Once upon a time ...
Group Blog
 
All blogs
 
สวาปาล์ม..สิ่งที่ต้องจดจำ

เมื่อตอนต้นปี ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนกับเรื่องน้ำมันขาดแคลนจริงๆ ยังพูดเล่นกับคนโน้น คนนี้ มองโลกในแง่ดี แต่พอเข้ากลางเดือนมกราคม เอ..มันผิดปกติมากๆ คนขายผัดไท อาหารตามสั่ง รอบตัวก็เดือดร้อนกันเป็นแถวๆ รวมถึงตัวเองที่หาซื้อน้ำมันไม่ได้ เห็นคนเข้าแถวซื้อน้ำมันกันตอนห้างเปิด ภาพนั้นมันน่าวิตกอยู่ไม่ใช่น้อย ผ่านมาร่วมเดือน มีคนเอาตัวเลขมายืนยัน มาเรียงลำดับเหตุการณ์ว่าเป็นมายังไง ก็เลยเอามาจารึกให้ได้รำลึกถึงความ 'แมน' และวิธีการจัดการกับปัญหาบ้านเมืองเรา

ข้าวของขยับตัวขึ้นราคา แม้เงินเดือนข้าราชการก็จะปรับขึ้น รัฐบาลเขาว่าเพราะค่าครองชีพมันสูงขึ้นก็ต้องปรับเงินเดือนขึ้น อืม...แล้วคนที่ทำงานเอกชนล่ะ เงินเดือนขึ้นน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ ทำอะไรได้บ้างนอกจากทำใจ

เอาน่า ก็ทำใจจริงๆนะ 'จนได้ไม่เป็นไร แต่อย่าชั่ว' พอจ.ท่านสอนมาอย่างนี้น่ะ

...................

บริหารแบบ "ฝ่ายค้าน" กลยุทธ์แก้ปัญหาน้ำมันปาล์มที่"อ๊อกซ์ฟอร์ด"ไม่เคยสอน

โดย สรกล อดุลยานนท์

(ที่มา คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2554)


ฟัง "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" และ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" ให้สัมภาษณ์เรื่อง "น้ำมันปาล์ม" แล้วต้องนึกอยู่พักหนึ่งว่า 2 คนนี้อยู่ฝ่ายไหน

เป็น "ฝ่ายค้าน"

หรือว่า "รัฐบาล"

การไล่บี้กระทรวงพาณิชย์เรื่อง "น้ำมันปาล์ม" ทั้งแพงและขาดแคลนของ "อภิสิทธิ์-สุเทพ" ครั้งนี้ถือเป็นความเก๋าทางการเมืองอย่างมาก

เพราะสามารถเปลี่ยนเสื้อจาก "ผู้ร้าย" มาเป็น "พระเอก" ในพริบตา

"อภิสิทธิ์" เป็น "นายกรัฐมนตรี" ส่วน "สุเทพ" เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่ดูแลเรื่อง "น้ำมันปาล์ม" โดยตรง

ชาวบ้านเดือดร้อน ต้องเข้าคิวซื้อน้ำมันปาล์ม เขาก็ต้องชี้นิ้วมาที่ "รัฐบาล"

คนยืนข้างหน้าสุด คือ "อภิสิทธิ์"

ถัดมา คือ "สุเทพ"

แต่ใครจะไปนึกว่าเพียงเผลอกะพริบตาแวบเดียว "อภิสิทธิ์-สุเทพ" จะกระโดดผึงเปลี่ยนมายืนฝั่งชาวบ้าน แล้วหันกลับชี้นิ้วไปที่ "พรทิวา นาคาศัย" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ยืนอยู่ลำดับที่ 3

"พรทิวา" ที่ยืนงงๆ อยู่ลำดับที่ 3 ในฝั่งรัฐบาลกลายมาเป็นคนยืนเด่นอยู่หน้าสุดของฝั่ง "ผู้ต้องหา" ทำน้ำมันปาล์มขาดแคลน

"แมน" จริงๆ

ถามว่ากระทรวงพาณิชย์ต้องรับผิดชอบเรื่องการนำเข้าน้ำมันปาล์มใช่หรือไม่

ตอบว่า"ใช่"

