน ...... และเมื่อหุ้นขึ้น XD, XR จริง ราคา stock futures จะไม่ลงเพราะเหตุ Dilution effect นั้นๆแล้ว .... ที่ควรทำคือ ใช้ technical แกะรอยว่าผู้เล่นหลักใน stock futures เริ่มปิดสถานะ long position จากเหตุ XD, XR แล้วหรือยัง หากเขาออก เราก็ออก ให้สังเกต indicators ตามระบบของแต่ละคนที่กำหนดขึ้นมา อย่าไปนึกๆเดาๆว่าจะ dilute มากหรือ dilute น้อย หรือ คง dilute ไม่เท่าไหร่หรอก สีทนได้ คิดเองเออเองทั้งนั้น


4. เห็นว่า stock futures ลงมามากเลย long หรือ เห็นว่า stock futures ขึ้นมามากแล้วก็เลย short (ไม่ควรทำ)
ไม่ ใช่มีเพียงท่านเท่านั้นที่เห็นนะคับ กองทุนขนาดยักษ์เขาก็เห็น อย่าคิดเองเออเอง ว่าไปตาม technical ..... กลับไปอ่านเรื่อง Front Run ก่อน


5. เห็นต่างชาติ long หรือ short futures เยอะ ก็เลย long หรือ short ตาม (ไม่ควรทำ)
เอา อีกแล้ว คิดเองเออเองอีกแล้ว ..... เดาไปเรื่อย ..... ความจริงแล้ว ต่างชาติมีเครื่องมือทางการเงินที่สลับซับซ้อนมาก เขาอาจจะ long 5 พันสัญญาในไทย แล้วไปแทงลงใน SET index Option หลายหมื่นสัญญาที่สิงคโปร์ก็ได้นะคับ ที่สิงคโปร์มี SET index Options มานานแล้ว .... ที่ควรทำคือ ใช้ technical เป็นเกณฑ์ในการเข้าออกฟิวเจอร์ อย่าไปวิตกวิจารณ์ net long/ net short  ในตลาด TFEX ของนักลงทุนต่างชาติให้มากนัก คิดเองเออเองทั้งนั้น


Related Topics (Click the topic to read)


SET50 Futures: Solutions to our Stock Trading Problems
Futures Trading: Benefit from Rising & Falling markets by Mr.FollowBuy
Futures Markets love the Last Man Standing






Free TextEditor




 

Create Date : 22 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2551 10:55:19 น.
Counter : 1106 Pageviews.  

The Latest SET50 futures & Stock Futures Margin Requirements

ตารางแสดง futures initial and maintenance margin requirements ที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. 2551 เป็นต้นไป




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2551 18:11:39 น.
Counter : 1088 Pageviews.  

The Last Man Standing อาหารจานโปรดของ Market Makers

Investment themes > Fund Flow> Technical


มันต้องลงแน่ๆ เพราะ เศรษฐกิจมันไม่ดี
มันต้องขึ้นแน่ๆ เพราะ มันลงมามากแล้ว ราคาถูกเกินไปแล้ว


ไปเที่ยวสำนักงานใหญ่ของ Investment Bank ข้ามชาติกันดีกว่าคับ ไปดูเขาทำงานกัน


ที่นั่น มีฝ่ายวิเคราะห์วิจัยเศรษฐกิจมหภาคระดับโลกมากมาย แยกเป็นส่วนๆ มีทั้ง ฝ่ายวิจัยอัตราแลกเปลี่ยนและดอกเบี้ย ฝ่ายวิจัยตลาดตราสารหนี้ ฝ่ายวิจัย commodity ฝ่ายวิจัยตลาดหุ้น เมื่อเขาพบความเป็นไปแล้ว เขาก็จะกำหนดเป็น Investment themes ระดับโลกขึ้นมาว่า ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เขาจะจัดหาเงินจากเงินสกุลไหนหรือโยกเงินออกมาจากตลาดไหน เพื่อซื้อ commodity ตัวไหน และ ซื้อ commodity-related stock ตัวไหน จากนั้น ก็จะเล่น themes นี้ทั่วโลก เช่น หากพิจารณาว่าอีก 2-3 ปีข้างหน้า ราคาน้ำมันจะแพง เขาก็จะเพิ่มน้ำหนักในน้ำมัน แล้วลุย strong buy ในหุ้นกลุ่มน้ำมัน ไปเรื่อยๆ ทั้งตลาดสหรัฐ ตลาดยุโรป ตลาดเอเชีย ฯลฯ …. พอเขา strong buy เราก็ดีใจแล้วก็ take profit ได้กำไรกันถ้วนหน้า แล้วมันก็ขึ้นๆๆ ต่อเนื่อง


ต่อมา เมื่อตัวเลขมหภาคบ่งชี้ว่า กำลังจะถึงจุดจบของ commodity แล้ว ผู้จัดการกองทุน ก็จะลากยาว commodity และ  commodity-related stock ให้เร้าใจ เพื่อให้นักวิเคราะห์และสื่อมวลชนเชียร์ ด้วยความเชื่อว่า มันจะไปๆๆ อย่างไร้ขีดจำกัด และเขาจะได้ออกของปริมาณมหาศาลได้ ในราคาที่ดีที่สุด ….. ระหว่างที่เขาออกของ ราคาก็จะค่อยๆดิ่งลง พอราคาลงมาต่ำ เราก็ดีใจ ได้ซื้อของถูก แล้วมันก็ลงๆๆต่อเนื่อง และเมื่อตลาดเฉลยออกมาแล้วว่าความจริงเป็น downtrend นักวิเคราะห์และสื่อมวลชน ก็จะออกมาบอกว่า ความจริงแล้ว มันไม่ดี ไอ้ที่เราเชียร์ซื้อที่ peak ขายๆไปเหอะ


