We don't care Bear or Bull! ... ThaiDayTrade.com
Group Blog
 
All Blogs
 

The short selling has been increasing in these stocks

เมื่อวันที่ 18 พ.ย. BH & BEC ถูกชอร์ตกว่า 10% ของมูลค่าการซื้อขาย ตามด้วย TOP BANPU PTTAR BAY SCIB LH

วันที่ 19 พ.ย. ตัวที่โดน short sell หนัก คือ BAY (18.03%), TOP (15.49%), PS (12.70%), BH (11.82%), PTTAR (8.72%)
     
ปกติ การขายชอร์ตจะแค่ 1-3% ของวอลุ่ม แต่ช่วงหลัง ปริมาณ shorting เริ่มมีนัยสำคัญ และ ในอดีต จะพบว่า การซื้อคืนในลักษณะของ short covering จะใช้เวลาเป็นสัปดาห์ หรือ cover short เมื่อหุ้นลงไป 20-30%จากราคา short

อย่าเพิ่งไปซื้อเพราะเพียงเห็นว่าราคาถูกหรือมันลงมามากแล้วนะคับ เห็นหุ้นต่ำกว่า BV หรือ หุ้น PE ต่ำ ก็อย่าเพิ่งอวดเก่งทำฉลาด ว่ามีแต่เราเท่านั้น ที่ค้นพบและเล็งเห็น กองทุนข้ามชาติไม่ได้โง่ .....  Daily Indicators ยังย่ำแย่ SET หลุดทุก EMAs และการเรียงตัวของเส้น EMAs น่าเกลียดอีกด้วย แถมวันนี้ Citi ขนหุ้นพลังงานมาเขวี้ยงทิ้งผ่าน AYS อีกต่างหาก




Free TextEditor




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2551 0:54:44 น.
Counter : 1105 Pageviews.  

ปรับกระบวนยุทธ์ รับมือตลาดหมี


Source: กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์


คิดผิด-ทำผิด


“สมพงค์ เบญจเทพานันท์” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า บอกว่า การลงทุนหุ้นในไทยมีความเชื่อผิดๆ กันมาก เช่น กรณีของการลงทุนระยะยาวเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ให้กำไรสูงสุด ซึ่งไม่จริงไม่ว่าจะตลาดหุ้นที่ไหนก็ตามและนั่นคือเหตุผลหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้นักลงทุนไทยต้องบาดเจ็บในปัจจุบัน


ตัวอย่างหุ้น AIG ในอดีตราคา 90 ดอลลาร์ อยู่ๆ ลงมาเหลือ 3 ดอลลาร์ ตลาดหุ้นไทยผ่านมาแล้วประมาณ 10 กว่าปี ยังกลับไปไม่ถึงจุดสูงสุดเดิมที่ 1,700 จุดเลย มาได้ครึ่งทางก็ต้องเจอวิกฤติการเงินปรับตัวลดลงอีกครั้ง


หลักตรงนี้เหมือนกับการบริหารบริษัทยามใดที่บริษัทเจริญเติบโตดี ผลประกอบการออกมาแข็งแกร่ง มีโกรทดี ราคาก็ทะยานขึ้นเรื่อยๆ ผู้บริหารก็จะสบาย แต่ถ้าเจอภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ หรือสินค้าเปลี่ยนแนวโน้ม (Trend) ธุรกิจเริ่มชะลอตัวลง ถ้าเราเป็นเจ้าของกิจการในการบริหารสินทรัพย์แบบเดิมของบรรดาเถ้าแก่เขาต้องสู้ ถึงแม้จะกำไรน้อยลงหรือขาดทุนเพื่อรักษาธุรกิจ พนักงานลูกน้องเอาไว้ต้องต่อสู้ยันไปจนกว่าธุรกิจจะฟื้น


“แต่ในแง่ของการลงทุนในหลักทรัพย์เมื่อเห็นว่า เขาเริ่มชะลอเราไม่จำเป็นต้องไปอยู่กับเขา เราสามารถที่ขายออกแล้วไปหากิจการใหม่ที่กำลังโต มันจะสลับกัน ถ้าเราเป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาดเรามองเห็นแบบนี้เราก็ต้องออกมาก่อนแล้ว จริงๆ มันไม่ยากแต่ปฏิบัติจริงยากมาก อย่ามองซับซ้อน ราคาหุ้นขึ้นถึงจุดหนึ่งราคาก็จะเริ่มลง โลกสมัยใหม่ ธุรกิจสมัยใหม่ วงจรชีวิต (Cycle) มันเร็ว ราคาหุ้นจะเร็วตามจะขึ้นๆ ลงๆ ตามไซเคิลนั้น นี่คือความจริงจะขัดกับความเชื่อที่ว่าถือยาวแล้วไม่เป็นไร”


สมพงค์ ยังบอกอีกว่า กลยุทธ์ถือยาวใช้ไม่ได้แล้วกับวัฏจักรของโลกที่มันหมุนเร็วขึ้น วัฏจักรของธุรกิจหมุนเร็วขึ้น ถือยาวไม่เป็นไร ไม่ขายไม่ขาดทุน จะมาคู่กัน จากประสบการณ์ที่เจอมาตลอดนัดลงทุนส่วนใหญ่จะจำกัดกำไร (Limit Profit) ไว้ ซื้อหุ้นกำไร 5% ออกแล้ว วันไหนซื้อหุ้นกำไร 10% คุยได้ 3 วัน อย่างมากเต็มที่ 10-15%


นี่คือเราลิมิตโพรฟิตไว้ แต่นักลงทุนกลับไม่จำกัดผลขาดทุน (Unlimit Loss) ของตัวเอง ทุกคนที่เล่นหุ้นจะเข้าใจ นี่คือปัญหาของคนส่วนใหญ่ หุ้นที่ขึ้นแล้วเราขายส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่ดี ซื้อแล้วมันขึ้น ตัวที่ถืออยู่ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่ซื้อแล้วมันลง เพราะเป็นหุ้นค่อนข้างเน่า เพราะฉะนั้นในพอร์ตส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่ไม่ค่อยดี พื้นฐานไม่ดีถึงแย่


หุ้นดีแต่ไม่วิ่งก็ไม่ได้ นั่นคือเราหลอกตัวเอง มีปันผล หุ้นพื้นฐานดี ช่วงตลาดไม่ดีเอาปันผลไปก่อน ไว้หุ้นดีแล้วก็จะได้อัพไซด์กลับมา นั่นไม่ใช่การลงทุนระยะยาวแต่เป็นการลงทุนที่ผิดพลาด เป็นพอร์ตการลงทุนที่ผิดพลาด เพราะเราเจอหุ้นดีก็จะขายออกเหลือแต่หุ้นที่มันไม่วิ่ง ขึ้นก็ไม่ขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นหัวใจหลักของการลงทุนสมัยใหม่คือวินัยการลงทุน


“ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นของนักลงทุนส่วนใหญ่เกิดจากเราไม่มีวินัยการลงทุน เพราะเราไป Limit Profit ไว้ แต่กลับ Unlimit Loss สมมติเราได้กำไร 3-4 ครั้ง 30% เราก็ดีใจแล้ว เพอร์ฟอร์มแมนซ์ดี แต่เจอหุ้นขาลงครั้งเดียวหมดเลย แถมยังขาดทุนอีกต่างหาก พอถือยาวไม่เป็นไร นักลงทุนก็จะมาติดกับแบรนด์ ตัวอย่างหุ้นปตท.ขายทำไม ปตท.มันเจ๋งมาก สุดยอดที่สุดในเมืองไทยตอนนี้ จะขายทำไม ปันผลตั้งเยอะ 10% แต่ราคาหุ้นลงมา 50% ไม่ได้ ต้องทำการบ้านและ Active กับการลงทุนของตัวเอง แต่ไม่ถึงกับต้องทำทุกวัน ”


Cut Loss


สมพงค์ ยังแนะนำว่า การลงทุนในหุ้นควรจะเล่นเป็นรอบ ขาขึ้นไปกับเขาด้วย แต่พอเป็นขาลง ต้องตัดขาดทุนให้ไว ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ธุรกิจจะเป็นแบบนี้ การลงทุนสมัยใหม่ที่สำคัญคือต้องมีวินัยการลงทุน ซื้อเป็นซื้อ ขายเป็นขาย เมื่อธุรกิจมันเปลี่ยน ขายก็ต้องขาย ปรับความเชื่อใหม่ว่า หุ้นดีๆ ถูกๆ ไม่มี


ยกตัวอย่างหุ้นปตท.ขึ้นจาก 200 บาท ไป 300 บาท ไม่มีใครกล้าซื้อ ขึ้นจาก 300 บาท ไป 400 บาท ไม่มีใครกล้าซื้อ พอขึ้นไป 440 บาท ทุกคนมองว่าอย่าลงมานะ จะซื้อ คนส่วนใหญ่เวลาหุ้นขึ้นราคาจะกระชากแรง ทุกคนจะยืนมองด้วยความกลัวว่าจะติดหุ้น แต่สิ่งหนึ่งก็คือราคาหุ้นปตท.ขึ้นไป 440 บาท ลงมาเหลือ 300 บาท เข้าซื้อกันใหญ่ ปตท.ซื้อหนาแน่เลยช่วง 300-320 บาท ราคาลงแต่ติดหุ้น แล้วติดเป็นทางเลย คนที่อยากซื้อๆ ได้ทุกคน แต่ราคาไม่ขึ้นแล้ว


“ การลงทุนเราต้องตามแนวโน้มขาขึ้น (Follow Trend) หุ้นขึ้นก็ร่วมไปกับเขา พอลงเราต้องเลิกไง แต่นักลงทุนไทยส่วนใหญ่จะทำตรงกันข้าม หุ้นขึ้นกลัวไม่กล้าซื้อ พอหุ้นลงรีบเข้าไปซื้อกันใหญ่ แล้วก็ต้องติดหุ้น ถ้าหุ้นไม่ดีต้องตัดขาดทุน (Cut Loss) ขาดทุนก็ต้องทำ”


Short Against Port


แต่ถ้าเป็นหุ้นที่ดีนักลงทุนอาจจะใช้กลยุทธ์ Short Against Port ในลักษณะของ Cost Management เพื่อบริหารต้นทุนการลงทุนในหุ้นให้ถูกลง โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดหุ้นมีทิศทางขาลงอย่างชัดเจนเราจะเห็นประโยชน์ของกลยุทธ์นี้มากขึ้น


สมมติว่านักลงทุนมีต้นทุนหุ้นอยู่ 240 บาท ถ้าเราไวพอ อยู่ในตลาดพอ เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลงมาที่ 200 บาท เราก็ขาย หุ้นไปที่ 200 บาท แล้วไปซื้อคืนตอนราคาหุ้นอยู่ที่ 180 บาท ส่วนต่าง 20 บาท เราก็ไปลดทุน 240 บาท ลงมา ทุนก็เหลือ 220 บาท เดี๋ยวราคาหุ้นขึ้นมาใหม่เราก็ขาย แล้วค่อยไปซื้อกลับเมื่อราคาปรับตัวลง ต้นทุนเราจะลดลงไปเรื่อยๆ


“การลงทุนในหุ้นห้ามให้ขาตาย ต้องฟุทเวิร์คตลอด ห้ามนิ่ง จึงจะสนุก ผิดแล้วไม่เป็นไร ผิดแล้วต้องแก้ไข จะแก้ยังไงเท่านั้นเอง แล้วให้ Short Against Port ในหุ้นตัวเดิมถ้าเรามั่นใจว่าเป็นหุ้นที่ดีจริง อย่าสลับตัวเล่น สุดท้ายจะหายไปทั้งคู่ แก้ไขในตัวที่ลงทุนเท่านั้น การบริหารต้นทุน ช่วงนี้ใช้เยอะ เพราะราคาหุ้นลงให้เราเห็นๆ จะได้รู้ว่าเขาเล่นหุ้นในตลาดขาลงกันยังไง ไม่ใช่ต้องมานั่งดูหุ้นลงโดยไม่ทำอะไรเลย รู้ว่ามันลงเราก็มาบริหารต้นทุนได้ เราสามารถที่จะเปลี่ยนแผนไปมาได้ พลาดไม่เป็นไร ขอให้แก้ไขได้เป็นพอ”


ใช้ Futures ช่วย


สมพงค์ ยังบอกอีกว่า นักลงทุนไทยส่วนใหญ่จะมีลักษณะการลงทุนแบบขาเดียว คือ เราซื้ออย่างเดียว ซึ่งมีสิ่งเดียวคือเราต้องภาวนาให้หุ้นขึ้นเราถึงจะกำไร นั่นคือ ปัญหาของนักลงทุนไทยที่มีเพียงกลยุทธ์การลงทุนเดียว คือ ขา “ ซื้อ ” หรือ “Long Position” เท่านั้น แต่ในโลกการเงินมันมี การลงทุนทั้ง 2 ขา คือ ขา “ ขาย ” หรือ “Short Position” ด้วย ถ้าหุ้นลงเราก็ได้กำไร ในพอร์ตการลงทุนสมัยใหม่ (Modern Portfolio) ในอนาคตจะต้องมีการผสมตรงนี้เข้าไปเพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ให้กับพอร์ตการลงทุนของตัวเอง


ยกตัวอย่าง ลูกค้าที่มีหุ้นปตท.อยู่ ถ้าเราแนะนำให้ลูกค้าขายหุ้นปตท.ทิ้ง เพราะหุ้นกำลังลง ลูกค้าจะด่าว่าหุ้นดีๆ จะขายทำไม จะเอาปันผล คือทุกคนรู้ว่าหุ้นจะลง แต่ลูกค้าบอกไม่เป็นไร มีปันผลเขาถือได้ ลูกค้าก็รู้ว่าจะลง ปัจจัยในประเทศก็ไม่ดี ปัจจัยต่างประเทศก็ไม่ดี แต่กลับมาหลักเดิมถือยาวไม่เป็นไร ไม่ขายไม่ขาดทุน