ถามว่ามีข่าวเรื่อง"ใต้โต๊ะ" ที่กระทรวงพาณิชย์ไหม

ตอบว่า "มี"

แต่ถ้าถามให้ลึกลงไปอีกว่าปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ปล่อยให้สต๊อคน้ำมันปาล์มในประเทศเหลืออยู่ต่ำมาก การอนุมัติให้นำเข้าแต่ไม่กำหนดเวลา และปล่อยให้ปัญหาบานปลายใหญ่โตขนาดนี้

ใครรับผิดชอบ

ไม่ใช่ผู้นำองค์กรหรือครับ

น้ำมันปาล์มไม่ได้เพิ่งขาดตลาดเพราะสื่อทุกแขนงตีข่าวเรื่องนี้มานานกว่า1 เดือนแล้ว แต่ "ผู้นำ" ยังสั่งการอยู่ในห้องแอร์ ไม่เคยมาไล่ปัญหาแบบนักบริหารจัดการเลย

นักบริหารที่ดีถ้าเกิดปัญหาขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในขั้นตอนไหน

เขาจะเรียกประชุม ไล่งานอย่างละเอียด ถ้าส่วนไหนมีปัญหาก็ส่งคนเข้าไปกำกับดูแลละเอียด กำหนดขั้นตอนและเวลาชัดเจน

อะไรต้องเชือดก็เชือด

แต่ต้องคุยกันเงียบๆ ในห้องก่อน เพราะเป็น "ทีม" เดียวกัน

จากนั้นค่อยออกมาแถลงข่าวถึงวิธีการแก้ปัญหา

แต่ "อภิสิทธิ์-สุเทพ" ใช้วิธีออกมาตะโกนข้างนอก แล้วชี้นิ้วโยนความผิดไปที่ "ลูกน้อง" เลย

แบบนี้ไม่ใช่ "นักบริหาร" ครับ

แต่เป็น "นักการเมือง" ที่คิดเรื่องคะแนนเสียงอย่างเดียว

ทั้งที่ "อภิสิทธิ์-สุเทพ" เป็นคนที่ต้องรับผิดชอบสูงสุดในเรื่องนี้

"อภิสิทธิ์-สุเทพ-พรทิวา" ทำงานร่วมกันมา 2 ปี รู้มือกันอยู่ว่าใครเก่งแค่ไหน สกปรกแค่ไหน ทำงานเป็นแค่ไหน ฯลฯ

ผู้บริหารที่เก่งต้องรู้ว่าจะใช้งานใคร และควรกำกับดูแลอย่างไร

"เก่ง แต่ขี้โกง" จัดการอย่างไร "ไม่เก่ง แต่มีหน้าที่รับผิดชอบ" จะจัดการอย่างไร ฯลฯ

ไม่ใช่พอเกิดปัญหาขึ้นมา ก็โยนให้ลูกน้องคิดและดำเนินการเองทั้งหมด

ถ้าดีก็รับเองคนเดียว

แต่พอผิดพลาดขึ้นมากลับโยนความรับผิดชอบให้ "ลูกน้อง"

ผมไม่เกี่ยว ผมสั่งการไปแล้ว แต่ลูกน้องทำผิดพลาดเอง ฯลฯ

ไล่จับผิด "ลูกน้อง" เหมือนตัวเองเป็น "ฝ่ายค้าน"

บางทีถ้าไม่มีใครสะกิด เขาอาจเผลอยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจ "พรทิวา" ก็ได้

"อภิสิทธิ์-สุเทพ" เป็นรัฐบาลมากว่า 2 ปีแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าวิญญาณ "ฝ่ายค้าน" ยังไม่ออกจากร่างเลยครับ


.................

"เจ๊หน่อย"ฉะ"มาร์ค-สุเทพ"ปั่นราคาปาล์ม

//www.thairath.co.th/content/pol/150697

....................

ใครสวาปาล์ม 3 เดือน 5,000 ล้าน 3 ล็อตใหญ่ ใคร หนอ"พุงกาง"?

