ขอบคุณที่แวะมาอ่าน และคอมเม้นต์ให้กันนะค๊า http://summerhibiscus.bloggang.com
Group Blog
 
All blogs
 
นโยบายต่างประเทศของเวียดนามหลังปี 1986 กรณีนโยบายของเวียดนามต่อ

หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างจะหนักเล็กน้อย เพราะออกแนววิชาการนะจ๊ะ แต่ว่าควรอ่านค่ะ เพราะเวียดนามเพื่อนบ้านของเรากำลังเป็นที่จับตามอง สมัยนี้ใครๆก้พูดว่าประเทศไทยของเรามีแต่จะถอยหลังลงคลอง ผิดกับเวียดนามที่กำลังจะเป็นเสืออีกตัวใน SEA ยังไงลองอ่านกันดู ถ้ายังไม่หนำใจแนะนำให้ไปหาอ่านเพิ่มเติมนะจ๊า

ธัญญาทิพย์  ศรีพนา.  (2550).  นโยบายต่างประเทศของเวียดนามหลังปี 1986 กรณีนโยบายของเวียดนามต่อไทย.  กรุงเทพฯ: เลคแอนด์ฟาวด์เท่น พริ้นติ้ง.


 ในปัจจุบันทั่วโลกต่างกำลังจับตามอง และให้ความสนใจกับประเทศเวียดนามเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็ว หลายประเทศต้องการเข้าไปลงทุนในเวียดนาม เพราะแรงงานถูก และอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศทั้งหลายที่ต้องการจะดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูต และทางเศรษฐกิจกับประเทศเวียดนาม
 เวียดนามเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกับการทำสงครามตลอดตั้งแต่หนึ่งพันปีมาแล้ว เริ่มตั้งแต่การตกเป็นอาณานิคมของจักรวรรดินิยมจีน  จักรวรรดินิยมฝรั่งเศส การรุกรานจากญี่ปุ่น และสุดท้ายการทำสงครามต่อต้านสหรัฐอเมริกา ในท้ายที่สุด ชาวเวียดนามก็สามารถปลดแอกชนชาติตนเองจากจักรวรรดินิยมทั้งหลายลงได้
นโยบายต่างประเทศของเวียดนามในอดีตแตกต่างจากปัจจุบันเป็นอย่างมาก ในช่วงสงครามต่อต้านฝรั่งเศส เรื่อยมาจนถึงสงครามต่อต้านอเมริกา กล่าวได้ว่าเวียดนามยังคงยึดติดกับอุดมการณ์คอมมิวนิสต์อย่างเหนียวแน่น จนกระทั่งภายหลัง ค.ศ. 1986 ภายใต้การปฏิรูปนโยบายทางเศรษฐกิจที่มีความเป็นเสรีมากขึ้น หรือเรียกว่า นโยบายโด่ยเหมย การกำหนดทิศทางด้านต่างประเทศของเวียดนามก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน
ในหนังสือเล่มนี้ผู้วิจัยต้องการศึกษาถึงนโยบายการต่างประเทศของเวียดนามที่มีต่อไทย ว่ามีความเป็นมา และมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไร อาจกล่าวได้ว่านโยบายต่างประเทศของไทย ส่งผลโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงท่าทีและ การกำหนดนโยบายต่างประเทศของเวียดนาม ดังเช่น เมื่อย้อนไปในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ในขณะนั้นประเทศไทยมีนโยบายในการต่อต้านคอมมิวนิสต์อย่างชัดเจน ความสัมพันธ์ของไทย และเวียดนามในขณะนั้นจึงอยู่บนพื้นฐานของความไม่ไว้วางใจ และความเกลียดชังซึ่งกันและกัน ความเป็นปฏิปักษ์จากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้หยั่งรากไปสู่ความรู้สึกเกลียดชังกันเป็นระยะเวลายาวนาน และเป็นอุปสรรคต่อการปรับความสัมพันธ์ระหว่างกันในช่วงแรกๆของการดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจของเวียดนามในช่วงปลาย ค.ศ. 1980 ถึงต้น ค.ศ. 1990 อีกด้วย 
ภายหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และการปฏิรูปเศรษฐกิจจีนของเติ้งเสี่ยวผิง ส่งผลกระทบให้เวียดนามไม่สามารถที่จะดำเนินระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมโดดเดี่ยวได้อีกต่อไป ดังนั้นนโยบายต่างประเทศของเวียดนามต่อไทยก็มีการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์โลกด้วยเช่นกัน เหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลให้เกิดความกระตือรือร้นให้เวียดนามต้องการปรับความสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศกับไทยคือ การประกาศนโยบายแปรสนามรบให้เป็นตลาดการค้า ของพลเอกชาติชาย ชุณหวัณ ซึ่งถือเป็นการประกาศเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยที่จะเปลี่ยนความสัมพันธ์ที่อยู่บนความขัดแย้งไปสู่ความสัมพันธ์บนพื้นฐานของความเป็นมิตรต่อกัน โดยเวียดนามมีจุดมุ่งหมายในการปรับเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศต่อไทยเพื่อให้เกิดผลที่ตามมา อาทิเช่น การได้รับภาพพจน์ให้เป็นประเทศที่รักสันติในสายตาของประชาคมโลก   การเอื้ออำนวยความสะดวกต่อการปฏิรูปเศรษฐกิจของเวียดนาม   การพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับไทยโดยไทยจะเป็นประตูเปิดสู่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้น
 30 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและเวียดนาม (1976-2006) ไทยและเวียดนามต้องผ่านความขัดแย้งมาหลายเหตุการณ์ แต่ในที่สุดความหวาดระแวงซึ่งกันและกันก็ได้เปลี่ยนไปสู่มิตรภาพ และความร่วมมือ เกิดความไว้วางใจ และการพัฒนาความสัมพันธ์ให้อยู่ในระดับที่ดียิ่งขึ้นเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และมีเสถียรภาพที่มั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สืบไป






Free TextEditor


Create Date : 06 มิถุนายน 2552
Last Update : 6 มิถุนายน 2552 22:08:33 น. 0 comments
Counter : 791 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

*~น.ส.ชบา หน้าร้อน~*
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ไม่อนุญาติให้คัดลอกข้อความใดๆ จากบล็อคนี้โดยไม่ได้รับอนุญาติจากเจ้าของบล็อคค่ะ
Friends' blogs
[Add *~น.ส.ชบา หน้าร้อน~*'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.