“สมมติเรามีหุ้นปตท.อยู่ 500,000 หุ้น พอเห็นหุ้นจะลง เราไม่ต้องขายหุ้นแล้วก็ได้ปันผลด้วย แต่ลูกค้าจะไม่มีความเสี่ยงด้วยการ Short Futures ไปในมูลค่าใกล้เคียงกัน ลูกค้าจะไม่มีความเสี่ยงแล้ว ถ้าหุ้นลง ขาดทุนตัวหุ้นปตท.แต่จะได้กำไรในตัว Futures มาชดเชยกัน ด้วยวิธีการนี้หุ้นยังเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง ปันผลได้ด้วย เป็นสุดยอดความปรารถนาของลูกค้าเลย ยังไปโหวตได้ตามสิทธิ เป็นการใช้ Futures เข้ามาช่วยโดยไม่เอากำไร


สิ่งที่เรากำลังเรียนรู้และทำตรงนี้เพื่อคลายความเครียดของนักลงทุน การเล่นหุ้นบางทีก็สนุก แต่ถ้าซื้อแล้วถืออย่างเดียว เวลาหุ้นลงมันก็เครียดนะ การเล่นหุ้นต้องบริหารจิตใจตัวเองด้วย เราก็ต้องมาบริหารความเสี่ยงให้เขา เมื่อรู้ว่าหุ้นจะลงเราไม่ขายหุ้นก็ได้ ก็ไปใช้เครื่องมืออีกอันมาช่วย ทุกคนก็จะมีความสุขกับการลงทุนได้”






Free TextEditor




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2551 3:53:34 น.
Counter : 793 Pageviews.  

Re: SET ขึ้นจริง หรือ ขึ้นหลอก ออกของรึป่าว

คิดนานถึง 3 วัน กว่าจะตัดสินใจเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง แหะๆ รู้ ว่า เขียนแล้ว จะโดนด่า เพราะที่จะคุยกันในวันนี้ ฝืนความรู้สึกของมวลชน แต่ที่รอดๆกันมา มีความสุขได้ในตลาดทั้งขาขึ้นและขาลง ก็เพราะทฤษฏีเกม นี่แหละ

คุณหมอสวัสดี เคยกล่าวไว้ว่า เล่นหุ้นหรือฟิวเจอร์ อย่าใช้สมอง ให้มากนัก ….. เห็นด้วยที่สุดในโลกคร๊าบบบบบบบบบ ….. SET จะขึ้นจริง หรือ ขึ้นหลอก กว่าจะเฉลยออกมา คุณหมอสวัสดี และ นักรบภาคสนามอีกหลายท่าน ก็ทำกำไรไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะขึ้นจริงหรือขึ้นหลอก ….. สมมุติว่าขึ้นหลอก คุณหมอก็ได้จากฟิวเจอร์ไปแล้วในวันเดียวกว่า 10 จุด ได้จากหุ้น Big Cap. ไปแล้ว 4-6 บาทต่อหุ้น …… นักรบภาคสนาม ไม่ยึดติดว่าต้อง upside หรือ downside ท่านเหล่านั้น เลือก the right side

น้ำขึ้นก็รีบตัก อย่ามัวถามว่า ทำไมน้ำขึ้น น้ำขึ้นเพราะอะไร น้ำขึ้นคืนเดียวหรือจะน้ำนองเต็มตลิ่ง อย่าถาม ไปตักน้ำก่อน เดี๋ยวตลาดปิด จะมีกูรูนอกสนามรบ มาบอกเองว่าทำไมน้ำถึงขึ้น …. เลือดไหลก็ห้ามเลือด อย่ามัวถามว่าใครแทง แทงทำไม จะแทงอีกไหม ถามไปถามมา สิ้นลมหายใจ ตายพอดี เดี๋ยวตลาดปิด จะมีกูรูนอกสนามรบ มาบอกเองว่าทำไมเลือดถึงไหล

ผมยังไม่เห็นภาพการกลับตัวเป็น ขาขึ้น ในภาพใหญ่นะครับ แค่อยากจะบอกว่า เกาะติดเม็ดเงินให้ได้ทั้งขาขึ้นและขาลง อย่าไปวิเคราะห์ให้มากนักว่า SET จะขึ้นจริง หรือ ขึ้นหลอก การที่เรา Limit Loss เป็น มันช่วยให้เราได้มากกว่าเสียอยู่แล้ว ……. ถึงจะขึ้นหลอก เขาก็ต้องลากไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีคนตาม ไม่งั้นก็เจ๊งเละนะซิ ก็อัดเงินลากหลอกๆไปตั้งเยอะแล้วนี่นา …… ถึงจะขึ้นหลอก กว่าจะเฉลยออกมา ว่าขึ้นหลอก รายใหญ่ก็ทำกำไรไปเรียบร้อยแล้วคับ, มวลชนที่ตัดสินใจช้า ก็จะติดดอยแทน, ผู้ที่ short หุ้นหรือ short ฟิวเจอร์ ไว้ ก็เสียสุขภาพจิต จน เครียด กินเหล้า เปลืองเงินอีก ผิดศีลด้วย ….

ผมจะขอยกเหตุการณ์หนึ่ง มาเป็น Case Study …. ต้นเดือน ม.ค. 2007 มีใครบอกล่วงหน้าได้มั่งคับ ว่าหุ้นจะขึ้นจาก 600 จุด มา 900 จุดได้ในปลายปี ทั้งๆที่เพิ่งเจอปฏิวัติโดย คมช. มาได้ไม่นาน เพิ่งเจอมาตรการ 30% ของแบ็งค์ชาติ จนหุ้นร่วง 10% ดิ่งหนักสุดตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหุ้นมา เพิ่งเจอเหตุระเบิดส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เพิ่งเจอปัญหาฝรั่งไม่ happy อย่างหนักจาก พรบ.ธุรกิจคนต่างด้าว เพิ่งเจอข่าวลือข่าวปล่อยรายวันเรื่องระเบิด เรื่องปฏิวัติซ้อนปฏิวัติซ้ำ ตลอดเวลา และโบรกฯขนาดใหญ่ อย่าง CitiGroup และ PHATRA ก็แนะ Cut loss Thailand ชวนย้ายการลงทุนไป Taiwan หรือ ประเทศอื่นแทน เพราะ Thailand วุ่นวายไร้ขีดจำกัด …. ตอนนั้น คนที่มองว่า ยังไงก็ต้องลง ลงแน่ๆ แย่แน่ๆ มันลากมาออกของ โถ รายย่อยกลัวตกรถ ในที่สุดก็ต้องกลับมาซื้อตอนราคาสูงๆ ใช่ไหมครับ …. ตอนนั้น คนที่มองว่า ยังไงก็ต้องลง ลงแน่ๆ แย่แน่ๆ มันลากมาออกของ โถ รายย่อยกลัวตกรถ ในที่สุดก็ต้องตัดขาดทุนใน Futures Positions ไปกว่า 50-100 จุด ใช่ไหมครับ … ทำไม ต้องเสียหายขนาดนั้นด้วยอ่ะ ไม่เชื่อว่าขึ้น ก็ไม่ควรต้องเสีย นี่คับ