ที่สุดรัฐบาลก็ออกมาตรการในการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลน

ด้วยการให้กระทรวงพลังงานนำน้ำมันปาล์มดิบ 15,000 ตัน มากลั่นเป็นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์บรรจุขวดขายลิตรละ 47 บาท โดยรัฐบาลอุดหนุนราคาให้ลิตรละ 9.50 บาท

นอกจากนั้น ยังให้สมาคมโรงกลั่นนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบแยกไขจำนวน 30,000 ตัน โดยให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ควบคุมการนำเข้ามาภายใน 15 วัน ส่วนนี้รัฐบาลชดเชยให้ลิตรละ 5 บาท

รวมๆ รัฐบาลต้องชดเชยให้ 200 ล้านบาท

นี่เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เป็นการแก้ไขปัญหาหลังจากประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก และเป็นการแก้ไขหลังจากที่ "แก๊งสวาปาล์ม" อิ่มหนำสำราญกับน้ำตาของชาวบ้านไปเรียบร้อยแล้ว

ทำให้เกิดคำถามว่า ปัญหาส่อเค้ามาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553 ทำไมไม่ใช้สมองส่วนหน้าในการแก้ไขปัญหา ปล่อยให้ปัญหาเรื้อรัง

เริ่มจากคำถามที่ว่า ทำไมคณะกรรมการนโยบายปาล์มแห่งชาติ ที่มีรองนายกฯสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นประธาน จึงปล่อยให้ปาล์มดิบหมดไปจากสต๊อคโดยไม่คิดแก้ไข

เพราะก่อนหน้านี้มีการกำหนดสต๊อคไว้คร่าวๆ ว่าต้องมีอย่างน้อยราวๆ 200,000 ตัน เพื่อรักษาสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ

หากดูตัวเลขสต๊อคน้ำมันปาล์มในเดือนสิงหาคม 2553 อยู่ที่ 209,659 ตัน ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ

แต่ในเดือนกันยายน ตุลาคม สต๊อคลดลงเรื่อยๆ จนเหลือล่าสุด 98,015 ตัน ในเดือนพฤศจิกายน 2553

ห้วงนั้น มีเสียงติงไปยังคณะกรรมการนโยบายปาล์ม ว่าให้นำเข้าเพื่อมาเสริมสต๊อค เพราะอดีตการนำเข้า 10,000-20,000 ตัน ก็เคยมีการนำเข้ามาแล้ว ถือเป็นเรื่องปกติ

แต่ปรากฏว่าคณะกรรมการนโยบายปาล์มที่มี สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เป็นประธาน ไม่มีการดำเนินการใดๆ ปล่อยให้สต๊อคน้ำมันปาล์มหมดลงไม่เหลือแม้แต่ตันเดียว ในเดือนธันวาคม 2553

นี่คือ "คำถาม" ว่าทำไม รองนายกฯสุเทพถึงปล่อยให้ปาล์มดิบหมดสต๊อค

คำถามต่อมาคือ เมื่อรู้ว่าหมด ทำไมไม่เร่งนำเข้าเพื่อเติมสต๊อคให้เต็ม แต่กลับมีการอนุมัติให้ขึ้นราคาน้ำมันปาล์มจากราคาลิตรละ 36.50 เป็น 47 บาท

พ่อค้ากินส่วนต่างจากการกักตุนทันที ลิตรหรือขวดละ 10 บาท

นั่นคือ "ผลประโยชน์" ล็อตแรกที่แก๊งสวาปาล์มได้รับ

ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบว่าในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2553 มีการรับซื้อปาล์มจากเกษตรกรในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่รัฐบาลประกาศ

กล่าวคือรัฐบาลประกาศราคาขายที่กิโลกรัมละ 11 บาท แต่โรงหีบกลับรับซื้อในราคาแค่ 6 บาท มีส่วนต่างกิโลกรัมละ 5 บาท