ถ้าไม่ใช้ Technical กับ trailing stop หรือ stop loss ในการตาม fund flows แล้ว เจ๊งสถานเดียวครับ


ส่วน fundamental analysis เป็นเรื่องของเจ้ามือระดับโลก ที่มีฝ่ายวิจัยมหภาคมากมาย ที่จะคิดว่าแนวโน้มจะเป็นไปในทิศทางไหน แล้วเขาถึงค่อย move เงิน เข้าหรือออก ตาม investment themes ของเขา


ก่อนที่เขาจะซื้อหรือขายหลายหมื่นล้านบาท เขาทำ fundamental analysis มาล่วงหน้าแล้วเป็นปีครับ ไม่มีประโยชน์ที่เราไปอ่านหนังสือพิมพ์ แล้วไปจำมาทำเก่ง อวดดี ทำทีวิเคราะห์ fundamental ราวกับว่าตัวเอง มีทีมวิเคราะห์โลกอยู่ในมือ 4-5 แผนก …..


ผมเอง เคยทำงานสายงานตรวจสอบบัญชี และ Financial consultant ของ consulting firm มาก่อนยังไม่คิดอวดเก่ง มานั่งวิเคราะห์งบฯเลย … ถ้าวิเคราะห์งบ วิเคราะห์ fundamental ป่านนี้ ขาดทุนคาพอร์ตไปแล้วมากกว่า 50%


กลับมาที่เดิมดีกว่า
มันต้องลงแน่ๆ เพราะ เศรษฐกิจมันไม่ดี
มันต้องขึ้นแน่ๆ เพราะ มันลงมามากแล้ว ราคาถูกเกินไปแล้ว
ใครเป็นผู้กำหนด ….. ถ้า fund flows ก้อนโต มองว่า ควรจะลงอีก เขาก็ขายอีก เขาก็เล่นทางลงอีก เขาไม่เคยแคร์เราเลยว่า เราซื้อหุ้นถัวเฉลี่ยขาลง หรือ hold long positions ถัวเฉลี่ยไว้มากมายขนาดไหน หรือ มันลงมามากแล้ว ราคาถูกเกินไปแล้ว ไม่สนด้วยซ้ำว่า PE, PBV เท่าไหร่ ต่ำบุ๊ค ต่ำพาร์ หรือไม่ ปันผลเท่าไหร่ undervalued หรือ deep discount เกินไปหรือเปล่า ในทางตรงข้าม ถ้า fund flows ก้อนโต มองว่า เขาขายต่อเนื่องมายาวนานมากแล้ว ราคานี้ถูกเกินไปแล้ว ราคานี้ไม่อยากขายแล้ว เล่นรีบาวน์ไปขายข้างบนดีกว่า หุ้นและ index futures มันก็ขึ้นได้ ทั้งๆที่เศรษฐกิจมันไม่ดีนี่แหละ ส่วนจะขึ้นจริงหรือขึ้นหลอก ออกของ มันก็คือขึ้นนะคับ


ในตลาดฯ เราเป็นผู้นำ หรือ ผู้ตาม คับ เงินของเรานำตลาดให้เคลื่อนไหวได้หรือเปล่า ตลาดเคลื่อนไหวตามความคิดของเราหรือเปล่าคับ นักวิเคราะห์หรือหนังสือพิมพ์ พยากรณ์ไปตามแนวโน้ม หรือ อธิบายสิ่งที่โลกรับรู้กันหมดแล้ว


การค้าขาย การทำธุรกิจ มีความเสี่ยง เพราะมันมีทั้งกำไรและขาดทุน ไม่ใช่จะเอาแต่กำไร หากรับได้ว่า การลงทุนมีความเสี่ยง เราก็ต้องยอมขาดทุนเป็น หากผิดพลาด ก็ต้องเผ่น ก่อนที่จะหมดตัว


คนที่กลัวความเสี่ยงมากเกินไป จะคิดมากเกินไป แล้วจะซื้อไม่ทันจะขายไม่ทัน จะตกรถจะตามไปติดดอย ทุกครั้ง เพราะ action ช้าไปเสมอ ……… กองทุนข้ามชาติ กองทุนในประเทศ และ มือโปร รักคนกลุ่มนี้มากคับ ……. last man standing .... กว่าจะขายก็ bottom กว่าจะซื้อ ก็ top ซะแล้ว


กองทุนยักษ์ข้ามชาติ เขาวิเคราะห์มาแล้ว เขาคิดเชิงกลยุทธ์มาแล้วอย่างดี ก่อนจะใส่เงินเข้าหรือย้ายเงินออกหลายหมื่นล้านบาท เราไม่ใช่ผู้กำหนด อย่าทำเป็นเก่งวิเคราะห์ fundamental เราทำได้แค่แกะร่องรอย fund flow เท่านั้นโดยผ่าน technical analysis โดยมี limit risk หรือ protect profit เป็นเครื่องป้องกันภัย






Free TextEditor




 

Create Date : 01 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 10 ธันวาคม 2551 9:00:02 น.
Counter : 953 Pageviews.  

1  2  3  4  

thanapononline
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add thanapononline's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.