เราคิดเองเออเอง แล้วคิดว่า ตัวเองเก่ง วิเคราะห์ถูกวิเคราะห์แม่น จนเราลืมไปว่า ต่างชาติหรือกองทุน ที่เขาคิดได้ก่อนเรา และขายหุ้น short หุ้นหรือ short ฟิวเจอร์มาก่อนเราตั้งนานแล้ว เขาก็อยาก cover หุ้น หรือ อยาก offset Futures Positions แล้วเหมือนกัน เพื่อล็อคกำไร ในช่วง ขาลง รวมทั้ง เหล่า Contrarian เขาก็คิดอีกอย่างหนึ่ง ไม่งั้นจะกินเงินใครล่ะ ใน zero-sum game … ในตลาดฟิวเจอร์ ขาดทุนของสัญญานึง จะถูกแปรไปเป็น กำไรของอีกสัญญานึงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ถ้ามวลชน long ก็จะมีฝ่ายตรงข้ามมา short, ถ้ามวลชน short ก็จะมีฝ่ายตรงข้ามมา long, ถ้ามวลชนซื้อหรือขายหุ้น ก็จะมีฝ่ายตรงข้ามมาขายหรือซื้อ ไม่งั้น จะไม่ matched ….. ฝ่ายตรงข้าม เขาไม่ได้โง่นะคับ ถ้าเรามองภาพออก แล้วเขาจะมองไม่ออกหรอ แล้วถ้าเขามองออก ทำไมเขาทำตรงข้ามกับเรา?

ตลาดหุ้น ตลาดฟิวเจอร์ เดินด้วย Fund Flow ……… ต่างชาติและกองทุนคิดยังไง เขาก็แสดงออกผ่าน Fund Flow และ Fund Flow ก็จะทิ้งร่องรอยไว้ใน Technical Charts แล้วผมเป็นใครหรือคับ ที่จะไปหาญกล้าทำเก่ง วิเคราะห์นั่นวิเคราะห์นี่ เพราะผู้เล่นในเกมนี้ มีหลากหลายมากราย ทั้งไทย เอเชีย ยุโรป สหรัฐ ……… กองทุนทั้งไทยและเทศ กว่าจะอัดทางขึ้นหรือทางลง แต่ละครั้ง เขาก็คิดและวางแผนแล้วนะคับ กว่าจะลงเงินเป็นร้อยล้านพันล้านในตลาด คนด้อยสติปัญญาอย่างผม จึงทำได้แค่เพียง เกาะเขาไป แล้วขโมยเงินเขาออกมา …. เข้าสนามรบ อย่ากางตำราบ่อย เดี๋ยวโดนยิง

ย้ำ ไม่ได้มองว่าหุ้นจะกลับตัวนะคับ แค่อยากจะบอกว่า หุ้นเป็นอนัตตา ตามแต่ละเหตุแต่ละปัจจัย ที่เข้ามาในแต่ละขณะจิต ไม่สามารถปักธงได้ว่าต้อง 1000 จุด หรือ 600 จุด เพราะตลาดหุ้นมีชีวิต ไม่ใช่ภาพนิ่ง ปัจจัยรอบโลกในแต่ละวันคืน ส่งผลต่อตลาดได้ตลอด ดังนั้น ถ้าไม่แสวงกำไร ก็อย่าหาเรื่องขาดทุน เล่นฝืน Fund Flow

จริงๆ รอบนี้ ผมก็มองไปถึง 680-690 เลยนะ แต่ในเมื่อเรามองว่าลง แล้วมันไม่ลง แถมต่างชาติทยอยปิด Short Positions ด้วย อีกทั้ง SET ยืนเหนือเส้น 5 วันได้ด้วย และ RSI เกิด Bullish divergence ด้วย แสดงว่า ฝั่งตรงข้าม คิดต่างแล้ว ........... แทนที่จะถือ short รอไปเรื่อยๆ กว่าจะจบรีบาวน์ แล้วลงมาหาเรา ตามนัด เราอาจจะต้องเติมเงิน margin มากมาย ..... ทำไม ไม่ lock กำไรออกมาก่อนล่ะคับ แล้วเกาะ Flow เขาไปตามสถานการณ์แบบ Real-time และถ้าผิดทาง เสียหายเล็กน้อย ก็ยังกลับฝั่งทันอยู่ดี ..... เสียให้น้อย ได้ให้มาก กลับฝั่งให้ทัน ตัดสินใจให้ไว จะช่วยได้มากคับ และ ข้อสำคัญ อย่าไปรวมกลุ่ม อยู่รวมกับมวลชน เดี๋ยวโดนประหารหมู่

อ่ะ เมลล์มาด่าได้เลย

ด้วยความปรารถนาดี รักนะ จุ๊บๆ …. ThaiDayTrade Team




 

Create Date : 12 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 12 กรกฎาคม 2551 11:25:17 น.
Counter : 793 Pageviews.  

Congratulations on your dream job, น้อง Chess. Chase Your Dream - Own Your Life .. Right Now

Subject: ขอแสดงความยินดีกับน้อง Chess ในโอกาส ที่จะได้ไปทำงาน ที่ท้าทาย ด้าน Proprietary Trading

เดือน มกราคม 2550 เว็บไซด์ ThaiDayTrade.com ได้คลอดออกมา โดยมี ป๋าบุญ และ พี่เผดิมภพ สนับสนุนเครื่องไม้เครื่องมือ + มีพันธมิตรจากหลายแหล่ง อาทิ บริษัท Info Quest, บริษัท IQ Stock, บริษัท IRS, บริษัท SWOT Advisory Services, กลุ่มเทรดเดอร์มือโปร ในนามของ Mr. FollowBuy, คณะผู้จัดการกองทุน จากหลายที่, คุณโอ๊ต จาก ASL, คุณพี่ enjoylife จากเพชรบูรณ์ ที่เอื้อเฟื้อ สนับสนุน ด้านข้อมูล + มี SuperThoo และ น้อง Chess อาสามาทำงานฟรี ให้กับเว็บไซด์ ด้วยใจรัก ตั้งแต่แรกคลอด .....