เมื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตต่างๆ ราคาที่โรงหีบอยู่ที่ลิตรละ 37.28 บาท แต่เมื่อส่งไปยังโรงกลั่นน้ำมันพืชต้นทุนอยู่ที่ 50 บาท เพราะคิดตามราคาที่รัฐบาลประกาศคือ 11 บาท ไม่ใช่ราคารับซื้อจริงจากเกษตรกรคือ 6 บาท

เมื่อรวมค่ากลั่น 15 บาท ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ต่ำสุด จะอยู่ที่ลิตรละ 65 บาท

ตรงนี้ ว่ากันว่าโรงหีบได้ค่าส่วนต่างมากถึง 12.72-24 บาทต่อลิตร

โรงหีบสำคัญๆ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ สุราษฏร์ธานี ชุมพร กระบี่ เนื่องจากทั้ง 3 จังหวัดมีผลผลิตต่อปีมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ มีโรงหีบ 65-67 แห่ง

ปรากฏว่าโรงหีบเหล่านี้ มีเจ้าของที่ใส่ชื่อไขว้กันไปมาแค่ 10 คนเท่านั้น ซึ่งล้วนเป็นนักการเมือง หรือไม่ก็หัวคะแนนของพรรคการเมืองใหญ่

คำนวณกันคร่าวๆ ในช่วงเดือน 2 เดือน ก่อนจะมีการนำเข้าปาล์มในกลางเดือนมกราคม 2554 จำนวน 30,000 ตัน ผลประโยชน์จาก "ค่าส่วนต่าง" ตรงนี้อยู่ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท

เป็นผลประโยชน์ "ล็อตสอง" ที่แก๊งสวาปาล์มได้รับ

คำถามต่อมาก็คือ เมื่อรู้แนวโน้มว่าปาล์มจะขาดแคลน ทำไมยังปล่อยให้มีการส่งออกน้ำมันปาล์มช่วงปลายปี 2553 มากจนผิดปกติ

แล้วทำไมเอาปาล์มไปผลิตไบโอดีเซลมากถึง 400,000 ตัน ทั้งที่การผลิตไบโอดีเซลมีแต่ขาดทุน และรัฐบาลต้องอุดหนุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท

อีกทั้ง หากดูตัวเลขผลผลิตของปาล์มสดที่ออกมา ในปี 2553 พบว่ามากถึง 8,223,135 ตัน มากกว่าปี 2552 ถึง 60,432 ตัน

ตรงนี้ จึงไม่ใช่เหตุผลที่จะมาบอกว่าทำให้ผลปาล์มดิบขาดตลาด อันเนื่องจากประสบปัญหาอุทกภัยใหญ่

จึงไม่น่าแปลกใจที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จะถูกตั้งคำถามว่า เป็นการ "จงใจ" ทำให้ปาล์มขาดตลาด เพื่อให้

เพื่อนพ้องน้องพี่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์เข้าประเป๋า เพื่อใช้ในการกิจกรรมการเมืองหรือไม่

เป็นการตั้งคำถาม อันเนื่องมาจากสงสัย สงสัยในความจริงใจของรัฐบาลที่มีฐานเสียงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีเกษตรกรชาวสวนปาล์มมากที่สุด

ส่วนการนำเข้า 30,000 ตัน หรือการนำเข้าล็อตใหม่ เป็นแค่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุของรัฐบาล

ถามว่า คนอย่างนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนอย่างรองนายกฯสุเทพ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มแห่งชาติ และเจ้าของสวนปาล์ม คนอย่างอัญชลี วานิช เทพบุตร เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่คุ้นเคยกับเกษตรกรชาวสวนปาล์มมาทั้งชีวิต

รวมทั้งพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีสวนปาล์มเป็นหมื่นๆ ไร่ จะไม่รู้แนวทางการแก้ไขก่อนที่ปัญหาจะลุกลามบานปลายในฐานะคนประชาธิปัตย์เลยหรือ

นี่คือ "คำถาม" ที่ทิ้งท้ายไว้เพื่อรอ "คำตอบ"

( จาก น.ส.พ. มติชน )



Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2554 20:15:06 น. 0 comments
Counter : 501 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

saifan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add saifan's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.