1 ปี 4 เดือน ผ่านไป ไวเหมือนโกหก เว็บไซด์ มีสมาชิกเกือบ 4,000 ท่าน และมี visitors หมุนเวียนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซด์ เกือบ 1 ล้านครั้ง มีบริษัทขนาดใหญ่ 7-8 ราย ให้เกียรติ เสนอตนมาเป็นสปอนเซอร์ และขอเช่าพื้นที่ เพื่อโฆษณาหน้าเว็บ (แต่ทีมงาน เช็ดน้ำลาย ตอบปฏิเสธไป เพื่อให้เป็นไป ตามนโยบายการดำเนินการ เว็บไซด์) .... เบื้องหลังการเติบโต เกิดจาก การให้การต้อนรับ ของสมาชิกทุกท่าน เกิดจากการแนะนำบอกต่อ และที่สำคัญมาก ขาดไม่ได้ ก็มาจากความทุ่มเท เสียสละทำงานอุทิศตน ของ SuperThoo และ น้อง Chess รวมทั้ง เพื่อนๆมากมายหลายท่าน ที่ active อยู่ที่หน้าเว็บ คอยให้ข่าวสารข้อมูล แบบ real-time ตลอดเวลา ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก กับชาวหุ้นชาวฟิวเจอร์

น้อง Chess เพิ่งเซ็นต์สัญญา กับบริษัทเพื่อการลงทุนแห่งหนึ่ง เพื่อไปผจญภัย กับการท้าทายที่เพิ่มขึ้น ในงาน Proprietary Trading (เทรดหุ้น และ ฟิวเจอร์ ให้กับบริษัท) และในช่วงต้น อาจจะห่างหายจากพวกเราไปบ้าง เพื่อมุ่งเทรด ตั้งสมาธิ ให้กับงานใหม่ .... และในอนาคต 1-2 ปีข้างหน้า SuperThoo ผู้ร่วมก่อตั้ง และ มือโปรเทรดดิ้ง ก็อาจต้องไปทำงาน ให้กับกองทุนข้ามชาติ เช่นกัน

ตอนเว็บไซด์ ThaiDayTrade คลอดออกมา น้อง Chess กระตือรือร้นมาก ที่อยากจะทำงาน ให้กับสังคมชาวหุ้นชาวฟิวเจอร์ ทั้งๆที่น้อง Chess ก็ทราบดีอยู่แล้วว่า เว็บไซด์นี้ ไม่มีนโยบายหาเงิน เข้าเว็บไซด์ แต่อย่างใด ตลอดเวลา ตั้งแต่เว็บไซด์ถือกำเนิดมา น้อง Chess เสียสละและอุทิศตน ให้กับเว็บไซด์อย่างมาก ในการให้ข้อมูล real-time ที่เป็นประโยชน์ ต่อการเทรด รวมทั้งเขียนบทความไว้หลาย articles และผมก็เห็นพัฒนาการ ที่ก้าวกระโดด ของน้อง Chess อย่างต่อเนื่อง ตลอด 4 ปีกว่า ที่ทำงานด้วยกันมา ที่ BLS ......... พัฒนาการด้านความรู้ความสามารถ และ ฝีมือการเทรดเชิงกลยุทธ์ ของน้อง Chess โดดเด่น เป็นที่ประจักษ์ ในสายตาของเพื่อนร่วมงาน ...... รู้สึกเสียดาย ที่มือดี ต้องอำลา จาก BLS ไป ........ แต่ถึงจะไกลสายตา ก็เชื่อว่า ใจของน้อง Chess ยังคงจะวนเวียน อยู่กับ ThaiDayTrade ตลอดไป เพราะ ThaiDayTrade.com, น้อง Chess มีส่วนสำคัญมากในการสร้างมันขึ้นมา อาจกล่าวได้ว่า ถ้าไม่มีน้อง Chess, ThaiDayTrade ก็คงไม่มีวันนี้

วันนี้ น้อง Chess ได้ไต่ไปสู่ความท้าทาย อย่างที่ใฝ่ฝัน ผมก็อยากเห็นทุกท่าน มีความหวังความฝัน และบรรลุฝันของทุกท่านเช่นกันคับ ....... ตอนเข้าสู่ตลาดหุ้นตลาดฟิวเจอร์ใหม่ๆ ทุกท่านก็ ล้วนมีความหวัง ความฝัน .... ฝันของท่าน อาจจะเป็นไป เพื่อเกษียณก่อนกำหนด เพื่อขึ้นแท่นเศรษฐีวัยเยาว์ เพื่อสร้างครอบครัวที่มั่นคง เพื่อให้เงินงอกเงยโตทันเจ้าตัวเล็ก ที่อีกไม่กี่ปี จะต้องไปเรียนต่อในต่างประเทศ เพื่อให้เงินบำนาญเพิ่มพูนขึ้น ในวัยเกษียณ เพื่อมีรายได้ประจำจากเงินปันผล มาชดเชยดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ที่ต่ำเกินไป ฯลฯ

แต่หลายท่านกลับละทิ้งความฝันไปอย่างง่ายดาย ตั้งแต่ยกแรกๆ เมื่อเผชิญกับ ขาดทุน แล้วก็หาเหตุผลต่างๆ มาอธิบายว่า ทำไม ท่านจึงไม่เหมาะที่จะอยู่ในตลาดฯ จนลืมไปว่า กว่าท่านจะเติบโต จนกระทั่งจบการศึกษา จนกระทั่งทำงาน และมีเงินมาซื้อขายหุ้นและฟิวเจอร์ มันยากเย็น และ ผ่านการขาดทุน มามาก กว่านั้นเยอะ

งานที่ท่านทำอยู่ เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินเดือนที่ต่ำกว่า Fair Value ของท่าน เกิดจากการ "ลงทุน" ในการศึกษาหาความรู้ มาเป็นระยะเวลายาวนาน กว่าจะจบปริญญาตรี ก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 15 ปี ลงทุนรวม เป็นล้านบาท แถมบริหารความเสี่ยง จากการเรียนต่อ และ การทำงาน ได้จำกัดอีกด้วย เพียงเพื่อมาเริ่มต้นรับปันผลหลักหมื่น! ......... วันนี้ ท่านเข้ามาทำงาน ในสิ่งที่คนทั่วๆไป ไม่สามารถ มาทำหน้าที่แทนท่านได้ หากเขาเหล่านั้น ไม่ได้ศึกษาและมีประสบการณ์การทำงาน เทียบเท่าท่าน งานที่ท่านทำอยู่ จึงต้องใช้ความสามารถและประสบการณ์สั่งสมมากกว่า โดยที่ท่านเอง ก็ยังคงได้รับเงินเดือนแบบ undervalued แม้ศักยภาพของท่าน จะมากกว่านั้นเยอะก็ตาม

ธุรกิจที่ท่านทำอยู่ เพื่อให้มีรายได้สูงกว่าต้นทุนและค่าใช้จ่าย กลับยิ่งยากกว่า ในการที่จะคงความสามารถ ในการทำกำไร ให้เติบโตต่อเนื่อง อย่างยั่งยืน ขณะที่ธุรกิจของท่านยิ่งโต ก็ยิ่งเหนื่อย ยิ่งกังวล เวลาที่ท่าน จะให้กับครอบครัว ยิ่งกลับน้อยลงเรื่อยๆ

จริงๆแล้ว การเทรดหุ้นหรือฟิวเจอร์ ก็คือการค้าขาย โดยไม่จำเป็นต้องมี อาคาร สำนักงาน ท่านสามารถเพิ่มเงิน และ มีเวลาให้กับครอบครัวได้ งานค้าหุ้นหรือฟิวเจอร์ ง่ายกว่างานที่ท่านทำอยู่มากคับ ไม่ต้องใช้ปริญญา ไม่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทาง เพียงท่านศึกษา วิเคราะห์ สินค้า เพื่อซื้อไว้รอขาย พร้อมกำหนดระดับความเสี่ยง ที่ท่านยอมรับได้ เท่านั้น .... นอกจากนี้ ท่านยังสามารถ ขายสินค้า เลิกกิจการ กำเงินสดได้ทุกเมื่อด้วย เมื่อแนวโน้มตลาด หรือ อุตสาหกรรมนั้นๆ ย่ำแย่ลง

หากความหวังความฝันของท่านยังอยู่ ท่านจะมุมานะ ในการค้นหา ว่า อะไรคือจุดอ่อน ข้อผิดพลาด ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ของท่าน อะไรคือจุดก้าวข้าม หรือ key success factors ของพ่อค้าหุ้น หรือ ฟิวเจอร์ ที่ทำให้เขาเหล่านั้น สามารถพัฒนาตน ขึ้นมาเป็นพ่อค้ารายใหญ่ ในตลาดฯ ได้อย่างโดดเด่น ท่ามกลางมวลชน และอะไรคือหลุมพรางที่ผู้ค้ารายอื่น ขุดดักรอไว้ เพื่อให้ท่านปิดกิจการ ถอนตัวออกไปจากการแข่งขัน .....

ตราบใด ที่ ความหวังความฝันยังอยู่ ท่านจะเดินไปยังสิ่งที่ท่านหวังได้เสมอ ต่างกันเพียง ความเร็วหรือความช้าเท่านั้น ในการเข้าสู่เส้นชัย .... ในเส้นทางของความหวังความฝัน ไม่มีผู้ล้มเหลวคับ มีแต่ผู้ล้มเลิก

ข้อสำคัญ มองเข้าไปในกระจก แล้วอย่าให้คนๆนั้น มาขโมยความฝัน ของท่านไป ในเส้นทางของความหวังความฝัน ไม่มีใครล้มเหลว มีแต่คนที่ล้มเลิกไปก่อนเท่านั้น

ก็ถือโอกาสนี้ ร่วมชื่นชมและเป็นกำลังใจให้ น้อง Chess ประสบความสำเร็จ เต็มศักยภาพ ในงานบริหารพอร์ต ด้วยคับ เขาจะเป็น Outstanding Proprietary Traders ระดับแนวหน้าของเมืองไทย ........... คอยติดตามตอนต่อไป

//www.ThaiDayTrade.com




 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 14 มิถุนายน 2551 16:53:09 น.
Counter : 669 Pageviews.  

Trade like a Pro: วาทะเซียนหุ้น

ทำไม คนกลุ่มเล็กส่วนหนึ่ง ถึงมีความมั่งคั่งเพิ่มพูนขึ้นมาได้ ในขณะที่ มือใหม่มากราย กลับผิดหวังในตลาดหุ้น …………. กว่า 4 ปี ที่ทีมงานของ ThaiDayTrade.com ได้มีโอกาสพูดคุย สัมภาษณ์ และสังเกตสไตล์การเทรดที่แตกต่าง ของเซียนหุ้นหลายท่าน รวมทั้งได้ทำการรวบรวม วาทะเซียนหุ้นทั้งหลาย ที่เป็นเสมือนครูบาอาจารย์ มาจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ พบว่า แนวคิดเหล่านั้นไม่ได้ซับซ้อน แต่เป็นเสมือน เส้นผมบังภูเขา การยึดมั่นในราคา-กำไร-ขาดทุน ทำให้ผู้ที่ยึดติด เสียหายบานปลายตลอดมา

เพื่อให้สมเจตนารมณ์ของครูบาอาจารย์ และ เพื่อส่งเสริมความรู้ภาคปฏิบัติ ให้สังคมรายย่อยมีรากฐานแนวคิดที่แข็งแกร่ง ทีมงานจึงขอนำวาทะเซียนหุ้น ที่ถ่ายทอด ถอดมาจากประสบการณ์จริง มาเผยแพร่ ไว้ ณ ที่นี้ ……….. หากท่านเห็นว่า เป็นประโยชน์ ท่านสามารถสนับสนุน “กรุงเทพธุรกิจ” หนังสือพิมพ์ดี มีคุณภาพ ด้วยการบอกรับเป็นสมาชิก เพื่อเป็นกำลังใจ ให้กับคนทำงาน

****************************************

Learn How to Trade like a Pro: วาทะเซียนหุ้น

เสี่ยแตงโม: ไม่ซื้อดักรอ กลัวรอดักดาน หากมีสัญญาณซื้อ จะใช้สูตร 5-3-2

เริ่มจาก คุณ สมเกียรติ วงศ์คุณทรัพย์ หรือ "เสี่ยแตงโม" เซียนหุ้น หาดใหญ่ จาก ช่างตัดผม ผู้เริ่มต้นด้วยเงินลงทุน 8 หมื่นบาท และในระยะแรก เล่นหุ้นจนเหลือเงิน เพียง 3 หมื่น แล้วขอเงินแม่มาเพิ่มทุนอีก 5 หมื่น จนปัจจุบัน ท่านได้ขึ้นแท่นรายใหญ่พันล้านแห่งวงการหุ้นไทย เจ้าของวาทะ “เล่นหุ้นให้ได้กำไรชัวร์ๆ ต้องซื้อที่ "New High"

(ที่มา: เปิดตัว "เสี่ยแตงโม" เซียนหุ้น "หาดใหญ่" จาก "ช่างตัดผม" ผันสู่.. นักลงทุน "พันล้าน" ...... bangkokbiznews.com 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2550)

“แต่ก่อนผมมักจะเข้าไปซื้อหุ้นก่อนแนวโน้มเสมอ เพราะเราคาดว่า ราคามันจะต้องผ่าน New High แน่ๆ ...แต่ปรากฏหลายครั้งว่ามันไม่จริง จากบทเรียนครั้งนั้น ผมจึงไม่พูดพร่ำฮัมเพลง ขอเข้าไปซื้อที่ New High สถานเดียว...เพราะมีคติว่า ของดีต้องแพงที่สุด!!"

" ผมจะซื้อสูตร 5-3-2 จะซื้อ 3 ครั้ง ซื้อครั้งแรก 50% ถ้ามันขึ้นซื้ออีก 30% ถ้าขึ้นอีกซื้ออีก 20% แต่ถ้าซื้อแล้วมันลง จะหยุดซื้อทันที แล้วผมจะรอดู”

”ถ้าซื้อแล้วมีคนขาย แล้วออเดอร์ของผมไม่สามารถทำให้ราคาหุ้นขึ้นไปได้ แสดงว่าผมเจอ (ตอ) ผู้ที่อยากขายใหญ่กว่าเรา ผมจะถอยทันที ขายทิ้งทุกราคา”

"ผมถือคติว่า...น้ำกำลังเชี่ยว อย่าเอาเรือไปขวาง จำไว้เวลาหุ้นขาลง แม้ขายขาดทุนก็ต้องขาย ต้องยอมเสีย Civic ไปหนึ่งคัน...ไม่งั้น Mercedes-Benz คุณหาย!!

****************************************

เอกยุทธ อัญชัญบุตร: ช่วงหุ้นขาขึ้นผมกล้าไล่ซื้อ แต่หากลง ผมเลิก ขายทุกราคา

คุณ เอกยุทธ อัญชันบุตร หรือ "จอร์จ ตัน" ประธานเครือโอเรียนเต็ลมาร์ท เซียนหุ้น พันล้าน ผู้เชี่ยวชาญตลาดการเงินระหว่างประเทศ ก็ให้ข้อคิดจากประสบการณ์ตรงที่น่าสนใจครับ

(ที่มา: ชั่วโมงเซียน: "จอร์จ ตัน" เซียนเหนือเซียน ...... bangkokbiznews.com 24 กันยายน พ.ศ. 2547)

”ผมจะให้น้ำหนักกับ "วอลุ่ม" มากกว่าสัญญาณทุกอย่าง หุ้นไม่มีวอลุ่มผมไม่เล่น ผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับเทคนิค"

"ช่วงที่หุ้นกำไรดี ราคากำลังขึ้น ผมจะไล่ราคาตลอด”

"แต่เมื่อใดที่มันเริ่มหันหัวกลับ...ผมเลิก ทุกราคาผมขายหมดจะไม่รอ และไม่เสียดายเงิน 5 สตางค์ 10 สตางค์ ทุกช่องที่มีอยู่จะโยน (ขาย) ทิ้งหมดเลย"

"ผมว่ามันเพ้อเจ้อ" หรือพวกที่ชอบซื้อหุ้น "ถัวเฉลี่ยต้นทุน"

”เล่นหุ้นขาลงซื้อถัวเฉลี่ยไม่ได้...ต้อง Cut Loss ทิ้งอย่างเดียว”

****************************************

เสี่ยไฮ้ส้มตำ: ตัวไหนขึ้น ผมซื้อเต็มพอร์ตแล้วถือยาว 4-5เดือน ตัวไหนซื้อแล้วลง 2-3% ผมไปแล้ว

คุณ ธนกฤต เลิศผาติ หรือ ไฮ้ส้มตำ พ่อค้าส้มตำ เจ้าของร้าน “ไฮ้ ส้มตำคอนแวนต์” ผู้นำกำไร 1 แสนบาท จากการขายส้มตำ มาเป็นทุนประเดิม ในการซื้อขายหุ้นเมื่อปี 2542 จนปัจจุบัน หากตลาดหุ้นดี จะซื้อขายวันละ 30-40 ล้านบาท ท่านก็มีวิธีคิดที่น่าสนใจมากครับ

(ที่มา: วาทะเด็ด...จาก "7 เซียนตัวจริง"...... bangkokbiznews.com 26 มกราคม พ.ศ. 2550)

“ทุกเย็นผมจะต้องดูกราฟว่าตัวไหนมีสัญญาณการสะสม และพื้นฐานของหุ้นเป็นยังไง เสร็จจากนั้น จึงมามองภาวะตลาดโดยรวม ในช่วงนั้นว่าเอื้อต่อการขึ้นของหุ้นตัวนี้หรือไม่ ถ้าทุกอย่างเข้าล็อก จึงเริ่มเข้าไปสะสมหุ้นกับเขา ถ้ามั่นใจจะซื้อทีเดียว 70% แล้วรอ 2-3 วัน ...ถ้าหุ้นไม่ขึ้น ผมจะหยุดไว้ก่อน แต่ยังไม่ขาย แต่ถ้าขึ้นก็จะซื้อเข้ามาจนเต็มพอร์ต หรือถ้าซื้อแล้วราคามันปักลงเอาแค่ 2-3% ผมก็ไปแล้ว ไม่ต้องรอให้ขาดทุนกว่านี้”

“ส่วนใหญ่จะถือหุ้นไม่นาน หากหุ้นตัวใดยังมีแนวโน้มสดใสอาจจะถือประมาณ 4-5 เดือน แต่หากเป็นหุ้นรายเล็กหรือรายใหม่จะซื้อมาแล้วขายไปมากกว่า ส่วนใหญ่จะถือเพียง 1 วันหรือไม่ก็ซื้อตอนเช้าแล้วเย็นเทขาย เนื่องจากหุ้นรายเล็กยังใหม่และยังไม่มีความแน่นอนมีความเสี่ยงสูง”

****************************************

เสี่ยป๋อง: บนสวรรค์มีไม่รู้กี่ชั้น ถึงคนว่าแพงแล้ว ถ้าไปต่อผมก็กล้าซื้อ แต่เวลาลงนรกก็มีไม่รู้กี่ขุมเหมือนกัน

คุณ วัชระ แก้วสว่าง หรือ เสี่ยป๋อง นักลงทุนรายใหญ่ระดับพันล้านอีกท่านหนึ่ง ที่คนในวงการต่างยอมรับว่าเป็นอาจารย์ใหญ่

(ที่มา: วาทะเด็ด...จาก "7 เซียนตัวจริง"...... bangkokbiznews.com 26 มกราคม พ.ศ. 2550)

“สำหรับผม ถ้าจะซื้อหุ้น...ต้องดูทรง (กราฟ) ด้วย แม้ราคาจะขึ้นมาแล้ว 30% ถ้ายังพอไปต่อไหว...ก็เล่น ผมถือว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า บนสวรรค์มีไม่รู้ตั้งกี่ชั้น แต่เวลาลงนรกก็มีไม่รู้ตั้งกี่ขุมเช่นกัน จะไม่มีคำว่าถูก ว่าแพงในตลาดหุ้น"

“ยกตัวอย่างหุ้น KK ตอนนั้นราคา 1 บาท เจ้าของหุ้นเทขายก็มีให้เห็น แต่จากนั้นไม่นาน หุ้นก็ขึ้นไปที่ 80 บาท และสามารถลงมาที่ระดับ 14 บาท ก็มีให้เห็น ของแบบนี้เราไม่สามารถฟันธงได้ว่าถูกหรือแพง”

****************************************

หมอ ยง: ต้องเล่นหุ้นขาขึ้น หยุดเล่นหุ้นขาลง จำกัดผลขาดทุนให้ไว

สำหรับ ท.พ.ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม หรือ หมอยง แล้ว ถือว่า เป็นแรงบันดาลใจให้ผมเลยครับ คุณหมอเซียนหุ้นพันล้านท่านนี้ เริ่มต้น ในตลาดหุ้นเมื่อปี 2532 ด้วยเงินลงทุน 5 แสนบาท

(ที่มา: //www.bangkokbiznews.com/road/20020603/mar1.shtml)

"ตอนที่เริ่มสตาร์ทผมลงเงินไป 500,000 บาท ตอนนั้นเลือกหุ้นที่คิดว่ามี "ราคาถูก" ผมจะซื้อหุ้นที่ราคาตกลงมามากๆ เลือกหุ้นที่มีพี/อี เรโชต่ำ และซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าพาร์ เพราะเราคิดว่าราคาถูก" คุณหมอเล่าประสบการณ์ให้ฟังครับว่า สิ่งที่คิดว่า "ราคาถูก" และ "ปลอดภัย" เอาเข้าจริง กลับตรงกันข้าม เล่นช่วงแรกเจ๊งมาตลอด จนเหลือเงินอยู่ 180,000 บาท ในที่สุด ได้ข้อสรุปมาว่า “ถ้ามัวแต่ยึดข้อมูลในอดีต สักวันคงหมดตัวแน่!!!"

"หุ้นยิ่งขึ้นต้องยิ่งซื้อ หุ้นยิ่งตกต้องยิ่งขาย" "จงทำตามแนวโน้มตลาด" นี่คือ กฎข้อแรกที่คุณหมอเรียนรู้หลังจากขาดทุนอย่างหนัก

“ผมเห็นคนล้มตายเยอะ ทุกคนที่เจ๊งหุ้นเหมือนกัน คือ ไม่ยอม "Stop Loss" ทำให้ผมเข้าใจว่าถ้าเราจะอยู่ในวงการนี้ได้นาน เราต้องรู้จักวิธีจำกัดความเสี่ยง"

”เล่นหุ้นขาขึ้น หยุดเล่นหุ้นขาลง และต้องชิงตัดขาดทุน เสียแต่เนิ่นๆ ก่อนที่ตัวเลขขาดทุนจะบานปลาย”

****************************************

เสี่ยยักษ์: จากเริ่มต้นหลักล้านรวยหุ้นเป็นพันล้านได้ แต่ต้องเผื่อใจขาดทุนไว้ซัก10% แบบนี้รวยแน่

สำหรับเซียนหุ้นพันล้านท่านนี้ วิชัย วชิรพงศ์ หรือ เสี่ยยักษ์ ผมจะยกพื้นที่จากนี้ไป ให้ท่านแล้วล่ะครับ ผมได้แนวคิดมาจากท่านมาก และมันเวิร์คจริงๆ

(ที่มา: กูรูหุ้นพันล้าน...วิชัย วชิรพงศ์...... bangkokbiznews.com 13 เมษายน – 19 กรกฎาคม 2550)

"คนบ้านนอกที่มีฐานะธรรมดาๆ ยังสามารถเล่นหุ้นรวยเป็นพันล้านได้ ผมเชื่อว่าพวกคุณทุกคน ก็มีโอกาสรวยระดับร้อยล้านได้ทุกคน...อย่าเพิ่งท้อ"

"ถ้าคุณชนะครั้งใหญ่ได้สักครั้ง ชัยชนะต่อๆ มาจะเป็นของคุณ"

“หุ้นจะเป็นขาขึ้น "ราคา" และ "ปริมาณ" จะต้องเคลื่อนไป ในทิศทางเดียวกัน”

"ผมก็ทำตามตำราเป๊ะ ! พอ Black Monday หุ้นตกหนัก เราก็เข้าไปลุยเลย เลือกซื้อแต่หุ้นค่าพี/อี ต่ำๆ สมัยนั้นก็หุ้นแบงก์ทั้งนั้น ซื้อไปแล้วมันก็ไม่ขึ้น ...หุ้นตัวอื่นขึ้น หุ้นเราก็ไม่ขึ้น”

“ประสบการณ์ขาดทุนครั้งแรก เอาเงินมาเล่น 2 ล้านกว่าบาท ขาดทุนไป 5 แสนกว่า นั่งมองคนอื่นกำไร ตัวเองขาดทุน เพราะเล่นแต่หุ้นแบงก์ค่าพี/อี ต่ำๆ สุดท้ายก็รู้ว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล คนส่วนใหญ่เขาไม่คิดเหมือนเรา ในที่สุดก็ตัดสินใจล้างพอร์ต"

"คุณยังไม่มีประสบการณ์เลย คุณต้องขาดทุนก่อน ในชีวิตจริงต้องเป็นอย่างนั้น นักลงทุนมือใหม่ "ขาดทุน" ถือเป็นเรื่องปกติ"

“ถ้าวันหนึ่งคนอื่นทำงาน 8 ชั่วโมง เราต้องทำงาน 10 ชั่วโมง ต้องกลับมา "ชนะ" ให้ได้”

“เราต้องเริ่มต้นจากการยอมรับความผิดพลาดของเราเอง อย่าไปโทษคนอื่น นำกลับมาแก้ไข เชื่อผม! แล้วคุณจะเล่นหุ้นเก่งขึ้น”

"เราต้องพายเรือตามน้ำ อย่าพายเรือทวนน้ำ"

“เราต้องพยายามอ่านหลักจิตวิทยาของตลาดว่า คนอื่นเขาคิดอย่างไร..? กับหุ้นตัวที่เราจะเล่น อย่าพยายาม "คิดเอง-เออเอง" คนเดียว”

"สมมติว่า ขณะนั้น SET กำลัง "นิยม" หุ้นกลุ่มไหน เราก็ต้องจับตา มองหุ้นกลุ่มนั้น เพราะการ "ฝืนกระแส" จะทำให้เรา "เสี่ยงสูง" ที่จะขาดทุน"

“การเล่นหุ้นฝืนทิศทางตลาด เล่นแล้วมันเหนื่อย !!! เหมือนการขึ้นรถผิดคัน ทำไม! รถคันนี้มันถึงไม่ออกจากท่ารถสักที เรารอแล้วรออีก คันนี้ก็ไป คันนั้นก็ไปก่อน”

"หุ้นเวลาเป็น "ขาลง" เราต้องตัดทิ้ง อย่าถือ และอย่าซื้อถัวเฉลี่ย"

“ทุกคนจะมีจังหวะฟ้าลิขิต...ทุกคนต้องเคยได้รับโอกาสนั้น แต่คุณจะตักตวงมัน ได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง”

"วิธีการเล่นหุ้นต่อ 1 รอบ จำไว้เลยนะว่า คุณต้องเตรียม "ขาดทุน" ไว้ 10% ของพอร์ต ของคุณเสมอ...ผมกล้าพูดได้เลยว่า ต่อให้เป็นเซียน เป็นโคตรเซียนแค่ไหนก็ตาม คุณมี 100 ล้าน คุณต้องเตรียมขาดทุนไว้ 10 ล้าน ไว้สำหรับ Cut Loss (ยอมขาดทุน) แน่นอนที่สุด...เชื่อผม!!

****************************************

Source: //www.ThaiDayTrade.com




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2551 0:56:50 น.
Counter : 1581 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

thanapononline
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




Friends' blogs
[Add thanapononline's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.